“พอหรือยัง?” เสียงของซูจื่อเยี่ยไม่เ็าเหมือนแต่ก่อน แต่กลับแฝงด้วยความเกียจคร้านและเป็ตัวของตัวเอง
ดวงตาของหลิวเต้าเซียงฉายแววเป็ประกายสีสัน แต่ก็เกรงว่าเขาจะสังเกตเห็น จึงรีบก้มศีรษะแกล้งทำเป็ตั้งใจมองไก่ฟ้าที่นอนเหมือนตายอยู่ นึกบ่นในใจว่า ให้ตายเถิด ปีศาจ จะถูกเขาทรมานตายอยู่แล้ว!
ในขณะนี้หลิวเต้าเซียงคิดถึงโทรศัพท์เก่าๆ กับแอปพลิเคชันแต่งรูปของตนเอง คิดถึงว่าท่านเทพข้ามมิติไม่ได้ให้สองสิ่งนี้มาด้วย มนุษย์จิ๋วในใจก็อยากทุบอก!
“วางใจเถิด เพียงแค่าเ็ตรงเท้า!” ซูจื่อเยี่ยคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วเอ่ย “เ้าเอาไปขายก่อน ข้าจะเดินในูเาก่อน”
ขายหรือ? สายตาของนางเลื่อนไปมาอยู่ที่ตัวไก่ฟ้า ไก่ตัวหนึ่งคงได้ราคาหนึ่งร้อยอีแปะ ไก่ฟ้าตัวนี้หายาก น่าจะราคาแพงกว่า
แล้วนึกถึงคำพูดของแม่เฒ่าจาง ไม่รู้ว่านาง้าสัตว์ป่าหรือไม่ หากไม่้า อาจจะลองไปถามบ้านคนรวยหลังอื่นๆ
เมื่อนึกได้เช่นนี้ จึงแหงนศีรษะมองดูเวลา ขณะนี้ราวบ่ายสองกว่า ดีที่จากตำบลมาบ้านไม่ได้ไกลมาก หากอาศัยการเดินด้วยเท้าเล็กๆ ของนางคงลำบากหน่อย
“โฮสต์ครับ คุณยังมีเงินเก็บแปดเหรียญนะครับ!” เ้าถั่วงอกหลังจากได้ยินคำบ่นของหลิวเต้าเซียง จึงแจ้งเตือนได้เหมาะเจาะ
นับแต่ครั้งที่แล้วที่หลิวเต้าเซียงทำให้มัน ‘ตรัสรู้’ เ้าถั่วงอกก็รู้สึกว่าโฮสต์คนนี้ไม่เลว ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตนเองนั้นถูกหลอกล่อแล้ว
“อ้า เ้าสัตว์ปีศาจน้อย ขอบใจมาก” วันๆ เอาแต่วนเวียนอยู่กับครอบครัวตระกูลหลิว จนหลิวเต้าเซียงเองก็เกือบลืมไปว่าตนเองยังมีเงินอยู่แปดเหรียญ แม้ไม่เยอะมาก แต่เพียงพอต่อการนั่งรถเข็นวัว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางจึงโยนไก่ฟ้าเข้าไปไว้ในตะกร้า ยิ้มแล้วเอ่ย “ไก่ฟ้าสามตัว กระต่ายป่าหนึ่งตัว เดาว่าคงได้ห้าหกร้อยอีแปะ กลับมาข้าจะแบ่งให้เ้าครึ่งหนึ่ง”
เงินนี้หลิวเต้าเซียงสามารถรับมันได้อย่างสบายใจ เพราะตนเองก็ใช่ว่าจะไม่ได้ออกแรงอะไรเลย
“หือ? ดี!” สายตาของซูจื่อเยี่ยยังคงอยู่้าเหนือศีรษะนาง ลักยิ้มเผยออกมา ริมฝีปากบางเปิดออก รอบข้างมีพลังงานของความเยาว์วัยที่พิเศษพรั่งพรู
ดวงตาของเขามืดลงเล็กน้อยราวกับว่ากำลังข่มใจอะไรบางอย่าง เมื่อกะพริบตาอย่างรวดเร็วแล้วมองไปอย่างละเอียดอีกครั้ง จะเห็นว่าสงบนิ่งไร้คลื่น
หลิวเต้าเซียงที่ดวงตายิ้มโค้ง มนุษย์จิ๋วในใจกำลังคำนวณอย่างรวดเร็ว เพียงแค่่บ่ายก็สามารถได้เงินอีกสองสามร้อย พลันรู้สึกว่าท้องฟ้าสีฟ้าคราม หญ้าเขียวขจี กระทั่งอากาศก็สะอาดบริสุทธิ์กว่าที่เคย
