บทที่ 19 ด้ายแดงของเซียวอี้เหม่ย
แร่หินมีราคาหกแสนหกหมื่นหยวน ตัวเลขถูกใจมากเสียด้วย
พอได้ยินว่ามีคนจะตัดหิน เหล่านักธุรกิจร้านจิวเวลรี่จำนวนหนึ่งก็รายล้อมเข้ามา แต่หลังจากที่เห็นก้อนหินก้อนนั้นของเย่จื่อเฉิน ทุกคนก็หมดความสนใจ
"ใครช่างโง่เง่าซื้อหินก้อนนี้กัน?"
"นั่น่ะสิ ถ้าหินไร้ประโยชน์ก้อนนี้มีผลึกหยกก็มหัศจรรย์แล้วล่ะ"
เสียงแสดงความคิดเห็นแทบจะเทไปทางเดียวกัน ทุกคนล้วนคิดว่าหินก้อนนี้ไม่มีผลึกหยก มุมปากของคุณหลิวก็ยกยิ้มเยาะ
ถ้าหินก้อนนี้มีผลึกหยกจริง เขาจะเอาหินไร้ประโยชน์ที่ประธานไป๋เพิ่งตัดไปมากินให้ดู
"ประธานเซียว คุณจะตัดแบบไหนครับ?"
ช่างตัดหินขนเอาก้อนหินลงมา เซียวอี้เหม่ยระบายยิ้มแล้วหลีกทางให้เย่จื่อเฉิน
"ถามเขา"
แสงสีทองสว่างวาบขึ้นในดวงตาของเย่จื่อเฉิน คิดอยู่นานพร้อมกับถือปากกาสีชมพูเอาไว้โดยไม่รู้ว่าควรจะจรดปากกาลงไปอย่างไร
"จะมาวาดอะไรเล่า ก็ฟันลงไปทีเดียวเลย"
"เ้าสาม" จู่ๆ เย่จื่อเฉินก็เรียกซูอี้อวิ๋นมาหา "ถ้าเปลือกด้านนอกมันอยู่ใกล้กับหยกมากแล้วไม่สามารถตัดได้จะต้องทำยังไง?"
"ขัด!"
"พี่จะด่าทำไม?"
"ฉันบอกว่าขัดหิน!" ซูอี้อวิ๋นมองค้อน แล้วก็ทำมือว่าขัดหินให้ดูด้วย
เย่จื่อเฉินถึงได้เข้าใจแล้วหันไปพูดกับช่างตัดหิน
"ขัดเลย"
พรูดดด
ผู้คนที่อยู่รอบๆ หลุดขำทันที
ก้อนหินแบบนี้ยังจะขัดอีก เขาคิดว่าหินก้อนนี้มันเป็หยกทั้งก้อนด้วยหรือไง?
"อยากได้เงินจนบ้าไปแล้ว"
คุณหลิวก็หัวเราะเยาะอยู่ข้างๆ
ลูกค้าคือพระเ้า ในเมื่ออีกอีกฝ่าย้าให้ขัดหิน ช่างตัดหินก็ต้องฟังความ้าของอีกฝ่ายอยู่แล้ว
เมื่อหยิบกระดานขัดออกมาแล้ว ช่างตัดหินก็ออกแรงขัดหินไปกับพื้นกระดาน
ผงสีขาวหลุดออกมาจากก้อนหิน
"เห็นสีเขียวแล้ว เห็นสีเขียวแล้ว..."
ดวงตาคมของผู้คนรอบข้างเห็นสีเขียวแล้ว นักตัดหินเองก็อึ้งไปเช่นเดียวกัน
"ราดน้ำ"
น้ำหนึ่งถังถูกเทราดลงไป หยกสีเขียวปรากฏเด่นชัดแก่สายตา
หยกจักรพรรดิ!
คนในงานฮือฮากันหมด ก้อนหินที่ไม่ได้มีรูปลักษณ์สวยงามเลยสักนิดแบบนี้มีกลับมีผลึกหยกเนี่ยนะ แถมยังเป็หยกจักรพรรดิอีกต่างหาก
หน้าของคุณหลิวก็เหมือนกับแมลงวันตอมของเสียแล้วตอนนี้...
หน้าของเขาถอดสีไปหมดแล้ว
"คุณผู้ชายครับ ยังต้องขัดอีกไหมครับ?"
"ขัดต่อไป!"
เย่จื่อเฉินระบายยิ้ม ช่างตัดหินจึงลงมือขัดอีกครั้ง
หยกจักรพรรดิแบบนี้สามารถเห็นกันได้แต่อ้อนวอนขอมาไม่ได้ ต่อให้พวกเขาจะตัดหินอยู่ทุกวันก็ไม่มีทางได้เห็นก้อนหินแบบนี้ เวลาที่ตัดหินก็เปลืองแรงไปมาก
"ออกมาแล้ว เยอะเลย!"
