ร่างของศิษย์สองคนนั้นยังคงแข็งทื่อ
ขณะนั้นคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างก็ออกมาดู เมื่อเห็นฉากนี้ก็อดประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้ จึงทำให้พวกเขาทั้งสองยิ่งรู้สึกขายหน้า
พวกเขาคิดว่าตนเองสามารถอาละวาดได้เพราะอาจารย์เป็คนสั่งมา และทำตัวดูสง่าผ่าเผยและหยิ่งผยอง แต่ไม่คิดว่าจะต้องมาลงเอยเช่นนี้
ส่วนหลินเฟิงเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายจึงคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนคนนั้นมีเจตนาไม่ดีแล้วยังเอ่ยถึงลานประลองเชลยอีก
เป็ดั่งที่หลินเฟิงได้คาดไว้ คนของลานประลองเชลยไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ ขนาดนี้
หลินเฟิงกลับมาถึงห้องของตัวเอง แล้วเปลี่ยนไปใส่ชุดของสำนักก่อนจะออกไป
“เอี๊ยด!!!”
มีเสียงเปิดประตูดังขึ้นขัดจังหวะเขา ตามด้วยเสียงเรียกรั้งหลินเฟิงเอาไว้
“ช้าก่อน”
เสียงอันคุ้นเคยที่ยังคงเ็า แน่นอนว่าเ้าของเสียงนี้คือเมิ่งฉิง
“มีอะไรหรือ?”
เมื่อหลินเฟิงหันไปมองตามต้นเสียง ก็เห็นเมิ่งฉิงที่ใบหน้าคลุมด้วยผ้าผืนบางกำลังเดินมาหาเขา
“หลังจากเ้าออกไป ข้าจะติดตามและอยู่ข้างๆ เ้า”
เมิ่งฉิงกล่าวด้วยเสียงเยือกเย็นตามปกติ หลินเฟิงได้ยินดังนั้นจึงเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา แต่ภายในใจนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น
“อื้ม!” หลินเฟิงพยักหน้า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยพูดจาอ่อนโยนกับเขามาก่อน
ทั้งสองออกจากห้องและปิดประตู หลินเฟิงมองคนที่เขาเพิ่งโจมตีไปพลางกล่าวอย่างเ็าว่า “นำทางไปสิ”
คนคนนั้นมองมาที่หลินเฟิงและเมิ่งฉิง แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “แล้วทาสผู้ฝึกยุทธ์ทั้งสองคนนั่นล่ะ?”
“นำ... ทางไป” หลินเฟิงกล่าวเน้นคำด้วยเสียงเย็นะเื จึงทำให้คนผู้นั้นแข็งทื่อ จนไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาอีก แล้วนำทางไปอย่างว่าง่าย
ผู้คนโดยรอบต่างชี้มาทางคนคนนี้ จึงทำให้สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวจนต้องก้มหัวลง เขาไม่พูดอะไรขณะที่เดินผ่านฝูงชนไปเฉยๆ
ในขณะนั้น นอกตำหนักได้มีผู้คนรวมตัวกันอยู่มากมาย
ชายวัยกลางชุดฟ้าอยู่ด้านหน้าฝูงชน ร่างนั้นยังคงดูสง่าผ่าเผย
“มาแล้ว หลินเฟิงมาแล้ว!”
ขณะนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้น เรียกสายตาของผู้คนให้หันไปตามเสียง มองไปยังทิศทางของปราสาท ทุกคนถึงเห็นหลินเฟิงเดินออกมา
ข้างๆ หลินเฟิงมีร่างเงาที่งดงามเดินเคียงข้าง แม้เ้าของร่างจะปกปิดใบหน้าด้วยผ้าคลุม แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความสวยงามที่อยู่ใต้ผ้าผืนบางนั้น
อย่างไรก็ตาม ข้างกายหลินเฟิงดูเหมือนจะไม่มีทาสผู้ฝึกยุทธ์ที่ชายวัยกลางคนชุดฟ้าได้เอ่ยถึง
ชายชุดดำมองไปที่หลินเฟิงและคนอื่นๆ แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันไปถามคนที่อยู่ด้านหน้าหลินเฟิง “เกิดอะไรขึ้น?”