“ใช่แล้ว คงได้ราวสองสามร้อย เดาว่าเ้าคงไม่ได้เห็นมันอยู่ในสายตา” นางโบกมืออย่างขอไปที
ดวงตาของซูจื่อเยี่ยเผยรอยยิ้มออกมา ที่แท้นางก็รู้ว่าเขานั้นเกิดมาในบ้านคนรวยมั่งมี เดาไว้ก็คงใช่ จากท่าทีเช่นนั้นของหลิวฉีซื่อ คงไม่มีใครในบ้านหลิวไม่รู้ แต่ท่าทีของหลิวเต้าเซียงกลับดูเหมือนไม่ใส่ใจ
หรือสำหรับนาง เขากับนางมีระยะห่างมากเกินไป มากจนนางไม่มีทางเกิดความคิดเป็อื่น
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ไม่รู้เพราะเหตุใด หัวใจของซูจื่อเยี่ยรู้สึกหนักอึ้งเล็กน้อย
หลิวเต้าเซียงที่กำลังนับเงินอย่างเงียบๆ นั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมองฤดูใบไม้ผลิอันสว่างไสว นกน้อยร้องจิ๊บๆ ไม่เป็ไร!
“ปลาอวี๋หลี ซื้อมาหนึ่งตัว”
ปลาอวี๋หลี? หลิวเต้าเซียงยังคงเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง
เหนือศีรษะมีลมที่พ่นออกมาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ถึงเรียกิญญาของนางกลับคืนมาได้
นางนึกออกแล้ว ปลาอวี๋หลีคือชื่อที่ชาวราชวงศ์โจวเรียกปลาช่อน หรืออีกชื่อหนึ่งคือปลาดำนี่เอง
“โอ้ ข้าได้ยินพ่อบอกว่าปลาอวี๋หลีนั้นดีกับการฟื้นฟูอาการาเ็” โดยเฉพาะาแจากดาบ
ถ้านางเห็นมัน นางจะซื้อมากสักหน่อยแน่นอน
“หนึ่งตัว เพียงพอสำหรับหนึ่งคนกินได้สองมื้อ” ซูจื่อเยี่ยเดาความคิดนางได้ จึงเอ่ยเสริม “ที่เหลือ ยกให้เ้า”
อย่าทำตัวเหมือนดอกไม้บนยอดเขาสูงได้ไหม หลิวเต้าเซียงยื่นมือออกมาลูบแขนเล็กๆ ของตน มันหนาว!
นางมองไปที่เวลา แล้วเอ่ยถาม “หากไม่มี ข้าขอซื้อน้ำตาลแดงก่อนได้หรือไม่?”
เมื่อเห็นเขาจ้องมองตัวเองอย่างไม่ไหวติง หลิวเต้าเซียงจึงชี้แจงเอง “น้ำตาลแดงบำรุงเื แม้ว่าย่าจะชอบใช้พุทราจีนตุ๋นไก่ให้เ้าดื่ม แต่หากได้ดื่มน้ำตาลแดงคงดียิ่งขึ้น”
เมื่อพูดถึงเื่นี้ก็กลัวว่าเขาจะไม่เชื่อ จึงเอ่ยอีก “แม่ข้าคลอดน้องเล็กต้องอยู่เดือน ก็ต้องกินน้ำกับน้ำตาลแดงทุกเมื่อเชื่อวัน”
ยิ่งซูจื่อเยี่ยได้ฟังมากเท่าไหร่ ใบหน้าของเขาก็ยิ่งมืดลงเท่านั้น และในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปและพูดว่า “จะไปไหนก็ไป!”
หลิวเต้าเซียงเงยหน้าขึ้นพูดไม่ออก นางพูดอะไรผิดอีก ก็แค่จะบอกว่าแม่ผู้แสนดีของตนเองดื่มน้ำกับน้ำตาลแดงตอนอยู่เดือนไม่ใช่หรือ?!
ซูจื่อเยี่ยด่าในใจอยู่นาน ช่างเป็สาวน้อยที่มีตาหามีแววไม่ โง่เขลายิ่งนัก!
