‘ตึง’ นายกองเฉินลากตัวอาเหมิ่งต๋าให้กลับไปอย่างรีบร้อนเพิ่งจะออกจากประตูก็ไปชนกับอิ๋งเหอที่คอยยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูและชนถ้วยน้ำเปล่าที่อิ๋งเหอเตรียมยกมาให้หลิ่วจิ้งดื่มล้างปากหลังทานยาจนหกคว่ำลงพื้น
“อุ๊ย ข้างนอกเกิดเื่ใดขึ้น ข้าจะไปดูหน่อย”
หลิ่วจิ้งพูดพลางจะลุกเดินออกไป โอกาสดีที่จะได้ผละตัวออกมาเช่นนี้หากนางไม่รีบคว้าไว้ก็โง่เต็มทนแล้ว
ไม่นึกว่าเพียงนางขยับตัว หั่วอี้กลับรวดเร็วยิ่งกว่าดึงตัวนางเข้ามาไว้ในอ้อมอกในคราเดียว
“ท่านแน่ใจว่าจะออกไปดูจริงหรือ? หากยิ่งล่วงเลยเวลาเกินไป ยาเย็นแล้วสามีก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยอุ่นยาให้ท่านด้วยตนเองก่อน แล้วค่อยป้อนให้ท่านดื่มนะ”
หารือเื่งานมาทั้งคืนแล้ว ก็ยังมีเื่ให้ต้องเดือดร้อนรำคาญใจหั่วอี้กำลังคิดจะหาเื่ผ่อนคลายทำอยู่พอดีเพราะแต่ไรมาเขาก็ไม่ใช่หลิ่วเซี่ยหุ้ย [1]
หลิ่วจิ้งเคยอยู่ใกล้ชิดกับหั่วอี้เนิ่นนานขนาดนี้มาก่อนที่ใดกันยามปกติพวกเขาก็เพียงเถียงกันไปมาด้วยวาจาเท่านั้นพอหั่วอี้มีท่าทีเอาจริงเอาจังขึ้นมา หลิ่วจิ้งก็พลันใจเต้นรัวไปหมด
นางอยากออกไปจากอ้อมแขนของหั่วอี้เหลือเกิน แต่ก็กลับหลงใหลความอบอุ่นในอกเขา
นางอยากหาไหล่เอาไว้แอบอิง โดยเฉพาะที่นี่เป็ต่างบ้านต่างแคว้นนางไร้ซึ่งแรงหนุนแม้เพียงน้อยนิด ไม่มีทั้งคนคอยหนุนหลัง ทั้งไม่มีอำนาจใดๆที่จะช่วยนางได้
ตอนแรกหลิ่วจิ้งตื่นตระหนกจนหน้าเสีย แต่ภายหลังก็กลับสงบลง
“ท่านแม่ทัพหากท่านไม่อยากให้วันพรุ่งฮูหยินผู้เฒ่ามาหาถึงเรือนแต่เช้าตรู่ข้ากลับไม่รังเกียจที่ท่านแม่ทัพจะค้างอยู่ที่นี่”
หลิ่วจิ้งพูดพลางโน้มหัวเข้าอิงซบกับอกเขา
เมื่อถูกหลิ่วจิ้งเตือนสติ หั่วอี้ยิ่งกุมมือนางแน่นเข้าไปอีกสีหน้าหม่นลงทันใด
หลิ่วจิ้งที่อยู่ในอ้อมอกเขาแอบยิ้มอยู่ในใจนี่นับว่าหั่วอี้ลักไก่ไม่ได้ซ้ำเสียข้าวอีกกำมือ [2] หรือไม่
นางรู้ว่าเมื่อใดที่บุรุษรุ่มร้อนขึ้นมาความรุ่มร้อนนั้นก็ต้องได้รับการปลดเปลื้องจึงจะได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็อาจมาลงที่นางนี่
คืนวานนางเพิ่งจะถูกฮูหยินผู้เฒ่าตำหนิว่าเป็ปีศาจยั่วราคะหากยังไม่อาจปลดป้ายชื่อปีศาจยั่วราคะออกจากตัวได้หั่วอี้ก็อย่าคิดจะได้ความหวานชื่นแม้แต่น้อยจากตัวนางเลย
