“นายว่าใครเป็คางคก?” ฟู่ซีถามอย่างโกรธเคือง
“ในนี้ก็มีคนทั้งหมดห้าคน ฉันไม่มีทางพูดถึงผู้ช่วยของนายแน่ ๆและก็ไม่มีทางพูดถึงผู้ช่วยของฉันด้วย นายลองบอกมาสิว่าฉันพูดถึงใคร? ” กู้หลานอันเอียงศีรษะแล้วยิ้มและทอดถอนใจว่า “ฟู่ซี ไอคิวนายน่าเป็ห่วงจริงๆ ”
“ไอคิวนายสิน่าเป็ห่วง กู้หลานอันนายอย่ารังแกคนอื่นเกินไปนัก นายนึกจริงๆหรือว่าซุปเปอร์สตาร์เจาอยู่ตรงนี้แล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไรนายน่ะ? ” ฟู่ซีเข้าไปใกล้กู้หลานอันแล้วพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองพร้อมกับพูดข่มขู่เสียงเบา
“ฉันอยากให้นายทำอะไรฉันจริงๆ ฟู่ซี ตอนนี้ชื่อเสียงของนาย ฉาวโฉ่ไปหมดแล้วเพิ่มข่าวฉาวอีกสักข่าว ฉันก็จะได้จัดการตอกตะปูปิดฝาโลงให้นายซะ” กู้หลานอันก็เข้าไปตอบใกล้ๆ หูเขา
“แค่ข่าวเรียกคะแนนความเห็นใจแบบนี้ นายคิดว่าคนพวกนั้นเขาจะเชื่อเหรอ? ” ฟู่ซีหัวเราะ หึหึ ในลำคอ
“แน่นอนว่าไม่เชื่อ ฉะนั้นฉันเลยพกเครื่องบันทึกปากกาติดตัวไว้ตลอด” ฟู่ซีได้ยินแล้วหน้าถอดสี มองกู้หลานอันด้วยดวงตาแดงก่ำ เกลียดจนแทบจะฉีกอกเขา
“เป็อะไรไป ทำไมจู่ๆ ก็มองฉันแบบนี้ รู้สึกกลัวแล้วใช่ไหม? ” กู้หลานอันพูดพลางผลักฟู่ซีออกและปัดๆเสื้อผ้า “ถ้ากลัวก็รีบไปเร็ว ไม่งั้นฉันจะรีบเอาคำข่มขู่ของนายที่ฉันอัดไว้ไปโพสต์บนอินเทอร์เน็ตส่งนายไปยังจุดจบสุดท้ายของเส้นทางในวงการบันเทิง”
“นายแน่มาก! ” ฟู่ซีจ้องเขาอยู่นานมองเจาเยี่ยอย่างไม่เต็มใจแวบหนึ่งก่อนจะสะบัดมือแล้วหมุนตัวกลับออกไป
“กระจอก จู่ๆ ฉันจะไปพกเครื่องบันทึกปากกาแบบไม่มีเหตุทำไมกัน? ฉันกินเยอะเกินแล้วอืดเหรอ [1] ” กู้หลานอันกลอกตาไปที่เขาจากนั้นยิ้มหวานมองเจาเยี่ย เห็นเจาเยี่ยกำลังมองเขาอย่างระอา เลยถามอย่างมึนๆ ว่า “ทำไมเหรอ? ”
“ไม่มีอะไร” เจาเยี่ยกะพริบตาหยุดอยู่เสี้ยววิแล้วพูดว่า “ฉันบอกว่าพวกนายสองคนพูดกันดังขนาดนั้นทำไมยังต้องเข้าใกล้กันขนาดนั้นอีก? ดูละครสายลับาเยอะไปเหรอ? ”
เอ่อ... กู้หลานอันสำลักไปชั่วขณะ ขายหน้าจริงๆ QAQ
หวังเว่ย: ผมไม่รู้จักคนคนนี้
เจาเยี่ยมองเขาแล้วส่ายหัว หมุนตัวแล้วเดินออกไปทางด้านข้าง
“เจาเยี่ยนายจะไปไหน? ” กู้หลานอันตามไปอย่างรวดเร็ว
“กินข้าว” เจาเยี่ยตอบ
“กินข้าว ไปกินที่ไหน? ” กู้หลานอันถามจบก็ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้ตอบพูดต่อว่า “ฉันกำลังพูดกับนายอยู่นะเจาเยี่ย เมื่อกี้ฉันหาในอินเทอร์เน็ตมาเป็พิเศษเลยถนนหนานไหว หมายเลข 11 ละแวกใกล้เคียงนี้มีร้านอาหารตะวันตกชื่อร้านทะเลสาบไบคาลอาหารของทางร้านรสชาติดีมาก พวกเราลองไปกินกันดูไหม”
หวังเว่ย: นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกกันว่าปั้นน้ำเป็ตัว?
