ห้องนอนกว้างที่อยู่ชั้นสอง นาเซียมองไปยังร่างสาวใช้ที่กำลังนอนหมอบอยู่ที่โซฟา เธอค่อย ๆ ขยับตัวเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าบรรยากาศด้านนอกดูสงบเงียบ นาเซียมองออกไปตามทางเดินด้านนอกที่เป็ทางเชื่อมปราสาท เธอคิดว่าทุกคนกำลังหลับพักผ่อนอยู่ มือเรียวคว้าหยิบขวดโหลที่มีหินเวทบรรจุส่องแสงสว่างได้ดี นาเซียกำลังที่จะหาหินเวทเคลื่อนย้าย เธอค่อย ๆ เดินตามบันไดทางเดิน
อ๊ากกก!! เสียงหนึ่งแทรกบรรยากาศอันเงียบสงบ เธอกำผ้าคลุมไหลกระชับแน่น ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เสียงร้องโหยหวนราวเ็ปดังออกมาจากห้องนอนดยุกกาบริเอล นาเซียชั่งใจเพียงชั่วครู่ตัวเธอก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูของเขา เสียงร้องที่ได้ยินจากไกล ๆ ดังชัดเจนเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาแน่ หรืออาจจะเป็เื่ราวที่ขีดเขียนไว้ว่าตัวร้ายอย่างมิกาเอลนั้นมีอาการป่วยในค่ำคืนที่มืดมิด นาเซียค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออกด้วยความอยากรู้ เธออยากรู้ว่าอาการที่ดยุกตัวร้ายอย่างเขากำลังเผชิญอยู่นั้นคืออะไร เงาร่างสูงที่กระทบแสงของหินเวทส่องสว่างที่หล่นกระจายเต็มพื้นดูเป็เงาตะคุ่มดูไม่ค่อยถนัดตา นาเซียขยับก้าวเข้าไปทีละน้อยก่อนจะมองร่างนั้นชัดเจนขึ้น มิกาเอลกำลังนั่งกุมศีรษะตัวเองบนโซฟาท่าทางราวเ็ป นี่คงเป็อาการของโรคที่เกิดขึ้นกับเขาเหมือนเื่ราวที่เขียนไว้ แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะดูน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้ ฝ่ามือหนาที่กำลังรั้งดึงเส้นผมตนเองทั้งยังมีกลิ่นคาวเืโชยมา นาเซียขยับร่างถอยหนีทันทีที่ใบหน้านั้นแหงนมองมาที่เธอด้วยััที่ว่องไวของเขา
แคล้ง!! เสียงเชิงเทียนหล่นกระทบพื้นก่อนที่ร่างสูงจะลุกยืนค้ำ ตัวเธอ นาเซียใหมุนตัวหมายที่จะรีบถอยออกจากห้อง แต่ช้าเกินไป มิกาเอลคว้าลำคอของเธอเข้าเต็มมือ
“ใครอนุญาตให้เ้าเข้ามา” น้ำเสียงบีบเค้นออกมา แววตาที่ดูเ็าในตอนนี้ดูน่ากลัวกว่าทุกครั้ง สันกรามที่สบกันจนนูน เส้นเืสองข้างขมับเขาดูเด่นชัดจนน่ากลัว
“ฉะ...ฉันเพียงคิดว่าดยุกอาจ้าความช่วยเหลือ” เธอคิดพลาดไป เธอไม่น่าเป็ห่วงเขาทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้เลย ใบหน้าของนาเซียเริ่มแดงก่ำขึ้นเพราะแรงบีบที่ลำคอทำให้เธออึดอัดจนแทบจะขาดอากาศหายใจ
