เป็เวลากว่าครึ่งเดือนที่หยิ่นยวี๋โม่อาศัยในคฤหาสน์แห่งนี้ไม่เคยได้ออกไปไหน ส่วนสามีของเธอก็เช่นกัน ไม่มีข่าวคราวของเขาเลย จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเพียงแต่เธอไม่อยากรับรู้ นิตยสารบนโต๊ะปรากฏข่าวเกี่ยวกับเขาเพียงแต่ว่าเธอไม่อยากจะอ่าน
แม่บ้านโจวเดินเข้ามาในห้อง “คุณหนูคะ อาหารเที่ยงพร้อมแล้วค่ะ”
“อื้ม” หยิ่นยวี๋โม่พยักหน้าเหลือบมองนิตยสารครู่หนึ่ง จากนั้นจึงลุกขึ้นลงไปด้านล่าง
ด้านหน้าโต๊ะยาวขนาดใหญ่เธอนั่งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง เมื่อมีแต่ความเดียวดายต่อให้มีอาหารเลิศรสอยู่เต็มโต๊ะ มันก็ช่างไร้ซึ่งรสชาติ
“คุณหนู ฉันจะออกไปข้างนอกตอนบ่ายๆ ชุดสูทที่ส่งไปซักครั้งที่แล้ว ไปเอาได้แล้วนะคะคุณหนูยังอยากได้อยู่หรือเปล่า ฉันจะได้เอากลับมาให้” แม่บ้านโจวรู้ดีว่าคุณหนูไม่ชอบออกไปข้างนอกจึงให้เธออยู่บ้านคนเดียว แล้วอ่านหนังสืออยู่ในห้อง
ความจริงหยิ่นยวี๋โม่เป็คนรักการเรียนแต่หลังจากที่เธอแต่งงาน เธอจำต้องดรอปเรียน และอยู่บ้านเพื่อเป็แม่บ้านเต็มตัว แต่สามีของเธอกลับไม่เคยอยู่บ้านเลย บ้านแบบนี้ ยังเรียกว่าบ้านได้ใช่ไหม? บ้านที่มีแต่ความกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
หยิ่นยวี๋โม่กินเพียงไม่กี่คำก็วางตะเกียบลง “แม่บ้านโจว เอาใบเสร็จร้านซักรีดมาให้ฉัน เดี๋ยวฉันไปเอาเองค่ะพอดีฉันว่าจะออกไปข้างนอกสักหน่อย” ความจริงการที่เธอต้องอยู่ที่บ้านคนเดียวมันน่าอึดอัดโดยเฉพาะเวลาที่ไม่มีเขา นอกจากคนรับใช้แล้ว บ้านหลังนี้ก็มีแค่เธอเพียงคนเดียว
คนขับรถพาหยิ่นยวี๋โม่เข้าไปในเมืองเมื่อถึงร้านซักรีดและรับเสื้อผ้าที่ซักเสร็จเรียบร้อย เธอจ้องมองเสื้อสูทของคนแปลกหน้าผู้ชายที่ช่วยเธอไว้เขาเป็ใคร? แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องขอบคุณเขาสักครั้ง
เมื่อนำถุงเสื้อผ้าวางไว้ในรถหยิ่นยวี๋โม่ให้คนขับรถไปหาที่เอาไว้รอเธอ แล้วเดินไปตามถนนเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมายในที่สุดเธอก็นั่งบนม้านั่งยาวในสวนสาธารณะ จากตรงนั้นไปไม่ไกล มีรถสีดำจอดอยู่ ที่เบาะหลังรถ สายตาของชายคนนั้นจ้องมองเงาของใครคนหนึ่งอย่างเงียบงัน
“นายน้อย นายน้อยจะผ่านไปดูไหมครับ?” ชายวัยใกล้ห้าสิบจากฝั่งคนขับเอ่ยปากถาม
“ดูเหมือนเธอมีเื่อะไรอยู่ในใจ” เขายังคงพูดต่อ
“ลุงเจียง ลุงก็รู้ว่าไม่ใช่เธอ ผมจำเป็ต้องลงไปดูเธอด้วยเหรอ?” เขาพูดด้วยความจำใจพร้อมกับถอนหายใจออกมา
ลุงเจียงหันหน้ามองมาที่เขาดูเหมือนว่ายังมีบางเื่ภายในใจที่นายน้อยไม่สามารถลบมันออกไปได้ “นายน้อย บางทีมันอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้ ถ้าไม่ลอง แล้วจะไปรู้ได้อย่างไรละครับ?”