“ไม่ล่ะ ตอนที่เหวินเซินเท่อไปซื้อข้าวกล่อง ฉันฝากเขาซื้อแล้วด้วย” เจาเยี่ยพูดปฏิเสธแล้วอธิบายต่อว่า “เดี๋ยวบ่ายโมงครึ่งฉันต้องรีบไปแต่งหน้าที่ชิวซานระยะทางไกลพอสมควร ถ้าไปกินที่อื่นฉันเกรงว่าจะไปที่นั่นไม่ทัน”
“อืม งั้นก็ได้ งั้นฉันกินข้าวกล่องด้วยดีกว่า” กู้หลานอันพูดจบก็ถามหวังเว่ยอีกว่า “นายล่ะหวังเว่ย? ถ้าอยากออกไปกินข้างนอกเดี๋ยวฉันให้นายพักงานครึ่งชั่วโมง”
หวังเว่ย: รู้สึกว่าคุณยังรับรู้ถึงการมีอยู่ของผมอยู่นะ
“ไม่เป็ไรครับ ผมกินข้าวกล่องดีกว่าครับ” หวังเว่ยกล่าว
เหวินเซินเท่อไปซื้อข้าวกล่องของเจาเยี่ยเรียบร้อยจากป้าที่อยู่ฝั่งโน้นและถือกลับมานั่งที่เก้าอี้หินอ่อนพลางเกลี่ยข้าวให้หลี่เสียวเหม่ย
“เหวินเซินเท่อ พอแล้ว ถ้าเยอะกว่านี้ผมกินไม่ไหวแล้วนะ” หลี่เสียวเหม่ยพูดน้ำเสียงหวาดๆ พลางมองอาหารในชามข้าวที่ยิ่งอยู่ยิ่งมากขึ้น
“นายเคยกินไม่ไหวด้วยเหรอ? ” เหวินเซินเท่อมองเขาแล้วหยุดขยับมือ
“นานๆ ทีก็มีบ้างแหละ” หลี่เสียวเหม่ยโต้แย้งเสียงต่ำ
“ฮ่าๆๆ ” เหวินเซินเท่อหัวเราะอย่างอิ่มอกอิ่มใจพอเห็นเจาเยี่ยเดินมาถึงได้หยุด
“พวกคุณกำลังทำอะไร? ป้อนข้าวให้กันและกันอย่างสนิทสนมในที่สาธารณะ” กู้หลานอันทำท่าทางประหลาดใจ
“ไม่ใช่ คือเหวินเซินเท่อกินไม่หมดแล้วไม่อยากทิ้งขว้างดังนั้นเขาจึงแบ่งให้ผมครึ่งหนึ่ง” หลี่เสียวเหม่ยรีบลุกขึ้นมาอธิบาย
“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้น? ” กู้หลานอันยักไหล่
“หลานอัน คุณนั่งรออยู่ตรงนี้นะเดี๋ยวผมจะไปซื้อข้าว คุณอยากกินอะไรล่ะ? ” หวังเว่ยพูดแทรกขึ้นมา
“ผมไปกับคุณด้วยดีกว่า” กู้หลานอันพูดจบก็เดินออกไปเดินได้สองก้าวก็หันกลับมาพูดกับเจาเยี่ยว่า “เจาเยี่ยนายกินไปก่อนเลยนะไม่ต้องรอฉัน”
เจาเยี่ย: ฉันก็ไม่ได้คิดจะรอนี่
“กู้หลานอันก็จะมายืนกินข้าวกล่องตรงนี้ด้วยเหรอ? ” เหวินเซินเท่อยื่นข้าวกล่องให้เจาเยี่ยแล้วถามอย่างประหลาดใจ
“อืม” เจาเยี่ยรับไว้พลางนั่งลงในที่ที่หลี่เสียวเหม่ยรองกระดาษไว้ให้แล้วตอบด้วยเสียงเบาๆ
