่พลบค่ำ หลินเสี่ยวซินค่อยๆ ฟื้นจากอาการาเ็ ขณะที่หนิงเทียนยังคงดูดซับพลังจากหินิญญาเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งต่อไป
“มืดแล้ว รีบลงจากูเากันเถอะ” นางกล่าวขึ้น
“ลงไปทำไม?”
“ยอดเขาิเฟิงยามราตรีค่อนข้างอันตราย มีทั้งิญญาชั่วร้ายและเสียงโหยหวนน่าหวาดหวั่น”
หนิงเทียนถามอย่างประหลาดใจ “จริงหรือ?”
“ใช่สิ! ข้าอยู่ในนี้มาสิบวันแล้ว ได้ยินเสียงน่าสยดสยองนั่นทุกคืน หากมีลางร้ายเกิดขึ้นการอยู่ใต้เชิงเขาย่อมปลอดภัยกว่า ยิ่งเข้าใกล้ยอดเขามากเท่าใดก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น”
“แล้วไม่มีที่หลบภัยใกล้ๆ เลยหรือ?”
“ว่ากันว่าซากโบราณเ่าั้สามารถขับไล่ิญญาชั่วร้ายได้ แต่ถึงกระนั้นลางร้ายก็ยังเกิดขึ้นเป็ครั้งคราว ทางที่ดีเราควรอยู่ให้ห่างจากยอดเขาิเฟิง หรือไม่ก็ไปพักใต้เชิงเขา”
หนิงเทียนครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ยังเหลือเวลาอีกสองสามก้านธูปก่อนฟ้ามืด เราลองไปสำรวจรอบๆ บริเวณนั้นกันก่อน หากดูท่าไม่ดีค่อยถอยกลับ”
ทั้งสองคนเดินพลางพูดคุยพลาง ไม่นานก็พบกับกระท่อมหินทรุดโทรมซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งกาลเวลา
หน้ากระท่อมมีโอ่งหินทรงกลมตั้งอยู่ ตะไคร่น้ำสีเขียวเข้มปกคลุมทั่วโอ่ง ภายในนั้นก็มีน้ำอยู่ครึ่งหนึ่ง อีกทั้งพืชพรรณ ณ ที่แห่งนี้ก็ค่อนข้างทึบจนน่าขนลุก
หลินเสี่ยวซินไม่ชอบที่นี่ทั้งยังบอกให้รีบออกไป ทว่าหนิงเทียนกลับมีความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้น
“คืนนี้เราจะค้างที่นี่” เขาพูดพร้อมเดินไปที่โอ่งหินแล้วชะโงกมองด้านล่าง น้ำในโอ่งขุ่นเล็กน้อยและมีแหนลอยอยู่้า นอกจากนี้ยังมีใบไม้ วัชพืช ก้อนกรวด และก้อนดินกองอยู่ก้นโอ่ง ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจเป็พิเศษ
เมื่อความมืดคืบคลานเข้ามา ความหนาวเหน็บก็เริ่มจู่โจมอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นเสียงน่าพิศวงก็ดังมาจากในป่า บางคราไกล บางคราใกล้ เอาแน่เอานอนไม่ได้ เป็เหตุให้หลินเสี่ยวซินที่กำลังนั่งขัดสมาธิฝึกตนะโตัวลอย ก่อนจะมองเข้าไปในป่าอันมืดมิดอย่างประหม่า
ภายนอกกระท่อมหินมีเสียงลมหายใจสะท้อนอย่างแ่เบา พลันเส้นผมของหนิงเทียนลุกตั้งไปทั่วหนังศีรษะ
“ผู้ใดกัน?” เขาเริ่มกระสับกระส่าย และหลินเสี่ยวซินก็กังวลอย่างมาก
“ข้าบอกแล้วว่าที่นี่มันประหลาด เ้าก็ไม่เชื่อ...”
