อันที่จริงหลิ่วจิ้งก็ไม่อยากใช้ลูกไม้นี้ต่อแต่คงเพราะอยากทำให้นางจ้าวเป็ทุกข์อีกสักนิดกระมังนางโน้มตัวลงไปเก็บดอกบัวดอกหนึ่งมาถือเล่นในมือ ยิ่งเมื่อเห็นว่าเหมยเซียงและป้าหวังที่อยู่ขนาบซ้ายขวาของนางจ้าวต่างมีสีหน้าไม่พอใจหลิ่วจิ้งก็ยิ่งไม่ยอมละเว้นนางจ้าว
นางเอาแต่ยิ้มหน้าบาน “อ้อ ใช่แล้วเมื่อครู่ก่อนท่านแม่ทัพไปทานอาหารกับฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังสั่งความเอาไว้ว่าเขาจะรีบกลับมาบอกให้ข้ารอเขาด้วย เห็นหรือไม่ ข้าไม่อยากให้ท่านแม่ทัพกลับมาพบว่าข้ารอเขาอยู่ในห้องเพราะจะยิ่งเห็นชัดเจนเกินไปว่าข้ากำลังรอให้ท่านแม่ทัพมาพะเน้าพะนอข้าจึงออกมาเดินเล่นก่อน ไม่รู้เช่นกันว่ายามนี้ท่านแม่ทัพจะกลับมาหรือยัง ดูเวลาก็ค่ำมากแล้วในเมื่อฮูหยินใหญ่ก็กำลังว่างไม่มีเื่ใดต้องทำเช่นนั้นก็ชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนไปเถิดเป็การฆ่าเวลาในยามค่ำคืนอันแสนยาวนานได้ดีทีเดียว
ข้าคงต้องกลับไปเข้านอนกับท่านแม่ทัพแล้ว หากให้ท่านแม่ทัพรอนานเกินไปกลับไปก็จะทำโทษข้าหนักๆ จนตื่นไม่ไหวอีก เช่นนั้นข้าไม่อยู่สนทนากับฮูหยินใหญ่ต่อแล้ว”
หลิ่วจิ้งพูดจบก็พาอวี้จิ่นเดินนวยนาดจากไป
นางจ้าวกรีดร้องอยู่ในใจ นางโมโหถึงขั้นเกือบบิดผ้าเช็ดหน้าในมือจนเป็ฟั่นเชือกยามนี้มันถูกบิดจนกลายเป็เส้นยาวแล้วนางก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
เหมยเซียงกับป้าหวังล้วนหน้าถอดสีกันทั้งคู่ เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดจาคำของหลิ่วจิ้งเมื่อครู่แทงใจดำนางจ้าวจริงๆ เหมยเซียงรู้ดีว่านางจ้าวอยากพบหั่วอี้และอยากให้เขามานอนกับนางมากมายเพียงใด
แต่หลิ่วจิ้งกลับพูดอย่างเปิดเผยว่านางต้องปรนนิบัติในห้องนอนอย่างเหน็ดเหนื่อยเหลือทนอยู่ทุกค่ำคืนความแตกต่างของคนเราก็ห่างไกลกันเกินไปแล้วกระมัง
เหมยเซียงรู้สึกอิจฉาอยู่ในใจ หากนายของนางเป็ฮูหยินจะดีเพียงใดนะถ้าเป็ดังว่าจริงก็มิใช่ว่านางจะมีโอกาสได้พบกับท่านแม่ทัพทุกวันหรอกหรือ วันดีคืนดีหากท่านแม่ทัพเกิดอารมณ์พลุ่งพล่าน ไม่แน่อาจหันมาโปรดปรานนางก็เป็ได้ เช่นนั้นนางก็จะได้ขึ้นมาเป็อนุ ซึ่งนับว่าไม่เลวเลยจริงๆ
หลายปีมานี้ป้าหวังล้วนถูกป้าจ้าวกีดกันเพราะป้าจ้าวกลัวว่านางจะมาแย่งความโปรดปรานของฮูหยินผู้เฒ่าไปเมื่อมีโอกาสก็จะคอยเอาเื่ไม่ดีของป้าหวังมาฟ้องกับฮูหยินผู้เฒ่าจึงทำให้ป้าหวังไม่เป็ที่โปรดปรานของฮูหยินผู้เฒ่า
นางเห็นว่ายามนี้ฮูหยินได้รับความรักใคร่จากท่านแม่ทัพ จึงเกิดความคิดว่าอยากจะไปฝากตัวกับฮูหยินแต่นางก็ลังเลขึ้นมาอีก ด้วยกลัวว่าฮูหยินจะเป็เหมือนกับอาหนูที่เมื่อหมดความสดใหม่แล้วท่านแม่ทัพก็จะพาคนใหม่กลับมาหากเป็ดังว่านางจะไม่มีทางให้ถอยกลับไปอยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าได้อีก
