แสงจากไฟฉายส่องสว่างทั่วห้องลับชั้นใต้ดินแห่งนี้ ภายในห้องมีฝุ่นเกาะหนาทับถมหลายชั้น ทหารหลายสิบนายจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสืบค้นภายในห้องหลายรอบ แต่กลับไม่พบเงาใครแม้แต่คนเดียว
“นายแน่ใจนะว่าไม่มีใครหนีไประหว่างนี้?” สีหน้าของหลินเต๋อเทียนไม่น่ามองนัก หลังจากฟังรายงานปฏิบัติการสำรวจห้องใต้ดินแห่งนี้จึงถามกลับไป
“ไม่มีเลยครับ ทางเข้าห้องลับถูกคนของเราทั้งสามคนปิดกั้นไว้แล้ว ฉะนั้นไม่มีทางที่พวกเขาจะหลบหนีได้” ชายอายุราวสามสิบห้าถึงสามสิบหกปีผู้เป็หัวหน้าทีมพูดด้วยน้ำเสียงดุดันท่าทางฮึกเหิมและเด็ดขาด เขาชื่อเหลยิ เป็มือขวาของหลินเต๋อเทียน คอยจัดการเหตุการณ์ยุ่งยากหลายอย่างจนนับไม่ถ้วน
สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้เขาสับสนไม่น้อย ชายสวมหน้ากากคนนั้นหายไปได้อย่างไร? หลังจากรายงานสถานการณ์ต่อหลินเต๋อเทียน เหลยิผู้มีผิวคล้ำแดดตรวจสอบภายนอกห้องใต้ดินที่พังลงมาครึ่งหนึ่งอย่างละเอียดอีกครั้ง ไม่ช้าก็พบรีโมตควบคุมที่ใช้งานไม่ได้วางอยู่บนศพของไช่เฉ่าหง รีโมตนี้มีแผงวงจรซับซ้อนซึ่งแตกกระจายจากอาวุธแหลมคม
“แล้วพวกตัวประหลาดทั้งห้านี่ก็เป็ฝีมือของชายสวมหน้ากากเหรอ?” เหลยิมองห้าตัวประหลาดที่ถูกวางข้างกำแพงอย่างเป็ระเบียบพลางครุ่นคิดจนคิ้วขมวดมุ่น เมื่อมองเศษชิ้นส่วนของรีโมตก็เริ่มรู้สึกว่าเื่นี้ชักจะไม่ง่ายแล้ว หลังจากไตร่ตรองอีกสักพักก็รู้สึกว่าความคิดเขาอาจจะผิด
เหลยิเหลือบมองหลินเต๋อเทียนที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องใต้ดิน พลางคิดในใจว่าอธิบายไปตอนนี้หัวหน้าก็คงไม่สนใจฟัง
“รายงานครับหัวหน้า ตอนนี้พวกเรายังไม่พบใครเช่นเดิมครับ!” ไม่นานนักหนึ่งในสมาชิกของทีมก็วิ่งออกจากห้องลับแล้วรายงานผลพลางหอบหายใจด้วยความเหนื่อย “แต่พวกเราพบกล่องเหล็กที่ใส่รหัสเอาไว้ กำลังพยายามขุดออกมาอยู่ครับ”
“ฉันทราบแล้ว” เหลยิโบกมือไล่ให้อีกฝ่ายไปทำงานต่อ จากนั้นเดินไปหาหลินเต๋อเทียนก่อนพูดเสียงเบา “หัวหน้าครับ ผมว่าเื่นี้พวกเราต้องถามคุณหนูเซียวฉี่ มีแค่เธอที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่...”
