"ต้าเหนียงจื่อ สีสันสดใสเช่นนี้เมื่อสวมอยู่บนตัวท่านต้องสวยมากแน่นอน"
ชุดสีฉูดฉาดขนาดนี้เธอสวมแล้วจะสวย? เซวียเสี่ยวหรั่นมุมปากกระตุก ไม่นึกคล้อยตามความคิดนี้
"ต้าเหนียงจื่อผิวขาว สีสดใสเช่นนี้ยิ่งขับผิวของท่านดีนัก" ซีมู่เซียงมองผิวขาวผุดผ่องของสตรีตรงหน้า แววตาเต็มไปด้วยความริษยา
แม้ว่าการแต่งกายของอีกฝ่ายจะแปลกไปสักหน่อย แต่ดวงตาและเรียวคิ้วงดงาม หน้าตาสะสวย รูปร่างก็อรชร ยิ่งผิวพรรณขาวใสผุดผ่องของนาง ยิ่งทำให้ซีมู่เซียงรู้สึกอิจฉามากๆ
มีคนชมว่าผิวสวย เซวียเสี่ยวหรั่นย่อมดีใจ แต่ขณะที่ลูบคางแหลมๆ ของตนแล้ว อารมณ์ก็ห่อเหี่ยวลงมา
ใบหน้ารูปผลแตงแหลมๆ เช่นนี้ไม่เหมาะกับเธอสักนิด อยากกลับไปมีใบหน้ารูปไข่อวบอิ่ม แน่นอนว่าต้องตัดคางสองชั้นนั่นทิ้งไปด้วย
ซีมู่เซียงใช้หินก้อนหนึ่งวาดเส้นบนผืนผ้า แล้วกล่าวต่อไป "ผิวดำอย่างข้าคงจะใส่สีแดงงดงามเช่นนี้ไม่ได้"
สีนี้สวย? เซวียเสี่ยวหรั่นนึกละเหี่ยใจ ดูท่ามุมมองเื่ความงามของเธอจะแตกต่างกับคนที่นี่ลิบลับ
"น้องมู่เซียงไม่ดำหรอกนะ เรียกว่าผิวสุขภาพดีต่างหาก สวยมาก"
ซีมู่เซียงได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าสีน้ำผึ้งก็ฝาดแดงระเรื่อ
นี่คือสาวน้อยขี้อายไม่ทนต่อคำชมคนหนึ่ง เซวียเสี่ยวหรั่นทอยิ้ม
"น้องมู่เซียง เ้าทำงานไปก่อนนะ ข้าจะไปต้มยา เดี๋ยวว่างแล้วจะเข้ามา"
เื่สำคัญที่สุดของวันนี้คือต้มยาให้เหลียนเซวียน นี่คือสิ่งที่เธอไม่กล้าลืม
หลังหยิบหม้อต้มยาที่เพิ่งซื้อล้างสะอาดแล้ว ก็วิ่งเข้าไปในห้องของเหลียนเซวียนหยิบยาออกมาห่อหนึ่ง เทน้ำใส่ลงไปในปริมาณเหมาะสม ยกขึ้นตั้งไฟบนเตาหิน
การต้มยาไม่ใช่เื่แปลกสำหรับเธอ คนชราอายุมาก มักเจ็บออดๆ แอดๆ เมื่อซื้อสมุนไพรกลับมาก็ต้องต้มยา ผู้าุโไม่สบาย ผู้เยาว์ก็ต้องดูแล
อาเหลยกินมื้อเช้าแล้ว ก็ตั้งท่าจะออกไปเล่นที่หลังเขาเช่นเคย เซวียเสี่ยวหรั่นกำชับกับมันว่าอย่าไปแย่งลูกหม่อนกับเด็กคนเมื่อวาน ก่อนปล่อยมันไป
"เหลียนต้าเหนียงจื่อ"
เซวียเสี่ยวหรั่นซึ่งกำลังก้มหน้าเป่าไฟให้ติดเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตทอประกายวาบ "ท่านลุงอู มาแล้วหรือเ้าคะ"
เธอวิ่งไปเปิดประตูเรือน
อูฉวินซันถือไม้เท้าค้ำยันแบบใหม่ติดมือมาด้วย เนื้อััเรียบลื่น แค่เห็นก็รู้ว่าผ่านการขัดเกลามาอย่างพิถีพิถัน
"ท่านลุงอู ขอบคุณมากเ้าค่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นรีบยื่นมือออกไปรับ ใช้ได้ ไม่หนักมาก
