หลี่อี้มองมือที่ว่างเปล่าของตัวเอง ยิ่งได้ยินคำถามของหลินฟู่อิน เขายิ่งทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มอย่างขื่นขม
ชายหนุ่มปรับสีหน้าอย่างรวดเร็วก่อนมองหน้าหลินฟู่อินอีกครั้ง ใบหน้าหล่อนั้นเผยแววจริงจังกว่าเดิม
“ฟู่อิน ลุงแปดของข้าฝากจดหมายจากท่านปู่มาให้ ข้าต้องกลับบ้านเกิดกับท่านลุง่วันปีใหม่”
หากด้วยเหตุนี้ หลินฟู่อินตอบรับด้วยรอยยิ้มกว้าง “เป็เื่ดีมิใช่หรือ? ท่านกับท่านปู่กลับมาคืนดีกันนับเป็เื่น่ายินดีนัก ท่านพ่อท่านแม่ของท่านย่อมมีความสุขไปด้วย”
หลี่อี้มองใบหน้าเรียวเล็กของอีกฝ่าย แม้ภายในใจของเขาจะรู้สึกหดหู่ แต่ใบหน้าหล่อเหลายังคงไว้ด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว ท่านพ่อและท่านแม่ของข้ากังวลเื่ท่านปู่มากที่สุด ยิ่งท่านปู่เข้มงวดมากขึ้น่นี้ การได้รับจดหมายจากท่านปู่ ย่อมเป็เื่น่ายินดีของท่านพ่อและท่านแม่ยิ่งนัก”
หลินฟู่อินพยักหน้ารับ นางเข้าใจเื่เช่นนี้ดี
“ท่านควรกลับไปเป็กำลังใจให้ท่านพ่อและท่านแม่ของท่าน” หลินฟู่อินกล่าว
นางรู้สึกมานานแล้วว่าโชคชะตาของหลี่อี้ไม่ได้ถูกกำหนดให้อยู่ในชิงหยางนานเช่นนี้ ยิ่งเป็ถึงบุตรชายคนโตของสกุลหลี่ ภาระที่เขาแบกไว้ย่อมใหญ่หลวง
“ฟู่อิน ข้ากลับบ้านเกิดคราวนี้ ข้าอาจไม่ได้กลับมาชิงหยางอีกหากไม่มีธุระด่วน” ในที่สุดหลี่อี้ก็พูดออกมาจนได้
นี่คือสิ่งที่เขาตั้งใจบอกหลินฟู่อินวันนี้
แม้เด็กสาวพอจะเดาออกว่าหลี่อี้้าพูดอะไร แต่เมื่อได้ยินจากปากของอีกฝ่ายจริงๆ นางกลับลังเลเล็กน้อย
เป็เวลาไม่นานที่นางได้พูดคุยกับหลี่อี้ แต่่สองสามเดือนที่ผ่านมาชายหนุ่มดูแลห่วงใยนางเป็อย่างดี ซ้ำยังคอยให้ความช่วยเหลือไม่ห่าง
นางอยากเอ่ยถามเช่นกัน แต่นางก็ปฏิบัติกับหลี่อี้เช่นพี่ชายมาตลอด
ได้ยินว่าเขาจะจากไปไกล และอาจจะไม่ได้กลับมาหัวใจนางก็รู้สึกเ็ปเล็กน้อย
แต่นางจะทำอะไรได้?
