หลินเต๋อเทียน ผู้มีเคราสั้นบนใบหน้า ยืนเอามือไขว้หลังอยู่ตรงประตูบ้าน เมื่อเห็นซูเมิ่งหานก็แปลกใจเล็กน้อย
“เรียกเย่เฟิงออกมา” เขาสั่งโดยไม่ให้โอกาสแม้แต่จะสงสัย
“เขาไม่อยู่ค่ะ คุณมาหาเขาที่นี่มีธุระอะไรหรือคะ?” ซูเมิ่งหานยืนขวางหน้าประตู ดวงตาคู่สวยกวาดมองหลินเต๋อเทียน แน่นอนว่าเธอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็ใคร แต่ยังไม่เข้าใจว่าเมื่อคืนเย่เฟิงออกไปทำอะไร ถึงทำให้คนที่มีชื่อเสียงใหญ่โตแบบนี้มาที่นี่ได้
ถ้าเป็เมื่อก่อนหญิงสาวต้องใมากแน่นอนที่ได้พบหลินเต๋อเทียน แต่ตอนนี้เธอเริ่มต้นวิถีเซียนแล้ว ทำให้โลกทัศน์ของเธอเปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ
“ไม่อยู่เหรอ?” หลินเต๋อเทียนยิ้มเย็น แล้วโบกมือ “เชิญคุณผู้หญิงคนนี้ไปเป็แขกของเรา แล้วฉันจะแจ้งเย่เฟิงให้มาหาเธอเอง”
สิ้นสุดคำพูดแล้ว เขาก็หมุนกายเดินออกไป แน่นอนว่าสมาชิกสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติทั้งสี่คนปฏิบัติตามคำพูดของเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงก้าวเท้าขึ้นไปข้างหน้านเพื่อพาซูเมิ่งหานไปด้วย
“พวกแกจะทำอะไร? จับฉันทำไม?” ซูเมิ่งหานโกรธและพยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุม แต่กลับไม่ช่วยอะไรเลย เมื่อเผชิญหน้ากับสมาชิกสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติทั้งสี่คนโดยตรง แม้แต่เย่เฟิงก็ใช่ว่าจะรับมือได้ง่าย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่เพิ่งเริ่มต้นวิถีเซียนอย่างเธอ วิชาเซียนก็ยังไม่เคยเรียนและกำลังในการต่อสู้ก็แทบไม่มีเลย
“ขออภัยด้วยครับ พวกเราแค่ทำตามคำสั่ง คุณผู้หญิงอย่าทำให้พวกผมลำบากใจเลย ไม่เช่นนั้นคงต้องใช้กำลังพาตัวคุณไป” หนึ่งในเ้าหน้าที่ซึ่งสวมหน้ากากปิดตาอิเล็กทรอนิกส์กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“จะพาฉันไปไหน?” ซูเมิ่งหานถามด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคำสั่งท่านผู้นำครับ” สมาชิกในทีมตอบคำถามพลางมองหน้ากัน รู้สึกว่ามันช่างยุ่งยากเหลือเกิน
ซูเมิ่งหานถูกสันมือฟาดท้ายทอยเสียงดัง ตรงตามตำแหน่งพอดี ทำให้เธอหมดสติ จากนั้นถูกพาตัวขึ้นรถบรรทุกทหารเพื่อส่งไปคฤหาสน์ในเขตชางผิงซึ่งเป็ที่ตั้งของตระกูลหลินแห่งเมืองเยี่ยนจริง
อีกด้านหนึ่ง หลินเต๋อเทียนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายตามหมายเลขโทรศัพท์ของเย่เฟิงที่สืบมาก่อนหน้านี้
............
เย่เฟิงอยู่ที่ทะเลสาบเว่ยิในมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิง กำลังเตรียมพร้อมรวบรวมหยินเสินเงียบๆ ขณะเดียวกันก็กดเปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือ นี่เป็โทรศัพท์มือถือลอกเลียนแบบที่เตาปาเตรียมให้หลังกลับจากูเาฉางไป๋ ทันทีที่เปิดเครื่อง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาแปลกใจเล็กน้อย เพราะไม่คุ้นเบอร์นี้เลย? ชายหนุ่มไม่คิดอะไรมากจึงกดรับสาย แต่ไม่พูดอะไร
“เย่เฟิง?” น้ำเสียงน่าเกรงขามของชายวัยกลางคนดังผ่านโทรศัพท์
“หลินเต๋อเทียน?” เพียงครู่เดียวเย่เฟิงก็นึกออก นี่ไม่ใช่เสียงของหลินเต๋อเทียนที่เขาได้ยินตอนอยู่ที่ห้องลับก่อนหน้านี้เหรอ? ทำไมถึงโทรมาหาเขาได้?
