โม่ฮว่าเหวินได้ยินว่าโม่เสวี่ยถงกลับมาแล้วก็ไปหาที่เรือนชิงเวย เห็นสีหน้าของนางสดใสไม่เลว จึงค่อยจากไป
นับั้แ่ปล่อยฟางอี๋เหนียงออกมา เขาก็รู้สึกผิดต่อบุตรสาวยิ่ง โม่เสวี่ยถงไม่เพียงแต่ไม่ตำหนิ ยังถามถึงสุขภาพของเขาด้วยความห่วงใย ทำให้เขารู้สึกไม่กล้าสู้หน้านาง
ฟางอี๋เหนียงจิตใจเหมือนอาบยาพิษ มีความผิดคิดร้ายต่อบุตรสาวของตนเป็ชนักติดหลังอยู่ แต่เขาก็จำต้องปล่อยนางออกมาเพื่อบุตรในครรภ์ แล้วจะให้เขามองหน้าโม่เสวี่ยถงโดยไม่รู้สึกละอายใจได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้จึงมิได้ไปหาฟางอี๋เหนียงที่เรือนหลีหวา แต่ตรงไปยังห้องหนังสือ พอตกค่ำก็พักผ่อนที่นั่น
สุขภาพของโม่เสวี่ยถงยังไม่ดีนัก นางจัดการให้ทุกคนออกไป เหลือโม่เยี่ยไว้ในห้องเพียงคนเดียว
นางหยิบของชิ้นหนึ่งส่งให้โม่เยี่ย แล้วมอบหมายงานให้ชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็รอให้อีกฝ่ายออกไปก่อนจึงล้มตัวลงนอนพัก
ฟางอี๋เหนียงร่วมมือกับอวี้ซื่อทำร้ายตน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้อง ‘ตอบแทน’ นางให้สาสมเสียหน่อย
…
เรือนหลีหวา
สองสามวันมานี้นับว่าฟางอี๋เหนียงอยู่สุขสบายอย่างยิ่ง ของอร่อยของดีทั้งหลายภายในจวนล้วนส่งมาให้นางก่อน อีกทั้งเมื่อนึกถึงว่าครานี้โม่เสวี่ยถงคงไม่อาจกลับมาได้อีกแล้ว ก็ยิ่งอารมณ์ดีไม่น้อย นางตะแคงเอนกายอยู่บนตั่งรับแสงแดดริมหน้าต่าง สาวใช้ยกรังนกเืเข้ามาให้ นางก็ยกขึ้นดื่มอย่างสำราญใจ
พอโม่เสวี่ยถงตายไป ตนเองก็จะแสดงตนว่าเป็ภรรยาที่มีคุณธรรมความสามารถสักหน่อย เพื่อสถานะบุตรในครรภ์ของตนเอง ิ่เอ๋อร์และเฟิงเอ๋อร์ นายท่านต้องยกนางขึ้นมาเป็ภรรยาเอกแน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างของสองแม่ลูกนั่นก็ต้องตกเป็ของตนเอง นึกแล้วก็ยิ่งกระหยิ่มใจ สีหน้ายิ้มย่องหัวเราะคิกคักอย่างลำพองใจ ท้ายที่สุดสกุลอวี้ย่อมยอมรับตนเองกลับเข้าตระกูล
ถึงเวลาตนเองไม่เพียงแต่ได้เป็ฮูหยินสกุลโม่ ยังมีสกุลทางบ้านหนุนหลังที่ไม่เลว ต่อไปใครจะกล้ามาดูถูกนางอีก หากนังแพศยานั่นตายไป ตนเองขึ้นมาเป็นายหญิง ไม่ว่าใครก็ว่าไม่ได้
