ฝีขึ้น?
เป็ไปได้อย่างไรกัน!
เมื่อวานตอนเขาส่งนางกลับไป นางยังปกติดีอยู่เลย แม้จะโดนอากาศเย็น ก็ไม่น่าถึงขั้นฝีขึ้นมาเฉียบพลันหรอก
หนานิเหอจำได้ขึ้นใจว่าร่างกายเยี่ยนเจาเจาดีมากั้แ่เล็ก ไม่รู้เหตุใดมาเริ่มทรุดลงเอาสองปีนี้ คราวก่อนเยี่ยนเจาเจาเป็ลมหมดสติก็ลำบากนักกว่าเขาจะได้ยามา เดิมทีคิดว่าเป็เื่บังเอิญ ในวันนี้กลับมั่นใจว่าต้องมีคนก่อกวนอยู่เื้ัแน่
เขาหลงคิดว่าตนเองดูแลนางได้ดีแล้ว สุดท้ายกระทั่งเื่ง่ายๆ ยังทำไม่สำเร็จ เสียแรงที่แม่นางน้อยปฏิบัติต่อเขาด้วยความจริงใจ
เหตุการณ์วันนี้หากบังเอิญก็ช่างเถอะ แต่หากมีคนเล่นไม่ซื่อลับหลัง เขายอมตายไปเสียไม่ดีกว่าหรือ?
ความรู้สึกวูบโหวงในทรวงอกเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ทว่าหนานิเหอไม่ยอมเสียเวลาเดินทางอีกแม้แต่ชั่วครู่เดียว เขาค้นยาลูกกลอนชนิดหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้วกลืนเข้าปากไป ก่อนจะเร่งฝีเท้าตรงไปทางเรือนนภาคราม จนหลานเล่อที่อยู่ข้างหลังตามเขาไม่ทันเลยสักนิด
“หลานเล่อ ไปบอกกู้เจี้ยนว่าข้ายอมรับการปะทะแรกแล้ว”
ครั้นองค์หญิงมัดเยี่ยนฟางเยว่กับเยี่ยนฟางชิงกลับไป เด็กสาวอายุไม่มากสองคนนี้ก็กลัวจนบื้อใบ้ไปแล้ว พอมาถึงเรือนนภาครามก็ยิ่งตัวสั่นงันงก กระทั่งพูดยังไม่ออก
องค์หญิงไม่ชอบเห็นคนของบ้านใหญ่ ยิ่งสองบุตรีอนุที่โดนหวังซื่อเลี้ยงมาให้รับคำลูกเดียวจนกลายเป็คนไม่เอาไหน แม้แต่คนที่อายุน้อยกว่าหน่อยยังไม่ทันเข้าเรือนนภาครามก็ถึงขั้นสั่นไปทั้งตัว หวาดกลัวจนปัสสาวะราดเลยด้วยซ้ำ
อาเหวินอาอู่วางเด็กทั้งสองตรงหน้าพระพักตร์องค์หญิง เมื่อองค์หญิงเหลือบั์เนตรขึ้นชำเลืองมองพวกนาง เด็กสาวก็ทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว ก่อนกอดกันร้องไห้เสียงดังลั่น
“เมื่อวานพวกเ้าไปหาเยี่ยนเจาเจาทำไม?”
องค์หญิงทราบว่าสีหน้าของตนไม่น่ามองนัก ทว่ายามนี้นางโกรธเต็มประดา จะให้ทำหน้าดีๆ ใส่เด็กสาวพวกนี้อย่างไร?
เยี่ยนฟางชิงกลัวแทบสิ้นสติ ส่วนเยี่ยนฟางเยว่ยังพอสงบใจได้บ้าง นางรู้ว่าองค์หญิงโมโหเพราะเื่ที่เยี่ยนเจาเจาฝีขึ้นฉับพลัน จึงเล่าเหตุการณ์เมื่อวานออกมาด้วยเสียงสะอึกสะอื้น
“...มันเริ่มจากหลายวันก่อนที่ข้าชนะการพนันกับน้องหญิงสี่ น้องหญิงสี่เลยเสียผ้าไหมผูกคอซูโจวชั้นดีให้ข้า ลวดลายบนนั้นงดงามมาก ข้าเห็นว่าน้องหญิงห้าป่วย อยากยืมดอกไม้ถวายพระ เลยให้สาวใช้ของข้ากับน้องหญิงสามมาส่งพร้อมกันเ้าค่ะ
เพียงแต่พวกนางกลับมาก็ะโว่าอึดอัดและหมดสติไปในเวลาไม่นาน ข้าถึงรู้ว่าทางน้องหญิงห้าฝีขึ้น ข้าไม่ทราบอะไรจริงๆ องค์หญิงได้โปรดอภัยให้ด้วยเพคะ!”