เสียงอุทานของผู้คนรอบข้างดังขึ้นไม่หยุด เซียวอี้เหม่ยที่อยู่ด้านข้างถึงกับยกมือขึ้นมาปิดปากเล็กๆของตัวเองไว้เช่นเดียวกัน ดวงตาเป็ประกายเบิกกว้าง
"ออกมาจริงๆ ด้วย"
ราดน้ำลงไปอีกหนึ่งกะละมัง สีเขียวบนแร่หินก็ส่องแสงเปล่งประกาย
"คุณผู้ชาย..."
"ขัดต่อไป!"
มุมปากของเย่จื่อเฉินประดับไว้ด้วยรอยยิ้มมั่นใจ เขารู้ดีว่าสีเขียวของหินก้อนนี้เป็สีเขียวประปรายหรือว่าเขียวทั้งก้อน แต่นักธุรกิจจิวเวลรี่ที่อยู่รอบข้างนั้นต่างออกไป
"พ่อหนุ่ม เลิกขัดได้แล้ว ถ้ามันแตกไปจะทำยังไง ขายให้ฉันหนึ่งล้านเป็ไง?"
"ถอยไปเลย แค่ล้านเดียวก็อยากจะซื้อหยกจักรพรรดิ หัวหมอไปไหม ฉันให้สองล้าน..."
ราคาเพิ่มขึ้นไม่หยุด เซียวอี้เหม่ยกัดปากมองเย่จื่อเฉินแล้วพูด
"จื่อเฉิน หินก้อนนี้ขายให้ฉันได้ไหม"
"พี่เหม่ย พี่นี่ตลกจริงๆ นี่เป็ก้อนหินที่พี่ซื้อเองมันก็ต้องเป็ของพี่สิ"
เย่จื่อเฉินไหวไหล่ แล้วแบมือยกยิ้มให้เซียวอี้เหม่ย
เซียวอี้เหม่ยมองเย่จื่อเฉินที่ทำหน้าสบายใจด้วยความตกตะลึง และไม่รู้ว่าควรจะเปิดปากพูดอะไรไปชั่วขณะ
ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าหยกจักรพรรดิชิ้นนี้จะผลิตจี้หยกออกมาได้กี่อัน แต่ราคาขั้นต่ำสุดต้องร้อยล้านขึ้นแน่
แต่เขา...
เมื่อได้ยินบทสนทนาของเย่จื่อเฉินและเซียวอี้เหม่ย นักธุรกิจจิวเวลลี่รอบข้างก็หยุดขานราคา
เซียวอี้เหม่ยค่อนข้างมีชื่อเสียงในแวดวงนี้ ครั้งนี้สามารถเดิมพันเอาหินที่ดีขนาดนี้ไปได้ แม้ว่าเพื่อนในแวดวงธุรกิจเดียวกันจะรู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง แต่ส่วนมากพวกเขาก็แสดงความยินดีด้วย
ในตอนนั้นเองเย่จื่อเฉินก็เดินเข้าไปหาคุณหลิว สีหน้าของคุณหลิวตรงหน้าเขานั้นดูไม่ได้ถึงขีดสุดแล้ว
มีผลึกหยก หยกจักรพรรดิทั้งก้อน
"คุณหลิว คุณว่ายังไงครับ?"
"ฉันมองพลาดไปเอง" คุณหลิวกัดฟันเอ่ยเสียงเย็น แต่เย่จื่อเฉินกลับเบ้ปาก "ทักษะไม่ชำนาญก็อย่ามาทำร้ายคนอื่นอยู่ที่นี่เลย ที่ปรึกษาเหรอ? ตลกจริงๆ"
แม้แต่คำพูดจะเถียงกลับคุณหลิวก็เถียงไม่ออก ความแค้นในใจเพิ่มขึ้นมาอีกมากแต่ก็ทำได้แค่กลืนมันลงท้องไป
เห็นท่าทางพ่ายแพ้ของเขาแล้ว เย่จื่อเฉินก็เม้มปากยิ้ม และทันใดนั้นซูอี้อวิ๋นก็ปรี่เข้ามา
"เย่จื่อ เกิดอะไรขึ้น มีผลึกหยกจริงๆ เหรอ?"
"คิดว่าไงล่ะ ถ้าไม่มีผลึกหยกฉันจะให้พี่เหม่ยซื้อมันทำไม?"
"เดี๋ยวนะ หยกจักรพรรดินั่นราคาอย่างต่ำก็แปดเก้าล้านเลยนะ ในเมื่อนายมั่นใจว่ามีผลึกหยก ทำไมไม่ซื้อเอาไว้เองล่ะ ไม่ใช่ว่านายซื้อไม่ได้นี่?"
ใบหน้าของซูอี้อวิ๋นเต็มไปด้วยความสงสัย นี่ไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อย ถ้าเป็ตัวเขาเองก็ต้องรู้สึกหวั่นไหวเหมือนกัน
"โอเค ฉันจะเปรียบเทียบให้นายดูก็แล้วกัน ถ้านายต้องรีบใช้หยกชิ้นนี้ประคองธุรกิจ แล้วฉันใช้เงินตัวเองซื้อมาจากนั้นก็เอาให้นาย นายจะเอาไหม?"