เหมยเซียงแอบมองนางจ้าว อยากปลอบผู้เป็นายแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นลึกๆ ในใจนางก็ออกจะเย้ยเยาะนางจ้าวด้วยซ้ำ เสียแรงที่อุตส่าห์ได้มีวันคืนอยู่เคียงคู่กับหั่วอี้มาแต่แรกทว่ากลับไร้ซึ่งประโยชน์ใด ไม่อาจคว้าโอกาสให้อยู่มือแล้วจะโทษผู้ใดได้นางจึงแสร้งทำเป็มองไม่เห็นสีหน้าอมทุกข์ของนางจ้าวแสร้งทำเป็ใบ้ไม่เอ่ยคำใดไปเสีย
นางจ้าวใจลอยเหม่อมองสระบัว ดอกบัวเต็มสระกำลังเบ่งบานประชันกันบรรยากาศธรรมชาติเช่นนี้ชวนให้เบิกบานใจและผ่อนคลายเป็ที่สุด แต่นางจ้าวกลับไม่มีใจจะไปชื่นชมมัน
เดิมทีนางจ้าวแค่อยากค่อยๆ เดินทอดน่องกลับเรือนแต่เพราะไม่ได้เตรียมเสื้อคลุมมายามดึกมีไอน้ำพัดขึ้นมาจากสระบัวจึงทำให้รู้สึกหนาว
“ฮูหยินใหญ่เ้าคะ นี่ก็ค่ำมากแล้ว หากยังอยู่ต่อจะต้องลมจนเป็หวัดเอาได้ฮูหยินใหญ่โปรดกลับเรือนเถิดเ้าค่ะ” ป้าหวังเห็นว่าเหมยเซียงไม่มีท่าทีจะเอ่ยสิ่งใดนางจึงไม่อาจไม่ออกปากเตือน
ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งให้นางมาคอยเดินเล่นกับฮูหยินใหญ่หลังอาหารเย็นทุกวันที่จริงแล้วนางก็ไม่อยากจะพูดมาก เพียงแต่นางเป็คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมรู้ว่าหากคนท้องต้องความเย็นมากๆ แล้วเกิดล้มป่วยก็จะทานยาไม่ได้มีหญิงตั้งครรภ์มากมายที่ต้องเสียลูกในท้องไปเพราะล้มเจ็บหนักระหว่างท้อง
ได้ยินคำของป้าหวัง นางจ้าวกลับรู้สึกระคายหูนัก นางตำหนิอย่างมีน้ำโหว่า“หนาวไม่หนาวข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? ยังต้องให้เ้ามาสอน หรือเ้าเองก็อยากขึ้นมาขี่บนหัวข้าอีกคน”
ป้าหวังััได้ว่านางจ้าวไม่รับความหวังดีของตนจึงได้แต่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ ไม่ทำสิ่งใดอีก
คล้ายว่านางจ้าวได้ระบายอารมณ์หลังจากตวาดใส่ป้าหวังทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง บวกกับนางก็ฟังคำของป้าหวังเข้าหูอยู่เช่นกัน นางเป็ห่วงหนักหนาว่าหากตนล้มป่วยไปก็อาจกระทบถึงลูกในท้องได้บุตรคนนี้เป็ต้นทุนเดียวที่จะทำให้นางยกฐานะได้ นางย่อมไม่กล้าเพิกเฉย ที่สุดนางจึงหยุดยืนสักพักก่อนค่อยหันหลังเดินกลับ
หลิ่วจิ้งพูดจาทิ่มแทงนางจ้าวที่จริงก็นับว่าได้ระบายความขุ่นเคืองของตน แต่นางกลับไม่รู้สึกสบายใจเลยหากเป็ก่อนนี้นางก็นับว่าเป็คนจิตใจดีงามผู้หนึ่ง แต่เพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไปในจวนแม่ทัพที่ทุกคนเอาแต่หลอกลวงกันไปมาทุกวันนี้นางกลับไม่อาจไม่ใช้อุบายเล่ห์กล ซึ่งแท้จริงแล้วนี่เป็สิ่งที่นางไม่อยากเห็นมากที่สุด
หลิ่วจิ้งกลับมาถึงห้องนอน เพิ่งนั่งลงได้ไม่นานหั่วอี้ก็กลับมาแล้วเมื่อนึกถึงคำที่นางเพิ่งจะพูดใส่นางจ้าวในสวนดอกไม้เมื่อครู่ก็รู้สึกว่านางหน้าแดงขึ้นมา
“ท่านแม่ทัพกลับมาแล้วไปทานอาหารกับฮูหยินผู้เฒ่าเป็อย่างไรบ้างเ้าคะ”หลิ่วจิ้งได้แต่หาคำมาทักทายก่อนเพื่อช่วยเบี่ยงเบนความคิดของตนไปเสีย