“พี่หลี่อี้ ข้ารู้ดีว่าท่านมีภาระต้องจัดการ หากท่านมีเวลา ท่านค่อยแวะกลับมาเยือนชิงหยางก็ย่อมได้” หลินฟู่อินมองหลี่อี้ด้วยใจที่เปี่ยมไปด้วยความหวังดี
หลี่อี้ถอนหายใจ หลินฟู่อินไม่มีใจให้เขาเลยจริงๆ
เช่นนั้นแล้วเขาจะไม่พูดอะไรให้นางต้องหนักใจอีก
หลี่อี้ยิ้มเล็กน้อยพร้อมพูดต่อว่า “อายุของข้าย่างเข้ายี่สิบสองในปีหน้า กลับไปคราวนี้อาจมีการนัดหมายเื่การแต่งงานอีกก็เป็ได้”
หลินฟู่อินขยิบตากล่าวติดตลก “น่ายินดีนัก การมีครอบครัวคือเื่น่ายินดี แต่หนนี้พี่หลี่อี้จะวิ่งหนีไม่ได้แล้ว” เด็กสาวชะงักครู่หนึ่ง ก่อนปรับน้ำเสียงให้จริงจังขึ้น “พี่หลี่อี้ หากท่านไม่ถูกใจหญิงสาวผู้นั้น ท่านต้องเปิดใจคุยกับผู้าุโที่บ้านตรงๆ ข้าเชื่อว่าพวกเขาต้องคำนึงถึงความสุขของท่านเป็หลักอย่างแน่นอน อย่างน้อยคงมีหลี่ฮูหยินที่ไม่คิดบังคับท่าน”
หลี่อี้ยิ้ม “ครั้งนี้ดูจากถ้อยคำที่ท่านปู่เขียนในจดหมาย ดูท่านจะอ่อนลงมากแล้ว ข้าเชื่อว่าท่านมิใช่ท่านปู่คนเดียวกับแต่ก่อน ส่วนข้าก็มิใช่ข้าคนเดียวกับตอนนั้นเช่นกัน ข้า…”
หลินฟู่อินโล่งใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น “หากมีอะไรไม่สบายใจ ท่านเขียนจดหมายมาหาข้าก็ย่อมได้ แม้ข้าจะช่วยอะไรท่านไม่ได้มาก แต่อย่างน้อยข้ายังรับฟังท่านได้ดี”
“เข้าใจแล้ว” หลี่อี้ได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนั้น เขาก็มั่นใจแล้วว่าเขาไม่สามารถมีสถานะพิเศษอะไรในใจของเด็กสาวได้เลยนอกจากพี่ชาย
เขาไม่เป็ไร แม้ในใจจะไม่อยากก็ตาม
แต่อย่างที่กล่าวไป เขามิใช่เด็กหนุ่มอย่างที่เคยเป็เมื่อหลายปีก่อน และเขาเข้าใจดีว่าหลินฟู่อินเก่งกาจขึ้นมากเพียงใด ท่านปู่คงไม่ยินยอมให้เขาแต่งงานกับนางแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นอายุของนางเพิ่งย่างเข้าสิบสามในปีนี้
จดหมายของท่านปู่เน้นย้ำไว้ชัดเจนว่าท่านอยากอุ้มเหลนชายตระกูลหลี่ในเร็ววัน
“อาจิน เ้ามองอะไรนักหนา?” ในมุมห้องตรงข้ามกับหลินฟู่อิน สาวงามเอ่ยถามชายหนุ่มที่นั่งด้านหน้า หลังสังเกตเห็นว่าแววตาของอีกฝ่ายเปลี่ยนไป ทั้งประหลาด ทั้งน่ากลัว “เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดสายตาของเ้าจึงน่ากลัวราวกับคมมีดเช่นนั้น?”
หญิงสาวสวมชุดกองทัพ รูปร่างสูงโปร่งสง่างาม กล่าวได้ว่าสัดส่วนสูงกว่าสตรีทั่วไป
นางมีใบหน้าเรียวสวยคล้ายพระจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วง คิ้วเด่นสวยราวกับโค้งผาชัน ดวงตาคมงามเฉกเช่นดวงตาของนกเฟิ่งหวงส่องประกายฉายแววฉลาดเฉลียวไม่เบา
“ไม่มีอะไร” ชายหนุ่มตอบปัดขณะขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยโทสะ สวนทางกับวาจาที่เอ่ย
โชคดีที่พิธีกรงานแสดงเริ่มพูดอีกครั้ง ความสนใจของแเื่จึงถูกดึงไปทั้งหมด
ทว่าหลินฟู่อินที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กลับได้ยินชัดเจนว่าชายผู้นั้นกล่าวด้วยความโกรธว่า “ไม่มีอะไร”
นั่นมิใช่เสียงของหวงฟู่จินหรอกหรือ?
