บทที่ 32 สังหาริญญา
ฝ่ามือของทุกคนชื้นเหงื่อ พวกเขาไม่กล้ารีบร้อนก้าวไปข้างหน้า ได้แต่มองฉู่อวิ๋นอย่างทำอะไรไม่ได้
แม้ว่าหลินเหมิ่งจะไม่ใช่นักรบิญญาที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม แต่ในแง่ของการป้องกันเขาก็ไม่ด้อยกว่าใคร
ทว่าเมื่อสักครู่นี้ ฉู่อวิ๋นกลับทำให้เขาาเ็ได้ด้วยกระบี่เดียว
แปลกมาก แปลกเหลือเกิน
ฉู่เจี้ยนเหรินเหงื่อเย็นไหลอาบ ดูครุ่นคิด และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "กระบวนท่าเมื่อครู่นี้เป็กระบวนท่าแรกของวิชากระบี่ดาวตก ดาราจรัสแสง! แต่... ทำไมมันถึงดูแตกต่างออกไปกัน? "
ฉู่เจี้ยนเหรินคุ้นเคยกับวิชากระบี่ดาวตกเป็อย่างดี แต่เขาไม่คิดว่าวิชากระบี่ดาวตกเมื่ออยู่ในมือของฉู่อวิ๋นจะมีพลังขนาดนี้
ทั้งๆ ที่วิชากระบี่ดาวตก เป็เพียงทักษะกระบี่พื้นฐานของตระกูลฉู่ แล้วเหตุใดจึงเคลื่อนไหวได้เร็วนัก?
เมื่อเห็นท่าทางตกตะลึงของฉู่เจี้ยนเหริน ฉู่อวิ๋นก็ยกยิ้มนิดๆ แล้วพูดว่า "เ้าไม่ต้องแปลกใจหรอก วิชากระบี่ที่บรรพบุรุษของเราทิ้งไว้นั้นวิเศษมากจริงๆ เพียงแต่ว่าตระกูลเ้าถือตัวสูงส่ง ไม่คิดตระหนักถึงพลังที่แท้จริงของวิชากระบี่นี้”
ในความเป็จริง แม้ว่าฉู่อวิ๋นจะรู้จักเพียงวิชากระบี่ดาวตก แต่หลังจากฝึกฝนมาเป็เวลานานจนวิชากระบี่นี้เกิดการเปลี่ยนแปลง และพลังของมันก็เทียบได้กับวิชายุทธ์ขั้นสูงทั่วไป
วิชากระบี่เดียวกัน แต่มีผู้ใช้วิชาต่างกัน พลังที่แสดงออกจึงย่อมแตกต่าง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ท่าทีของฉู่เจี้ยนเหรินก็เปลี่ยนไป เขาพูดด้วยความโกรธ "พี่น้องอย่าได้ไปกลัว มันก็แค่กำลังขู่ขวัญตบตาเราเท่านั้น ขอเพียงพวกเราโจมตีพร้อมกัน ไม่ว่ากระบวนท่ากระบี่จะทรงพลังแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะพ่ายไม่เป็!"
เมื่อได้ยินดังนั้น พวกเขาก็กลับมามีสติอีกครั้งและจ้องมองไปที่ฉู่อวิ๋น
ใช่ พวกเขามีกันตั้งมากมาย ไฉนเลยจะต้องกลัวนักรบที่มีิญญายุทธ์พิการกัน?
ในเวลานี้ ใบหน้าของหลินหล่างก็ดูไม่ดีเช่นกัน เขาระดมพลังอย่างรวดเร็วและควบแน่นใบมีดลมสองใบบนฝ่ามือ แล้วพูดด้วยเสียงทุ้มลึก "เข้าโจมตีพร้อมกัน ใครก็ตามที่ฆ่าฉู่อวิ๋นได้ ข้าจะแบ่งแต้มศิลาหยกให้อย่างงาม!"
"ควั่บ!"
เมื่อได้ยินดังนั้น แรงผลักดันของทั้งหกคนก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แรงอาฆาตพุ่งมาจากทุกทิศทาง ทำให้ดวงตาของฉู่อวิ๋นหรี่ลง
“พวกเ้าคิดว่าข้าจะนั่งรอความตายอยู่เฉยๆ ที่นี่หรือ? น่าขันนัก!”
“ฟุ่บ——”
ท่ามกลางแสงกระบี่แวววาบ ฉู่อวิ๋นเคลื่อนไหวในพริบตา เขาถือกระบี่เศวตรรุ้งและรีบวิ่งไปทางหลินหล่างก่อน
จะจับโจรต้องจับหัวหน้าโจรก่อน!