"ต้าเหนียงจื่อเกรงใจไปแล้ว รู้ว่าพวกท่านต้องใช้ด่วน ดังนั้นจึงเร่งทำทั้งคืน" อูฉวินซันมองไม้เท้าเหมือนมีอะไรจะเอ่ยแต่กลับหุบปากเงียบ
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ทันสังเกต รีบเอาของไปให้เหลียนเซวียนลองใช้ "ขอบคุณเ้าค่ะ ท่านลุง เชิญเข้ามารอด้านในสักครู่ ข้าจะเอาไปให้เหลียนเซวียนลองดูก่อน"
เธอวิ่งเข้าไปในห้องปีกตะวันออก
เหลียนเซวียนได้ยินเสียงคนคุยกันจากด้านนอก เขาก็รู้สึกอยากรู้และมีความหวัง
"เหลียนเซวียน ไอเทมเทพของคนขาพิการมาแล้ว ฮ่าๆ "
สตรีผู้นี้วิ่งตุ้บตั้บเข้ามา
ไอเทมเทพของคนขาพิการ? ฟังอย่างไรก็ไม่รื่นหู เหลียนเซวียนเม้มริมฝีปาก
"นี่ ให้ท่าน ลองดูก่อน มือจับตรงนี้ หลังจากนั้นเอาส่วนนี้ประคองใต้วงแขน" เซวียเสี่ยวหรั่นวิ่งเข้ามาข้างกายเขาอย่างรู้สึกตื่นเต้น แล้วสอนให้เขาใช้ไม้เท้า
เหลียนเซวียนลูบคลำไปบนไม้เท้าทีเดียวก็รู้ว่าจะใช้มันอย่างไร
เขายืนขึ้นด้วยขาเดียว ยื่นไม้เท้าทั้งสองไปข้างหน้าหนึ่งก้าว หาจุดรับน้ำหนักที่เหมาะสม ใช้แขนกับใต้รักแร้ออกแรงพยุง แล้วค่อยก้าวออกไป
"ใช่ๆๆ แบบนี้แหละ เหลียนเซวียน ท่านนี่หัวไวจริงๆ เรียนแค่ครั้งเดียวก็เป็เลย" เซวียเสี่ยวหรั่นปรบมือด้วยความตื่นเต้น
วิเศษแท้! เหลียนเซวียนก็อุทานชื่นชมในใจ เขาค่อยๆ เดินอยู่ภายในห้อง
เหลียนเซวียนนึกถึงใครบางคนที่อยู่ไกลถึงแคว้นฉี
"เหลียนเซวียนมานี่ ทางนี้คือประตู ระวังธรณีประตูด้วย" เซวียเสี่ยวหรั่นออกไปยืนยิ้มกวักมือเรียกเขาหน้าประตู
เหลียนเซวียนเหยียดมุมปาก เดินตรงไปหาเธอ
อูฉวินซันกับซีมู่เซียงทักทายกันแล้ว ก็จดจ้องไปที่ประตูห้องปีกตะวันออก
เหลียนเซวียนก้าวผ่านธรณีประตูอย่างราบรื่น สีหน้าของอูฉวินซันเผยแววตื่นตะลึง ไม้เท้าค้ำใต้วงแขนแบบนี้มีประโยชน์อย่างมากสำหรับคนขาหัก
"เหลียนเซวียน มีขั้นบันไดหนึ่งขั้นใต้ชายคา ระวังด้วย"
เซวียเสี่ยวหรั่นเตือน แท้จริงแล้วถึงเธอไม่เตือน เหลียนเซวียนก็ไม่ล้มเพราะขั้นบันได
ตอนอยู่ในป่าเขาใช้ไม้เท้าคลำทางข้างหน้า นอกจากตอนหมดแรง ก็ยังไม่เคยหกล้มมาก่อนเลย
หากไม่เพราะั์ตาของเขาเลื่อนลอยไร้จุดรวมแสง เซวียเสี่ยวหรั่นก็คงเคลือบแคลงว่าเขาอาจแกล้งตาบอด
เหลียนเซวียนก้าวลงบันไดอย่างราบรื่น
"เหลียนหลางจวินปราดเปรื่องยิ่ง แค่ของถึงมือก็ใช้มันช่วยเดินได้อย่างเป็ธรรมชาติ" อูฉวินซันกล่าวชื่นชมเหลียนเซวียน
ซีมู่เสียงได้ยินความเคลื่อนไหว ก็เดินมาออกจากห้องโถง