“ดูไม่ออกเลยด้วยฐานะแบบนี้เขายังมานั่งกินข้าวกล่องพร้อมกับทีมงานอยู่ตรงนี้? เขาเป็คนที่สองเลยที่ฉันเคยเห็น” เหวินเซินเท่ออดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองเขาเล็กน้อย “นิสัยใช้ได้เลย”
“ไม่ใช่นิสัยหรอก” เจาเยี่ยเปิดข้าวกล่องมองไปที่กู้หลานอันเมื่อเดินออกไปก็ถูกทีมงานห้อมล้อมซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็ยังไงบ้างตอนนี้ยกมุมปากเบาๆ แล้วพูดว่า “เขาก็แค่คล้อยตามฉันเท่านั้นแหละ”
“คล้อยตามนาย? เขาคลั่งนายขนาดนั้นเลยเหรอ? ” เหวินเซินเท่อหัวคิ้วผูกเป็ปมตระหนักแล้วว่าเื่ราวมันดูไม่ง่ายเลย
“อาจจะนะ” เจาเยี่ยพูด
ทันทีที่เขาเดินออกไปยังไม่ทันถึงแผงขายข้าวกล่องของป้า เขาก็ถูกห้อมล้อมไว้กู้หลานอันอยากหัวเราะหรือร้องไห้บอกไม่ถูกรีบเซ็นลายเซ็นให้เขาเ่าั้อย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็เบียดตัวออกไปจนถึงหน้าร้านของป้า
“พ่อหนุ่มอยากได้ข้าวกล่องแบบไหนล่ะ? ” คุณป้าถามด้วยความอ่อนโยน
“คนนั้นเขากินแบบไหน ผมก็จะกินแบบนั้นครับ” กู้หลานอันชี้ไปที่เจาเยี่ยแล้วถามหวังเว่ยว่า “คุณอยากได้แบบไหน?”
“ไข่ผัดพริกเหล่ากั้นมาครับ [2] ” หวังเว่ยดูรายการอาหารแล้วตอบ
เขาถือข้าวกล่องวิ่งฝ่าวงล้อมออกมากลับไปถึงเจาเยี่ยก็กินกับข้าวหมดไปแล้ว กู้หลานอันเห็นดังนั้นก็นั่งลงตรงข้างๆเขาแล้วเปิดข้าวกล่อง เขี่ยเนื้อเส้นและมันฝรั่งให้เขาครึ่งหนึ่ง
“ทำอะไรน่ะ? ” เจาเยี่ยถาม
“ให้นายกินไง กับข้าวนายหมดแล้วไม่ใช่เหรอ? พอดีฉันไม่ชอบกินผักพวกนี้ด้วย?” กู้หลานอันเลียริมฝีปากเขาแล้วพูด
“ไม่กินผักพวกนี้ แล้วนายซื้อมาทำไม? ”
“เพราะมันดูดี! ” กู้หลานอันตอบอย่างภาคภูมิใจ “รีบกินตอนกำลังร้อนๆ สิ” เจาเยี่ยมองเขาคำว่าฉันอิ่มแล้วที่จะพูดทำยังไงก็พูดไม่ออก เขาจึงไม่พูดอะไรก้มหน้าก้มตากินต่อ
กู้หลานอันถอนสายตาคืนอย่างพออกพอใจ ยื่นตะเกียบไปคีบเนื้อมาใส่ปากดวงตาเป็ประกาย “หอมมาก” แต่รู้สึกยังไม่หนำใจเขาคีบเนื้อเข้าปากอีกหนึ่งชิ้นกำลังกินอย่างออกรสออกชาติ ก็ได้ยินเสียงเขินอายของเด็กผู้หญิงลอยมาจากด้านหน้า “ซุปเปอร์สตาร์เจา เซ็นลายเซ็นให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ? ฉันชอบหนังที่คุณแสดงมากเลย” เงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถือสมุดปากกายืนอยู่ตรงหน้าเจาเยี่ยใบหน้าแดงระเรื่อไม่สิ ไม่ได้มีแค่คนเดียวเท่านั้น หลังเด็กผู้หญิงยังมีอีกหลายคนเพียงแต่ที่เหลือยืนอยู่ด้านหลัง