“เ้ากล้าดียังไงถึงต้องมาเป็ห่วงข้า” มือเรียวคว้าข้อมือใหญ่ของเขาเพื่อที่จะแกะมันออก
อ๊ากกกก!! ดูเหมือนอาการของเขากำเริบขึ้น ดยุกกาบริเอลเอามือกุมศีรษะตนเองไว้ราวเ็ป ร่างบางทรุดลง เธอคิดว่าเธอคงตายหากเขาไม่ปล่อยมือออก นาเซียมองคนตัวโตที่คุกเข่ากุมขมับทั้งสองข้าง ั์ตาที่เคยดูงดงามตอนนี้แดงชาดไปด้วยเส้นเื เธอมองดูก็นึกอดสงสารไม่ได้เขาคงทรมานไม่น้อย แม้จะหวาดกลัวแต่เมื่อเห็นคนเ็ปเธอก็ไม่อาจปล่อยวางได้ นาเซียยกแขนขึ้นโอบไหล่กว้างของเขา
“ไม่เป็ไรนะคะ” เธอโอบกอดราวปลอบโยนพร้อมตบฝ่ามือไปที่หลังเขาเบา ๆ ดูเหมือนมันจะได้ผล ท่าทางของดยุกกาบริเอลดูสงบเงียบ แต่อยู่ ๆ มือเขาก็คว้ามาที่แขนเธออีกครั้ง ก่อนที่จะอุ้มตัวเธอมาที่เตียงนอนของเขา
“ท่านจะทำอะไร” นาเซียร้องเมื่อเขาจับให้เธอนั่งพิงขอบเตียงของเขาก่อนที่เขาจะเอนตัวนอนหนุนตักเธอ นาเซียมึนงงท่าทางของเขาทั้งที่เมื่อครู่เขาทำเหมือนว่ากำลังจะฆ่าเธอด้วยซ้ำ
“กล่อมข้า ทำให้ข้าหลับสนิทเหมือนค่ำคืนนั้น” มิกาเอลเอ่ย นาเซียกะพริบตาอย่างงุนงง ก่อนจะนึกถึงค่ำคืนที่เธอมาที่แห่งนี้ครั้งแรก นาเซียหน้าแดงขึ้นด้วยความเขินอาย จะให้เธอทำเื่น่าอายเช่นนั้นอีกได้อย่างไรกัน เธอไม่ได้เป็อะไรกับเขาด้วยซ้ำ
“ฉะ...ฉันทำไม่ได้หลอกค่ะ ท่านดยุกก็นอนเองสิคะ” นาเซียปัดบอกทั้งยังทำท่าจะลุกแต่ถูกเขารั้งไว้
“ถ้าเ้าไม่ทำ เ้าก็อย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากห้องนี้อย่างมีชีวิตละกัน” น้ำเสียงขู่ที่ดูจริงจังทำให้เธอเข้าใจแล้วว่ามิกาเอลคือตัวร้ายจริง ๆ
นาเซียมองใบหน้าเขาที่กำลังหลับตาลง ศีรษะเขาหนุนตักเธอ นาเซียทำท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ก่อนตัดสินใจวางมือลงบนศีรษะเขา เส้นผมที่นุ่มของเขาทำให้เธอรู้สึกพอใจไม่น้อย เธอเผลอลูบศีรษะเขาเบา ๆ แต่ดูเหมือนมิกาเอลจะไม่เอ่ยว่าใด ๆ เธอทำแบบนั้นราวกับว่าเขาเป็เด็กน้อย ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ขับร้องเสียงเพลงออกมาอย่างเคยชิน เธอมักจะลูบศีรษะของหลานชายเวลาที่เขานอนไม่หลับและร้องเพลงกล่อมเบา ๆ แม้่เวลานั้นเธอจะไม่ค่อยมีมากนัก
นาเซียรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าตัวเธอนั้นกำลังถูกบางอย่างกดทับจนแทบหายใจไม่ออก พลางนึกถึงภาพเมื่อคืนก่อนที่เธอจะพลิกตัวมอง มิกาเอลยังคงนอนหลับตานิ่งแขนแกร่งของเขากอดรัดตัวเธอไว้แน่น นาเซียค่อย ๆ ที่จะแกะแขนเขาออกแต่กลับถูกกระชับรัดแน่นขึ้น
