ซ่งเว่ยหลงกลับไปแล้วก่อนกลับเขายังย้ำกับเซวี่ยฟังเฟย อีกหลายครั้งว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นให้รีบมาบอกเขา เขาจะรีบมาทันทีส่วนเ้าตัวต้นเื่ก็ยังคงนั่งทำหน้าตายไม่รู้ร้อนรู้หนาวน่าหมั่นไส้จริงๆ
"คุณหนูเ้าคะท่านหัวหน้าหมู่บ้านท่าทางดูแปลกๆ นะเ้าคะ"
ซินเยว่หันไปมองฮุ่ยหลิงแล้วยกนิ้วขึ้นปัดจมูกนางเบาๆ
"เื่ของผู้ใหญ่"
ฮุ่ยหลิงย่นจมูกใส่นายสาวของนาง
"คุณหนูท่านแกล้งข้าอีกแล้ว"
ซินเยว่หัวเราะเสียงใสออกมาอย่างอารมณ์ดี นางไม่ได้หัวเราะมานานแค่ไหนแล้วนะ ั้แ่ที่เ้าคนหน้าตายย้ายมาอยู่ที่บ้านของนางกระมัง หนังจากวันนั้นซ่งเว่ยหลงก็แวะมาที่บ้านของเซวี่ยฟังเฟยทุกวันทั้งตอนเช้าและตอนเย็นเดี๋ยวเอาไก่ป่าห้าสีมาให้เดี๋ยวเอาเนื่อกวางหางงูมาฝาก ล่าสุดได้กระต่ายป่าหิมะสีขาวตัวอ้วนพีมาฝากเซวี่ยฟังเฟยเป็เช่นนั้นอยู่หลายเดือน จนซินเยว่อดจะเอ่ยเย้ามารดามิได้
"ท่านแม่ท่านว่า่นี้ท่านลุงซ่งมาบ้านเราบ่อยไปหรือไม่ คนบ้านเราก็มีอยู่เท่านี้แต่อาหารไม่มีที่จะให้เก็บแล้ว"
เซวี่ยฟังเฟยยิ้มน้อยๆ ทำไมนางจะไม่รู้ว่าบุตรสาวของนางหมายความว่าอย่างไร ตัวนางเองก็พอจะมองออกว่าหัวหน้าหมู่บ้านซ่งคิดอย่างไรกับนาง แต่เื่นี้เซวี่ยฟังเฟยเคยเ็ปมาก่อนนางจึงไม่อยากรีบร้อนกระทำตามใจเหมือนครั้งที่นางตกหลุมรักหยางจิ่งเทียน
"ท่านซ่งก็เเค่เป็คนมีน้ำใจเ้าอย่าได้พูดจาเหลวไหลเชียว”
ซินเยว่เลิกคิวมองมารดา
"อ้อ ดูท่าจะมีน้ำใจให้แค่กับคนที่บ้านของเราเท่านั้นนะเ้าคะ"
พูดจบซินเยว่ก็ทำหน้าล้อเลียนมารดา
"เยว่เอ๋อ เด็กคนนี้เดี๋ยวนี้ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ"
เซวี่ยฟังเฟยทำหน้าขึงขังดุบุตรสาวเสียงเขียวทั้งที่ใบหน้านั้นแดงก่ำเป็ลูกผิงกั่วสุก
"โธ่ ท่านแม่ที่เคารพที่ผ่านมาท่านลุงซ่งก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าจริงใจกับท่านแค่ไหน ข้าตอนนี้ไร้ข้อกังขากับการกระทำและความรู้สึกที่เขามีต่อท่าน ถ้าหากว่าในอนาคตท่านจะมีใครสักคนที่จริงใจมาคอยดูแลข้าก็ไม่คัดค้านนะเ้าคะ อีกอย่างท่านลุงซ่งก็ไม่เคยแต่งงานบิดามารดาจากไปหมดแล้วมีเพียงน้องสาวและหลานชาย ตัวข้าไม่กีดกันถ้าหากท่านลุงซ่งจะแต่งงานกับท่านแม่เเต่ต้องให้ท่านลุงซ่งมาอยู่ที่บ้านของเรานะ"
เซวี่ยฟังเฟยใกับคำพูดของบุตรสาวที่ช่างขวานผ่าซากไม่รู้ว่านางนิสัยเหมือนใคร
"เยว่เอ๋อเ้าเด็กคนนี้แม่ไม่อยากคุยกับเ้าแล้ว"