พลันเสียงแหลมกรีดทะลุผืนนภายามราตรี หลินเสี่ยวซินสั่นสะท้านไปทั้งร่างพร้อมเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ต้องกลัว เสียงมาจากูเา ไม่ได้อยู่ใกล้เรา” หนิงเทียนพยายามสงบสติอารมณ์และปลอบนางเบาๆ
ต้นหญ้าและต้นไม้ใหญ่โดยรอบสั่นระริก เสียงสยดสยองคำรามตามสายลม ทั้งยังมีเสียงฝีเท้าประหลาดค่อยๆ เข้ามาใกล้ราวกับมีบางอย่างกำลังสอดแนมพวกเขาอยู่
หลินเสี่ยวซินอกสั่นขวัญแขวนจนนั่งนิ่งอยู่บนพื้นราวกับเป็อัมพาต ส่วนสภาพจิตใจของหนิงเทียนยามนี้ก็ไม่มั่นคงเช่นกัน เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งที่มองไม่เห็นกำลังบุกรุกสถานที่ ทั้งยังรู้สึกเหมือนมีคนมากระซิบข้างหู
ในวิกฤตการณ์เช่นนี้ พลังิญญาในร่างของเขาก็ไหลเวียนอย่างรวดเร็ว รากบ่มเพาะในตันเถียนกำลังปลดปล่อยข้อมูลปริศนา และใบอ่อนทั้งสามใบล้วนชี้ไปทางโอ่งหินนอกกระท่อม
ขณะที่หนิงเทียนกำลังตัดสินใจ อากาศเย็นะเืก็ไหลผ่านหลังใบหูราวกับมีใครบางคนเป่าลมมาจากด้านหลังจนผมของเขาตั้งชัน เขาจึงรีบวิ่งไปที่โอ่งหินตามสัญชาตญาณ
ท่ามกลางความมืดยามราตรี เสียงประหลาดหลากชนิดดังสนั่นหวั่นไหว ทั้งสัตว์ร้ายคำราม นกร้องระงม และพืชพรรณสั่นเทา ััน่าพิศวงปกคลุมูเาเฮยเสวียนไปทั้งลูกราวกับิญญาชั่วร้ายนับพันตื่นขึ้นมาในยามราตรี
เมื่อมาถึงโอ่งหิน หนิงเทียนใช้มือทั้งสองข้างจับขอบโอ่งและสะดุดตากับน้ำด้านใน จึงได้เห็นภาพที่ทำให้จิตใจสั่นสะท้าน
น้ำเปรียบเสมือนกระจกเงาสะท้อนร่าง ซึ่งภาพที่หนิงเทียนเห็น ณ วินาทีนี้ คือ ใบหน้าซีดเผือดแสดงความหวาดกลัวของตน เนื่องจากมีงูตัวหนึ่งกำลังเลื้อยพันรอบไหล่ แต่หัวของมันกลับเป็หญิงผมยาวหน้าตาสะสวย
นางเป่าลมใส่หูของเขาอย่างอ่อนโยน ดวงตาเย้ายวนบนใบหน้าทรงเสน่ห์ทำให้คนเสียสติได้ไม่ยาก
สาวงามร่างงูจ้องเข้าไปในโอ่งพร้อมส่งเสียงหัวเราะ “น้องเหลียน พี่มาหาเ้าแล้ว เหตุใดเ้าไม่ออกมาทักทายพี่เสียหน่อยเล่า?”
หลินเสี่ยวซินไม่ได้ยินสิ่งใดเลยราวกับเสียงนี้ไม่มีอยู่จริง ทว่าหนิงเทียนกลับตั้งใจฟัง พลางสาปส่งในใจว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติเป็แน่
ทันใดนั้นประกายคลื่นก็ผุดขึ้นบนผิวน้ำทั้งยังปรากฏดวงตาสีฟ้าคู่หนึ่ง หนิงเทียนใจนแทบกรีดร้องออกมา นี่มันนรกชัดๆ!
“น้องเหลียน... น้องเหลียน...”