แม้เยี่ยนฟางเยว่อ่อนแอขี้ขลาด ทว่าปกตินางอ่านหนังสือมาไม่น้อย วันนี้จึงพูดจาดูดีมีเหตุมีผล
แต่องค์หญิงฟังจบกลับไม่เอ่ยมากความ เพียงสรวลเยาะหยัน “หากเ้าโกหกข้าอีก เ้าจะได้ลองััแน่ว่าที่นี่เป็อย่างไร”
ดาบบนมืออาเหวินกับอาอู่ถูกชักออกจากฝัก ส่องประกายเย็นะเื เยี่ยนฟางเยว่ตะลึงงันแล้วร้องไห้ดังลั่นทันที “เื่อื่นถูกต้องทั้งหมด เพียงแต่ข้าไม่ได้ห่วงสุขภาพของน้องหญิงห้า เป็น้องหญิงสามส่งเสริมข้าให้ส่งผ้าเช็ดหน้าเน่าๆ ไปยั่วโทสะน้องหญิงห้า องค์หญิงโปรดตรวจสอบด้วยเพคะ!”
นี่น่าจะเป็ความจริงแล้ว
ทว่ามันไม่ใช่สิ่งที่องค์หญิงอยากฟัง การกระทบกระทั่งกันธรรมดาของพี่น้องแบบนี้เป็เื่ปกติ ทว่าต้องมีอุบายบางอย่างที่นางไม่เข้าใจแน่
เสียงร้องไห้ของสองเด็กสาวดังะเืเลื่อนลั่นจนองค์หญิงรู้สึกปวดศีรษะยิ่งกว่าเดิม พระองค์ถามเพิ่มนิดหน่อยว่ามีใครฝีขึ้นบ้าง แล้วก็ให้อาเหวินกับอาอู่ส่งตัวเด็กสาวทั้งสองกลับไป
ไฉ่หลวนคนเฝ้าประตู หงซิ่วที่เคยฝีขึ้น สาวใช้ฝีขึ้นเหมือนกันอีกสองคน และเสี่ยวชุ่ยผู้ปรนนิบัติข้างกายเยี่ยนเจาเจา...
ไม่น่ามีหนอนบ่อนไส้ข้างกายเยี่ยนเจาเจา แต่จะตัดโอกาสที่มีมือคืบคลานเข้ามาในเรือนหิมะมรกตออกไม่ได้…แม้องค์หญิงจะเชื่อใจผู้ใต้บัญชาของตนเอง แต่ยังคงไม่อาจยืนยันแน่ชัดได้ทุกเื่
องค์หญิงไม่เคยหงุดหงิดงุ่นง่านเท่า่เวลานี้
ตอนหนานิเหอมาถึงเรือนหิมะมรกต หมอหลวงสวีกำลังสั่งให้หงซิ่วโรยปูนขาวรอบๆ ใหม่อีกครั้ง…ไข้ทรพิษเป็โรคติดต่อน่ากลัว ยามนี้เขายังอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน ก็ถือว่าเคารพภักดีต่อสวนมวลบุปผาจนถึงที่สุดแล้ว
แต่สุดท้ายคนเราย่อมต้องห่วงชีวิตของตนเอง ต่อให้หมอหลวงสวีรับผิดชอบเต็มที่แค่ไหน ยามนี้ก็ไม่กล้าเข้าเรือนหิมะมรกต…หัวใจของหนานิเหอพลันบีบรัดรุนแรง
ไข้ทรพิษไร้วิธีการรักษา สิ่งเดียวที่หมอหลวงสวีทำได้คือต้มยาบำรุงร่างกายชนิดต่างๆ และส่งคนเข้าไปป้อนนางเหมือนหมอคนอื่นๆ เพื่อให้นางไม่อดตายเพราะขาดสารอาหาร จากนั้นก็แทบจะต้องปล่อยไปตามยถากรรม
แม่นางน้อยของเขานอนอยู่แบบนั้น โดยรอบกายมีเพียงหงซิ่วที่คอยปรนนิบัติ ผลัดอาภรณ์ ต้มยา และทำความสะอาดเรือนเพียงคนเดียว มีแค่สาวใช้คนเดียว ตอนนางทุรนทุรายในนั้นจะรู้สึกหวาดกลัวหนาวเหน็บเหมือนกันไหม?