“ทุกครั้งที่เด็กคนนั้นเห็นเื เธอจะหมดสติไปหลายชั่วโมง” สีหน้าของหลินเต๋อเทียนไม่สู้ดีนัก
เขานึกถึงหลินซิวเหวินที่ยังอยู่โรงพยาบาล ผลตรวจสอบออกมาว่าไอคิวของหลินซิวเหวินลดลงเหลือเพียงอายุสองขวบ และความเป็ไปได้ที่จะกลับมาเป็เหมือนเดิมก็น้อยจนน่าใจหาย ส่วนไช่เฉ่าหง ชายหนุ่มที่น่าภูมิใจของมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงรวมทั้งลูกชายสุดที่รักของประธานกรรมการบริหารเพ่ยเค่อกรุ๊ป ตอนนี้ก็อยู่ที่ห้องใต้ดินในสภาพตายอนาถมือเท้าเย็นเฉียบ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็ฝีมือของชายสวมหน้ากากทั้งสิ้น เขาไม่ปล่อยให้ชายผู้นี้ลอยนวลแน่นอน
“ให้คนตามฉันมาส่วนหนึ่ง” จากการตรวจสอบครั้งก่อน เขาทราบความสัมพันธ์ระหว่างชายสวมหน้ากากและเย่เฟิง เพียงแต่ตอนนั้นคิดว่าไม่มีอะไรจึงไม่สนใจ เพราะพวกนั้นไม่ได้ขวางการทำงานของเขา แต่ตอนนี้ชายสวมหน้ากากลงมือกับตระกูลหลิน แล้วเขาจะทนนิ่งเฉยต่อไปได้อย่างไร?
ต้องรอหลายชั่วโมงกว่าเซียวฉี่จะฟื้น และเขาดันเป็คนใจร้อนที่อดทนรออยู่เฉยๆ ไม่ได้ เวลานี้จึงไปที่วิลล่าชิงเฟิงเพื่อตามหาเย่เฟิง และถามให้แน่ชัดเกี่ยวกับชายสวมหน้ากากคนนั้น
“พวกนายตามหัวหน้าไปเถอะ” เหลยิโบกมือให้ทหารราวหกนายตามหลินเต๋อเทียนไป
ส่วนเหลยิพาลูกน้องที่เหลือจัดการจุดเกิดเหตุตรงหน้า “เก็บกล่องเหล็กพวกนี้และชิ้นส่วนของรีโมตออกมาให้ครบ พวกตัวประหลาดนี่ก็ด้วย ส่วนศพของไช่เฉ่าหงให้แจ้งแพทย์นิติเวชเพื่อส่งชันสูตรศพ ฐานะของไช่เฉ่าหงไม่ธรรมดาเหมือนพวกนั้น...”
สำหรับไช่เฉ่าหงที่ตายไปแล้ว หากจัดการไม่ดีจะต้องเกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศแน่ เหลยิต้องจัดการเื่นี้อย่างรอบคอบ เขาและทหารอีกแปดนายเป็ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ ไม่ช้าเ้าหน้าที่ก็เข้ามาจัดการห้องใต้ดินแห่งนี้ทันที
ส่วนเย่เฟิงที่อยู่ในห้องลับก็ใช้ทักษะล่องหนเดินออกจากห้องนั้นอย่างเงียบเชียบ
ก่อนหน้านี้ทหารสามนายของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติปิดทางเข้าออกห้องลับไว้แ่า แม้เย่เฟิงจะล่องหนอยู่ แต่ก็เป็ไปไม่ได้ที่จะหนีออกจากที่นี่โดยไม่มีใครสังเกต แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังยุ่งกับการทำงานตามคำสั่งจึงเป็โอกาสดีสำหรับการหลบหนี ประจวบกับระดับวรยุทธ์ของเย่เฟิงตอนนี้อยู่ในระดับสิบปี หากเขาไม่ได้ขยายเส้นลมปราณเพื่อดูดซับพลังลูกปัดหิน์ไว้ก่อนก็คงทำได้เพียงนั่งมองแต่ทำอะไรไม่ได้ เป็เพราะความโชคดีและความพยายามของเขา แต่จากนี้ไป เขาจะไม่สามารถเพิ่มระดับการบ่มเพาะได้ง่ายดายแบบนี้อีกแล้ว
สิ่งที่สำคัญในเวลานี้คือการหาสถานที่ซ่อนตัวให้เร็วที่สุด หากมีจิตอสูรและจิตหยั่งรู้ทั้งสองทักษะนี่ล่ะก็ เขาจะสามารถรับรู้สิ่งต่างๆ ได้รอบทิศทางในระยะร้อยเมตร จะไม่มีสิ่งไหนเล็ดลอดประสาทััของเขาได้ ต่อให้มีคนใช้ทักษะล่องหนเช่นเดียวกับเขา หากเขาใช้จิตหยั่งรู้ก็สามารถรับรู้ได้!