เสียงลึกลับจำนวนมากพร้อมใจกันขานชื่อนี้ซ้ำๆ ผ่านสายลมยามค่ำคืน บ้างเป็ชาย บ้างก็เป็หญิง
หนิงเทียนอยากหนีไปจากที่แห่งนี้ แต่ต้นอ่อนสามใบในตันเถียนกลับครอบงำร่างของเขา ทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ทั้งที่ยังมีสติ
นอกกระท่อม เสียงประหลาดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และหนิงเทียนก็ััได้ถึงกลิ่นอายแปลกๆ ที่หลั่งไหลเข้ามาในบริเวณนี้
“น้องเหลียน เรามาหาเ้าแล้ว”
ลมกระโชกแรง เงาดำแปดเงาปรากฏรอบโอ่ง หลินเสี่ยวซินยังคงมองไม่เห็นสิ่งใด ส่วนหนิงเทียนก็เห็นร่างเงาเ่าั้ผ่านการสะท้อนบนผิวน้ำ
ต้นไม้โบราณที่แห้งเหี่ยวเผยใบหน้าชราบนลำต้นเน่าเปื่อยที่กำลังส่งยิ้มให้โอ่งหิน
“ออกมาเถิดน้องเหลียน เราไม่ได้อยู่ร่วมกันมานานมากแล้ว”
หินขายาวก้อนหนึ่งมีช่องปากปรากฏขึ้นมายามแผดเสียงเรียก
ผีเสื้อตัวหนึ่งกระพือปีกอันงดงาม แต่ลำตัวของมันดูคล้ายคนตัวเล็กๆ
หญ้าเก้าใบลวดลายลึกลับต้นหนึ่งส่งเสียงดังชัดเมื่อกระทบกับโอ่งหิน ทุกใบของมันคมกริบราวกระบี่
เหนือโอ่งหิน สัตว์ประหลาดหัวมนุษย์ร่างนกกำลังร้องเรียกน้องเหลียน พร้อมด้วยปลามีปีกที่บินวนอยู่้า ตลอดจนเถาวัลย์เจ็ดสีที่ทอดตัวเป็ตาข่ายพาดผ่านท้องนภาครอบคลุมสถานที่แห่งนี้
สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติเหล่านี้ล้วนร้องเรียกชื่อเดียวกัน หนิงเทียนที่เดิมทีหวาดกลัวจึงเกิดความสงสัยใคร่รู้ขึ้นมา
น้องเหลียนคือผู้ใด? นางเป็ที่ชื่นชอบถึงเพียงนี้เลยหรือ?
ทันใดนั้นคลื่นแสงสว่างวาบก็เปล่งประกายขึ้นในโอ่ง ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นเริ่มตอบสนองต่อเสียงเรียกนับไม่ถ้วน
บัวเขียวปรากฏสู่สายตาของหนิงเทียน เมื่อดอกบัวทะยานขึ้นมา ใบบัวทั้งแปดใบก็ไล่ระดับจากสูงลงต่ำราวบันไดวน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความงดงามของดอกบัวอย่างเด่นชัด
นี่คือความประณีตและเอกลักษณ์ทรงเสน่ห์แห่งฟ้าดิน ดอกบัวตั้งเด่นอยู่ตรงกลาง และใบกลมมนแปดใบที่ร้อยเรียงกันราวภาพฝัน แม้กระทั่งหนิงเทียนที่ได้เห็นปรากฏการณ์นี้อย่างใกล้ชิดก็ยังไม่อาจแน่ใจได้ว่านี่คือความจริง
“น้องเหลียน...”
เสียงเรียกยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง งูสาวงาม ต้นไม้โบราณ หินขายาว ผีเสื้อร่างคน นกหัวมนุษย์ หญ้าเก้าใบ ปลาบิน และเถาวัลย์เจ็ดสี ต่างก็โรยตัวลงบนใบบัว จากนั้นร่างของพวกมันก็หดลงอย่างรวดเร็ว
บัวเขียวหนึ่งดอกแปดใบลอยเหนือน้ำเพียงหนึ่งฉื่อ[1] ภายในเกสรมีหญิงร่างชมพูขนาดเท่าถั่วลิสงนั่งขัดสมาธิอยู่
แปดสิ่งอัศจรรย์ขนาดย่อมประจำอยู่บนใบบัวแต่ละใบ พวกมันล้วนมีท่วงท่าและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ราวกับผลงานศิลปะอันวิจิตรบรรจง
กลางเกสรดอกบัว ทันทีที่หญิงร่างชมพูประทับตราเหนือใบบัวทั้งแปด บรรดาสิ่งเหนือธรรมชาติเ่าั้ก็มีท่าทีเปลี่ยนไป
เมื่อดวงิญญาทั้งเก้าเชื่อมโยงกัน สรวง์ก็บันดาลท่วงทำนองแห่งเต๋า ช่างน่าพิศวงราวกับมีความลึกลับบางอย่างซ่อนอยู่
หนิงเทียนยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้มากนัก แต่รากบ่มเพาะในร่างของเขาก็เริ่มทำงานแล้ว
กำไลหยกหยวนบนข้อมือเปิดออกโดยอัตโนมัติ หินิญญาด้านในค่อยๆ ลอยออกมาทีละก้อนราวกับสายฟ้าพันรอบร่างของเขา
หินิญญาเปล่งประกายด้วยแสงแห่งจิติญญา ทั้งยังเปลี่ยนรูปโฉมตลอดเวลา มันกำลังจำลองบงกชสีมรกตและใบทั้งแปด เลียนแบบท่วงท่าและเสน่ห์ของิญญาเหนือธรรมชาติทั้งเก้า พร้อมทั้งพยายามถอดรหัสความลึกลับ
ขณะเดียวกันเส้นลมปราณในร่างของหนิงเทียนก็สั่นะเือย่างต่อเนื่อง มันคอยดูดซับพลังจากหินิญญาและทำให้การบำเพ็ญของหนิงเทียนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หญิงร่างชมพูปรับเปลี่ยนอิริยาบถของแปดชีวิตนั้นอยู่ตลอดเวลา จากการตีความขั้นสูงพบว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนประกอบด้วยความหมายอันแท้จริงของลัทธิเต๋า
หินิญญาที่หมุนรอบหนิงเทียนก็เปลี่ยนเส้นทางโคจรเช่นกัน การจำลองท่วงท่าดำเนินไปอย่างแม่นยำราวกับกำลังจารึกเสน่ห์ของลัทธิเต๋าลงไป
หินิญญาแต่ละก้อนค่อยๆ หดตัวลง และพลังิญญาในร่างของหนิงเทียนก็เพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน สองส่วน สามส่วน...