ในใจของนางเวลานี้คิดว่าโม่เสวี่ยถงเสมือนหนึ่งคนตายไปแล้ว ชื่อเสียงถูกทำลายใบหน้าเสียโฉม ไหนเลยจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ยามที่สาวใช้ประจำตัววิ่งเข้ามาแจ้งว่าคุณหนูสามกลับมาแล้ว นางใจนเกือบสำลักรังนกเืออกมา
ยิ่งได้ยินว่าโม่ฮว่าเหวินไปเรือนชิงเวย แต่กลับไม่มาหาตนเองก็ยิ่งเดือดเป็ไฟ นางไม่อยากเชื่อว่าตนเองมีบุตรให้ถึงสามคนแล้วยังไม่อาจเอาชนะโม่เสวี่ยถงได้
ภายในใจนึกแค้นเคืองเป็ที่สุด ไม่นำพาว่าโม่เสวี่ยถงจะรอดชีวิตมาได้อย่างไร ผุดลุกขึ้นมาทันที คิดจะไปหาโม่ฮว่าเหวินที่ห้องหนังสือ ทวงถามความยุติธรรมให้บุตรตน เฟิงเอ๋อร์ต่างหากที่เป็บุตรชายเพียงคนเดียวของจวนโม่ ต่อไปก็จะเป็เสาหลักค้ำจุนสกุลโม่ ไฉนจึงเทียบเด็กสาวเพียงคนเดียวไม่ได้
“อี๋เหนียงอย่าไปเลยเ้าค่ะ ฟังบ่าวเถิด อย่าหาเื่ใส่ตัวเลยมิเช่นนั้นอาจจะเป็การทำร้ายคุณหนูกับคุณชายใหญ่นะเ้าคะ” หลี่มามาปราดเข้ามาประคองให้นางนั่งลงแล้วพูดเกลี้ยกล่อม
“เขาทำแบบนั้น เห็นหัวิ่เอ๋อร์กับเฟิงเอ๋อร์เสียที่ไหน ไม่รู้นังแพศยานั่นให้เขากินยาเสน่ห์อันใด ตายไปนานขนาดนี้แล้ว ในสายตาเขาก็ยังคงมีแต่นาง” ฟางอี๋เหนียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชัง
“อี๋เหนียง สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญเลย ฮูหยินเป็ปมในใจของนายท่าน ไฉนท่านจึงผ่าน่หัวเลี้ยวหัวต่อนี้ไปไม่ได้เล่า คนเป็ไยต้องสู้กับคนตาย แม้ว่าฮูหยินจะร้ายกาจเพียงใด แต่ก็จากไปแล้ว ผู้เป็นายที่อยู่ในจวนบัดนี้ก็คือท่านมิใช่หรือ” แม่นมหลี่เดินเข้ามายกน้ำชาให้ฟางอี๋เหนียง
“แต่ข้าไม่พอใจ รับไม่ได้นี่” ฟางอี๋เหนียงดื่มน้ำชาสงบจิตใจไปคำหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยความขุ่นเคือง นางก็รู้ว่าตนเองหุนหันพลันแล่นเกินไป เมื่อเย็นลงได้แล้วก็ตัดสินใจว่าจะไม่ทำเช่นนั้นอีก
“อี๋เหนียงรับไม่ได้แล้วอย่างไรเล่า เื่เ่าั้ก็ผ่านไปหมดแล้ว อี๋เหนียงเพียงแค่ค่อยๆ แสดงตนว่าเป็สตรีที่ดีงามเพียบพร้อม นายท่านไม่คิดตั้งท่านเป็ภรรยาเอกแล้วจะแต่งตั้งให้ผู้ใดได้เล่า ถึงอย่างไรนายน้อยก็เป็ทายาทสืบสกุลเพียงคนเดียว แม้ไม่คิดเพื่อท่านก็ต้องคิดเพื่อนายน้อยมิใช่หรือ”