หาไม่แล้วก็จะไม่อาจไปชี้แจงกับฮูหยินผู้เฒ่าได้
“เฮ้อ…” หั่วอี้ถอนใจรู้สึกว่าสิ่งที่เขา้าช่างห่างไกลความจริงเสียเหลือเกิน เขาสับสนอยู่ในหัวใจอยากปล่อยตัวหลิ่วจิ้งออกไป หากเป็ยามที่ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เขาก็ไม่รู้สึกว่าเป็อย่างไรนักทว่าเมื่อเรือนร่างนวลนุ่มมาอยู่ในอ้อมแขนแล้ว จะให้เขาปล่อยมือกลับเป็เื่ที่ยากยิ่ง
ทันใดนั้นหั่วอี้ก็หัวเราะร่าออกมาก้มหน้าลงจูบที่ริมฝีปากของหลิ่วจิ้งอย่างดูดดื่ม
สีหน้าของหลิ่วจิ้งซีดขาวไปหมด ในสมองว่างเปล่าไร้ซึ่งไหวพริบที่ใช้วางแผนเมื่อครู่นี้
ตอนนี้ไม่รู้จริงๆ ว่าผู้ใดเป็คนลักไก่ ผู้ใดเป็ข้าวสารกันแน่
พักใหญ่นางจึงเพิ่งรู้สึกตัวในภายหลังว่านางถูกหั่วอี้บังคับจูบเสียแล้ว
นางอายจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดรู้เพียงว่านางไปปลุกความร้อนรุ่มของหั่วอี้และรู้ว่าหั่วอี้มองนางแต่ก็รู้ว่าไม่อาจแตะต้องได้แต่นางลืมไปว่าหั่วอี้ยังสามารถทำเื่ที่แม้ว่าเขาจะทำไปแล้วแต่ทางฮูหยินผู้เฒ่าก็จะไม่อาจหาร่องรอยใดได้เช่นที่เขาทำอยู่ยามนี้
“ฮ่าๆๆ…”หั่วอี้อารมณ์ดีนักเมื่อเห็นท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของหลิ่วจิ้งเขาปล่อยตัวนางจากอ้อมแขน เดินออกนอกประตูพลางบอกกับหลิ่วจิ้งว่า“อย่านึกว่าข้าไม่อยู่ในห้อง แล้วท่านจะไม่ต้องกินยาเล่า”
หลิ่วจิ้งถลึงตาใส่หั่วอี้ด้วยท่าทีไม่พอใจนักหนาเอาสองมือเช็ดริมฝีปากที่เพิ่งผ่านการจุมพิตของหั่วอี้มานางกลับลืมไปว่าต่อให้ใช้มือเช็ดปากสักเท่าใดก็ไม่อาจทำเป็ว่าเื่นั้นไม่เคยเกิดขึ้นไม่เพียงเท่านี้ ริมฝีปากที่ถูกถูไปมาก็ยังแดงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยยิ่งพยายามกลบเกลื่อนก็ยิ่งเห็นชัดจริงๆ
“อิ๋งเหอ เข้าไปดูนายเ้าดื่มยาให้ดีๆ มีเ้าคอยดูอยู่ข้าก็วางใจนัก”
หั่วอี้ออกพ้นประตูไปพลางสั่งความอิ๋งเหอที่เฝ้าอยู่นอกประตู
อิ๋งเหอรับคำอย่างเต็มอกเต็มใจอย่างยิ่ง
หลิ่วจิ้งที่อยู่ภายในห้องย่อมได้ยินเสียงหั่วอี้สั่งความนางนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างหมดเรี่ยวแรง จับจ้องอิ๋งเหอด้วยสีหน้าโอดครวญขณะอีกฝ่ายผลักประตูเข้ามา