เซวี่ยฟังเฟยหน้าแดงก่ำลุกเดินหนีไป
ทุกๆ วันที่เรือนริมเขาผ่านไปอย่างเรียบง่าย ซินเยว่ก็ยังคงเข้าป่าหาสมุนไพรตอนเช้าอยู่ทุกวันพร้อมกับฝึกวิชาทะยานเมฆาให้ช่ำชอง เพื่อเลื่อนขึ้นไปในระดับสูงมากกว่านี้ ตอนนี้มีเสี่ยวเป่าเป็ผู้ช่วยมือดีเพราะมันเป็เหมือนเรดาร์หาสมุนไพรให้นาง ทั้งสมุนไพรปราณขั้นสูงและพวกสมุนไพรหายาก ทำให้ตอนนี้นางมีเงินเก็บมากพอที่จะใช้ชีวิตสบายๆ โดยไม่ต้องทำอะไร
ทางด้านเมืองเยว่กว่างหลังจากที่ซินเยว่ขายโอสถเพิ่มพลังปราณให้เถ้าแก่สวี นี่ก็ผ่านไปหลายเดือนแล้วเถ้าแก่สวีได้นำโอสถเพิ่มพลังปราณเข้าประมูลที่หอประมูลจันทรา
หอประมูลจันทรามีสาขาอยู่ทุกๆ หัวเมืองใหญ่ในแผ่นดินชิวหลิง เหมือนกับหอโอสถของสำนักแพทย์โอสถ ทั้งสองเป็ขุมกำลังที่ทุกคนในแผ่นดินชิวหลิงให้ความยำเกรง หอประมูจันทราจะจัดงานประมูลขึ้นเดือนละหนึ่งครั้ง เวียนไปเรื่อยๆ ในทุกๆ เมืองครั้งนี้เป็รอบของเมืองเยว่กว่าง
วันนี้ไป๋เยี่ยนหลงแต่งตัวด้วยชุดขาวเช่นเดิมแต่ที่แปลกไปคือ เขามายืนอยู่หน้าเรือนพักของนาง ซินเยว่เปิดประตูออกมาเจอกับเขาแต่นางยังไม่ทันได้ถามไป๋เยี่ยนหลงก็เอ่ยขึ้นมาก่อน
"ไปกับข้า"
เขาพูดเพียงสั้นๆ แล้วจับมือของนางดึงให้เดินตาม
"ท่านจะพาข้าไปไหน"
ซินเยว่พยายามขืนตัวไว้แต่สู้แรงเขาไม่ได้ ไป๋เยี่ยนหลงจูงมือของนางมาหน้าเรือนใหญ่ เขา ใช้สายตาบอกให้นางขึ้นไปบนรถม้าที่ไม่รู้ว่าเยี่ยจื่อไปเอามาจากไหน ซินเยว่ทำท่าอิดออดไม่อยากขึ้นไป
"บอกข้ามาก่อนว่าเราจะไปที่ใดไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ยอมขึ้นรถม้าคันนี้"
ซินเยว่ต่อรอง ไป๋เยี่ยนหลงมองนางเล็กน้อยแล้วรวบตัวซินเยว่ด้วยมือข้างเดียวยัดนางเข้าไปในรถม้า ด้านนอกมีเยี่ยจื่อกับฮุ่ยหลิงนั่งคู่กัน
"นี่เ้าคนเผด็จการข้าบอกว่าไม่ไปอย่างไรเล่า"
ซินเยว่โวยวายอยู่ด้านใน นางโมโหที่เขาทำอะไรตามใจตัวเองไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา
"แล้วมากันหมดแบบนี้ท่านแม่ก็ต้องอยู่คนเดียวน่ะสิ"
นางทำท่าจะลงจากรถม้า ไป๋เยี่ยนหลงรวบตัวซินเยว่มานั่งบนตักของเขา นางตัวแข็งทื่อไปทันที
"หากเ้ายังดิ้นอีกข้าจะลงโทษเ้า"
ไป๋เยี่ยนหลงเอ่ยคาดโทษเสียงเย็น ซินเยว่ได้แต่ขยับปากบ่นเสียงเบา
"ข้าเลิกดิ้นแล้วปล่อยข้าลงสิข้านั่งเองได้"
ซินเยว่ขยับตัวทำท่าจะลงจากตักของไป๋เยี่ยนหลง