เห็นแผ่นหลังของคนร่างสูงใหญ่กำลังใช้ไม้เท้าเดินอยู่ เธอเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
ก่อนมา ซีมู่เซิงบอกให้นางรู้ว่า หลางจวินสกุลเหลียนตามองไม่เห็น และพูดไม่ได้ ซ้ำร้ายกระดูกขาก็ยังร้าว
ตอนนั้นซีมู่เซียงยังคิดอยู่ว่าเหตุใดคนผู้นี้ถึงน่าสงสารนัก
ต่อมาพอได้พบภรรยาของเขา ในใจก็รู้สึกเวทนา สตรีแสนดีเพียรต้องมามีสามีพิการ
ยามนี้พอได้เห็นแผ่นหลังกว้างผึ่งผายของเขา รูปร่างสูงใหญ่จนทำให้บุรุษในหมู่บ้านเตี้ยไปถนัดตา
รูปร่างสูงจริงๆ ซีมู่เซียงกำลังถอนใจอย่างตกตะลึง เหลียนเซวียนก็เอี้ยวศีรษะมา
ซีมู่เซียงมัวแต่มองจนลืมทักทาย
าแมากมายบนใบหน้าสะดุดสายตาเป็พิเศษภายใต้แสงตะวัน
แม้จะไม่มีแผลตกสะเก็ด รอยแผลก็จางลงมาบ้างแล้ว แต่พอได้เห็นก็ยังน่าใอยู่ดี
เหลียนจวินผู้นี้ไม่เพียงแต่ตาบอดยังเป็ใบ้ อัปลักษณ์และพิการ เหลียนต้าเหนียงจื่อช่างน่าสงสารยิ่งนัก
"เหลียนเซวียน ด้านขวาของท่านเป็ห้องครัว หลังห้องครัวเป็สุขา ด้านซ้ายมีคอกหมู ข้างคอกหมูเป็ต้นไม้ใหญ่ ห้องหลักคือห้องโถง อยู่ระหว่างห้องปีกข้างสองห้อง ด้านหลังมีแปลงผักไม่กี่แถว ลานของที่นี่ค่อนข้างกว้างท่านลองเดินดูสักรอบสิ แต่หน้าประตูห้องครัวตั้งเตาหินต้มยาอยู่ อย่าไปชนถูกล่ะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่รู้ตัวเลยว่า ตนเองกำลังได้รับความเห็นอกเห็นใจจากเด็กสาวคนหนึ่ง
เธอง่วนอยู่กับการบอกตำแหน่งทิศทางภายในเรือนให้เหลียนเซวียนรับรู้
พวกเขามีสัญญาณลับที่รู้กันเพียงสองคน
อูฉวินซันกับซีมู่เซียงต่างประหลาดใจ หลางจวินสกุลเหลียนขาเดินไม่สะดวก ดวงตาก็มองไม่เห็น ให้เขาเดินไปรอบๆ ไม่กลัวว่าจะชนอะไรหกล้มบ้างเลยหรือ
ไม่ช้าพวกเขาก็ได้เห็น เหลียนเซวียนเคลื่อนไหวไปอย่างช้าๆ แต่ละย่างก้าวของเขาโคลงเคลงเล็กน้อยตอนเริ่มต้น แต่หลังจากก้าวไปแล้วก็ทรงตัวได้อย่างมั่นคง
ทั้งยังสามารถข้ามสิ่งกีดขวางทุกอย่างได้ไม่มีปัญหา
เหลียนเซวียนเดินเองได้ เซวียเสี่ยวหรั่นค่อยรู้สึกโล่งใจ ไม่ต้องบากหน้าขอให้ผู้อื่นพาเขาไปสุขาอีก
หม้อต้มยาเริ่มเดือด เซวียเสี่ยวหรั่นรีบเขี่ยเอาไฟออก เหลือเพียงไฟอ่อน ค่อยๆ เคี่ยวไป
"ท่านลุงอู ให้คอยนานแล้ว เครื่องเรือนที่ขนมาเมื่อวานทั้งหมดราคาเท่าไร ท่านรวมมาได้เลยเ้าค่ะ"
ต้องจ่ายหนี้ก่อนถึงจะเป็เื่สำคัญ
อูฉวินซันกลับไม่รีบคิดเงิน เขาลังเลครู่หนึ่งก่อนเอ่ยปาก
"ต้าเหนียงจื่อ ไม่ทราบว่าไม้เท้าแบบนี้ผู้ใดเป็คนคิดค้น"
ใครเป็คนคิดค้น? เซวียเสี่ยวหรั่นจะรู้ได้อย่างไร และเธอก็ไม่เคยสนใจด้วย