ชายคนนั้นเกาหัว และไม่กล้าตอบ
“เ้าคนไร้ประโยชน์ เื่ง่ายๆ แค่นี้ก็ทำไม่ได้” ชายชุดดำตำหนิอย่างเ็า จากนั้นมองไปที่หลินเฟิงและกล่าวว่า “เ้าบุกรุกลานประลองเชลย และยังพาทาสสองคนมาที่สำนักเทียนอี้ใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว ข้าบุกรุกลานประลองเชลย แต่ข้าไม่ได้พาออกมา นั่นเป็สหายของข้า ไม่ใช่ทาสอย่างที่เ้าว่าไว้”
หลินเฟิงเหลือบมองชายชุดดำ เพียงเพราะประโยคเดียวของอีกฝ่าย ในใจของเขาพลันรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา
“ทาสก็คือทาส สหายงั้นหรือ? สำนักเทียนอี้จะมีทาสผู้ฝึกยุทธ์เข้ามาได้อย่างไรกัน” ชายชุดดำกล่าวไม่ไว้หน้าหลินเฟิง
“งั้นข้าขอถามคำถามท่านอาจารย์ว่า อะไรคือทาส?”
“บนใบหน้าได้มีนาบตรา นั่นก็คือทาสผู้ฝึกยุทธ์” อีกฝ่ายตอบกลับ
“งั้นข้าจะถามท่านอาจารย์อีกคำถามว่า ในตอนนี้มีทาสอยู่เบื้องหน้าท่าน ทำไมท่านถึงปล่อยให้เข้าสำนักเทียนอี้ได้?”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็า
“หืม?” ผู้คนต่างตกตะลึง เ้าเด็กนี่ปากกล้านัก คาดไม่ถึงว่าจะกล้าขนาดนี้
ชายชุดดำก็ประหลาดใจเช่นกัน และกล่าวอย่างเ็าว่า “เ้าเห็นทาสตรงไหน?!”
“หึ”
หลินเฟิงยิ้มอย่างเยือกเย็น แล้วชี้ไปที่คนสวมหน้ากากซึ่งยืนหลังชายในชุดสีฟ้านั่น และกล่าวว่า “เ้าให้เขาถอดหน้ากากออกสิ แล้วดูว่าใช่ทาสหรือไม่”
ตอนที่หลินเฟิงมาก็ััได้ถึงสายตาเยือกเย็นที่มองมาทางเขา ใบหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั่น ทำไมหลินเฟิงจะไม่รู้ว่าคนคนนี้ก็คือไป๋เจ๋อ
เมื่อเห็นหลินเฟิงชี้นิ้วมาทางตัวเอง ม่านตาของไป๋เจ๋อที่อยู่ภายใต้หน้ากากสีทองดูหดเกร็ง และสายตาก็ยิ่งเ็ามากกว่าเดิม
“ช่างน่าประทับใจนัก นี่คือสำนักเทียนอี้ ศิษย์ล้วนกล้าเหิมเกริมเช่นนี้ แม้แต่อาจารย์ก็ไม่เว้น”
ชายหนุ่มชุดฟ้ากล่าวเย้ยหยัน
ทันใดนั้นสีหน้าของชายชุดดำกลายเป็เยือกเย็น หลินเฟิงทำให้เขาเสียหน้าได้อย่างไร?
“ข้าให้เ้าพาตัวทาสพวกนั้นมา ไม่ได้ยินหรือไง?”
ชายชุดดำจ้องหลินเฟิงเขม็ง ร่างของเขาปล่อยกลิ่นอายอันหนาวเหน็บออกมา
หลินเฟิงประหลาดใจ พลันมุมปากเผยรอยยิ้มเ็าออกมาและกล่าวว่า “ที่สำนักเทียนอี้มีอาจารย์อย่างท่านช่างน่าอับอายยิ่งนัก มาทำวางอำนาจบาตรใหญ่ในสำนัก ท่านคิดตัวเองว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหนถึงกล้ามาใช้อำนาจข่มขู่ศิษย์ ทำให้สำนักต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ทีนี้… ยังคิดว่าตัวเองน่าเกรงขามอีกหรือ”
คำพูดของหลินเฟิงช่างเ็านัก จึงทำให้ม่านตาของผู้คนต่างหดลง เ้าเด็กคนนี้ ช่างกล้าพูด!