คำพูดประโยคนี้ของแม่นมหลี่จี้กลางใจของฟางอี๋เหนียงพอดี โทสะที่คุกรุ่นจึงค่อยๆ มอดลงทีละน้อย นางวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะอย่างแรง สีหน้าเย็นะเื แสงสุดท้ายของดวงตะวันส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องทาบไล้บนใบหน้าคล้ำซีดที่เปลี่ยนเป็เ้าเล่ห์ร้ายกาจในชั่วพริบตา
“แม่นม นังแพศยาน้อยนั่นดวงแข็งปานนี้ พวกเราจะทำอย่างไรกันดี”
“อี๋เหนียงอย่าเพิ่งใจร้อน คุณหนูสามตอนนี้ยังเล็ก รอให้ผ่าน่นี้ไปก่อนค่อยจัดการก็ได้”
“ไม่ได้ ิ่เอ๋อร์บอกว่ารอไม่ได้อีกแล้ว เล็กขนาดนี้ยังจัดการยาก รอนางโตพวกเราสามแม่ลูกจะยังอยู่ดีมีสุขได้อีกหรือ ต้องกำจัดนางให้พ้นทางโดยเร็ว ไม่รู้ว่าสกุลอวี้และสกุลฉินเกิดอะไรขึ้น ขนาดร่วมมือกันแล้วยังไม่อาจจัดการกับนังมารน้อยตนนี้ได้” ฟางอี๋เหนียงขบกรามกรอดที่เหตุการณ์มิได้เป็ดั่งใจนึก
ยามนี้นางยังไม่รู้ว่าสกุลอวี้ไม่เพียงแต่ทำพลาด ชื่อเสียงยังตกต่ำเสียหายอย่างรุนแรง
“อาจเป็เพราะไม่สบโอกาสเหมาะ พรุ่งนี้สกุลอวี้จะต้องมีคำอธิบายมาถึงอี๋เหนียงแน่นอน แต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ อี๋เหนียงก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แม้จะเกิดเื่ สกุลฉินกับสกุลอวี้ก็ต้องเป็ผู้รับหน้าไป นายท่านไม่ตำหนิมาถึงท่านหรอกเ้าค่ะ” แม่นมหลี่วิเคราะห์สถานการณ์อย่างละเอียด
การวิเคราะห์แบบนี้ฟางอี๋เหนียงยังพอฟังเข้าหู เพียงแต่เมื่อนึกถึงข้อเสนอของโม่เสวี่ยิ่ สีหน้าก็นิ่งขรึมลง
นี่เป็การยื่นคำขาดครั้งสุดท้าย หากตนเองทำพลาดก็จะต้องชดใช้ด้วยชีวิตของบุตรในครรภ์ ยามนั้นนางรับปากไปแล้ว แต่พอเอาเข้าจริง ไหนเลยจะตัดใจได้ นางลูบท้องที่ยื่นออกมาเล็กน้อยของตนเอง แค่คิดก็รู้สึกเหมือนหัวใจถูกมีดกรีดเฉือน นางไม่อาจเสียสละบุตรในท้องได้จริงๆ
“อี๋เหนียง... จะล่อหมาป่าก็อย่าเสียดายเหยื่อ ขอเพียงต่อไปท่านได้ขึ้นเป็นายหญิงของบ้านนี้ คิดอยากจะคลอดอีกสักกี่คนไยจะไม่ได้เล่า ถึงเวลาเด็กที่คลอดออกมาก็จะเป็บุตรภรรยาเอกอย่างแท้จริง นายท่านมีแต่จะดีใจจนแทบไม่ทัน” แม่นมหลี่กลายเป็คนของโม่เสวี่ยิ่นานแล้ว ย่อมพูดให้นายของตนเอง
“แต่ว่า...” ฟางอี๋เหนียงยังทำใจไม่ได้อยู่ดี แม้ว่านางจะโเี้เพียงใด แต่กับลูกที่ยังมีชีวิตอยู่ไหนเลยจะยอมสละได้