“ควั่บ! ควั่บ!”
คลื่นกระบี่แสงดาวสองระลอกเหวี่ยงออกมาจากกระบี่เศวตรรุ้งและพุ่งไปทั้งสองด้าน ทำให้คนอื่นๆ ต้องหลบหลีก ฉู่อวิ๋นจึงมีพื้นที่ในการโจมตี
จากนั้น ฉู่อวิ๋นชี้กระบี่ตรงไปข้างหน้า ก้าวเท้าด้วยกระบวนท่าลึกลับและฟาดฟันให้เกิดดวงดาวหลายดวงในอากาศ!
"ควั่บ!"
กระบี่แทงทะลุอากาศราวกับสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ ปล่อยพลังออกมาเต็มที่ ทำให้ใบหน้าของหลินหล่างดุดันขึ้น เขารีบส่งมีดวายุสองใบออกไป พยายามต้านทานแสงกระบี่สีม่วงที่อยู่ตรงหน้า
“ฟิ้ว——”
ในขณะที่ส่งมีดวายุออกมา ฉู่เจี้ยนเหรินก็ยืนขึ้นข้างๆ เงาของกระบี่หฤสังหารปรากฏขึ้นข้างหลังเขาและส่งการโจมตีโต้กลับจากด้านข้างของฉู่อวิ๋น
เขารู้ดีว่าทักษะกระบี่ของฉู่อวิ๋นนั้นยอดเยี่ยมเพียงใด ดังนั้นเขาจึงโจมตีด้วยกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดทันทีที่เคลื่อนไหว
ทันใดนั้น ปราณกระบี่หฤสังหารและมีดวายุก็ล้อมรอบฉู่อวิ๋น ทำให้เขาไม่สามารถถอยกลับได้
"ควั่บ!"
ฉู่อวิ๋นถือกระบี่แล้วยกขึ้นฟันด้วยการเคลื่อนไหวที่ไหลลื่น กระบี่เศวตรรุ้งเปล่งประกายด้วยแสงสีม่วงในทันที มันทำลายมีดวายุและพลังกระบี่หฤสังหารลงอย่างดุเดือด
“เป็...เป็ไปได้อย่างไร!” หลินหล่างที่ถูกระงับการโจมตีจากฉู่อวิ๋นก็ถอยกลับไปสิบก้าวอย่างรู้สึกหวาดกลัวในใจ
เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ตอนที่ฉู่อวิ๋นต่อสู้กับหลินหล่าง ตอนนั้นเขายังต้องใช้ประกายทมิฬเพื่อต้านทานวังวนหกวายุอยู่เลย
แต่ตอนนี้ ฉู่อวิ๋นกลับสามารถทำลายกระบวนท่าที่น่าภาคภูมิใจของหลินหล่างได้โดยอาศัยดาราจรัสแสงธรรมดาๆ
น่าเหลือเชื่อนัก! ความก้าวหน้าในการฝึกฝนของคนๆ หนึ่งจะรวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?
“นี่ ยืนเหม่อในตอนที่สู้กันมันไม่ดีหรอกนะ!” ฉู่อวิ๋นมองไปที่หลินหล่าง ปรากฏรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก จากนั้นก็ฟาดฟันกระบี่ออกไปอีกหลายครั้ง
หลินหล่างย่อตัวลง เขารวบรวมพลังปราณเพื่อต้านทานด้วยมีดวายุอย่างรวดเร็ว
ชั่วขณะหนึ่ง แสงกระบี่แสงดาวและมีดวายุพัวพันกัน ก่อให้เกิดความพร่างพราวละลานตา
ถัดจากเขา ฉู่เจี้ยนเหรินเห็นทั้งคู่ต่อสู้กันและรู้สึกว่าเขามีโอกาส จึงเหวี่ยงกระบี่ไปที่ฉู่อวิ๋นจากด้านข้างอีกครั้งแล้วะโ "เ้าตัวขยะ! ตายเสีย! กระบี่มลายสิ้น!"
"ควั่บ!"
รังสีของปราณกระบี่หฤสังหารหลายอันพุ่งออกมาจากกระบี่ของฉู่เจี้ยนเหรินและกระทบไปที่หน้าท้องของฉู่อวิ๋น
“เชอะ! เ้าอ่อนแอเกินไปแล้ว!”
