หลิวหย่งอยากตกแต่งห้องประชุม
ข้อกำหนดสำหรับการตกแต่งห้องประชุมไม่น่าสูงเกินไปนัก แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับ้าให้เขาประมูลห้องอาหาร
เหตุผลของเธอคือเมื่อข้อกำหนดสำหรับการตกแต่งห้องประชุมไม่สูงมากนัก คู่แข่งการประมูลย่อมมีจำนวนมาก ในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า ห้องประชุมของหน่วยงานราชการก็ย่อมอับเฉาและล้าสมัยเหมือนกันหมด เปรียบเทียบแล้วห้องอาหารดูมีชีวิตชีวาและน่าสนใจมากกว่า มีห้องอาหารสองส่วนในบ้านพัก ส่วนหนึ่งคือห้องอาหารใหญ่แบบเปิดโล่ง อีกส่วนหนึ่งคือห้องอาหารเล็กที่กั้นแบ่งเป็ห้องส่วนตัวย่อย ห้องอาหารใหญ่จะสามารถจุคนรับประทานอาหารได้ราว 300 คนพร้อมกัน ห้องประชุมที่ใหญ่ที่สุดก็รองรับคนได้ประมาณนี้เช่นกัน ทางบ้านพักคงไม่เปิดให้บริการแก่บุคคลทั่วไปในตอนที่จัดงานประชุมใหญ่หรอกนะ
อีกทั้งการประชุมที่จำนวนคนเกิน 300 คนไม่น่าเกิดขึ้นบ่อยนัก การประชุมสภาผู้แทนประชาชนเมืองเผิงเฉิงครั้งที่หนึ่งในปี 1990 มีตัวแทนเข้าร่วมเพียง 266 คนเท่านั้น
การตอบสนองเงื่อนไขรองรับคนรับประทานอาหารจำนวน 300 คน ไม่ได้หมายความว่าจับทั้ง 300 คนยัดลงไปนั่งแออัดในหนึ่งพื้นที่ว่างก็เพียงพอแล้ว ลักษณะของโต๊ะย่อมมีความแตกต่างกัน บริเวณของสถานที่ก็ต้องแตกต่างเช่นกัน ห้องอาหารใหญ่ในบ้านพักรับรองจะต้องมีระดับเหนือกว่าโรงอาหารบุคลากร เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าสามารถจัดโต๊ะรับประทานอาหารได้หลากหลายรูปแบบสำหรับ 2 คน 4 คน 6 คน และ 8 คน สำหรับ 10 คนขึ้นไปนั้นไม่จำเป็แล้ว เพราะจะสามารถพบสถานการณ์ที่คนสิบกว่าชีวิตนั่งเบียดร่วมโต๊ะรับประทานอาหารได้ค่อนข้างน้อย ถ้าไม่แยกโต๊ะ ก็แยกย้ายไปรับประทานอาหารที่ห้องเดี่ยวแทน
จัดโต๊ะสำหรับ 2 คนสิบตัว และใช้โต๊ะสำหรับ 4 คนเป็หลัก ควรจัดสักยี่สิบตัว โต๊ะ 6 คนสิบตัว และโต๊ะ 8 คนห้า[DP1] ตัว รวมทั้งหมด 200 ที่นั่ง
นี่ไม่ใช่การกำหนดโดยอิงปริมาณการจุคนของห้องประชุมขนาดใหญ่ที่สุด แต่เป็การพิจารณาว่าบ้านพักรับรองมีห้องพักทั้งหมด 67 ห้อง แม้ห้องพักทุกห้องมีแขกเข้าพัก รวมเด็กเล็กที่ไม่ใช้เตียง จำนวนแขกก็ไม่มีทางเกิน 200 คน และมีความเป็ไปได้น้อยมากที่ทุกคนจะรับประทานอาหารในเวลาเดียวกัน ต่อให้มีนักท่องเที่ยวอิสระบางกลุ่มที่มาบ้านพักเพื่อรับประทานอาหารโดยไม่เข้าพัก ห้องอาหารใหญ่จำนวน 200 ที่นั่งถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว
หากมี 300 คนมาประชุมจริง ห้องอาหารเล็กก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน
โต๊ะรับประทานอาหารรวม 45 ตัว ระหว่างแต่ละโต๊ะต้องมีทางผ่าน เพื่อไม่ให้แขกที่รับประทานอาหารเดินชนกัน รวมถึงเพื่อให้บริกรสามารถยกอาหารขึ้นโต๊ะได้อย่างอิสระ เก้าอี้กับโต๊ะจะไม่กระทบกัน และสามารถวางไว้บนทางเดินได้... พื้นที่โดยเฉลี่ยต่อคนของบริเวณรับประทานอาหารควรอยู่ที่ประมาณ 1.5 ตารางเมตร ก็นำ 1.5 ตารางเมตรมาคำนวณเสีย ดังนั้นต้องมีพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารอย่างต่ำ 300 ตารางเมตร! แต่ถ้า้าให้พื้นที่กว้างขวางโอ่โถงอีกหน่อย ก็คำนวณด้วย 350 ตารางเมตร
นี่เป็เพียงบริเวณสำหรับรับประทานอาหารเท่านั้น หนึ่งห้องอาหารมีจำนวน 200 ที่นั่ง พื้นที่รับประทานอาหาร 350 ตารางเมตร ดังนั้นมันควรมีห้องครัวประกอบอาหารอย่างน้อย 150-200 ตารางเมตร
บวกคลังเก็บวัตถุดิบ ห้องน้ำ สำนักงานและอื่นๆ เข้าไปอีก พื้นที่ทั้งหมดของห้องอาหารนี้ไม่ควรน้อยกว่า 700 ตารางเมตร
แม้เผิงเฉิงจะถูกจัดเป็เขตเศรษฐกิจพิเศษ ทว่าที่ดินของมันในปี 84 ยังห่างไกลจากการที่ทุกตารางคือทองคำมากโข ทางบ้านพักรับรองเทศบาลเมืองคงไม่ตระหนี่ถี่เหนียวนัก หลิวหย่งกล่าวว่าจะเหลือพื้นที่ทำห้องอาหารใหญ่บนแปลนอาคารไว้ 850 ตารางเมตร—จากความคิดเห็นส่วนตัวของเซี่ยเสี่ยวหลาน แค่ลุงของเธอชนะการประมูลห้องอาหาร 850 ตารางเมตรนี้มาได้ก็ไม่เลวแล้ว
งานตกแต่งภายในของครัวและห้องน้ำใช้เงินมากที่สุด การที่มาตรฐานครัวกับห้องน้ำของห้องอาหารต่างจากบ้านเรือนสำหรับอาศัย ไม่ได้แปลว่ามันจะใช้เงินน้อย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโต๊ะเก้าอี้และพื้นในบริเวณรับประทานอาหาร อุปกรณ์ไฟก็เป็ค่าใช้จ่ายก้อนโตด้วยเหมือนกัน
และยังมีอุปกรณ์เบาประเภทต่างๆ อีก ถ้าอยากได้ผลลัพธ์การออกแบบที่น่าประทับใจแก่ผู้พบเห็น ก็อย่ายึดมาตรฐานโรงอาหารพนักงานมาใช้ในการตกแต่ง เห็นได้ชัดว่าบ้านพักรับรองเทศบาลเมืองเปิดประมูลก็เพราะ้าความมีระดับ เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่า 7 หมื่นหยวนที่รวบรวมให้ลุงของเธอก้อนนั้นอาจชนะการประมูลห้องอาหารใหญ่ไม่ได้ด้วยซ้ำ
ถ้าถอยหลังและขอสิ่งที่รองลงมา อย่างการประมูลรายการห้องอาหารเล็กล่ะ?
ห้องอาหารเล็กมีห้องส่วนตัวเพียง 9 ส่วน ห้องครัวใช้ร่วมกับห้องอาหารใหญ่ อันที่จริงห้องรับประทานอาหารส่วนตัวทั้งเก้าห้องนี้เทียบเท่ากับการตกแต่งห้องธรรมดา 9 ห้อง โดยปกติควรประมูลรวดเดียวพร้อมกับห้องอาหารใหญ่ ทว่ากลับถูกแบ่งส่วนเป็โควตาย่อยเดี่ยวหนึ่งรายการเสียได้
แน่นอนว่าห้องส่วนตัวก็ต้องมีความเป็ส่วนตัว และอาจหรูหรากว่าห้องอาหารใหญ่ได้เล็กน้อย
อีกทั้งฤดูร้อนของเผิงเฉิงร้อนระอุเหลือทน จะปล่อยให้เหล่าแขกที่อยู่ในห้องอาหารส่วนตัวเหงื่อไหลไคลย้อยขณะรับประทานอาหารก็ไม่ได้ใช่ไหมเล่า?