“อี๋เหนียง หรือว่าจะยอมให้คุณหนูใหญ่ คุณชายใหญ่ รวมถึงบุตรที่กำลังจะเกิดมาคนนี้ต้องถูกคนดูิ่ว่าเป็เพียงบุตรอนุภรรยา แม้แต่จะหางานแต่งงานดีๆ ให้ก็ยังยากยิ่งนัก บ่าวทราบว่าอี๋เหนียงเป็ผู้มีจิตใจเมตตา แต่ก็ควรแยกแยะตามสมควร นี่เป็สิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง คุณชายน้อยในครรภ์ย่อมเข้าใจท่าน” แม่นมหลี่เกลี้ยกล่อม
เมื่อนึกถึงคำพูดของโม่เสวี่ยิ่ และคิดถึงว่ายามนี้ไม่มีหนทางใดจะจัดการกับโม่เสวี่ยถงได้แล้ว ฟางอี๋เหนียงก็ขบริมฝีปากแน่นข่มความเ็ปในหัวใจ “ได้ ครั้งนี้แม้แต่ชีวิตบุตรของตนเองข้าก็ยอมสละแล้ว แต่จะต้องทำให้นังสารเลวนั่นตายอย่างไร้ที่กลบฝัง”
นิ้วมือของนางลูบไล้บนหน้าท้องตามสัญชาตญาณ หัวใจบีบรัดจนเ็ปสุดประมาณ ชั่วขณะนั้นจึงนำทุกความเคียดแค้นประดังใส่โม่เสวี่ยถง เพราะนังแพศยานั่นทำให้บุตรในครรภ์ของนางต้องตาย เพราะนาง... เป็เพราะนาง! ตนเองจะต้องเอาชีวิตของนางมาสังเวยความแค้นให้กับบุตรในครรภ์นี้ให้จงได้
เมื่อใจคิดเช่นนี้สีหน้าพลันเผยความร้ายกาจออกมา
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่ท้องฟ้าก็มืดแล้ว กุ้ยเยวี่ยสาวใช้รุ่นใหญ่ถือเชิงเทียนเข้ามา ในมืออีกข้างยังหิ้วถุงหอมเล็กๆ ใบหนึ่งเข้ามาด้วย
“อี๋เหนียงเ้าคะ ไม่ทราบว่านี่เป็ตราหยกของนายท่านหรือไม่ เมื่อครู่บ่าวเก็บได้ตรงทางเดินที่นายท่านเดินผ่านประจำ เห็นว่าไม่มีใครอยู่จึงเก็บกลับมาให้อี๋เหนียงเ้าค่ะ” กุ้ยเยวี่ยส่งถุงหอมที่สกปรกเล็กน้อย ที่ไม่รู้แน่ว่าเป็เพราะตกที่พื้นหรือไม่ให้ฟางอี๋เหนียง
ฟางอี๋เหนียงรับไป เมื่อหยิบตราหยกข้างในออกมาพลิกดูก็รู้สึกว่าเนื้อหยกใสเป็ประกาย ต้องเป็หยกชั้นเลิศแน่นอน แต่ไม่รู้ว่า้าสลักสิ่งใดไว้ แต่ไหนแต่ไรโม่ฮว่าเหวินก็ไม่เคยให้นางดูตราประทับงานราชการของเขา แต่คิดว่าก็น่าจะเหมือนกับหยกชิ้นนี้
จนใจที่เมื่อก่อนบ้านที่เลี้ยงดูนางมามีฐานะยากจน จึงไม่มีโอกาสได้รู้หนังสือ ต่อมาก็ค่อยๆ จำเอาแต่คำที่ง่ายๆ แต่นางไม่รู้จักตัวอักษรบนตราประทับเยี่ยงนี้
“จะต้องเป็ของนายท่านแน่ๆ เ้าค่ะอี๋เหนียง นายน้อยไม่มีตราประทับหยกแบบนี้ นอกจากนายท่านแล้วใครจะทำตกในสวนได้อีกเล่า” แม่นมหลี่เข้ามาดูใกล้ๆ แล้วกล่าวอย่างมั่นใจ
“อี๋เหนียงจะให้นำส่งคืนให้นายท่านหรือไม่เ้าคะ” กุ้ยเยวี่ยวางเชิงเทียนในมือลงแล้วเอ่ยถาม