ใช่ไหม? เขายังอยากจะลองไหม? ผู้หญิงคนนั้น อยากจะรู้เหมือนกัน เวลาที่เธอมีเื่อะไรภายในใจคนที่เธอคิดถึงอาจจะเป็สามีของเธอ
“ไปกันเถอะ ให้คนมาจับตาดูเธอเอาไว้ ฉันไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเธออีก” เขาไม่พิรี้พิไร และไม่มองออกไปอีก หยิ่นยวี๋โม่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นจนมืดและโทรศัพท์หาคนขับรถเพื่อพาเธอกลับไปยังคฤหาสน์
แต่เมื่อเดินเข้าไปยังคฤหาสน์เธอก็พบเข้ากับสามีที่เพิ่งกลับมาหลังจากที่หายไปนานกว่าครึ่งเดือน “คุณหนูกลับมาแล้ว คุณผู้ชายกำลังรอคุณหนูอยู่ค่ะ” แม่บ้านโจวพูดพลางนำถุงเสื้อออกจากมือของเธอ
หยิ่นยวี๋โม่มองไปยังมู่อี้หานซึ่งกำลังสูบบุหรี่พร้อมกับอ่านนิตยสารอยู่บนโซฟาเธอจ้องมองเขาอยู่นาน ก่อนจะเดินเข้าไป
“นี่ของคุณ” มู่อี้หานหยิบกล่องโทรศัพท์มือถือยื่นให้หยิ่นยวี๋โม่เธอมองกล่องนั้นอยู่ครู่หนึ่ง นี่มันโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุด แถมยังเป็รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นภายในใจของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย “ฉันไม่เอา ฉันมีโทรศัพท์ใช้อยู่แล้ว” เขาและเลขาของเขาออกไปมั่วกันถึงต่างประเทศตั้งนาน พอกลับมาก็ยื่นโทรศัพท์ใหม่ให้กับเธอ ไม่มีความจริงใจเอาเสียเลย เขาคงแค่้าชดใช้ความผิดหรือว่าเขาอาจจะแค่รู้สึกผิด
“ผมไม่สน ว่าคุณจะเอาหรือไม่เอา แต่ว่าถ้าอยากคืนละก็คุณคงต้องไปหาเ้าสัวเอาเอง!” มู่อี้หานรู้มานานแล้วว่าหยิ่นยวี๋โม่เป็คนหัวรั้น
หยิ่นยวี๋โม่นิ่งไป “นี่คุณพ่อให้ฉันมาเหรอ?” ั้แ่เล็กจนโต เ้าสัวหยิ่นไม่เคยให้ของอะไรกับเธอเลย แม้กระทั่งในวันเกิดจนเธอชินกับมันไปแล้ว
เธอไม่เหมือนยวี๋ซินที่ภายนอกดูร่าเริงแจ่มใส ชอบพบปะสังสรรค์กับคนอื่น ไม่ว่าไปที่ไหนหล่อนคนนั้นจะมีสายตาที่เปล่งประกาย แต่กับตัวเธอ คนที่ถูกมองข้ามมาโดยตลอด
เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็เพียงเงาของยวี๋ซินคนที่ทุกคน้า อย่างไรเสียก็คือยวี๋ซิน จนพอหล่อนไม่อยู่ ไม่เจอหล่อนแล้วเธอถึงจะได้รับความสนใจ
มู่อี้หานตอบรับออกมาเบาๆเขาไปที่อเมริกาโดยไม่ได้บอกให้ใครรู้ มีเพียงเ้าสัวตระกูลหยิ่นเท่านั้นที่รู้พวกเขามีโอกาสพูดคุยกัน เขาบอกให้มู่อี้หานดูแลหยิ่นยวี๋โม่ให้ดี
“คุณไปเจอคุณพ่อ? คุณพ่อสบายดีไหม? ร่างกายของท่านฟื้นฟูดีขึ้นหรือยัง?” หยิ่นยวี๋โม่ไม่ได้ติดต่อกับเ้าสัวหยิ่นเลยไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากติดต่อไป แต่ว่า เ้าสัวหยิ่นเดินทางไปอเมริกาทันทีหลังจากที่เธอแต่งงานอีกทั้งยังไม่ได้ให้ช่องทางการติดต่อเอาไว้ด้วยซ้ำ
“อื้ม ดีแล้ว” มู่อี้หานพยักหน้าเบาๆจากนั้นก็ลุกขึ้นและก้าวขึ้นไปชั้นบน
ในเมื่อตอนนี้เธอกลับมาแล้วเขาไม่จำเป็ต้องรอเธออยู่ตรงนี้เขานั่งเครื่องบินเพื่อกลับมาที่นี่หลายสิบชั่วโมง จึงมีความเหนื่อยล้าอยู่บ้าง
หยิ่นยวี๋โม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเธอจ้องมองมันอย่างละเอียด นี่เป็ของชิ้นแรกที่เ้าสัวหยิ่นมอบให้เธอ และยังมีช่องทางการติดต่อเป็หมายเลขโทรศัพท์ของประเทศอเมริกาติดมาด้วย
เธอโทรกลับไปตามเบอร์ที่ให้ไว้หัวหน้าพ่อบ้านเป็คนรับสาย “คุณหนูเ้าสัวกำลังรอสายของคุณหนูอยู่เลยครับ” ครู่เดียว เสียงในสายโทรศัพท์ก็เปลี่ยนเป็เสียงของเ้าสัว
“โม่โม่”
“คุณพ่อ คุณพ่อสบายดีไหมคะ?” หยิ่นยวี๋โม่เพียงฟังเสียงของเ้าสัว ก็รู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนแออยู่หลายส่วนเธอจึงถามขึ้นด้วยความเป็ห่วง “ร่างกายของคุณพ่อดีขึ้นบ้างหรือยังคะ?”