เครื่องปรับอากาศ 9 ตัวคือของจำเป็
สามารถมอบหมายให้คนของบ้านพักรับรองทำหน้าที่จัดซื้อเครื่องปรับอากาศได้ และควรจะเหลือช่องว่างรับผลประโยชน์ให้คนของบ้านพักบ้าง
ดังนั้นจะมีแค่ห้องอาหารเล็กที่แยกห้องส่วนตัวต่างหาก 9 ห้อง ต้นทุนตกแต่งจะยืดหยุ่นได้สูงมาก ดังนั้น 7 หมื่นหยวนของหลิวหย่งเพียงพออย่างแน่นอน
“เป็แบบนี้น่ะจ้ะ ลุงคิดอย่างไร?”
เซี่ยเสี่ยวหลานวิเคราะห์ข้อดีและข้อด้อยให้แล้ว ส่วนจะเอาอย่างไร ขึ้นอยู่กับการเลือกของหลิวหย่งอีกที หลิวหย่งรู้ดีว่าห้องอาหารเล็กนั้นเป็งานง่าย ไม่ว่าจะเป็ด้านเงินทุนที่เขาต้องนำมาเอง หรือด้านพลังกายใจที่ต้องทุ่มเทระหว่างการทำงาน เขาควรเลือกห้องอาหารเล็ก แค่ตกแต่งห้องจำนวน 9 ห้อง เขาคุ้นเคยกับงานนี้!
แต่เขานึกถึงสิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานบอกบ่อยๆ มันไม่เป็ไรเลยที่จะได้กำไรน้อยนิดใน่สองสามปีแรก ทว่าต้องได้อะไรจากการเรียนรู้ต่างหากเล่าคือสิ่งที่สำคัญ
เลือกทำแต่งานที่ง่าย จะเรียนรู้อะไรได้บ้าง?
ในเมื่อไม่เคยตกแต่งครัวของห้องอาหารมาก่อน นี่ก็คือโอกาสไม่ใช่หรือ ทำงานตกแต่งรายการที่มีพื้นที่รวม 850 ตารางเมตรย่อมได้รับการฝึกฝนมากกว่าตกแต่งห้องจำนวน 9 ห้อง!
“ลุงอยากประมูลห้องอาหารใหญ่ แต่ทางบ้านพักไม่น่าจะให้พวกเราสำรองเงินทั้งหมด หากจะขอติดค้างเงินเดือนของคนงานกับวัสดุบางส่วนไว้ก็ย่อมได้ ทว่าเงิน 7 หมื่นหยวนสำหรับลงทุนล่วงหน้าแทบไม่พอแล้ว”
เมื่อหลิวหย่งเลือกห้องอาหารใหญ่แล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานทำได้เพียงสนับสนุน
“ฉันยังมี 1 หมื่นอยู่กับตัว อีกไม่กี่วันจะแบ่งเงินปันผลอีกรอบ พวกเราสองบ้านน่าจะรวมกันถึง 2 หมื่น ทั้งหมดก็คือหนึ่งแสนหยวน... ถ้าไม่พอ ฉันจะลองคิดหาวิธีดูอีกที”
ไม่พอจริงๆ ก็กู้เงินเสียเถอะ ไม่อยากติดหนี้บุญคุณใครคือเหตุผลหนึ่ง ในเมื่อเป็อุปสรรคต่อการพัฒนาก็ต้องขอสินเชื่อธนาคาร การขอสินเชื่อไม่จำเป็ต้องใช้เส้นสายของทังหงเอินเสมอไป เซี่ยเสี่ยวหลานวางแผนจะกู้สินเชื่อธนาคารในซางตู โดยใช้ ‘หลานเฟิ่งหวง’ เป็หลักประกัน
ไม่มีคำว่าเกรงใจสำหรับคนในครอบครัวเดียวกัน หลิวหย่งไม่สบายใจเลย เงินส่วนนี้ของเซี่ยเสี่ยวหลานจะนำไปใช้เพื่อลงทุนทำธุรกิจใหม่เหมือนกัน แต่ตอนนี้กลับต้องเก็บไว้เพื่อเขา
เมื่อทั้งสองคนปรึกษาหารือกันเรียบร้อยแล้ว ว่าจะประมูลงานตกแต่งภายในของห้องอาหารใหญ่ หลิวหย่งก็ต้องรีบเร่งเพื่อชนะการประมูล
อันดับแรก หลิวหย่งส่งแปลนอาคารแนวราบกลับซางตู เซี่ยเสี่ยวหลาน้าดูด้วยตนเอง หลังจากกำหนดโครงสร้างพื้นฐานของแปลนออกแบบเสร็จ ค่อยให้กงหยางวาดออกมา
สิ่งที่หลิวหย่งต้องทำเป็อันดับสองคือไปพบผู้รับผิดชอบของห้องอาหารประจำบ้านพัก