“ไม่ต้อง รอให้นายท่านหาไม่พบก่อนแล้วค่อยว่ากัน” ฟางอี๋เหนียงขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็นำตราประทับหยกชิ้นนั้นเก็บไว้ในอกเสื้อ แล้วสั่งให้กุ้ยเยวี่ยนำถุงหอมไปโยนทิ้ง แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็ของเก่าอยู่มาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าเป็ของที่ลั่วเสียทิ้งไว้ให้หรือไม่ แค่คิดว่าเป็ถุงหอมของลั่วเสีย และโม่ฮว่าเหวินยังคงเก็บรักษาราวกับสิ่งของล้ำค่า ความริษยาก็จุกแน่นอยู่ในอกแล้ว
นี่โม่ฮว่าเหวินไม่พอใจนางถึงขั้นให้นางต้องมาเห็นภาพบาดตาบาดใจเช่นนี้เลยหรือ ตราประทับหยกชิ้นนี้ต้องเป็ของที่เขาใช้ในงานราชการประจำวัน ไหนเลยจะขาดไปแม้แต่วันเดียว คาดว่าอีกไม่นานก็คงหากันวุ่นวาย เช่นนั้นก็ดี ให้เขาร้อนใจไปสักพักหนึ่ง แล้วตนเองค่อยออกหน้าช่วยค้นหา เขาย่อมต้องซาบซึ้งใจแน่นอน
เมื่อตัดสินใจเป็แม่นมั่น ก็นำถุงหอมที่ตนเองปักเล่นยามว่างออกมาเลือก
“อี๋เหนียงเลือกอันนี้สิเ้าคะ เป็คู่นกยวนยางเริงวารี นายท่านเห็นแล้วจะต้องเข้าใจความหมายของท่านแน่นอน ฝีมือในงานเย็บปักของท่านก็ประณีตงดงามยิ่ง นกยวนยางที่อยู่้าก็ราวกับมีชีวิตจริงๆ บ่าวอายุปูนนี้แล้วยังไม่เคยเห็นใครมีฝีมือเทียมเท่าอี๋เหนียงได้เลย” แม่นมหลี่ปรนนิบัติข้างกายฟางอี๋เหนียงมายาวนาน จึงคล้ายมีจิตใจเชื่อมถึงกันได้ แค่เห็นนางเลือกถุงหอมก็พูดกระเซ้านายหญิงของตน
คำพูดแบบนี้ฟางอี๋เหนียงชอบฟังเป็ที่สุด หยิบถุงหอมปักลายนกยวนยางขึ้นมาพิจารณาก็รู้สึกว่าไม่เลว ปักลายนกคู่รักคอยเคียง ด้านข้างปักอักษรว่า ‘สองหัวใจรักมั่นนิรันดร์กาล’ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็มีความหมายตรงใจยิ่ง
ถุงหอมใบนี้นางตั้งใจว่าหลังจากปักเสร็จแล้วจะมอบให้แก่โม่ฮว่าเหวิน แต่ต่อมาเขากลับไม่สนใจนางเลย จึงไม่มีโอกาสมอบให้เสียที ได้แต่เก็บเอาไว้ในกล่องเครื่องปักเย็บจนบัดนี้ หากฉวยโอกาสนี้มอบให้ก็ตรงกับความปรารถนาเดิมของตนเองด้วย คิดแล้วก็นึกกระหยิ่มใจ หยิบตราประทับหยกใส่เข้าไปในถุงหอม แล้วก็หยิบเชือกออกมาจำนวนหนึ่งฟั่นเป็เกลียวใช้เทียนลน ให้กุ้ยเยวี่ยช่วยทำพู่ห้อยชาย ต่อไปโม่ฮว่าเหวินจะได้ใช้แขวนที่สายคาดเอวได้
กว่าจะทำเสร็จท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว หลังจากรับสำรับอาหารค่ำฟางอี๋เหนียงก็เอนกายพักผ่อน