ความทรงจำของหนานิเหอย้อนกลับไปในค่ำคืนเมื่อหลายปีก่อน เขาเองก็เคยมีฝีขึ้นทั่วร่าง รอบกายไม่มีใครสักคน ประโยคเดียวที่ได้ยินคือไม่รอด ได้แต่รอความตายเท่านั้น
เขาจึงรู้ดีว่าการรอเช่นนี้มันสิ้นหวังเพียงไร
หนานิเหอกำหมัดตนเองแน่นจนทิ้งรอยเล็บฝังลึกไว้กลางฝ่ามือ เขาไม่เคยรู้สึกว่าตนไร้ความสามารถเยี่ยงนี้มาก่อน
หนานิเหอก้าวเท้าจะเข้าไปข้างใน แต่กลับโดนหมอหลวงสวีห้ามปราม
สีหน้าของหมอหลวงสวีเหนื่อยล้า เดิมติดตามรับใช้ข้างกายเยี่ยนเจาเจาและสวนมวลบุปผาหอมเป็งานสบายๆ แต่คาดไม่ถึงว่าตนเข้ารับตำแหน่งได้ไม่ถึงเดือนก็เกิดเื่ใหญ่ปานนี้ขึ้นแล้ว
ด้วยความรักความโปรดปรานที่ฝ่าามีต่อเยี่ยนเจาเจา หมอหลวงสวีเชื่ออย่างยิ่งว่าหากตนรักษาเยี่ยนเจาเจาไม่หาย เกรงว่าจะต้องโดนฝังตามไปด้วยแน่นอน
ดังนั้นเขาเลยพยายามสุดความสามารถเพราะกลัวว่าจะทำได้ไม่เหมาะสมพอ…แต่ตอนนี้สถานการณ์ขององค์หญิงล่อแหลมมาก หากจะหาคนที่เคยเป็ฝีดาษข้างนอกมาปรนนิบัติก็รู้สึกไม่ปลอดภัยนัก งานทุกอย่างจึงตกลงบนบ่าของหงซิ่วแทน แม้หงซิ่วจะซูบลงแล้ว แต่เหลือวิธีไหนอีกเล่า?
หมอหลวงสวีรู้ว่าเยี่ยนเจาเจากับหนานิเหอสองพี่น้องความสัมพันธ์ไม่เลว ทว่าเยี่ยนเจาเจาเป็ไข้ทรพิษอยู่ ต่อให้หนานิเหอเป็ห่วงแค่ไหนก็ไม่อาจเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า เว้นเสียแต่ว่าเขาไม่รักชีวิตแล้ว
หมอหลวงสวีกำลังจะเอ่ยห้ามปราม คาดไม่ถึงว่าหนานิเหอกลับหลุบสายตาลงและถอนหายใจ “ข้าเคยฝีขึ้นมาก่อน”
“ท่านเคยหรือ?” หมอหลวงสวีดีใจ
ครอบครัวใหญ่โตร่ำรวยเหล่านี้ย่อมหาคนที่เคยฝีขึ้นยากนัก วันนี้มีเพิ่มมาอีกคน ทั้งยังเป็เด็กหนุ่มอ่อนเยาว์ หากเขาเข้าไปย่อมช่วยเหลือได้
“ขอเพียงท่านยืนยันว่าเคยมีฝีขึ้นมาก่อน ท่านก็เข้าไปดูแลนางหน่อยเถอะ” หมอหลวงสวีหลบออกจากประตูทางเข้าด้วยใบหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย
“ไข้ทรพิษเป็สิ่งที่ทดสอบความแน่วแน่ของผู้คน ท่านรู้จักนางดี ก็ลองปลุกนางจากการหลับใหล ทำให้นางปรารถนาจะมีชีวิตอยู่ และอย่าปล่อยให้นางจับตุ่มพองบนหน้าเด็ดขาด”
เยี่ยนเจาเจาตกอยู่ในภาวะหมดสติ นางจึงไม่ตื่นขึ้นมาเลยตลอดทั้งวัน
เด็กสาวรักสวยรักงาม เมื่อเป็ไข้ทรพิษจะมีตุ่มน้ำพุพองทั่วร่างกายและคันคะเยอหาใดเปรียบ หากแผลเน่าเปื่อย อัตราการเกิดรอยแผลเป็จะสูงมาก
หมอหลวงสวีสั่งให้หงซิ่วมัดสองมือของเยี่ยนเจาเจาไว้…แม้มีสถานะอย่างเยี่ยนเจาเจา แต่หากบนใบหน้านางทิ้งรอยแผลเป็ไว้ ก็เป็เื่ลำบากเหมือนกัน
เมื่อเห็นหนานิเหอพยักหน้า หมอหลวงสวีจึงหยิบถุงหอมใบเล็กๆ ออกมาจากเอวของตนเอง “ข้าเห็นสีหน้าท่านไม่ค่อยดี นี่คือถุงหอมใบอ้ายเย่รมควัน ท่านพกไว้อาจทำให้รู้สึกดีขึ้น”