ั้แ่เขาเกิดมา ไม่เคยมีใครกล้าวิจารณ์ตนเองนั้นเหมือนผู้หญิง คนที่เคยกล่าวเช่นนี้ ก็ถูกนำไปเซ่นให้กับยมบาลเป็ที่เรียบร้อย
ด่าก็ส่วนด่า โมโหก็ส่วนโมโห แต่คราวนี้ซูจื่อเยี่ยกลับไม่ได้ทำอะไรหลิวเต้าเซียง
เมื่อมองไปที่ตะกร้าของนางที่โยกไปมาขณะกำลังเดินลงเขา แล้วหันกลับมาโบกมือพร้อมกับส่งยิ้มให้ และะโ “ต้องล่าให้ได้อีกสองตัวนะ ไม่อย่างนั้น กลางคืนจะไม่มีไก่ตุ๋นเห็ดให้กินนะ”
หลังจากได้ยิน ซูจื่อเยี่ยถึงกับทำอะไรไม่ถูก
เขาเหมือนจะลืมอะไรไป ที่แท้ก็เื่ที่ว่าแม่สาวน้อยคนนี้เอาสัตว์ที่ล่าได้ไปจนหมดนี่เอง
โชคดีที่ยังมีสหายจึงไม่อับจนหนทาง ซูจื่อเยี่ยโบกมือในฐานะเ้านายให้องครักษ์ที่คุ้มกันตนเองวิ่งวุ่นอีกรอบ
น่าเสียดายที่วันนี้ฝีมือไม่เข้าที่ ค้นหาอยู่นานครึ่งค่อนวัน แต่ไม่ได้หนููเาแม้แต่ตัวเดียว
เขารู้ว่าแม่สาวน้อยเฝ้าคิดถึงการจับหนููเาไปแลกเป็เงิน
“นายน้อย!” ชายคนหนึ่งสวมชุดสีดําปรากฏตัวต่อหน้าเขา พริบตาเดียวก็มาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าแล้ว
ซูจื่อเยี่ยเพียงแค่ปรายตามองเขาเบาๆ และนึกถึงเหตุการณ์ในหลายวันก่อนหน้า
เขาไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะบังอาจเช่นนี้ คิดจะสังหารเขาระหว่างทาง
ฮึ ถ้าไม่ใช่เพราะเขายังมีบุญ ขณะนี้ เกรงว่าข่าวที่แจ้งไปยังเบื้องบนคงเป็ว่า เขาเข้าป่าลึก ไม่รู้ความเป็ไป ผ่านไปนานวันเข้า เห็นทีคงได้คิดว่าเขาเสียชีวิตแล้วจริงๆ
ชายชุดดําที่คุกเข่าลงกับพื้นไม่กล้าขยับตัวและไม่กล้าเอ่ยปาก
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เหนือศีรษะก็พ่นคำพูดเยือกเย็นออกมา “ว่ามา!”
“ข้าน้อยได้ทำการสืบสวนอย่างลับๆ นายน้อยมิได้ถูกช่วยโดยหลิวเสี่ยวหลัน!” หลังจากชายชุดดำพูดจบ รู้สึกเพียงบรรยากาศที่เยือกเย็นรอบกายนั้นหายไปหมดสิ้น จริงตามคาด ความอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิดอกไม้บานสะพรั่งนั้นสร้างความสบายใจให้แก่คนมากกว่า
“เอ๋?!” ใบหน้าของซูจื่อเยี่ยยังคงสงบนิ่ง ไม่รู้ด้วยเหตุใด หัวใจของเขาโล่งสบาย ภาพเบื้องหน้าปรากฏเป็หลิวเต้าเซียงที่มีรอยยิ้มดุจดั่งบุปผาขึ้นมา
“เป็บุตรสาวคนรองของครอบครัวหลิวซานกุ้ยขอรับ หลิวเต้าเซียงเป็ผู้พบตัวนายน้อยเป็คนแรก” ในฐานะองครักษ์ มีหรือจะพลาดความเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ของซูจื่อเยี่ยได้ ขอเพียงไม่ได้ส่งผลต่องานหลวง พวกเขาย่อมเลือกพูดสิ่งที่ระรื่นหูดีกว่า ยิ่งกว่านั้น นี่คือข้อเท็จจริง
ชั่วขณะนั้น อารมณ์ของซูจื่อเยี่ยเหมือนดอกไม้ไฟนับหมื่นที่บานสะพรั่งอย่างเงียบๆ นี่สินะที่เรียกว่าความงดงาม!