ท้องของนางยังไม่ใหญ่มาก รูปร่างยังดูงดงามแช่มช้อย ก่อนจะก้าวขึ้นเตียงนางเอาถุงหอมซ่อนไว้ใต้หมอนหนุน เลือกสวมใส่เอี๊ยมบังทรงสีทับทิมเป็พิเศษ ด้านนอกเลือกสวมชุดแพรเนื้อบางเบาที่เข้ากัน โนมเนื้อเผยออกมาให้เห็นกึ่งหนึ่ง ดูงดงามยั่วยวน หลังจากนั้นก็แต่งหน้า วาดคิ้วเรียวให้โค้งโก่ง ผัดหน้าให้ขาวนวล แม่นมหลี่เห็นแล้วก็ชมเปาะว่าในหมู่สตรีทั้งหลายในจวนนี้ฟางอี๋เหนียงงดงามที่สุด
ฟางอี๋เหนียงบรรจงแต่งตัวจนพอใจแล้วค่อยก้าวขึ้นเตียง แต่กลับยังไม่นอน
วางแผนไว้ว่าวันนี้โม่ฮว่าเหวินต้องมาตามหาตราประทับหยกที่นี่แน่ เมื่อเห็นนางในชุดวาบหวิวเช่นนี้ อาจนึกอยากรักใคร่ทะนุถนอม ไม่แน่ว่าอาจอยู่ค้างคืนกับนางที่นี่ โม่ฮว่าเหวินไม่มานอนที่เรือนของนางนานแล้ว ดูเหมือนว่านับั้แ่ที่นังแพศยากลับมาโม่ฮว่าเหวินก็มาหานางแต่ตอนกลางวัน
คิดถึงเื่นี้ฟางอี๋เหนียงก็ยิ่งนอนไม่หลับ รู้สึกแค้นเคืองโม่เสวี่ยถงจนอยากใช้มีดแล่เนื้อเถือหนังอีกฝ่ายให้ตายลงต่อหน้าต่อตา แล้วเหยียบย่ำไว้ใต้ฝ่าเท้าถึงจะสาสมใจ
นอนพลิกไปมาอยู่นาน โม่ฮว่าเหวินก็ไม่มาเสียที ในที่สุดก็เริ่มง่วง มือประคองหน้าท้อง แม้ว่าเมื่อกลางวันจะนอนมาเยอะ แต่ตกกลางคืนก็ยังคงไม่อาจอยู่ดึกกว่านี้ได้ เมื่อถึงขีดสุดของร่างกายสติการรับรู้ก็ค่อยๆ พร่าเลือน แล้วม่อยหลับไป
ผ่านไปครู่ใหญ่ นางก็สะดุ้งตื่นเพราะมีเสียงดังเอะอะรบกวน ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากถามว่าเกิดอะไรขึ้น ประตูก็ถูกชนเข้ามาอย่างแรง โม่ฮว่าเหวินยืนสีหน้าดุดันน่าเกรงขามอยู่ที่หน้าประตู มีบ่าวชายติดตามมาด้วยสองสามคน เมื่อเข้ามาด้านในเห็นนางอยู่ในชุดบางเบาเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ผิวขาวนวลกระจ่างมองคล้ายมิได้อยู่ภายใต้แพรเนื้อเบา
บ่าวชายสองสามคนล้วนก้มหน้า ไม่กล้าตามเข้าไปด้านใน
โม่ฮว่าเหวินเห็นแล้วก็โกรธจัดขบกรามกรอด เดินเข้าไปด้านในแล้วปิดประตูอย่างแรง เสียงประตูดังสนั่นทำให้ฟางอี๋เหนียงใจนิญญาแทบหลุดออกจากร่าง มองสีหน้าเกรี้ยวกราดจนเส้นเืบนหน้าผากตุบเต้นของผู้เป็สามีอย่างไม่เข้าใจ
ก็แค่ทำตราประทับหยกตกหายเท่านั้นมิใช่หรือ ไยจึงกลายเป็เื่ใหญ่ขนาดนี้!