“ข้ายังไม่ลุกเ้าจะลุกไปทำไมกัน” มิกาเอลเอ่ยกระซิบเบา ๆ แต่กลับทำให้ใจเธอกลับเต้นแรงนาเซียไม่กล้าขยับตัวเมื่อปลายจมูกของเขาคลอเคลียอยู่ที่ลำคอระหงของเธอ
“ฉันจะกลับห้อง เมื่อคืนฉันออกมาอันคงเป็ห่วงแล้ว”
“แต่นี้คือปราสาทข้า ใครกล้าตำหนิงั้นรึ” มิกาเอลลุกขึ้นก่อนจะคว้าเสื้อคลุมมาสวม เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูจากด้านนอก นาเซียจ้องมองอย่างใจจดใจจ่อ เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังทำความผิดบางอย่าง
“ข้ากำลังตามหานาเซีย ไม่ทราบว่าเ้า” ลาฟาซเอ่ยขึ้นเมื่อมิกาเอลเปิดประตูออก มิกาเอลไม่ตอบแต่เขากลับเปิดประตูนั้นกว้างขึ้นจนเธอเห็นคนที่กำลังเอ่ยตามหาเธออยู่
“นาเซีย...นี่เ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” ลาฟาซทำเสียงดุราวกับว่าตนนั้นเป็ผู้ปกครองเธอ
“หม่อมฉันจะไปไหนก็ไม่เห็นแปลก จะแปลกก็แต่ฝ่าาเนี่ยแหละตามหาหม่อมฉันทำไมกัน” นาเซียคว้าเสื้อคลุมตัวเองมาคลุมไหล่ก่อนจะเดินออกมาตรงประตู ในเมื่อเธอเองก็หลบไม่ได้แล้วเหตุใดเธอจะต้องหวั่นกลัวเขาด้วย ในเมื่อนาเซียผู้นี้คือคนที่เขาอยากกำจัดเสียให้พ้นทางของเขา ด้วยซ้ำ
“ข้าจะไปส่งที่ห้อง” มิกาเอลเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่านาเซียกำลังจะกลับ
“ไม่ข้าจะไปส่งนางเอง” ลาฟาซแย้งขึ้นก่อนจะซ้อนอุ้มตัวนาเซียขึ้น เธอเองก็เพิ่งรู้ว่าเมื่อคืนที่เดินออกมาเธอไม่ได้สวมรองเท้า เพราะความกลัวจะใครจะได้ยินเสียง เธอจึงเลือกที่จะเดินออกมาเท้าเปล่า
“ปะ...ปล่อยหม่อมฉันเถิดเพคะ หม่อมฉันเดินเองได้” นาเซียเอามือกอดอกตัวเองพลางบอกให้ลาฟาซปล่อยเธอลง ระหว่างที่ลาฟาซยังคงอุ้มเธอออกมาจากห้องดยุกกาบริเอล แต่เขาก็ยังคงเดินนิ่งราวกับไม่ได้ยินบ่นว่าของเธอ
“เมื่อคืนเ้าเดินละเมอออกมาหรือยังไงกัน ถึงได้ลืมสวมรองเท้า” เขาทำน้ำเสียงราวประชดประชัน
“หม่อมฉันไม่ได้ละเมอ”
“งั้นเ้าจะบอกว่าตั้งใจไปที่นั้นงั้นรึ เ้าอย่าลืมซิว่าเ้าคือคนที่องค์ราชินีเลือกไว้แล้ว” ลาฟาซวางเธอลงเมื่อส่งถึงห้องนอนของนาเซีย
“หึ...แต่ฝ่าาอย่าทรงลืมสิเพคะว่าสตรีที่พระองค์้านั้นไม่ใช่หม่อมฉันเสียหน่อย” นาเซียแทบอยากจะเอาสองมือกระชากคอเสื้อเขาแล้วะโใส่เพื่อให้เขานึกได้ ไม่ใช่เขาเหรอที่ผลักไสนาเซียก่อนหน้านี้ แล้วทำไมตอนนี้ถึงกลับทำเหมือนหึงหวงเธอเสียอย่างนั้น ลาฟาซกระชากคว้าแขนนาเซียก่อนกระซิบบอก