“ได้สิ” เจาเยี่ยวางข้าวกล่องลงใช้กระดาษทิชชู่เช็ดปากเสร็จแล้วรับสมุดมา อาจจะเป็เพราะคำพูดให้กำลังใจเจาเยี่ยของเด็กผู้หญิงคนนี้ส่งผลให้หลังจากนั้นคนด้านหลังที่เหลือก็กรูกันเข้ามาอีกกู้หลานอันมองเจาเยี่ยวางอาหารลงด้านข้าง เขาทำหน้ามุ่ยวางของตัวเองลงด้วยในระหว่างที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “ซุปเปอร์สตาร์เจาเซ็นลายเซ็นให้ฉันด้วยได้ไหมคะ? ” กู้หลานอันก็แย่งกระดาษและปากของเธอมาและพูดว่า “ได้” พอพูดจบก็เซ็นลายเซ็นเป็ชื่อของเจาเยี่ยลงไปในกระดาษ
“ฉันอยากได้ของซุปเปอร์...” เด็กผู้หญิงกำลังจะพูดต่อแต่ถูกกู้หลานอันส่งรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มมาให้เธอรับกระดาษลายเซ็นมาอย่างเขินอายแล้วก็วิ่งออกไปดวงตาของกู้หลานอันฉายแววแห่งความภาคภูมิใจ เขาหยิบของคนที่เหลือมาแล้วบอกกับเจาเยี่ยว่า “กินข้าวเร็ว เดี๋ยวเย็นแล้ว”
“งี่เง่าน่า” เจาเยี่ยหัวเราะแล้วดึงกระดาษจากมือเขาที่เซ็นไปแล้วครึ่งหนึ่งมาเซ็นต่อ
เหวินเซินเท่อ หวังเว่ย หลี่เสียวเหม่ย: รู้สึกเหมือนถูกยัดอาหารหมา [3] แบบงงๆ +_+
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] 吃多了撑着 กินอิ่มเกินแล้วรู้สึกอืด ใช้เปรียบเทียบคนที่เอาพลังงานส่วนเกินไปใช้ในที่ที่ไม่ควรใช้หรือที่ที่เหมาะสมและเป็สำนวนที่สามารถใช้พูดตลกกับเพื่อนที่สนิทได้ด้วย
[2] 老干妈 เหล่ากั้นมา เป็ยี่ห้อน้ำมันพริกที่ขึ้นชื่อที่สุดของจีน
[3] 被塞了口狗粮 ถูกยัดอาหารหมา ในพจนานุกรมแปลว่าอาหารหมาแต่บนอินเทอร์เน็ตแปลว่า อาการอิจฉาที่เห็นคนอื่นมีแฟน/เห็นคนรักกันเพราะว่าพวกคนโสดจะถูกเรียกว่า 单身狗 หมาโสดดังนั้นเวลาเห็นคนรักกันก็จะรู้สึกว่าเหมือนถูกป้อนอาหารหมาให้กินเป็ที่มาของศัพท์วัยรุ่นคำนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้