ความเร็วนี้ช่างน่ากลัวนัก ทั้งยังไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของหนิงเทียนแม้แต่น้อย เขาจึงเข้าสู่่กลางของขอบเขตรวบรวมขั้นเก้าอย่างง่ายดาย และความแข็งแกร่งก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ราตรีนั้น บงกชสีมรกตในโอ่งหินกำลังพัฒนาเส้นทางแห่งฟ้าดิน หนิงเทียนซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลก็สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างลึกซึ้ง ทั้งยังเข้าใจความลึกลับอันยอดเยี่ยม จากความช่วยเหลือของรากบ่มเพาะในร่าง
เมื่อหญิงสาวร่างชมพูแสดงอิริยาบถครบเก้าท่าทาง ผิวน้ำในโอ่งหินก็กระเพื่อมอีกครั้ง พลันนก งู ผีเสื้อ หญ้า ต้นไม้ หิน และเถาวัลย์บนใบบัวทั้งแปดล้วนบานสะพรั่งออกมา ก่อนจะก่อตัวเป็หลักธรรมเต๋าอันสูงส่ง ราวเส้นแสงหลายพันเส้นเชื่อมโยงและควบแน่นเข้าด้วยกัน
ทันใดนั้นหินิญญารอบร่างของหนิงเทียนก็แตกกระจายทีละก้อน พลังิญญาหลั่งไหลเข้าสู่เส้นลมปราณพร้อมเพิ่มความแข็งแกร่งให้เขาทีละระดับ เมื่อก้าวข้ามขอบเขตรวบรวมขั้นเก้า่กลางแล้วเขาก็เข้าสู่่ปลายทันที
แสงจำนวนนับไม่ถ้วนทอประกายอยู่ในใจเขา ราวกับบางอย่างกำลังตื่นขึ้น
“เส้นลมปราณทั้งเก้าครองนภา! จากมนุษย์สู่ความเป็ะ ทางเดินแห่งเต๋าทั้งสามพันสาย ต้อนรับจักรพรรดิหนิงเทียน!”
เสียงสะท้อนก้องอยู่ในใจของหนิงเทียน ทุกพยางค์ดังราว์คำรามะเืโลกา ส่งผลให้จิติญญาของเขาตึงเครียด
รากบ่มเพาะเริ่มเปิดเผยข้อมูลดั้งเดิม ในที่สุดหนิงเทียนก็สามารถรู้ต้นกำเนิดว่ารากพฤกษานี้คือกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิต!
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตเป็รากบ่มเพาะโบราณอันลึกลับที่ไร้ซึ่งคำอธิบายเกี่ยวกับระดับ หนิงเทียนจึงรู้จักเพียงชื่อของมันเท่านั้น
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตกำลังสร้างกระแสจิตร่วมกับหนิงเทียน ทฤษฎีโบราณและทักษะลึกลับค่อยๆ ปรากฏขึ้นในใจของเขา
“ยุทธศาสตร์ครอง์ ส่วนแรกของศาสตร์จักรพรรดิเซียนเก้าะ เมื่อเส้นลมปราณทั้งเก้าครองนภา จากมนุษย์สู่ความเป็ะ ทุกสิ่งจะกลายเป็อาหาร และเต๋าของข้าคือ์!”