"ข้าบอกแล้วว่าถ้าหากเ้าขยับข้าจะลงโทษเ้า"
ไป๋เยี่ยนหลงเอ่ยเสียงเรียบแต่ั์ตาพราวระยับ เขาโน้มใบหน้าเข้าหานางอย่างรวดเร็วแล้วกดจูบลงไปที่ปากเล็กนุ่มนิ่มสีแดงสดของนางและค่อยๆ แทะเล็มริมฝีปากบางอวบอิ่มอย่างนุ่มนวลมือขวากอดเอวคอดของนางเอาไว้มือซ้ายประคองท้ายทอยไม่ให้นางถอยห่าง ซินเยว่ตกตะลึงตาค้างไม่คิดว่าเขาจะลงโทษนางแบบนี้ หัวใจซินเยว่เต้นรัวกระหน่ำจนนางกลัวว่าเขาจะได้ยิน
ไป๋เยี่ยนหลงผละออกจากซินเยว่เมื่อใดไม่รู้ นางสูดหายใจเข้าปอดอย่างเหนื่อยหอบไร้เรี่ยวแรง ไป๋เยี่ยนหลงยังคงกอดนางเอาไว้หลวมๆ ฝ่ามือแกร่งลูบแผ่นหลังซินเยว่เบาๆ ดวงตาจ้องใบหูเล็กที่แดงก่ำของนาง เขาอดที่จะใช้ปากขบติ่งหูน่ารักสีชมพูของซินเยว่ไม่ได้
นางช่างเป็สิ่งมีชีวิตที่น่ารักน่าใคร่ยิ่งนัก กลิ่นกายของนางหอมอ่อนๆ คล้ายกลิ่นสมุนไพรทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสูดดมอีกหลายครั้ง ไป๋เยี่ยนหลงกดจูบที่แก้มของนางอีกที
ตอนนี้ซินเยว่เขินจนต้องมุดหน้าหลบที่ซอกคอของไป๋เยี่ยนหลงนางตัวสั่นน้อยๆ ด้วยความใระคนขัดเขิน ถึงแม้นางจะเคยเกิดมาแล้วสองรอบแต่นี่เป็จูบแรกของนางเลยนะ จูบแรกของนาง ใบหน้าเล็กแดงก่ำทำปากบ่นขมุบขมิบคนเดียว
หลังจากที่ซินเยว่ได้สติคืนมานางไม่กล้าดื้อที่จะลงจากตักของไป๋เยี่ยนหลงอีกนางกลัวว่าจะถูกเขาทำโทษอีกครั้ง ซินเยว่ได้แต่บ่นในใจเ้าคนหน้าหนาทำโทษอะไรกันเอาเปรียบนางชัดๆ คอยดูเถอะนางจะวางยาถ่ายในอาหารของเขา
ซินเยว่ได้เเต่บ่นในใจคนเดียวไม่กล้าเอ่ยออกมาแม้เพียงครึ่งคำกลัวเขาจะเอาคืนมากกว่าเดิม รถม้าออกจากเรือนของซินเยว่วิ่งตามถนนผ่านหมู่บ้านต้งเถียนไปอย่างช้าๆ หม่าชิวหนิงมองตามจนลับสายตาจากนั้นจึงหันมาพูดกับหญิงวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปี
"รถม้านั่นวิ่งมาจากบ้านของหญิงหม้ายแซ่เซวี่ยนี่นา........ หญิงเเพศยาไม่มีสามีแต่กลับพาบุรุษเข้ามาอยู่ในบ้าน"
หม่าชิวหนิงบิดปากพูดออกไปด้วยความริศยา หวังให้หญิงวัยกลางคนเห็นด้วยกับตน ั้แ่ได้ยินชาวบ้านเล่าลือว่ามีหญิงหม้ายใบหน้างดงามมาอาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้านกับบุตรสาว นางก็บังเกิดความรู้สึกเกลียดชังทั้งๆ ที่นางไม่เคยพบหน้าเซวี่ยฟังเฟยเลยสักครั้ง ยิ่งมีคนเล่าลือว่าซ่งเว่ยหลงไปมาหาสู่เข้านอกออกในบ้านนั้นบ่อยครั้ง นางยิ่งบังเกิดความริศยามากขึ้นทวีคูณ เมื่อมีโอกาสหม่าชิวหนิงมักจะนำเอาเื่ของเซวี่ยฟังเฟยมาพูดใส่ร้ายให้คนในหมู่บ้านเกิดความเข้าใจผิด