ทุกอย่างเป็ไปตามที่เขาคาด
หลิวเสี่ยวหลันเกิดมาพร้อมกับแววตาที่ไม่สงบนิ่ง ไม่เหมือนกับดวงตากลมโตดุจเม็ดอัลมอนด์ของหลิวเต้าเซียงที่มองเห็นก้นบึ้ง มีกลิ่นอายดุจฤดูใบไม้ผลิและเต็มเปี่ยมด้วยพลังชีวิต
“มีอะไรอีกหรือ?” เมื่อเห็นว่าชายชุดดําไม่ได้ถอยกลับ เขาขมวดคิ้วเอ่ยถาม หรือบางทีคงเพราะอารมณ์ดีเกินไป ส่งผลให้ชายชุดดำไม่มีความกดดันนัก
“ขอรับ! ข้าน้อยสังเกตว่า การปฏิบัติของหลิวต้าฟู่กับหลิวฉีซื่อที่มีต่อหลิวซานกุ้ยนั้นมีท่าทีแปลกเล็กน้อย นอกจากนี้ น้องชายของจางกุ้ยฮัว จางไคซาน มิได้ไปเสียชีวิตอยู่ข้างนอก เพียงแต่ยังตรวจสอบไม่ได้ว่าเขาอยู่แห่งหนใด ตรวจสอบได้เพียงว่าในอดีตเขาได้หอบเอาทรัพย์สมบัติออกจากตำบลเหลียนซานไปพร้อมกับคณะพ่อค้า กลุ่มพ่อค้านั้นถูกโจรูเาลอบโจมตี หลังจากตามสืบ ไม่รู้ด้วยเหตุใด จางไคซานไม่ได้อยู่ในนั้นขอรับ”
“อืม? สืบต่อไป!” เหตุใดซูจื่อเยี่ยจึงต้องตรวจสอบ?
ใครจะ้าผู้มีบุญคุณที่กลับกลอก? ยิ่งกว่านั้น ตอนนั้นเขารู้สึกว่าชุดเก่าๆ ขาดๆ บนตัวหลิวเต้าเซียงนั้นคุ้นตาเหลือเกิน และนางคือคนที่ช่วยเขาไว้จริงด้วย!
ในขอบเขตอำนาจของเขา เขาสามารถช่วยเหลือได้ก็ต้องช่วย!
ในความคิดของซูจื่อเยี่ย ถ้าจางไคซานมีชีวิตรอดกลับมา สถานภาพของจางกุ้ยฮัวคงดีขึ้นมาก ส่วนหลิวเต้าเซียงก็ไม่ต้องใช้ชีวิตดั่งทาสรับใช้ และถูกหลิวฉีซื่อโขกสับอยู่ในบ้าน
เมื่อคิดเช่นนี้ ในสมองก็เผยดวงตาที่เ้าเล่ห์ ร้ายกาจ เด็ดขาด ชาญฉลาด ทั้งยังไม่เปิดช่องโหว่
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดไตร่ตรองรอบด้าน จุดด้อยของหลิวเต้าเซียงล้วนกลายเป็จุดเด่นเสียอย่างนั้น!
เป็นักวางหลุมพรางมืออาชีพแล้วอย่างไร? ถึงอย่างไรนางก็ทำเพื่อตนเองและคนในครอบครัว
ความคิดของซูจื่อเยี่ยประสานเข้ากับความคิดของหลิวเต้าเซียงในขณะนี้!