หลังจากคิดไปต่างๆ นานาก็พอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายต้องหาชายสวมหน้ากากไม่พบแน่นอน จึงมาตามหากับเขา
“ใช่ ฉันเอง” หลินเต๋อเทียนแสดงท่าทีถือดี ถามตรงประเด็น “ตอนนี้เพื่อนที่สวมหน้ากากคนนั้นของนายอยู่ที่ไหน จริงๆ แล้วมันเป็ใคร?”
“ขออภัยด้วยครับ เขาเป็เพื่อนของผม ไม่ใช่คนรับใช้ ดึกดื่นขนาดนี้ ผมจะรู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่ที่ไหน?” เย่เฟิงตอบเสียงเรียบ
“หึ ฉันไม่ได้ถามนาย แต่กำลังสั่งนายอยู่!” หลินเต๋อเทียนสบถก่อนพูดต่อ “เขาเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหาร จึงต้องขออภัยอย่างมาก นับจากนี้ไปทุกการกระทำและทุกการเคลื่อนไหวของนายล้วนเป็ส่วนหนึ่งของปฏิบัติการทางทหาร ไม่ว่าตอนนี้นายอยู่ที่ไหน รีบไปที่เขตชางผิงภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงเพื่อรับการตรวจสอบจากกองทัพ นอกจากนี้ ตอนนี้คุณหนูซูเมิ่งหานก็อยู่ที่นี่กำลังรับการตรวจสอบ ถ้านายไม่มา...”
เหตุที่เขาไม่ตามหาเย่เฟิงด้วยตัวเองก็เพราะมีซูเมิ่งหานอยู่ในมือ! ไม่อย่างนั้นด้วยขอบข่ายอำนาจของเขาคงรู้ได้อย่างง่ายดายว่าชายหนุ่มอยู่ที่ไหนผ่านสัญญาณโทรศัพท์มือถือ แต่เขาแค่คร้านจะตามหาด้วยวิธีนี้
“เธอไม่รู้อะไรทั้งนั้น พวกคุณลงมือกับผู้หญิงแล้วสนุกมากนักเหรอ?” สีหน้าของเย่เฟิงเปลี่ยนไป
“เธอกับนายอาศัยอยู่ด้วยกัน โดยปกติต้องรู้อะไรสักนิดบ้างแน่นอน ย้ำอีกครั้งว่านี่เป็การปฏิบัติการทางทหาร นายไม่ควรต่อต้านอย่างไร้เหตุผลนะ” หลินเต๋อเทียนเน้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แล้วตำหนิตามหลัง “ต่อให้นายเป็หลานชายของผู้าุโเย่ก็จงไสหัวมาหาฉันซะ รู้อะไรไหม? ครั้งนี้เพราะไอ้ชายสวมหน้ากากคนนั้น ไช่เฉ่าหง ลูกชายคนสำคัญของเพ่ยเค่อกรุ๊ปถูกฆ่าตายในประเทศเรา ไอ้เด็กซิวเหวินนั่นก็ถูกทำร้ายจนกลายเป็คนปัญญาอ่อน แล้วมันยังฆ่าทหารของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติถึงสามนาย...”
เมื่อเย่เฟิงได้ยินอย่างนั้นถึงกับผงะไป หลินซิวเหวินกลายเป็คนปัญญาอ่อนไปแล้วเหรอ? ฆ่าทหารของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสามนาย? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา? เขาสังหารแค่ไช่เฉ่าหง แต่ไอ้หมอนั่นมันสร้างผลสำเร็จอะไรให้ประเทศนี้บ้าง แล้วหลักฐานตั้งมากมายในห้องลับใต้ดิน สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติไม่ตรวจสอบสักนิดเลยเหรอ?
ทำตัวเป็กาฝากจริงๆ!
เมื่อหลินเต๋อเทียนพูดจบก็วางสายทันที
เย่เฟิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นขว้างโทรศัพท์มือถือลงไปในทะเลสาบเว่ยิ เป็ไปได้ว่าหากเขาไม่รีบไปที่เขตชางผิงภายในหนึ่งชั่วโมงล่ะก็ ไม่เพียงจะทำให้ซูเมิ่งหานพลอยเดือดร้อนไปด้วย ฝ่ายตรงข้ามต้องตามหาตำแหน่งของเขาผ่านสัญญาณโทรศัพท์มือถือแน่นอน
สีหน้าชายหนุ่มเปลี่ยนเป็เ็า หลินเต๋อเทียนจับกุมคนตามอำเภอใจโดยไม่ตรวจสอบให้ละเอียดเสียก่อน คาดการณ์อะไรไม่ได้เลย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับซูเมิ่งหานล่ะก็ เขานี่แหละจะคว่ำตระกูลหลินให้เปลี่ยนจากฟ้าเป็ดินเลย!
มีเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง แต่ก็มากพอที่จะรวบรวมหยินเสินแล้วก่อเกิดจิตหยั่งรู้ ถ้าจะไปตระกูลหลินแล้วไม่เตรียมตัวให้พร้อมก็คงไม่ดีแน่ ตอนนี้เขาไม่สามารถหวังให้อีกฝ่ายตรวจสอบความจริงให้กระจ่างได้ หลินซิวเหวินกลายเป็คนปัญญาอ่อน คนของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติเสียชีวิตไปสามคน แน่นอนว่าทุกคนต่างรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
มีใครบางคนจงใจใส่ร้ายเขา?
เย่เฟิงไตร่ตรองในใจ เขาก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็ใคร หรือไช่เฉ่าหงที่เสียชีวิตไปแล้วจะเป็ผู้สมรู้ร่วมคิดของมัน? ก็มีความเป็ไปได้มาก ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนก่อนวิ่งออกมาจากริมทะเลสาบเว่ยิ ไม่ช้าก็มาถึงสนามเด็กเล่นซึ่งไร้คนยามค่ำคืน เขาพลิกตัวซ่อนในพุ่มไม้ตรงเขาวงกตแล้วนั่งขัดสมาธิ จากนั้นเริ่มรวบรวมหยินเสิน
หยินเสินคือจิตดั้งเดิม ซึ่งจิตดั้งเดิมแบ่งออกเป็หยินเสินและหยางเสิน หยินเสินสิบปี หยางเสินร้อยปี เป็สิ่งที่รู้จักกันดีในโลกเทวะ
พลังลมปราณขั้นสิบปีรวบรวมหยินเสินจนก่อเกิดจิตหยั่งรู้ สามารถรับรู้ทุกสิ่งบนโลก ยิ่งมีพลังปราณสูงเท่าไร การรับรู้ก็ยิ่งกว้างมากขึ้นเท่านั้น ผู้มีพลังลมปราณขั้นสิบปีจะสามารถรับรู้ได้ในรัศมีหนึ่งร้อยเมตร ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วหรือหยุดนิ่ง ก็สามารถรับรู้ได้อย่างง่ายดาย
รวบรวมหยางเสินในพลังลมปราณขั้นหนึ่งร้อยปี ความสามารถยิ่งใหญ่กว่ามาก แต่เย่เฟิงก็ไม่คิดถึงมันมาก เพราะตนยังอยู่ห่างจากระดับนั้นอีกไกล
ภายใต้การโคจรเต็มกำลังที่จุดตันเถียน ในไม่ช้าเงาโปร่งแสงก็ปรากฏบนศีรษะของเขา มีเพียงการบรรลุพลังลมปราณขั้นสิบปีเท่านั้นที่จะสามารถก่อหยินเสินได้อย่างราบรื่นเหมือนเขาแบบนี้! ชายหนุ่มคุ้นเคยกับการรวบรวมหยินเสินมาั้แ่อยู่ในโลกเทวะแล้ว
วืด! วืด! วืด!
กระแสลมเย็นสามสายกระจายจากตัวของเย่เฟิงลอยออกไปรอบทิศทาง ทำให้พุ่มไม้ที่มีความสูงเท่าตัวคนไหววูบตามแรงลมจนเกิดเสียงเสียดสีของใบไม้
รวบรวมหยินเสินสำเร็จแล้ว!
ในเวลานี้ เมื่อเขาหลับตาก็สามารถััทุกสรรพสิ่งในระยะหนึ่งร้อยเมตร จิ้งหรีด ใยแมงมุม ผู้คนที่เดินอยู่นอกสนามเด็กเล่น ยุง ฝูงแมลงที่บินอยู่บนท้องฟ้า มด ตะขาบที่อยู่ใต้พื้นดิน... ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขา้ารับรู้ ก็สามารถรับรู้ได้ในห้วงคิด ชัดเจนไม่ต่างอะไรกับการมองด้วยตาเปล่า!
เย่เฟิงลืมตา พลังชี่ไหลเวียนทั่วร่างกายอย่างมั่นคง เขาถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย ในที่สุดก็สำเร็จแล้ว ต่อจากนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่ต้องคอยกังวลอีกแล้ว ช่องว่างระหว่างผู้ฝึกวิถีเซียนกับผู้ฝึกวรยุทธ์เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว
รังสีความหนาวเหน็บแผ่จากดวงตาของชายหนุ่ม เมื่อไรที่เขาไปถึงตระกูลหลินแล้ว นอกจากพาซูมิ่งหานออกมา ยังต้องเตือนสติคนตระกูลหลิน ทำให้พวกเขารู้ว่าไช่เฉ่าหงเป็ผู้ร้ายตัวจริงที่อยู่เื้ั และความจริงจะต้องปรากฏเร็วๆ นี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้