คำพูดอันลึกซึ้งดังก้องอยู่ในใจ ในที่สุดเขาก็ปลุกทักษะโดยกำเนิดของตนได้ ทั้งยังเป็ทักษะชั้นยอดอีกด้วย
ยุทธศาสตร์ครอง์ หยั่งรากใน์ และเหนือความเป็ะทั้งปวง เหล่านี้เป็เพียงส่วนแรกของศาสตร์จักรพรรดิเซียนเก้าะเท่านั้น
หนิงเทียนตื่นเต้นอย่างยิ่ง แค่ส่วนแรกก็สามารถหยั่งรากใน์ได้ เช่นนั้นส่วนกลางและส่วนต่อๆ ไปของศาสตร์จักรพรรดิเซียนเก้าะจะไม่น่ากลัวยิ่งกว่านี้หรอกหรือ?
ด้วยลักษณะพิเศษของจื๋อซิวแล้ว ระดับความสำเร็จนั้นสัมพันธ์กับรากบ่มเพาะ
ทว่าเขาเพิ่งปลุกพลังขึ้นมากลับได้รับยุทธศาสตร์ครอง์เสียแล้ว หากขอบเขตของเขาสูงขึ้น ในอนาคตจะเป็ไปได้หรือไม่ที่จะปลุกทักษะที่ทรงพลังยิ่งกว่ายามนี้ขึ้นมาได้?
เพียงครุ่นคิดหนิงเทียนก็มีความสุขมาก แต่เขาก็ยังคงจับจ้องบงกชสีมรกตในโอ่งต่อไป
ยุทธศาสตร์ครอง์สะท้อนอยู่ในจิตใจ ภายใต้การแนะนำของกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิต พลังิญญาในกายของเขาเริ่มเปลี่ยนวงโคจร รูขุมขนทั่วร่างค่อยๆ ขยายตัว และความเร็วในการดูดซับพลังิญญาก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า
หลังจากนั้นไม่นาน พลังที่ไหลเวียนในร่างของเขาก็เทียบเท่าการบำเพ็ญเก้าสัปดาห์
ยามนี้หนิงเทียนพบว่าเส้นลมปราณที่ไหลผ่านเท้าซ้ายมีการเปลี่ยนแปลง เงาของบงกชสีมรกตปรากฏขึ้นภายในเส้นลมปราณของเขา หนึ่งดอกมีแปดใบ และแสงแห่งจิติญญาเก้าดวงก็ยังแปรเปลี่ยนตลอดเวลา
หากมองให้ดีจะเห็นว่า จิติญญาทั้งเก้าดวงบนเกสรและใบบัวมีแบบแผนการเปลี่ยนแปลงเหมือนกับบงกชสีมรกตในโอ่งหิน ทั้งยังเหมือนกับการเปลี่ยนแปลงของิญญาประหลาดทั้งเก้าดวงก่อนหน้านี้ทุกประการ
นี่คือการจารึกของรอยประทับทางจิติญญา ซึ่งเป็การลอกเลียนแบบััแห่งเต๋า
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตผสานท่วงทำนองแห่งเต๋าของบงกชสีมรกตเข้าสู่หนึ่งในเส้นลมปราณของมัน ความสามารถนี้ช่างน่าเหลือเชื่อจนหนิงเทียนตกตะลึง
การผสานดังกล่าวทำให้เส้นลมปราณเส้นนั้นมีทักษะเลิศล้ำยิ่งกว่าเส้นลมปราณอื่น ภายในประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงอันลึกซึ้งของเก้าท่วงท่าแห่งฟ้าดิน หนิงเทียนจึงถือว่านี่คือการผสานเส้นลมปราณชั่วคราวเป็ครั้งแรก
ภายในโอ่งหินแสงหลากชนิดต่างเชื่อมโยงสอดคล้องกัน หญิงร่างชมพูปรับเปลี่ยนอิริยาบถของิญญาประหลาดทั้งแปดอีกคราั้แ่ท่าที่หนึ่งถึงเก้า การเปลี่ยนท่วงท่าเริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็รวมกันเป็ท่าเดียว ทั้งยังกระตุ้นให้ท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันที
ร่างกายของหนิงเทียนสั่นสะท้าน กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตในตันเถียนกำลังจำลองท่วงท่าทั้งเก้าของบงกชสีมรกต และเกิดการเปลี่ยนแปลงขั้นสูงสุดในเส้นลมปราณเส้นแรก
ทันใดนั้นท้องนภายามค่ำคืนก็เริ่มส่งเสียงคำราม สายฟ้าฟาดปกคลุมทั่วทั้งเขาเฮยเสวียน พลันวัตถุแปลกปลอมบุกเข้ามาในความมืด ก่อนจะปรากฏขึ้นภายนอกกระท่อมหิน
---------------------------------------
[1] ฉื่อ (尺) เป็คำบอกระยะทางของจีน โดย 1 ฉื่อ เท่ากับ 10 นิ้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้