หนานิเหอชะงักเล็กน้อย ก่อนยื่นมือออกไปรับ
“...ขอบคุณ”
เขาเอ่ยขอบคุณเสียงทุ้มต่ำ แล้วหมุนตัวเดินเข้าเรือนหิมะมรกตโดยไร้ซึ่งความลังเล
สถานการณ์ในเรือนหิมะมรกตหนักกว่าที่หนานิเหอคิด
แม้สภาพในเรือนนั้นเงียบเหงาซึมเซาอย่างเห็นได้ชัด แต่ข้าวของกลับเก็บเป็ระเบียบเรียบร้อย และเพราะคนไม่พอ หงซิ่วจึงยกหม้อต้มยาเล็กมาที่หน้าประตูเรือนหลัก ตอนหนานิเหอมาถึงก็เห็นนางกำลังนั่งต้มยาอยู่ข้างประตู ในมือถือพัดใบลานโบกไปมา
“คุณ...คุณชายรอง” หงซิ่วเห็นหนานิเหอมาแล้วก็ค่อนข้างระมัดระวังตัวขึ้น
หนานิเหอเพียงดมกลิ่นก็รู้ว่าข้างในบรรจุแกงตุ๋นโสมไว้ ยามนี้เยี่ยนเจาเจาป่วยหนัก จำเป็ต้องพึ่งแกงโสมเพื่อมีชีวิตต่อไป
เขาพยักหน้าไม่เอ่ยอันใดมาก เมื่อปรายตากลับไปก็เห็นหมอหลวงสวียังชะโงกหน้าด้อมๆ มองๆ อยู่ จึงลดเสียงถาม “สถานการณ์หลายวันก่อน เ้าจงอธิบายมาให้ชัดๆ”
หงซิ่วผู้นี้ เดิมทีเขาไม่อยากใช้
ทว่ายามนี้เกิดเื่ราวขึ้นกะทันหัน เขาถึงตระหนักว่าตนเองหัวเดียวกระเทียมลีบเพียงใด เรือนใหญ่โตอย่างหิมะมรกต เขากลับปล่อยให้หงซิ่วเข้ามาแค่คนเดียว
หากไม่ใช่เพราะหงซิ่วเคยผ่านการฝึกอบรมมา ไฉนเลยเด็กอายุน้อยอย่างนางจะสามารถจัดการเรือนหิมะมรกตได้หมดจด โชคดีที่สมัยเขาคัดเลือกคนยังคิดเผื่อเื่ฝีขึ้นด้วย มิฉะนั้นเกิดเหตุในเรือนหิมะมรกตเช่นนี้คงไม่มีคนเลยสักคน?
หงซิ่วหยุดชั่วขณะ ก่อนเล่าเหตุการณ์เมื่อวานอย่างละเอียด แม้แต่ไฉ่หลวนทะเลาะกับนางอย่างไรหรือเข้าไปแบบไหนก็บอกทั้งหมด
“เ้าแน่ใจใช่ไหมว่าตอนสายคุณหนูยังไม่ได้ครั่นเนื้อครั่นตัว แต่พองัวเงียหลับไป่เที่ยง คนของบ้านใหญ่มาส่งของทีหลัง ตกกลางคืนคุณหนูก็ไม่สบายแล้ว?”
หนานิเหอตระหนักดีว่าตนเคยอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นไรมาก่อน จึงมองออกเพียงพริบตาว่าอุบายของเื่คือสิ่งใด หงซิ่วพูดอย่างนี้แล้ว เขาก็จับประเด็นสำคัญได้ทันที
“เ้าค่ะ” หงซิ่วพยักหน้า
“ของเล่า?”
แม้ของรอบข้างจะโดนเผาจนเกลี้ยง แต่หนานิเหอเชื่อในความสามารถของคนที่ตนเองเลือก ซึ่งสาวใช้พยักหน้าตามคาด ก่อนจะเดินนำหนานิเหอไปอีกทาง จนพ้นสายตาหมอหลวงสวีก็หยิบกล่องไม้ที่ควรโดนเผาทิ้งออกมาจากแปลงดอกไม้
หนานิเหอเปิดกล่องไม้ หลังจากมองเพียงแวบเดียวและดมกลิ่นเล็กน้อยก็ทราบว่าบนผ้าไหมผูกคอกลางใหม่กลางเก่านี้ติดกลิ่นไม่พึงประสงค์อะไรไว้
คนที่อยู่เื้ัช่างอุกอาจนัก ลงมืออย่างเรียบง่ายตื้นเขินแต่คำนวณมารอบคอบ รู้ว่าของต้องผ่านมือเสี่ยวชุ่ยสาวใช้ข้างกาย และโดนเผาทิ้งภายหลังแน่นอน จนถึงตรงนี้ทุกอย่างจะไร้ที่ติ เพราะต่อให้เดาถูกว่าคนทำคือใคร สุดท้ายคนตายก็ให้การไม่ได้
หนานิเหอหัวเราะเ็า เขาเก็บของส่งคืนให้กับมือหงซิ่ว แล้วเดินตรงเข้าไปยังเรือนหลัก