“ฮูหยินเ้าคะ ท่านแม่ทัพบอกว่าไม่ว่าอย่างไรท่านก็ต้องดื่มยานี้สามวันจึงจะได้มิเช่นนั้นหากอาการเรื้อรังก็ยากจะรักษานะเ้าคะ”
อิ๋งเหอพูดพลางยกถ้วยยาขึ้นมาใช้มือััข้างถ้วยตรวจดูความร้อนของยาคราหนึ่ง รู้สึกว่าร้อนกำลังพอดีจึงยกมาตรงหน้าหลิ่วจิ้ง
หลิ่วจิ้งเห็นว่าอิ๋งเหอตั้งท่าจะร้องห่มร้องไห้เอาไว้รอแล้วหากนางไม่ยอมดื่มยาหลิ่วจิ้งรู้สึกปวดใจนัก ดูท่าว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้านางกลัวน้ำตาของอิ๋งเหอเป็ที่สุด
สองครั้งก่อนที่นางกินยาในวันนี้ ก็ล้วนต้องบีบจมูกกรอกเข้าปากท่ามกลางน้ำตาของอิ๋งเหอดูท่าว่าทั้งในคืนนี้และในครั้งต่อๆ ไปนางก็คงต้องดื่มยาในสถานการณ์เช่นนี้อีก
ไม่มีทางเลือก หลิ่วจิ้งกัดฟันทน เพราะมองไม่เห็นทางให้ถอยร่นแล้วนางกลั้นหายใจใช้วิธีกรอกน้ำยาลงท้องไป พอดื่มเสร็จก็โยนถ้วยยาลงบนโต๊ะแรงๆเพื่อเป็การแสดงออกว่านางกำลังต่อต้าน
เพียงแต่นี่เป็การต่อต้านของนางเพียงคนเดียวอิ๋งเหอไม่แม้แต่จะสนใจในสิ่งที่นางทำ
หลิ่วจิ้งรู้สึกขึ้นมาเป็หนแรกว่าในเวลาที่ต้องทานยานี้นางเป็สาวใช้ ส่วนอิ๋งเหอกลับเป็นาย
“ฮูหยินทำเช่นนี้ถูกต้องแล้วเ้าค่ะคราหน้าฮูหยินก็ควรรู้ได้เองนะเ้าคะ น้ำตาของบ่าวมีจำกัดไม่ใช่บอกว่าไหลก็จะไหลออกมาได้ ฮูหยินต้องเมตตาบ่าวสักหน่อยจึงจะดีนะเ้าคะ”
“เ้า อิ๋งเหอเ้าดีนักนะ นับวันยิ่งไม่รู้ที่ต่ำที่สูงแล้ว”
หลิ่วจิ้งพูดพลางหันหลังเดินไปที่เตียงและล้มหัวลงนอนคร้านจะเถียงกับอิ๋งเหอแล้ว ว่าตามตรงก็คือนางเหนื่อยแล้วจริงๆ
อิ๋งเหอรีบเดินไปหา ช่วยนางถอดรองเท้าผ้าและถอดเสื้อตัวนอกออกเมื่อเห็นว่านางไม่อยากขยับตัวอิ๋งเหอจึงล้มเลิกความคิดว่าจะให้นางล้างเนื้อล้างตัวก่อนและปล่อยให้นางเข้านอนทั้งเช่นนั้น
หลับทั้งคืนโดยไม่ฝัน คงเพราะในใจมีคนที่้าพึ่งพิงแล้วหนทางข้างหน้าจึงพอจะมีแสงสว่างให้เห็นบ้างคืนนี้หลิ่วจิ้งนอนหลับสนิทที่สุดนับั้แ่มาถึงที่แคว้นชางอี้
นางถูกเสียงเอะอะข้างนอกปลุกให้ตื่น
อิ๋งเหอกำลังพูดคุยกับอวี้จิ่นที่นอกห้อง หลิ่วจิ้งอยู่ในห้องฟังไม่ค่อยถนัดหูได้ยินเพียงอวี้จิ่นพูดว่า “จริงหรือ เหตุใดจึงมีเื่บังเอิญเช่นนี้เมื่อคืนฮูหยินเพิ่งจะพูดเอง เหตุใด…”