ฉู่อวิ๋นเหลือบมองที่ฉู่เจี้ยนเหริน และเหวี่ยงกระบี่เศวตรรุ้งออกไปตามใจคิดเพื่อกระจายปราณกระบี่ แรงที่เหลือกระทบที่หน้าอกของเขา ทำให้อีกคนกระอักเืและกระเด็นไปข้างหลัง
ฉู่เจี้ยนเหรินล้มลงกับพื้น มือกุมหน้าอกและตกตะลึงอย่างยิ่ง "ทำไม! ข้าเคยปรามเ้าได้ แต่ตอนนี้ข้าที่ทะลุผ่านระดับห้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณแล้ว ข้าไม่ใช่ศัตรูของเ้าอีกต่อไป"
ฉู่อวิ๋นฟาดปราณกระบี่อีกอันใส่หลินหล่าง ทำให้เขาถอยหลังไปสิบก้าว จากนั้นจึงตอบกลับฉู่เจี้ยนเหรินอย่างไม่แยแส "ต้องขออภัยด้วย ตอนนี้ข้าก็อยู่ที่ระดับห้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณแล้วเช่นกัน ทำให้เ้าผิดหวังแล้ว"
"วิ้ง--"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็ตัวสั่น ใอย่างมาก
ภายในหนึ่งเดือน สามารถก้าวหน้าจากระดับสี่ของขอบเขตควบแน่นพลังปราณไปสู่ระดับห้าได้? รู้หรือไม่ว่าแม้แต่ฉู่เฟยที่มีพร์เทียมฟ้าก็ไม่อาจทำได้!
วันนี้ สิ่งที่น่าใที่ฉู่อวิ๋นซึ่งเกิดมาพร้อมกับิญญายุทธ์พิการผู้นี้นำมาให้พวกเขานั้นยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว!
นอกจากหลินหล่างและฉู่เจี้ยนเหริน ทุกคนก็เริ่มลังเล พวกเขาใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อต้านดาราจรัสแสงของฉู่อวิ๋นไว้เมื่อครู่
ตอนนี้ ฉู่อวิ๋นสามารถบังคับหลินหล่างให้ล่าถอยด้วยท่ากระบี่ธรรมดาๆ ได้ ทั้งยังดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ใช้พลังเต็มเหนี่ยวนัก
เห็นได้ชัดว่าฉู่อวิ๋นคนนี้ไม่ใช่นักรบที่พวกเขาสามารถจัดการได้!
“พวกเ้ามัวยืนทำอะไรอยู่? โจมตีเขาจากด้านหลัง!” หลินหล่างตะคอกเสียงอย่างยากลำบาก ในขณะกำลังควบแน่นมีดวายุเพื่อต้านดาราจรัสแสงของฉู่อวิ๋นไปด้วย
ทว่ากลับไม่มีใครกล้าทำอะไรต่อ แม้แต่ฉู่เจี้ยนเหรินที่นอนอยู่บนพื้นก็ยังลังเลและกลอกตาโดยไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
"ควั่บ!"
กระบี่แสงดาวอีกระลอกพุ่งผ่านความว่างเปล่า ปะทะกับร่างของหลินหล่าง ทำให้เกิดรอยเืมากมายบนร่างกาย เสื้อผ้าขาดวิ่นจนดูน่าอับอาย
เมื่อเห็นสิ่งนี้ คนที่เหลืออีกห้าคนก็มองอย่างละโมบ วิ่งไปที่ถุงใส่ศิลาหยกพร้อมกัน พยายามแย่งถุงแต้มศิลาหยกกันยกใหญ่
ทันใดนั้น กลุ่มที่หลินหล่างและฉู่เจี้ยนเหรินก่อตั้งขึ้นมาก็แตกพ่าย
“ให้ตายเถอะ! เ้าพวกเนรคุณ! ถ้าไม่มีข้า พวกเ้าจะมีโอกาสเข้าสู่รอบสองหรืออย่างไร? มาช่วยข้าฆ่าเ้านั่นเสีย!” หลินหล่างคำรามเสียงดังในขณะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อต้านทานดาราจรัสแสงของฉู่อวิ๋นไปด้วย
ฉู่อวิ๋นยิ้มและพูดว่า "ไม่ต้องกังวล ไม่มีใครสามารถเอาถุงศิลาหยกนั่นไปได้หรอก!"
"ควั่บ!"