"ไม่มีทาง มันมีค่ามากเกินไป"
"แล้วถ้าเป็เงินของนายเองล่ะ?"
"แบบนี้ก็พอจะรับได้หน่อย"
ซูอี้อวิ๋นคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว
"นายตั้งใจช่วยประธานเซียว"
"ก็ไม่ได้โง่นี่"
"แต่นายก็ใจถึงจริงๆ เลยนะ หยกราคาตั้งหลายร้อยล้าน แต่ให้ไปง่ายๆ เลย" ซูอี้อวิ๋นยกนิ้วหัวแม่มือให้เย่จื่อเฉิน
"ฉุกเฉินน่ะเข้าใจไหม ตอนนี้บริษัทของพี่เหม่ยกำลังลำบาก ถ้าช่วยได้ก็ช่วยไปเถอะ"
เย่จื่อเฉินกลอกตามองซูอี้อวิ๋น แต่กลับไม่รู้เลยว่าบทสนทนาของพวกเขาทั้งคู่นั้นเข้าหูเซียวอี้เหม่ยทั้งหมด
ในสายตาของคนอื่นเซียวอี้เหม่ยมีบุคลิกเป็หญิงแกร่งมาตลอด แต่กลับไม่มีใครรู้เลยว่าในใจของเธอมันบอบบางเพียงใด
ในตอนที่ได้ยินเย่จื่อเฉินคิดแทนเธอด้วยความจริงใจแบบนี้ ชั่ววูบหนึ่งที่ในใจของเธอเกิดมีความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา
ติ๊ง!
ได้รับด้ายแดงหนึ่งเส้น
ด้ายแดงอีกแล้วเหรอ?
เย่จื่อเฉินอึ้งไป เขาก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ ทำไมถึงได้มีด้ายแดงโผล่มาอีกเส้นล่ะ?
เมื่อกดเปิดหีบสมบัติ เย่จื่อเฉินก็ก็พบว่าในหีบสมบัติมีด้ายแดงอยู่สองเส้น
เส้นหนึ่งในนั้นคือของเขากับซูเหยียน
ส่วนอีกเส้น...
ผู้ดึงด้ายเย่จื่อเฉิน ผู้ถูกดึงเซียวอี้เหม่ย
ระดับความรู้สึกดี 100
บ้าไปแล้ว!
เย่จื่อเฉินมีอาการงงอย่างหนัก มีด้ายแดงของเขากับเซียวอี้เหม่ยโผล่ออกมาได้ยังไง แถมระดับความรู้สึกดียังเต็มพิกัดแบบนี้อีกด้วย
ที่จริงก็คือ100คะแนนนี่เอง
เขากับซูเหยียนเพิ่งจะ40คะแนนเอง
เมื่อแอบมองไปทางเซียวอี้เหม่ย เย่จื่อเฉินถึงได้เห็นว่าอีกฝ่ายจ้องมองเขาอยู่โดยไม่หลบสายตาเลยสักนิดเดียว
ความอ่อนโยนในแววตานั้นอย่างกับจะหลอมละลายเขาไปทั้งตัว
แปลก มันแปลกแล้ว
เย่จื่อเฉินรีบหันหน้ากลับมา
เซียวอี้เหม่ยมีลูกแล้ว นั่นบ่งบอกว่าเธอได้แต่งงานมีครอบครัวเป็ที่เรียบร้อย
ด้ายแดงนี่มันคืออะไรกัน?
มือที่สามเหรอ?
และในตอนนี้ เซียวอี้เหม่ยก็ได้เดินมาทางเย่จื่อเฉินแล้ว
"จื่อเฉิน"
"ครับพี่เหม่ย"
พอมีด้ายแดง เย่จื่อเฉินก็มั่นใจแล้วว่าเซียวอี้เหม่ยเกิดความรู้สึกดีกับเขาแล้ว และด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเวลาที่พูด
"แร่หินก้อนนี้สำคัญสำหรับฉันมาก เธอช่วยฉันไว้มากจริงๆ"
"เป็เกียรติของผมครับที่สามารถช่วยพี่ได้"
ความซาบซึ้งในใจของเซียวอี้เหม่ยยิ่งเพิ่มมากขึ้น ความอ่อนโยนในแววตาก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ซูอี้อวิ๋นที่อยู่ข้างๆ รับรู้ถึงความแปลกประหลาดในบรรยากาศนี้ รอยยิ้มอย่างมีความนัยปรากฏขึ้นที่มุมปาก
"จื่อเฉิน เธอช่วยชีวิตเถียนเถียนแล้วยังช่วยฉันแก้ไขปัญหาใหญ่นี้อีก ฉันไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนเธอยังไง เอาอย่างนี้ เธอมาบ้านฉันเดี๋ยวฉันจะลงมือทำอาหารให้เธอทานเองดีไหม?"
ชั่ววูบหนึ่งที่ความคาดหวังปรากฏขึ้นในดวงตาของเซียวอี้เหม่ย