เด็กสาวกวาดตามองข้ามหลี่อี้ไปยังโต๊ะฝั่งตรงข้าม แม้จะถูกฉากไม้กั้นไว้แต่หลินฟู่อินก็สังเกตเห็นใบหน้าของหวงฝู่จินได้ชัดเจนผ่านช่องของฉากกั้น
สายตาสองคู่สบกันพอดี
เด็กสาวและชายหนุ่มจ้องกันอยู่อย่างนั้นพักใหญ่
“ฟู่อิน เ้าเป็อะไรหรือไม่?” หลี่อี้สังเกตเห็นสายตาของหลินฟู่อิน ทำเอาชายหนุ่มตะลึงงันไปชั่วครู่ จึงเอื้อมไปแตะมือของหญิงสาวแล้วเขย่าเบาๆ
ด้านสาวงามฝั่งหวงฝู่จินเองก็ไม่ต่าง นางแตะใบหน้าของชายหนุ่มพร้อมเอ่ยถาม “อาจิน เกิดอะไรขึ้นกับเ้า ไยแววตาของเ้าจึงน่ากลัวเช่นนี้!”
หลินฟู่อินเห็นหญิงสาวลุกขึ้นแสดงอาการเป็ห่วงในน้ำเสียง ริมฝีปากบางยิ่งเม้มแน่น แววตาที่เคยสดใสของนางกลับเ็าลงเรื่อยๆ
เด็กสาวคิดเย้ยหยันในใจ หวงฝู่จินคงจะกลายเป็ชายคลั่งหากไม่มีหญิงสาวอยู่ข้างกาย
แม้จะรู้ดีแต่หลินฟู่อินก็อดเ็ปในใจไม่ได้
แต่นั่นเป็ความรู้สึกที่นางไม่รู้จะอธิบายออกมาอย่างไร
“ฟู่อิน…” น้ำเสียงของหลี่อี้แสดงความห่วงใยมากยิ่งขึ้น
เขาตัดสินใจปล่อยเด็กสาวคนนี้ไปแล้ว หากนางไม่ดูแลตัวเองให้ดีแล้วเขาจะไม่ยิ่งเป็ห่วงนางมากขึ้นหรือ?
หลินฟู่อินเรียกสติตัวเองกลับมาได้อีกครั้งจากเสียงเรียกของหลี่อี้
เด็กสาวหลุบตาลงก่อนฝืนยิ้ม “พี่หลี่อี้ ข้าสบายดี ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าข้าเห็นคนรู้จัก แต่ข้าเข้าใจผิด”
นางพูดด้วยน้ำเสียงไม่เบาไม่ดังเกินไป แต่ก็ดังพอให้หวงฝู่จินได้ยินอยู่ดี
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด เด็กสาวตัวน้อยกล้าดีอย่างไรมาโกหกว่าไม่รู้จักเขา? เถลไถลมาอ่านหนังสือดื่มน้ำชาถึงที่นี่กับบุรุษ แล้วแสร้งทำเป็ไม่รู้จักกันอย่างนั้นหรือ?
ชักจะโอหังเกินไปแล้ว!
“อาจิน… อาจิน…” สาวงามโบกมือไปมาข้างหน้าหวงฝู่จินขณะะโเรียกอย่างกังวล “แน่ใจหรือว่าไม่เป็อะไร? เกิดอะไรขึ้นกันแน่? มีผีร้ายเข้าสิงอะไรหรือไม่? ให้ข้าเรียกหมอผีมาให้หรือไม่…”
“ข้าสบายดี” หวงฝู่จินหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนผลักมือหญิงสาวออกไปอย่างรำคาญ แต่น้ำเสียงของเขาไม่สู้ดีเท่าไรนัก
สีหน้าของหญิงสาวโล่งใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นางกลับไปนั่งมองชายหนุ่มแล้วถอนหายใจ “พี่ใหญ่พี่รองก็หาผลประโยชน์จากเ้าไม่ใช่หรือ เ้ารู้ดีว่าขัดขืนไม่ได้ แต่การหนีออกมาเช่นนี้ไม่ใช่ทางออก เ้าควรหาทางกลับไปให้เร็วที่สุด”
“ข้ารู้ ข้ามีแผนของข้าอยู่แล้ว เ้าไม่ต้องห่วงข้านักหรอก” หวงฝู่จินเหลือบมองหญิงสาวตรงข้าม “เป็เพราะเ้า ถ้าเ้าไม่หนีมาทางนี้ ถ้าเ้าฟังข้าสักนิด รู้ใช่หรือไม่? ข้าจะทำโทษเ้า”