ทันทีที่พูดจบ ฉู่อวิ๋นก็เหวี่ยงกระบี่เศวตรรุ้งออกไป ก่อให้เกิดคลื่นกระบี่แสงดาวรูปพระจันทร์เสี้ยวทั่วท้องฟ้า หยุดคนที่เหลือไม่ให้วิ่งหนี
บนพื้น มีรอยกระบี่อันมืดมิดปรากฏขึ้น
ทุกคนใกลัวและไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าอีก ก่อนจะรีบวิ่งหนีไป โดยในหมู่พวกเขามีฉู่เจี้ยนเหรินวิ่งนำหน้าและวิ่งเร็วกว่าใครๆ
เขารู้ดีว่าถ้าเขาตกอยู่ในมือของฉู่อวิ๋น ย่อมไม่เป็ผลดีแน่ๆ!
“รอก่อนสิ อย่าเพิ่งวิ่งหนีไป!” ฉู่อวิ๋นเยาะเย้ย ยกกระบี่ขึ้นในแนวทแยงแล้วฟันไปในอากาศทีละครั้ง ทำให้เกิดแสงวาบหลายครั้ง
ปราณกระบี่รูปพระจันทร์เสี้ยวทั้งห้าะเิออกมา โจมตีคนที่อยู่ด้านหลังอย่างแม่นยำ ทำให้เกิดความเ็ปอย่างรุนแรงทั่วร่างกาย พวกเขาทั้งหมดล้มลงกับพื้น สูญเสียความคล่องตัวไปในทันที
“เอาล่ะ! คุณชายหลิน ข้าสนุกกับเ้ามามากพอแล้ว!”
จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็เลิกแสดงท่าทีผ่อนคลาย เขาเพ่งเล็งแล้วแทงกระบี่ออกไปอย่างรวดเร็วราวกับดาวตก!
"ฉึก!"
แสงกระบี่สีม่วงทะลุมีดวายุของหลินหล่าง และในที่สุดก็แทงเข้าที่ช่องท้องส่วนล่างของเขา ทำให้เขาหน้าซีดและกระอักเืออกมาเต็มปาก
จากนั้นทั้งเจ็ดคนก็ล้มลงกับพื้น ทุกคนสู้ต่อไปไม่ไหว ในทางกลับกัน ฉู่อวิ๋นกลับไม่ได้รับาเ็อะไรเลย
หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่อวิ๋นก็มัดคนทั้งเจ็ดเข้าด้วยกัน นำแผนที่ของพวกเขาออกมาและหยิบถุงศิลาหยกไปด้วย
แม้ว่าถุงศิลาหยกจะถูกหลินหล่างและคนอื่นๆ ปล้นมา แต่ก็เป็ไปไม่ได้ที่ฉู่อวิ๋นจะนำไปคืนให้กับเ้าของเดิม ตอนนี้เขาจัดการกับคนชั่วพวกนี้แล้ว เขาได้ล้างแค้นแทนพวกเขาและนำความยุติธรรมมาสู่งานประลองเซี่ยหยางแล้ว
แต้มศิลาพวกนี้ ถือว่าเป็รางวัลแล้วกัน
“ถุงศิลาหยกนี้หนักมาก เ้าคงทำงานหนักมากกว่าจะรวบรวมมันได้” ฉู่อวิ๋นโยนถุงศิลาหยกเล่นและยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ทำให้ทุกคนหน้าซีด สายตาจับจ้องไปที่เขา
หลินหล่างเป็คนดื้อรั้นที่สุด เขาพูดอย่างดุดัน "ศิลาหยกเ้าก็ได้ไปแล้ว ยัง้าอะไรอีก?"
“ข้า้าอะไรอีก?” ใบหน้าของฉู่อวิ๋นเปลี่ยนเป็เรียบเฉย เขายิ้มอย่างเ็า “ก่อนหน้านี้พวกเ้าอยากทำอะไรกับข้า ตอนนี้ข้าก็อยากทำเช่นนั้นกับพวกเ้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ตื่นตระหนกอย่างมาก พวกเขารู้ว่าที่นี่ไม่มีผู้คุม แม้ว่าพวกเขาจะถูกสังหารไปก็ไม่มีใครรู้เื่นี้
ในเวลานี้ ฉู่เจี้ยนเหรินพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา "ฉู่...ฉู่อวิ๋น! เห็นแก่ที่เราเป็ตระกูลเดียวกัน เ้า...ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ! ข้า...ข้ารับรองว่าจากนี้ตระกูลหลักจะมีที่สำหรับเ้าแน่นอน!”