ไม่ว่าจะจัดการเื่อะไรก็ตาม หากใช้จิตหยั่งรู้ ความปลอดภัยก็เพิ่มขึ้น เช่นครั้งที่แล้วที่จ้าวอี้เปยถูกซุ่มยิงโดยนักแม่นปืน เหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกแน่นอน เมื่อนึกถึงชายหนุ่มแสนร่าเริงอย่างจ้าวอี้เปยแล้ว เย่เฟิงก็กังวลเล็กน้อยว่าตนจะเรียกิญญาจากไหกักิญญาออกมาได้หรือไม่ แม้เขาจะเรียกิญญาออกมาได้สำเร็จ แต่ยังไม่สามารถคืนชีพชายหนุ่มให้เป็เหมือนเมื่อก่อนได้อยู่ดี หากสามารถใช้ทักษะวิถีเซียนในการปลูกถ่ายิญญาได้เหมือนในโลกเทวะก็คงดี...
ยามค่ำคืน เย่เฟิงมองรอบตัวอย่างระมัดระวัง แต่ไม่พบชายหน้ากากหัวกะโหลกเลย เขาไม่รู้ว่าตัวตนของคนที่แฝงตัวอยู่รอบข้างไช่เฉ่าหงอย่างชายหน้ากากหัวกะโหลกคือใครกันแน่ ถึงได้ซ่อนตัวมาตลอดหนึ่งปีโดยไม่ถูกเปิดเผยตัวตน หากเขามีความอดทนอดกลั้นเช่นนี้ได้ก็คงดี นับเป็พร์ที่ไม่เลวเลยทีเดียว
เย่เฟิงส่ายหัวกับความคิดตัวเอง เขาไม่อยากคิดอะไรให้ปวดหัวอีกแล้ว หากมีวาสนา พวกเขาคงได้กลับมาเจอกันอีก
ชายหนุ่มใช้ทักษะล่องหนออกจากหมู่บ้านเยี่ยนซีอย่างเงียบเชียบ จนกระทั่งออกห่างมาหลายกิโลเมตรแล้วจึงเลิกใช้ทักษะล่องหนพร้อมกับร่างของเขาปรากฏขึ้น ด้วยระดับวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้สามารถใช้ทักษะล่องหนได้อย่างสมบูรณ์แต่ใช้ได้ไม่เกินครึ่งชั่วโมง แม้พลังชี่ของเขามีมหาศาล แต่ต้องประหยัดการใช้พลังชี่ไว้ ไม่อย่างนั้นการฟื้นตัวของเขาจะช้าเกินไป
เืไหลออกจากาแลึกที่ขาข้างขวาจนมองเห็นได้ชัดเจนแม้อยู่ใต้แสงจันทร์ เขาต้องใช้เคล็ดแสงศักดิ์สิทธิ์รักษาาแเพื่อฟื้นตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมทั้งรักษารอยแผลที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จากการต่อสู้กับคนจากวิหารดาบ์ทีู่เาฉางไป๋ ไม่นานาแเ่าั้ก็เลือนหายไปจนหมด วรยุทธ์ระดับสิบปีทำให้เขาใช้ทักษะได้ดีขึ้นจริงๆ!
……......
อีกด้านหนึ่งในเวลาเดียวกัน ณ บ้านที่พังไปครึ่งหลัง เหลยิและทหารทั้งแปดนายกำลังตรวจค้นอย่างจริงจัง ไม่เพียงรวบรวมหลักฐานในห้องใต้ดิน แต่ต้องเก็บหลักฐานทั่ววิลล่าให้ได้มากที่สุด ไม่นานก็แยกย้ายกันค้นหาตามแต่ละจุด
“นั่นใครน่ะ?” ที่ชั้นสองของบ้านพัก ทหารนายหนึ่งในชุดอำพรางพลันตื่นตัวขึ้นทันที เพราะเหลือบเห็นเงาสีดำวูบไหวผ่านกล้องตรวจจับอินฟาเรดที่สามารถเห็นได้สามร้อยหกสิบองศา
เขาตื่นตัวทันที จุดลำแสงสีฟ้าจากปลายกระบอกปืนเล็งไปยังเงาร่างที่ปรากฏขึ้นในห้องเพื่อเตรียมยิง แต่ก็ไม่ทันแล้ว
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
มีดบินแต่ละเล่มถูกขว้างมาจากเงาดำนั้น ทุกเล่มปักที่ลำคอของชายหนุ่มอย่างแม่นยำ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้