หลินเฟิงพูดจบแล้วแต่สายตายังจ้องเขม็งไปที่ชายชุดดำ ก่อนกล่าวว่า “หากเ้ากล้าพอ งั้นก่อนจะออกไปจากสำนักเทียนอี้ ทำให้ผู้คนเห็นถึงความน่าเกรงขามของอาจารย์สิ แล้วค่อยมาลงโทษข้า หากไม่กล้าพอก็อย่ามาหยิ่งผยองเช่นนี้ แต่ทางที่ดีที่สุดก็อย่าเป็สุนัขรับใช้คนอื่นอีกต่อไปเลย”
“ตูม”
“เ้ารนหาที่ตายงั้นหรือ!” ชายชุดดำะโอย่างเกรี้ยวกราด
“รนหาที่ตาย? ข้าไม่ได้รีบขนาดนั้นหรอก” หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็า จากนั้นเขาล้วงหยิบป้ายไม้แผ่นหนึ่ง ท่ามกลางผู้คนที่ยังตกตะลึง
“วันนั้นข้าไม่ได้ตั้งใจจะเข้าสำนักเทียนอี้ เพราะวันนั้นตอนที่มาถึงสำนักเทียนอี้ก็เจออาจารย์ที่นิสัยไม่ดี แต่รองเ้าสำนักก็ได้มาเชิญด้วยตัวเอง และมอบสิทธิพิเศษให้กับข้า อนุญาตให้ข้าฝึกฝนในสำนักได้ และสามารถพาใครเข้ามาในสำนักก็ได้ ก่อนที่ข้าจะก้าวเข้าสู่สำนักเทียนอี้ ไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะมีอาจารย์ที่ไร้ยางอายเช่นนี้ และยังทำตัวเหมือนสุนัขกับบุคคลภายนอก ช่างน่าละอายใจยิ่งนัก”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็า ในใจของฝูงชนล้วนสั่นระรัว พวกเขาเพิ่งทราบเื่นี้ คาดไม่ถึงว่ารองเ้าสำนักได้เชิญหลินเฟิงมาด้วยตัวเอง และยังมอบสิทธิพิเศษให้กับเขา ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมเขาถึงสามารถนำผู้คนเข้าออกสำนักเทียนอี้ได้อย่างอิสระ
สีหน้าของชายชุดดำประหลาดใจ ป้ายไม้นั้นจริงๆ แล้วเป็ของรองเ้าสำนักไม่ผิดแน่
“คนคนนี้ดูิ่ข้าเช่นนี้ หากข้าถอยกลับตอนนี้ ข้าคงไม่มีหน้าอยู่ในสำนักนี้อีก”
สายตาของชายชุดดำกลายเป็แหลมคมราวกับใบมีด
“ั้แ่ก่อตั้งสำนักเทียนอี้มา ข้ายังไม่เคยได้ยินว่ามีคนที่ไม่ใช่ศิษย์ของสำนัก แต่กลับได้รับสิทธิพิเศษ” ชายชุดดำกล่าวต่อว่า “หลินเฟิง เ้าช่างอวดดียิ่งนัก แม้แต่ป้ายของรองเ้าสำนักยังกล้าขโมยมา แล้วมาทำวางอำนาจเช่นนี้ ไม่คิดเลยว่าสำนักเทียนอี้จะมีคนประเภทนี้ วันนี้ข้าจะมอบบทลงโทษให้กับเ้าเอง”
“ขโมย?” หลินเฟิงประหลาดใจ เขาเห็นคนจำนวนมากพยักหน้าเห็นด้วย และเชื่อคำพูดของอีกฝ่าย เขาจึงพูดอะไรไม่ออก
“มีเพียงคนสติวิปลาสเท่านั้นถึงจะเอ่ยเช่นนั้นได้ รองเ้าสำนักแข็งแกร่งกว่าข้ามาก ข้าจะขโมยป้ายของเขามาได้อย่างไร?”
หลินเฟิงหัวเราะเยาะ แต่อีกฝ่ายได้ตัดสินใจแล้วว่าจะจัดการเขาอย่างไร
“พูดจาหลอกลวงเก่งนัก คิดอยากจะหนีงั้นหรือ หึ... ฝันไปเถอะ”
ร่างของชายชุดดำสั่นสะท้านทันใด จากนั้นได้ปล่อยลมปราณอันเยือกเย็นออกมา และพุ่งโจมตีหลินเฟิง
เมื่อเห็นฉากนี้ผู้คนต่างก็ตกตะลึง หลินเฟิงกำลังแย่แล้ว คาดไม่ถึงว่าจะกล้าไปยั่วยุโทสะอาจารย์ของสำนัก การกระทำเช่นนี้นับว่าขาดสติสัมปชัญญะนัก
อย่างไรก็ตามสายตาของหลินเฟิงที่มองไปนั้น ไม่แยแสต่อร่างเงาที่อยู่ด้านหลังของเขาที่กำลังก้าวมาด้านหน้าและขวางร่างของหลินเฟิงไว้