หลิวเต้าเซียงที่เพิ่งจะขายสัตว์ป่าให้กับแม่เฒ่าจางจามออกมาหนึ่งครั้ง แม่เฒ่าจางเห็นแล้วก็เอ่ยด้วยความเป็ห่วง “เ้าสวมใส่น้อยเกินไปสินะ? เด็กน้อย มานี่ เข้ามาดื่มน้ำชาร้อนๆ ในบ้านข้าแล้วกลับบ้าน”
อารมณ์ของหลิวเต้าเซียงในขณะนี้ค่อนข้างดี นางคิดว่าอย่างมากสุดคงขายได้ห้าถึงหกร้อยเหรียญ ใครจะรู้ว่าแม่เฒ่าจางให้ราคาสัตว์ป่ากับนางสูงกว่าร้านข้างนอกกว่าครึ่ง
ไก่ฟ้าสามตัว กระต่ายหนึ่งตัว กลับขายได้หนึ่งตำลึงเงิน
“ไม่ล่ะ ขอบใจแม่เฒ่าจางยิ่งนัก” นางปฏิเสธสำหรับน้ำชา
หลิวเต้าเซียงที่ได้กำไร ริมฝีปากประดุจย้อมด้วยน้ำผึ้ง จึงเอ่ยอีก “โชคดีที่ท่านป้าจิตใจดี ทั้งยังซื่อตรง นี่ปะไร เห็นบ้านข้าอาศัยสิ่งนี้ในการซื้อข้าวปลาอาหาร เมตตา และให้ราคาสูงหน่อย”
“สาวน้อย เงินทองต้องเก็บไว้ให้ดี อีกอย่าง ครั้งหน้าหากมีสัตว์ป่าก็ส่งมาอีก แม่เฒ่ารับรองว่าจะให้ราคาสูงกว่าการขายแป้งเสียอีก”
แม่เฒ่าจางเองก็ดีใจ หากส่งสัตว์ป่าเหล่านี้ไปให้ท่านฮูหยินใหญ่ กับฮูหยิน แล้วก็แขกฮูหยินท่านนั้น คงได้รางวัลตอบแทนไม่น้อย ไม่แน่ว่าอาจจะได้หลายตำลึงเงิน นั่นได้มากกว่าการขายต่อฟืนอีกมากโข
นอกจากนี้ ข้าวของในจวนก็ราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ การส่งของไปให้นายทั้งหลายก็ยิ่งมีโอกาสสูง
“ท่านป้า ท่านทราบหรือไม่ว่าจะซื้อปลาอวี๋หลีได้ที่ใด?” หลิวเต้าเซียงตัดสินใจถามแม่เฒ่าจางก่อนจะจากไป
แม่เฒ่าจางพินิจแล้วเอ่ย “ปลาอวี๋หลี่? เวลานี้ช้าเกินไป เกรงว่าคงไม่มีขายแล้ว อีกอย่างเพิ่งเริ่มฤดูใบไม้ผลิ ถ้าจะซื้อก็ต้องดูโชค มีอะไร ในบ้านมีคนาเ็หรือ?”
หลิวเต้าเซียงไม่มีทางบอกเื่ซูจื่อเยี่ยออกมา สีหน้าลำบากใจแล้วเอ่ย “เฮ้อ ในบ้านมีคนขึ้นไปตัดฟืนบนูเาแล้วเจอกับหมูป่า ล่าไม่ได้ แต่กลับาเ็แทน ไม่ง่ายเลยกว่าจะเชิญหมอท้องถิ่นมาได้ แต่หมอท้องถิ่นบอกว่าต้องหาปลาอวี๋หลี่มาเยอะๆ เช่นนี้ถึงจะหายไว ท่านป้า ท่านก็รู้ บ้านชนบทอย่างไรก็ต้องมีหัวหน้าครอบครัว”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ดวงตาดุจอัลมอนด์ก็บีบ จึงได้น้ำตาเม็ดโต!
“โอ้ อย่าร้องไปเลย! เด็กดี เอาเช่นนี้ ข้าน่ะ วันนี้ซื้อปลาอวี๋หลี่ไว้ได้หลายตัวมาเลี้ยงที่โอ่ง เดิมทีคิดว่าจะส่งไปบ้านเ้านาย ข้าจะยกให้เ้าหนึ่งตัว มีเื่เดียว หากเ้ามีของป่าดีๆ อย่าลืมส่งมาให้แม่เฒ่า”
แม่เฒ่าจางได้ยินว่าแขกฮูหยินท่านนั้นมาจากทางเหนือ แต่ว่าไม่เคยได้กินอาหารป่าของตำบลเหลียนซาน
“จริงหรือ?” หลิวเต้าเซียงไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็ขนมที่ตกลงมาบนท้องฟ้าจริงๆ จนมึนงง มีแต่์ที่รู้ แต่เดิมตนเองก็เป็คุณหนูในบ้าน เมื่อเห็นของที่ชอบ ก็เปิดกระเป๋าพร้อมจ่ายโดยไม่พูดไม่จา เป็ประเภทที่ถ้าไม่จับจ่ายจนเงินเกลี้ยงกระเป๋าก็จะไม่กลับบ้าน
หากเพื่อนสนิทของเธอรู้ว่าตนเองในตอนนี้ไม่มีแม้แต่เงินจะให้ใช้ น้ำตาจะไหลบ้างหรือเปล่านะ?
“ขอบใจท่านป้ายิ่งนัก หนหน้าข้าได้สัตว์ป่าก็จะส่งมาให้ท่าน”
-----