“ฉันไม่เป็ไร สบายดี มู่อี้หานมาทำงานต่างประเทศทั้งทีทำไมไม่มาด้วยกันล่ะ เป็อะไรกันหรือเปล่า? พวกแกสองคนยังดีกันอยู่ใช่ไหม?” ทำไมเ้าสัวหยิ่นถึงจะดูไม่ออก ลูกสาวคนโตของตนแต่ไหนแต่ไรมา เธอก็เป็คนไม่ค่อยพูดและไม่ใช่คนที่จะแสดงท่าทีออกไปเช่นกัน
ภายนอกมู่อี้หานเป็คนที่มีผู้หญิงเยอะเขารู้ แต่ทรัพย์สมบัติของตระกูลหยิ่นนั้นมีมหาศาล เขาจำเป็ต้องหาคนมารับ่ต่อ แล้วใครใช้ให้เขามีลูกสาวตั้งสองคนลูกชายก็ไม่มี ดังนั้นมู่อี้หานจึงเป็ตัวเลือกที่ดีที่สุดและนี่ก็เป็เหตุผลว่าทำไมเ้าสัวหยิ่นถึงยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับเขา
“หนูกับเขา ก็ดีค่ะ!” หยิ่นยวี๋โม่ฝืนใจพูดออกมา เป็เพราะเธอกลัวว่าเ้าสัวจะเป็กังวลร่างกายของเขายังต้องได้รับการดูแลอีกมาก เื่ระหว่างเธอกับมู่อี้หาน หากจะให้พูดแค่สองสามคำก็คงไม่เข้าใจอะไรนัก? เื่บางเื่ไม่พูดเสียจะดีกว่า
“อย่างนั้นก็ดี แกก็คอยอยู่ข้างๆเขาไปก็แล้วกัน!” เ้าสัวหยิ่นเมื่อได้ฟังความจากลูกสาวก็ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น
หยิ่นยวี๋โม่จึงวางสายเมื่อเดินขึ้นไป้า เธอได้ยินเสียงดังมาจากห้องอาบน้ำ เมื่อมาถึงที่เตียงก็จ้องถุงใบนั้นเธอยังไม่ทันได้เก็บสูทตัวนั้น มู่อี้หานก็เดินออกมาจากห้องอาบน้ำมีผ้าขนหนูสีขาวพันอยู่รอบเอวของเขา เผยให้เห็นแผงอกและแขนอันกำยำของเขา
“จะมาเก็บเสื้อผ้าเอาตอนนี้ มันไม่ดึกไปหน่อยหรือไง?” น้ำเสียงของเขาเ็าและแฝงความเหน็บแนมเธอ “ผมก็แปลกใจ เสื้อผ้าของผู้ชายที่ไหนกันนะ ที่ทำให้คุณสนใจถึงขนาดต้องเอาไปส่งซักด้วยตัวเอง”
ในตอนที่เดินเข้ามาเขาเห็นว่าเธอมีถุงเสื้อสูทอยู่ในมือ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ในขณะที่เธอยังคงควบคุมอารมณ์ได้ดีตรงข้ามกับเขาที่ในใจตอนนี้กระวนกระวายจนอยู่ไม่สุข