หั่วอี้เห็นหลิ่วจิ้งกำลังนั่งชมทิวทัศน์ยามราตรีอยู่ที่ตั่งริมหน้าต่างจึงเกิดความคิดว่าจะเอาตั่งสองคนนั่งมาเปลี่ยนแทนตั่งหนึ่งคนนั่งเขาจะได้นั่งชมทิวทัศน์ยามค่ำกับหลิ่วจิ้ง
แต่ในขณะที่ยังไม่ได้ลงมือตามแผน เขาจึงทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆหลิ่วจิ้ง พวกเขาคนหนึ่งยืนคนหนึ่งเอนตัวนั่ง ชายหล่อเหลาหญิงโฉมงามเมื่อมองจากนอกหน้าต่างเข้ามาช่างงดงามดั่งภาพวาด
แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าบรรยากาศแสนสุขนี้กำลังถูกนางจ้าวจับจ้องอยู่ในสายตานางจ้าวยืนไม่ติดที่จนแทบล้มลง ดีที่ป้าหวังและเหมยเซียงยืนอยู่ข้างตัวนางทั้งซ้ายขวาจึงประคองนางไว้ได้ทัน
เดิมทีนางจ้าวเดินกลับไปทางเรือนเฉินจื่อแล้ว แต่เดินไปได้ครึ่งทางนางกลับรู้สึกไม่อยากยอมแพ้ขึ้นมาหลังจากสงบใจลงแล้วนางจึงเริ่มใคร่ครวญถึงประสบการณ์ของตนตลอดหลายปีในเรือนหลังสัญชาตญาณบอกนางว่าหลิ่วจิ้ง้าให้นางโมโหจึงจงใจพูดเช่นนั้นออกมา
นางคิดใช้แผนกลับม้าแทงทวนย้อนกลับมาลอบโจมตีหลิ่วจิ้งจึง้ามาดูว่าหลิ่วจิ้งอยู่ในห้องนอนเพียงลำพัง หาใช่เป็ดังที่หลิ่วจิ้งบอกว่าได้เคียงคู่กับหั่วอี้อยู่ทุกค่ำคืนนาง้าเห็นสภาพน่าอัปยศยามหลิ่วจิ้งถูกจับโกหกได้ จึงเดินย้อนกลับมาดูโดยไม่สนใจคำคัดค้านของป้าหวัง
นางจ้าวนึกไม่ถึงว่าเมื่อนางเฝ้ามองจากที่ไกลๆกลับได้เห็นภาพความหวานชื่นนี้ในเรือนหลัก ไม่เพียงพิสูจน์ว่าสิ่งที่หลิ่วจิ้งพูดมาทั้งหมดเป็เื่จริงลำพังแค่สายตาอ่อนโยนยามหั่วอี้มองหลิ่วจิ้ง ตลอดเวลาที่นางอยู่กับหั่วอี้มาตั้งหลายปีแม้ชั่วอึดใจเดียวนางก็ยังไม่เคยได้รับจากเขาเลย
ความแตกต่างมากมายเพียงนี้จะไม่ทำให้นางจ้าวเ็ปได้อย่างไรนางเงยหน้าขึ้นเห็นหั่วอี้กำลังก้มหน้าลงมาเอ่ยบางสิ่งกับหลิ่วจิ้ง จึงไม่กล้าดูต่อ
“กลับกัน” นางจ้าวแค้นใจที่เมื่อครู่นางไม่เดินกลับไปเสีย เพราะหากทำเช่นนั้นก็จะหลอกตนเองต่อไปได้ว่าหลิ่วจิ้งแค่พูดหลอกนางเท่านั้น
เหมยเซียงกับป้าหวังพากันมองหั่วอี้และหลิ่วจิ้งด้วยสีหน้าสับสนก่อนจะหันไปประคองนางจ้าวที่ยามนี้มีน้ำตานองหน้าให้เดินจากไป
ทางนั้นโศกเศร้าขื่นขม แต่ทางนี้บรรยากาศกำลังไปได้ดี
หั่วอี้จับผมของหลิ่วจิ้งเล่น พลางเอ่ยถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่อาจเกิดขึ้นในจวนสกุลหั่วในระยะอันใกล้นี้ให้นางฟัง
ทว่าหลิ่วจิ้งจะมีแก่ใจใดไปฟังคำที่หั่วอี้พูดมือของหั่วอี้คอยจะััถูกกายนางหนแล้วหนเล่า แก้มของนางจึงแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
หั่วอี้จ้องมองใบหน้านวลขาวดั่งหยกที่ยามนี้ค่อยๆแดงระเรื่อก็ยิ่งจิตใจหวั่นไหว เขาเอ่ยกับหลิ่วจิ้งด้วยน้ำเสียงละมุนว่า “ฮูหยินยังติดค้างคืนเข้าห้องหอกับสามีอยู่ใช่หรือไม่”
หลิ่วจิ้งทำอะไรไม่ถูกในทันใดไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมานางก็ััได้ว่าลมหายใจร้อนผ่าวของหั่วอี้กำลังกระชั้นขึ้นทุกที
_____________________________