“ทำโทษอย่างนั้นหรือ?!” หญิงสาวอุทานขณะชำเลืองดวงตาคู่สวยของนางมองหวงฝู่จิน “เ้ายังไม่รู้ใจข้าอีกหรืออย่างไร? ข้าเหลือแค่เ้าแล้วตอนนี้ หากอยากทำโทษก็ทำโทษข้าข้างกายเ้าสิ”
หวงฝู่จินเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างระอาเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น
“อาจิน เ้าพูดว่าเ้าวางแผนไว้แล้ว เ้าคิดอะไรงั้นหรือ?” หญิงสาวทรงเสน่ห์เอ่ยถามอย่างร้อนรน นางลดเสียงต่ำพร้อมจ้องเข้าไปในดวงตาของหวงฝู่จิน “ดูเ้าสิ ข้าเขียนจดหมายเตือนเ้ามาตั้งกี่ฉบับแล้ว? เ้าจะผัดวันประกันพรุ่งไปถึงไหน? ถึงสถานที่แห่งนี้ในชิงหยางจะกลับมามั่งคั่งอีกครั้ง แต่เ้าจะอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้ และถึงเ้าตั้งใจจะอยู่ เ้าก็มานั่งผลาญเงินที่สามารถเลี้ยงดูชาวเป่ยหรงได้หลายแสนคนเช่นนี้”
เมื่อหญิงสาวเอ่ยถึงเื่นี้ หวงฝู่จินชักสีหน้าทันที “เ้าไม่ต้องกังวลขนาดนั้น ข้าจะปล่อยเ้ากลับไปในสองสามวันข้างหน้านี้”
“ไม่!” ใบหน้างามสะบัดพลางชายตาค้อนหวงฝู่จิน “หากข้ากลับ ข้าจะกลับไปกับเ้า!”
ครั้งนี้หวงฝู่จินไม่ตอบ สีหน้าเปลี่ยนเป็เ็าทันควัน
ด้านหลินฟู่อินที่ได้ยินบทสนาดังกล่าวชัดเจน ภายในใจของนางก็เย็นะเืลงไม่ต่างกัน
ฟังจากคำพูดคำจาของหญิงสาว นางกับหวงฝู่จินมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเป็แน่
หลินฟู่อินไม่จำเป็ต้องแปลกใจกับเื่นี้
หลินฟู่อินไม่อยากได้ยินบทสนทนาจากทั้งคู่อีก นางหันไปพูดคุยกับหลี่อี้ถึงเื่ราวที่เกิดขึ้นในชิงเหลียน
หลี่อี้ไม่สังเกตเห็นสองคนข้างหลัง เขาอยากรู้เพียงว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาหญิงเล็กของเขา
แม้เป็คนอ่อนโยนขนาดไหน เขาก็ยังคงเป็บุตรชายคนโตของตระกูลหลี่ ในอนาคตเขาต้องปกป้องคนในสกุลทุกคนให้ดี
หวงฝู่จินที่เห็นภาพตรงหน้าก็เริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป ภายในใจของเขาลุกไหม้ไปด้วยไฟแห่งโทสะ
จังหวะที่เขาตั้งใจจะลุกขึ้นเดินไปยังมุมห้องแล้วคว้าตัวของหลินฟู่อินเอาไว้ กลับเป็่เวลาเดียวกับที่แสงสีเงินสองสามเส้นพุ่งตรงมา
ั์ตาคมของหวงฝู่จินหรี่ลง ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบแสงสีเงินเ่าั้อย่างรวดเร็ว
แสงเ่าั้ปักลงที่รั้วไม้ของหอพระจันทร์ หากสังเกตดูดีๆ จะเห็นเป็เข็มสีเงินนับได้จำนวนแปดเล่มด้วยกัน
ผู้ที่ใช้เข็มเงินเหล่านี้ต้องมีฝีมือระดับปรมาจารย์แน่นอน!