“ถึงอย่างไรตำแหน่งราชินีก็คงเป็เ้า ฉะนั้นช่วยอยู่ในตำแหน่งของเ้าให้ดี ข้าไม่อยากให้เซลีนต้องลำบาก” ลาฟาซกล่าวจบก็รีบเดินออกไป เธออยากจะซัดหน้าผู้ชายคนนั้นสักหมัด ‘ให้ตายเถอะนี่เหรอนิสัยของตัวเอก ช่างเห็นแก่ตัวนัก’ นาเซียต่อว่า ดูเหมือนลาฟาซยังคงตั้งตัวเป็ศัตรูต่อนาเซียเช่นเดิม
“เลดี้คะ เลดี้ ท่านหายไปไหนมาทั้งคืน ดิฉันเทียววิ่งตามหาคุณทั้งคืน” อันวิ่งหน้าตาตื่นกลับมายังห้องนอนของนาเซียด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ
“เรา.....เราละเมอนะ” นาเซียตอบ พร้อมกับแก้มที่แดงระเรื่อขึ้น เธอมั่นใจว่าหากลาฟาซไม่เคาะประตูเรียกแล้ว เมื่อเช้าเธอคงเกิดเื่ เพราะสิ่งที่ดุนดันสะโพกเธอมันดูแข็งขืนขึ้นมาจนเสียดสีอยู่กับสะโพกอิ่มของเธอ และเธอมั่นใจสิ่งนั้นคือสิ่งใดกัน นาเซียแก้มแดงราวผลเชอรี่ อันมองดูพลางขมวดคิ้วมอง
“ดิฉันว่าเลดี้ควรจะต้องรีบเตรียมตัวแล้วนะคะ เพราะเช้านี้ท่านดยุกให้ข้าพาท่านไปร่วมรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน” อันตัดบทขึ้นก่อนจะเดินไปนำชุดมา นาเซียมองคอร์เซ็ทที่วางคู่ เธอไม่เข้าใจว่าสตรีที่นี่ทำไมจะต้องสวมใส่ไอ้สิ่งนี้กัน ทั้งอึดอัดทั้งหายใจไม่ออก
“เราไม่สวมสิ่งนี้” นาเซียชี้ไปยังคอร์เซ็ทที่วางอยู่
“ไม่ได้ค่ะ เป็ธรรมเนียมเลดี้จะต้องสวมมันไว้ไม่อย่างนั้นเอวท่านจะดูหนานะคะ” อันแย้งขึ้นพร้อมคว้าสิ่งนั้นมาถือ
“ไม่ เราไม่ใส่” เสียงโต้แย้งกันไปมาระหว่างนายสาว และสาวใช้ดังออกไปด้านหน้าประตูจนคนที่กำลังหยุดยืนอยู่ด้านนอกต้องรีบเปิดประตูเข้ามาด้วยความใ
“เกิดอะไรขึ้น” มิกาเอลที่เดินตามมาได้ยินเสียงนาเซียโวยวายเขาคิดว่าเธอกำลังจะเฆี่ยนตีสาวใช้ที่เขาส่งมาดูแลนาง ทำให้เขาต้องรีบเปิดประตูเขามาอย่างเสียมารยาท
“ทะ...ท่านดยุก” อันหันไปมองก่อนจะยืนก้มหน้าด้วยความกลัว ก่อนจะซ่อนคอร์เซ็ทนั้นไว้ด้านหลัง
“ฉันก็แค่บอกอันว่าไม่อยากสวมคอร์เซ็ทนี่เพราะมันอึดอัด ฉันไม่ได้คิดจะทำร้ายเธอเสียหน่อย” นาเซียลุกหันมายืนกอดอกราวตั้งการ์ด เธอรู้ว่าเขาคงได้ยินเสียงเธอโวยวายเลยรีบเข้ามาห้าม
“หากเลดี้ไม่อยากสวมก็ไม่ต้องสวมให้นาง” ดยุกกาบริเอลหันไปสั่งอัน ก่อนจะรีบเดินออกไป หูของเขาดูแดงขึ้นจนสังเกตได้ นาเซียหันตัวกลับไปนั่งมองกระจกอย่างนึกโมโห ไม่ว่านาเซียผู้นี้จะทำอะไรล้วนแต่ทำให้ทุกคนหวาดระแวงเธอได้ตลอด ทั้งที่เธอพยายามจะอยู่ของเธออย่างเงียบ ๆ แล้วก็ตาม