ไม่สามารถส่งเอกสารแสดงข้อมูลโดยอาศัยไปรษณีย์ได้ ถือว่าช้าเกินไปแล้ว โชคดีที่ของอย่างเอกสารนี้แตกต่างจากสิ่งอื่น มันสามารถส่งสำเนาผ่านทางแฟกซ์ได้
แฟกซ์แปลนอาคารกลับซางตูได้ ส่วนแปลนออกแบบกับภาพจำลองผลก็ให้คนนำมา คำนวณกระบวนการส่งต่อจากซางตูถึงหยางเฉิง จนกระทั่งถึงมือของหลิวหย่งในเผิงเฉิง จะเหลือเวลาให้เซี่ยเสี่ยวหลานกับกงหยางไม่มากนัก ครั้งนี้ไม่ใช่การอดหลับอดนอนเพื่อวาดภาพจำลองผลขนาดไม่กี่สิบตารางเมตร ทว่าเป็แปลนออกแบบบ้านพักรับรองเทศบาลเมืองที่มีขนาด 67 ห้องพัก 12 ห้องประชุม และ 2 ห้องอาหาร
ส่วนรายการหอพักพนักงานนั้น เซี่ยเสี่ยวหลานกับหลิวหย่งไม่เห็นอยู่ในสายตาั้แ่ต้นจนจบ ห้องอาหารยังพอมีความหวังว่าจะได้รับคำชื่นชมจากผู้คน แต่หอพักพนักงานของบ้านพักรับรองไม่้าการออกแบบที่ซับซ้อนเลยแม้แต่น้อย กำไรก็ไม่เท่าไรด้วย เพราะทางบ้านพักจะลงทุนตกแต่งหอพักพนักงานด้วยจำนวนเงินอันน้อยนิดที่สุด!
กงหยางได้ยินว่ามีงานให้ทำ พอนึกถึงเงินที่ให้ครอบครัวคราวก่อน เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
คราวก่อนที่ควักเงิน 1000 หยวนออกมาวางตรงหน้าครอบครัว ทุกคนในบ้านของเขาตกอกใแทบแย่ บิดามารดาของกงหยางนึกว่าเขาทำอะไรที่ผิดกฎหมายด้วยซ้ำ กงหยางอธิบายด้วยทุกวิธีที่เป็ไปได้ เขาไม่ได้เล่าว่าตนเองไปทำงานเป็ช่างตกแต่งภายในอยู่สองเดือน เล่าเพียงแต่ว่าหาเงินจากการรับจ้างวาดภาพ บิดามารดาของกงหยางปลาบปลื้มยินดียิ่งนัก แต่ไม่ยอมรับเงินนั้นไว้ทั้งหมด กงหยางดึงดันทิ้งเงินให้ครอบครัวไว้ 800 หยวน บอกว่ามีงานเงินดีให้ทำไม่สิ้นสุด พวกเขาย่อมทำใจใช้ไม่ลงอยู่แล้ว กงหยางไม่สนใจเื่อื่น ขอเพียงทุกครึ่งเดือนต้องกินเนื้อสัตว์หนึ่งมื้อ... เขาถึงขั้นตกลงกับคนขายเนื้อในหมู่บ้าน คนตระกูลกงต้องไปที่นั่นเพื่อซื้อเนื้อสัตว์หนึ่งหนทุกครึ่งเดือน หนหนึ่งไม่น้อยกว่าสองชั่ง ถ้าไม่ปฏิบัติตาม เขาจะเลิกเรียนและกลับบ้านเกิดมากินแกงแป้งก้อนคู่ผักดองเค็มพร้อมกับทุกคนในครอบครัว!
กระทั่งการรับประทานเนื้อสัตว์หนึ่งมื้อทุกครึ่งเดือนยังถูกมอบหมายเป็ภาระหน้าที่ กงหยางจึงมีแต่ต้องหาเงินให้ได้มากกว่าเดิม หากรายได้ของเขามากขึ้นและมั่นคงเมื่อไร ความเป็อยู่ของครอบครัวถึงจะเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญได้
สำหรับด้านเซี่ยเสี่ยวหลาน เหลืออีกแค่เดือนเดียวก็จะสอบเกาเข่า ทว่าเธอยังต้องเจียดเวลามาทำแบบร่างนี้ให้เสร็จ ส่วนจะชนะการประมูลหรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าหลิวหย่งจะดำเนินงานในเผิงเฉิงอย่างไร!
[DP1] ลองบวกแล้วจาก 4 ตัวจากได้ 192 ที่นั่ง เลยเพิ่มเป็ 5 ถึงจะได้ครบ 200 ที่นั่ง