ครั้งก่อนบุตรสาวของนางเล่าเื่ที่มีบุรุษรูปงามเข้าพักที่เรือนของเซวี่ยฟังเฟย นางจึงนำเื่นี้ไปบอกเเก่ซ่งเว่ยหลง เพื่อให้เขาได้ตาสว่างว่านางหญิงม่ายแม่ลูกสองคนนั้นไร้ยางอายเพียงใด
คราแรกที่ได้ยินซ่งเว่ยหลงโกรธจนสติหลุดเขารีบหุนหันไปที่เรือนของเซวี่ยฟังเฟยแต่ตอนกลับออกมากลับมีท่าทางอารมณ์ดีมีความสุขและหลังจากนั้นเขาก็ไปขลุกอยู่ที่บ้านนั้นทุกวัน นั่นยิ่งทำให้นางโกรธแค้นยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ั้แ่สามีของนางตายจากไปหม่าชิวหนิงก็หวังจะได้แต่งเข้าตระกูลซ่ง นางหลงรักซ่งเว่ยหลงมานานแต่ซ่งเว่ยหลงกลับมีท่าทีเฉยชาไม่เคยให้โอกาสนางสักครั้ง ซ่งเว่ยหลงก็เว้นระยะห่างจากนางมาตลอดยิ่งเขาไม่เคยแต่งงานยิ่งทำให้นางปารถนาในตัวเขามากยิ่งขึ้น
"คอยดูเถอะข้าจะทำให้พี่เว่ยหลงหูตาสว่างว่านางหญิงม่ายสองแม่ลูกไร้ยางอายและสำส่อนเพียงใด"
หม่าชิวหนิงมองไปทางรถม้าที่วิ่งหายไปนานแล้วด้วยสายตามุ่งร้าย
ซ่งเว่ยหลงอดีตคือองครักษ์ในวังหลวงด้วยความเบื่อหน่ายในการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในราชสำนัก เขาจึงตัดสินใจลาออกจากการเป็องครักษ์หลวงแล้วย้ายมาอยู่ที่เมืองเยว่กว่างบ้านเดิมของมารดา กลับมาใช้ชีวิตเรียบง่ายในหมู่บ้านเล็กๆ ริมขุนเขา
บิดามารดาของเขาเสียชีวิตจากไปเมื่อหลายปีก่อนเขาจึงอยู่คนเดียวมาโดยตลอดเมื่อปีกลายน้องสาวของเขา ซ่งอวี้อวิ๋นได้หย่าขาดจากสามีของนาง นางจึงพาบุตรชายย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านต้งเถียนกับเขา
เมื่อรถม้าวิ่งมาถึงเมืองเยว่กว่างและได้จอดลงที่หน้าหอประมูลจันทรา ผู้คนต่างให้ความสนใจว่ารถม้าที่ใช้ม้าวิหคทมิฬเป็พาหนะคันนี้เป็ของผู้ใด รอเพียงไม่นานบุรุษผมสีเงินในชุดขาวปักลายเมฆคล้อยสีฟ้าที่ชายชุดท่วงท่าองอาจหล่อเหลารัศมีไม่คล้ายมนุษย์ในแผ่นดินนี้ใบหน้าเฉยชาหยิ่งทะนงเหมือนไม่เห็นผู้ใดในใต้หล้าอยู่ในสายตา ก้าวลงมาจากรถม้าจากนั้นมีอีกหนึ่งสตรีชุดสีเขียวใบไผ่ใบหน้างดงามอ่อนหวานท่วงท่าการขยับกายดูเป็ธรรมชาติไม่ปรุงแต่ง
นางลงจากรถม้าลงมายืนคู่กับบุรุษผู้นั้น ช่างเป็คู่ที่ดูแล้วเหมาะสมกันยิ่งนัก หนึ่งบุรุษหล่อเหลาองอาจหนึ่งสตรีงดงามอ่อนหวานเวลาที่ทั้งสองคนเดินเยื้องย่างคู่กันแลดูคล้ายเทพเซียนลงมาเยือนโลกมนุษย์