คงเพราะกลัวว่าจะเสียงดังรบกวนหลิ่วจิ้งที่กำลังนอนอยู่อวี้จิ่นจึงพูดต่อด้วยเสียงเบาลง ทำให้หลิ่วจิ้งที่กำลังตั้งใจฟังกลับฟังไม่ชัดเจน
“อวี้จิ่น เข้ามาพูด” หลิ่วจิ้งตัดสินว่าจะไม่เอาแต่แอบฟังแล้วนางจะฟังอย่างเปิดเผย
“ฮูหยิน ท่านตื่นแล้วหรือเ้าคะ คืนนี้นอนหลับดีหรือไม่สบายที่ใดหรือไม่เ้าคะ ท่านหมอหวังยังคงรออยู่ที่ห้องทางด้านข้างนะเ้าคะกำลังรอว่าเมื่อท่านตื่นแล้วจะมาตรวจฮูหยินอีกครั้งเ้าค่ะ”
อวี้จิ่นพูดพลางเอื้อมมือไปลองแตะหน้าผากหลิ่วจิ้งดูจนรู้สึกว่าหลิ่วจิ้งไม่มีไข้แล้ว นางจึงวางใจลง
ท่านหมอหวังบอกไว้ว่าหากวันนี้หลิ่วจิ้งไม่มีไข้อีกโดยพื้นฐานแล้วก็นับว่าอาการเจ็บป่วยทุเลาลงแล้ว
“อวี้จิ่น เมื่อครู่พวกเ้าพูดสิ่งใดกันตรงนั้น”หลิ่วจิ้งหาได้ใส่ใจในสุขภาพของตน เพราะโดยรวมแล้วนางมิได้รู้สึกว่าไม่สบายที่ใดเป็พอแล้วส่วนคำแนะนำอย่างตื่นตูมของท่านหมอหวังจนทำให้นางต้องนอนพักสามวันนั้นนางรู้สึกรำคาญใจนัก
“ฮูหยินเ้าคะ บ่าวกำลังจะรายงานท่านเื่นี้เชียวเ้าค่ะฮูหยินว่าบังเอิญหรือไม่ วานนี้ฮูหยินเพิ่งจะบอกท่านแม่ทัพว่าเห็ดหลินจือเืมีประโยชน์ล้ำเลิศอันใดเช้าวันนี้บ่าวกลับได้ยินท่านหมอหวังบอกว่าน่าเสียดายนักฮูหยินท่านลองเดาดูว่าเสียดายสิ่งใด”
อวี้จิ่นจงใจหยุดพูดพลางยิ้มมองหลิ่วจิ้งนางรู้ว่าด้วยความเฉลียวฉลาดของหลิ่วจิ้ง จะต้องเดาออกว่าเกิดเื่ใดขึ้น
“หรือว่า…เห็ดหลินจือเืดอกนั้นเกิดปัญหา”หลิ่วจิ้งไม่คิดเื่อื่นใดนางรู้ว่าเื่ที่อวี้จิ่นเล่าจะต้องเกี่ยวกับเห็ดหลินจือเืแน่นอน
“ฮูหยินเ้าคะ บ่าวรู้อยู่แล้วว่าท่านจะต้องเดาออกฮูหยินคิดไม่ผิดเ้าค่ะ เป็เห็ดหลินจือเืล้ำค่าดอกนั้นจริงๆวันนี้บ่าวในเรือนของฮูหยินใหญ่พบว่ามดขึ้นเห็ดหลินจือเืดอกนั้นเต็มไปหมดเ้าค่ะ”
อวี้จิ่นเล่าเื่ที่นางเพิ่งรู้มาเมื่อเช้าให้ฟังและกำลังคิดถึงสาเหตุของเื่นี้อยู่ในใจ
หลิ่วจิ้งเหม่อมองไปทางเรือนพักของนางจ้าวประหนึ่งสามารถมองเห็นเื้ัที่แท้จริงของเื่นี้ได้กลางอากาศ
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] หลิ่วเซี่ยหุ้ยเป็ผู้บำเพ็ญเพียรที่ไม่หวั่นไหวแม้จะมีหญิงงามทอดกายให้ก็ตาม
[2] ลักไก่ไม่ได้ ซ้ำเสียข้าวอีกกำมือ เป็สำนวนหมายถึงคิดเอาเปรียบผู้อื่น แต่กลับเป็ฝ่ายเสียเปรียบเสียเอง