สีหน้าของหวงฝู่จินเคร่งขรึมขึ้นทันที
เขาส่งตวนมู่เฉิงไปเจรจากับต้าเว่ยเพราะพ่อค้าใหญ่มิใช่คนน่าเชื่อถือ เขาเติบโตมากับเื่ทุจริต หากินกับเื่สกปรก เขาจึงสั่งให้พาคนไปจำนวนมาก
เหล่าลิ่วพากลุ่มชายฉกรรจ์มาคอยระวังอันตรายรอบนอก แต่มือสังหารสามารถเล็งปลิดชีพได้จากระยะใกล้เช่นนี้ หมายความว่ามันต้องปะปนอยู่กับกลุ่มคนในหอพระจันทร์แห่งนี้เป็แน่
ยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวคนสำคัญทั้งสองของเขายังอยู่ที่นี่อีก
“นายท่าน ข้าน้อยผู้นี้สมควรถูกลงโทษ ตัวข้าเผลอเรอปล่อยให้นักฆ่าลอบเข้ามาในหอพระจันทร์แห่งนี้ ข้าน้อยขอนำทัพปกป้องนายท่านและคุณหนูออกไปจากที่นี่โดยเร็ว”
หวงฝู่จินมองเหล่าลิ่วอย่างใจเย็น ก่อนออกคำสั่งเฉียบขาด “เหล่าลิ่ว เ้าคุ้มกันคุณหนูหลีอู่ออกไปก่อน”
หญิงสาวนามหลีอู่รู้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางลุกขึ้นพูดด้วยสีหน้าเ็าทันที “ข้าไม่ไป! เ้าต้องไปกับข้า!”
“หลีอู่ ฟังข้า!” หวงฝู่จินออกคำสั่งเสียงแข็ง
“ข้าไม่ฟัง!” หลีอู่ปฏิเสธอย่างโกรธเคือง
หลินฟู่อินสังเกตเห็นอารมณ์ที่ขัดแย้งอยู่ในตัวของหญิงสาว เมื่อได้ยินนางกรีดร้องด้วยความดื้อดึง แม้อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่นางขอยอมแพ้จะดีกว่า
เด็กสาวกลอกตามองบน ต่อให้มีเื่ร้ายเกิดขึ้นกับคนทั้งสองก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนางอยู่แล้ว
นางเป็คนสนิทหรือเป็สหายของหวงฝู่จินอย่างนั้นหรือ? นางมีสถานะอะไรกับเขาถึงมีสิทธิ์เข้าไปรับรู้เื่ราวที่เกิดขึ้นได้?
ทว่าเหตุใดความกังวลยังไม่หายไปจากใจของนาง? หลินฟู่อินยังไม่รู้ว่าหวงฝู่จินถูกลอบสังหาร สถานการณ์ตอนนี้อันตรายมาก
“เหล่าลิ่ว ข้าสกัดจุดคุณหนูหลีอู่เอาไว้แล้ว พานางออกไป!” หวงฝู่จินออกคำสั่งเด็ดขาดอีกครั้ง
“อาจิน! เ้าคนปลิ้นปล้อน!” หลีอู่สติขาดผึง “ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดเ้ายังรั้นอยู่ที่นี่! อย่ามั่นใจในฝีมือตัวเองนักเลย! ข้าจะบอกทุกคนให้หมด หากยังอยากมีครบสองมือสองแขนอยู่ เ้าต้องออกไปด้วยกัน!”
หวงฝู่จินไม่ขยับแม้แต่น้อย เขาหันไปพูดกับเหล่าลิ่วอีกครั้ง “ไม่ได้ยินคำสั่งของข้าหรือ? ยืนทำอะไรอยู่อีก”
ไม่ทันขาดคำ แสงสีเงินก็พุงตรงเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ดูหนาตากว่าครั้งแรก
“มีเหตุลอบสังหาร! ออกไปจากที่นี่ให้หมด!” เหล่าลิ่วะโลั่นหลังเห็นนักฆ่าโจมตีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขากลัวว่าคนบริสุทธิ์จะโดนลูกหลงไปด้วย หลังจากนั้นเขาก็เตะโต๊ะและเก้าอี้จนหักออกเป็ส่วนๆ
หอพระจันทร์เริ่มอลหม่านเพราะการลอบสังหาร ทั้งบุรุษ สตรี รวมถึงเด็กเล็กต่างตื่นตระหนกแล้วรีบวิ่งหนีเอาชีวิตรอดไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว
หวงฝู่จินสังเกตเห็นแสงสีเงินเปลี่ยนทิศไปยังหลีอู่ มือหนารีบคว้ามือของหญิงสาวมากุมแล้วดึงร่างสูงโปร่งมาไว้ข้างหลังทันที
“เหล่าลิ่วฆ่ามัน!” หวงฝู่จินจ้องไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้อย่างเ็า ร่างของเหล่าลิ่วออกตัวพุ่งตามคำสั่งทันที
หวงฝู่จินนึกขึ้นได้ว่าเหล่าลิ่วสั่งให้ผู้คนรีบหนีออกจากหอพระจันทร์ เขาจึงรีบหันกลับไปหาคนร้ายในกลุ่มคนอีกที
ไม่นับตัวคนร้ายที่เหล่าลิ่วจัดการ ยังมีอีกสามคนที่มีหน้าไม้ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของพวกเขา
เหล่านักฆ่าที่ใช้หน้าไม้ลอบสังหารเช่นนี้ล้วนเป็นักฆ่าฝีมือดี นอกจากปลอมตัวเก่งแล้ว กล้ามเนื้อแขนยังกำยำแข็งแกร่ง ทั้งมีนิสัยโเี้ไม่คิดสนใจชีวิตของผู้บริสุทธิ์แม้แต่น้อย
พวกมันคือกลุ่มคนที่พร้อมเดินสู่ประตูนรกอย่างไร้ศีลธรรม!