“เมื่อก่อนเ้าเรียกข้าว่าสารเลว ตอนนี้เรียกชื่อข้าแล้วหรือ?” ฉู่อวิ๋นถือกระบี่เศวตรรุ้งไว้ในมือ ใบหน้านิ่งสงบราวกับน้ำ แต่ดวงตากลับจับจ้องไปที่ฉู่เจี้ยนเหริน
เมื่อเห็นกระบี่อันแหลมคมที่กะพริบเป็ประกายด้วยดวงดาว ฉู่เจี้ยนเหรินก็ตื่นตระหนกและพูดอย่างรวดเร็ว "เ้า...เ้าเข้าใจผิดแล้ว! เื่ที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลย! เป็...เป็เขา! เป็หลินหล่างที่ยุยงข้า เขาเป็คนวางแผนให้ข้าทำ!”
“ให้ตายเถอะ! เ้าสารเลวไร้ยางอาย ใครกันที่โอ้อวดว่าทักษะกระบี่ที่ยอดเยี่ยมของตนสามารถฆ่าฉู่อวิ๋นได้ง่ายดายนัก แต่เมื่อครู่แม้แต่กระบวนท่าเดียวของฉู่อวิ๋นเ้าก็ยังรับมือไม่อยู่! ซ้ำตอนนี้ยังมาคุกเข่าขอความเมตตาราวกับสุนัขใกล้ตาย!” หลินหล่างพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลังและสาปแช่งฉู่เจี้ยนเหรินด้วยความโกรธ
“มีดวายุของเ้าก็ใช่ว่าจะมีประโยชน์อันใด? วังวนหกคมมีด คมกับผีน่ะสิ! พี่อวิ๋นสังหารเ้าได้ด้วยกระบี่เดียวด้วยซ้ำ!” ฉู่เจี้ยนเหรินจ้องมองไปที่หลินหล่าง จากนั้นจึงชื่นชมฉู่อวิ๋น "ข้าพูดถูกหรือไม่? พี่อวิ๋น ฮะฮะ”
“ไม่ต้องเถียงกัน วันนี้ไม่มีใครหนีจากกระบี่ของข้าไปได้หรอก”
ฉู่อวิ๋นยกยิ้มอย่างเฉยเมยและหยิบกระบี่เศวตรรุ้งขึ้นมา ดวงดาราไหลริน ทำให้ทุกคนตัวสั่นและสิ้นหวังอย่างมาก
"ควั่บ!"
กระบี่เศวตรรุ้งโจมตีกลางอากาศเจ็ดครั้ง ปราณกระบี่ทั้งเจ็ดลอยเข้าไปที่ระหว่างคิ้วของทุกคนในทันที ทำให้ช่องทวารศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเปิดออก
ทันใดนั้น ิญญายุทธ์ทั้งเจ็ดก็กลายเป็แสงสีเจ็ดสายและลอยออกมาจากระหว่างคิ้วของทุกคน
นักรบิญญามีจุดอ่อนที่สำคัญสองแห่ง หนึ่งคือจุดชี่ไห่[1]ในตันเถียน และทวารศักดิ์สิทธิ์ระหว่างคิ้ว
หากระหว่างคิ้วถูกโจมตีด้วยพลังอันแข็งแกร่ง ทวารศักดิ์สิทธิ์จะเปิดออก ิญญายุทธ์จะหลบหนี กลับสู่สภาพิญญาว่างเปล่า และนักรบิญญาผู้นี้ก็จะกลายเป็คนไร้ประโยชน์
ในเวลานี้ พลังิญญาพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศ ปรากฏเงาประตูลึกลับขึ้น มองเห็นข้อความโบราณจำนวนนับไม่ถ้วนถูกแกะสลักไว้บนผนังประตู เปล่งรัศมีที่ไม่อาจหยั่งรู้แลดูกว้างใหญ่ไพศาล
"ตึง!"
หลังจากที่ิญญายุทธ์ทั้งเจ็ดถูกรับไป ประตูโบราณไท่ซวี[2]ก็ถูกปิดลงอย่างแ่า และใต้หล้าอันกว้างใหญ่ก็กลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง
--------------------
[1] จุดชี่ไห่ คือ จุดฝังเข็มบริเวณท้องน้อย บนแนวกึ่งกลางลำตัว อยู่ใต้สะดือ 1.5 นิ้ว เป็จุดสำคัญในการบำรุงสุขภาพ
[2] ว่างเปล่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้