ให้เรียกว่านักฆ่ายังน้อยไป เพราะพวกมันคือผีร้ายที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าฆาตกรด้วยซ้ำ!
หวงฟู่จินปกป้องหลีอู่ที่ั์ตาสวยกำลังฉายแววหวาดกลัว คนพวกนั้นตั้งใจจะฆ่าหวงฝู่จินจริงๆ!
ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือเหล่านักฆ่าหน้าไม้สี่คนนี้เป็เพียงนักฆ่าแนวหน้าที่ถูกส่งมาอีกทีเท่านั้น…
หลินฟู่อินได้ยินเสียงเหล่าลิ่วะโลั่น ก่อนจะเกิดเสียงโต๊ะและเก้าอี้หักเป็เสี่ยงๆ นางเดาได้ทันทีว่าเป้าหมายของการลอบสังหารในครั้งนี้คือหวงฝู่จิน ความกังวลภายในใจของนางยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งได้ยินหวงฝู่จินปฏิเสธไม่หนีไปกับหญิงสาว นางยิ่งอยากวิ่งไปคว้าแขนเสื้อของชายหนุ่มเอาไว้ แต่นางรู้ดีว่านางไม่ควรทำตัวหุนหันพลันแล่นเช่นนั้น
หากนางแสร้งทำเป็ไม่รู้จักหวงฝู่จินนางยังมีโอกาสหนีเอาชีวิตรอด เพราะหากผู้ร้ายรู้ว่านางรู้จักกับหวงฝู่จิน นางอาจกลายเป็หนึ่งในเป้าหมายการลอบสังหารในครั้งนี้เพื่อเป็เครื่องต่อรองกับหวงฝู่จินเช่นเดียวกัน
ส่วนมูลค่าของเครื่องต่อรองในครั้งนี้ พวกมันย่อมไม่เห็นค่าสักตำลึงเดียว
หวงฝู่จินระวังความปลอดภัยของหลีอู่พร้อมจ้องไปยังมุมห้องข้างๆ อย่างประหม่า ที่เขาไม่อยากหนีไปกับหลีอู่ก่อนหน้านี้เพราะว่าหลินฟู่อินยังอยู่ที่นี่
แต่เพราะหลีอู่ดื้อดึงขัดไว้เสียก่อน จังหวะที่คิดจะให้หญิงสาวลอบหนีไปก่อนจึงเสียไปด้วย
หากรีบหนีไปจากหอพระจันทร์ตอนนี้ ย่อมมีเหล่านักฆ่าตามมาเพิ่มอีกเป็แน่
หวงฝู่จินคิดหาวิธีภายในหัวอย่างรวดเร็ว ตอนนี้แม้ตวนมู่เฉิงจะได้รับสัญญาณให้ส่งคนมาช่วยเหลือ ก็ยังเป็สถานการณ์เสี่ยงตายอยู่ดี
ไม่นับว่ามีหญิงสาวอ่อนแอสองคนให้ปกป้องอีก…
หลีอู่ที่ยืนกระวนกระวายหลบอยู่ข้างหลังหวงฝู่จินกระซิบอย่างตื่นตระหนก “อาจิน หนีไปเถิด! พวกมันไม่กล้าทำอะไรข้าหรอก อย่างไรเสียข้าก็เป็ถึง…”
“ไม่ต้องพูด! ข้าไม่มีทางทิ้งเ้าเด็ดขาด เ้าเองก็เห็นว่าเ้าคือเป้าหมายการลอบสังหารครั้งนี้เช่นกัน!” หวงฝู่จินพูดขัดหญิงสาวเสียงเรียบ
บางทีหลินฟู่อินต้องรีบตัดสินใจก่อนจะสาย เพราะการลอบสังหารอาจรุนแรงขึ้น แสงสีเงินที่ส่องประกาย และเสียงพังของโต๊ะเก้าอี้ก็ยังคงเป็ปริศนา
อย่างน้อยตอนนี้ เป้าหมายหลักของการลอบสังหารยังมีเพียงหวงฝู่จินและหลีอู่ และดูเหมือนว่าพวกมันจำเป็ต้องเก็บอาวุธและเข็มเงินเอาไว้ไม่ให้สิ้นเปลือง
หลินฟู่อินได้ยินสิ่งที่หวงฝู่จินพูดกับหญิงสาวนามหลีอู่ ใบหน้าน่ารักกลับเ็าโดยพลัน
ดี… ดีมาก… มีความรับผิดชอบดีมากแล้ว
อย่างไรนางก็ไม่มีเวลามาคิดมากเื่ไร้สาระ ฟังจากสิ่งที่หวงฝู่จินพูดนางก็พอจะเดาได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้อันตรายอย่างยิ่ง นางต้องหาทางช่วยหวงฝู่จินให้ได้
แต่ขอเวลาคิดหาวิธีสักครู่หนึ่ง
“พี่หลี่อี้ หาทางไปจากที่นี่กันก่อนเถิด!” หลินฟู่อินพูดกับหลี่อี้ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะเช่นเดียวกับนาง
หลี่อี้ที่ใบหน้าซีดเซียวมองเด็กสาวพร้อมส่งเสียงพึมพำ “ข้าผิดไปแล้วที่พาเ้ามาเสี่ยงอันตรายที่นี่…”
ชายหนุ่มรู้สึกผิดขนาดอยากปลิดชีพตัวเอง หากหลินฟู่อินเป็อะไรไป เขาจะไม่มีทางให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต! แม้ตอนนี้ตัวเขาเองก็คาดเดาไม่ได้เช่นกันว่าจะมีชีวิตรอดไปได้หรือไม่
เขาโตเป็หนุ่มแล้วก็จริง แต่กลับไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงตายเช่นนี้ เข็มเงินนั่นพุ่งเฉียดใบหูของเขาไปยังโต๊ะ เก้าอี้ รั้ว รวมถึงตู้ไม้รอบกาย
แม้ทิศทางของเข็มเงินจะไม่ได้มุ่งมายังเขากับหลินฟู่อินตรงๆ แต่ก็มุ่งไปยังเป้าหมายที่ห่างเพียงฉากกั้นเท่านั้น
เขาไม่รู้ว่าชายหญิงสองคนนั้นคือใคร แต่ที่แน่ๆ คนร้ายตั้งใจมาพรากชีวิตของพวกเขา!
หลังจากเหล่าลิ่วจัดการนักฆ่าตามทิศทางที่รับสั่งเสร็จ เขาก็รีบรุดหน้าไปจัดการนักฆ่าฝั่งทางเหนือที่ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะ
จังหวะนั้นเอง หลินฟู่อินสังเกตเห็นชายฉกรรจ์สวมหน้ากากะโข้ามหอพระจันทร์ไปกลุ่มใหญ่
นักฆ่าชุดดำ! มากเกินไปแล้ว!
ศัตรูของหวงฝู่จินแท้จริงคือใครกันแน่?!
หลินฟู่อินอดคิดเช่นนั้นไม่ได้
“พี่หลี่อี้ ข้าไม่คิดว่านักฆ่าเ่าั้มาจากต้าเว่ยของเราแน่ๆ หากกล้าก่อเหตุภายในแคว้นต้าเว่ยจนทำให้ประชาชนชาวต้าเว่ยได้รับาเ็ เท่ากับว่าราชสำนักมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยใช่หรือไม่?” หลินฟู่อินเอ่ยถามหลี่อี้ขณะขมวดคิ้วแน่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้