หานอวิ๋นซีกินยาแก้พิษไปหกเม็ด หลังจากยาออกฤทธิ์ หลงเฟยเยี่ยก็สูญเสียพลังลมปราณไปให้นางถึงสามส่วน
ตลอดเวลาที่พลังลมปราณหลั่งไหลเข้ามา หานอวิ๋นซีรู้สึกกระปรี้กระเปร่าราวกับว่าเืสูบฉีดเต็มที่ในคราวเดียว แต่น่าเสียดายที่นางเหนื่อยเกินไป ความรู้สึกนี้จึงคงอยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้น
หลังจากได้รับพลังลมปราณไปสามส่วน ชีพจรของนางก็ไม่ได้อ่อนแอมากนัก แต่ร่างกายของนางกลับไม่มีแรงมากมายขนาดนั้น นางนอนนิ่งในอ้อมแขนของหลงเฟยเยี่ย ี้เีเกินกว่าที่จะขยับเปลือกตา หลงเฟยเยี่ยเองก็ไม่ได้ขยับตัวใดๆ ทำเพียงรับเรี่ยวแรงทั้งหมดของนางด้วยแขนเดียว
รอบข้างเต็มไปด้วยความเงียบสงัด เปลวเพลิงของกองไฟก็ลุกโชน ลมใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่แรงมากนัก แต่ก็ได้ยินเสียงลมหวีดหวิวอยู่ไกลๆ
คืนนี้เหมือนจะต้องค้างที่นี่
หลังจากนั้นไม่นาน คิ้วที่หล่อเหลาของหลงเฟยเยี่ยก็กลับเป็ปกติ เขามองไปที่หานอวิ๋นซีที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา แววตาฉายแววซับซ้อน ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
และหานอวิ๋นซีที่พิษในร่างกายถูกล้างไปแล้ว นางก็ปล่อยตัวให้กับหลงเฟยเยี่ยโดยสมบูรณ์ ขนตาของนางสั่นสองสามครั้ง จากนั้นดวงตาก็ปิดลงอย่างช้าๆ
และนอนหลับไป...
สำหรับเื่ของกู้ชีฉ่าว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะลืมเื่นี้ไปแล้ว ั้แ่บ่ายจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครเริ่มที่จะพูดถึงเื่นี้ขึ้นมา
ค่ำคืนมืดลง หลงเฟยเยี่ยที่อยู่ในโลกของตัวเองได้สติกลับคืนมา เมื่อเห็นหานอวิ๋นซีนอนหลับอย่างสงบ เขาก็ยื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว พยายามปัดปอยผมที่ตกลงมาบนแก้มของนาง
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่แตะผมของนาง จู่ๆ นิ้วของเขาก็แข็งทื่อ หยุดไปชั่วขณะหนึ่ง แต่แทนที่จะทำต่อกลับดึงกลับมา
เขาไม่ชอบความไม่ชอบมาพากลแบบนี้เลย
ทันทีที่ดึงมือออก เขาก็วางหานอวิ๋นซีลงและปล่อยให้นางนอนพิงลำต้นของต้นไม้ เขาเองก็ง่วงแต่เขาไม่คุ้นชินการนอนกับสตรี!
เมื่อกำลังจะปีนขึ้นบนต้นไม้ ก็คิดเื่หนึ่งขึ้นมาได้ เขาตรวจดูที่ข้อเท้าของหานอวิ๋นซีและพบว่าบนผ้าพันแผลนั้นมีรอยเืที่แห้งไปแล้ว
“แย่แล้ว!”
ไม่รู้ว่านี่เป็ครั้งที่เท่าไรแล้วที่หลงเฟยเยี่ยขมวดคิ้วในคืนนี้ เขาหยิบยารักษาาแจากถุงยาที่เพิ่งเทออกมาเมื่อครู่ และเปลี่ยนยาให้หานอวิ๋นซีอย่างระมัดระวังอีกครั้ง
หลังจากจัดการเสร็จสิ้นก็เป็เวลายามจื่อพอดี หานอวิ๋นซีถูกห่อด้วยเสื้อคลุมและนอนหลับสนิท
เห็นเช่นนี้ หลงเฟยเยี่ยก็หัวเราะเบาๆ ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมสตรีผู้นี้ถึงไม่ระวังตัวเอาเสียเลย? ไม่กลัวว่าเขาจะทิ้งนางไว้ในถิ่นทุรกันดารแบบนี้เลยหรือไร?
เขาไม่ชอบสตรีที่ไร้เดียงสาแบบนี้หรอกนะ!
ในตอนเช้าของวันถัดมา ขณะที่หานอวิ๋นซีตื่นขึ้น ก็พบว่าตัวเองพิงลำต้นของต้นไม้ใหญ่อยู่ และกองไฟที่อยู่ด้านหน้าได้ดับลงแล้ว บนตัวของนางก็ถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมของหลงเฟยเยี่ย ทว่ากลับไม่เห็นหลงเฟยเยี่ย
แล้วเขาล่ะ?
ศีรษะของนางยังคงวิงเวียนเล็กน้อย หลังจากอาเจียนยาหกเม็ดไปเมื่อคืนนี้ ก็อยู่ในสภาพที่สะลึมสะลือ นางจำได้ว่าหลงเฟยเยี่ยได้ส่งพลังลมปราณให้กับนางถึงสามส่วน
ส่วนวิธีที่นางกินยาแก้พิษทั้งหกและหลังจากนั้นนางหลับไปได้อย่างไร นางลืมมันไปหมดแล้ว
นางลองเหยียดแขนทั้งสองออกไป จึงได้รู้ว่าาแที่แขนของนางก็ได้รับการรักษาเช่นกันและได้รับการดูแลอย่างดี
ดูเหมือนว่านางจะจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนทานยาจริงๆ
ร่างกายของนางกำลังฟื้นตัวได้ดี และดูเหมือนว่าการส่งพลังลมปราณสามส่วนเมื่อคืนนี้ยังคงมีประโยชน์อยู่ เพียงแต่ผลที่ได้จะช้ากว่า
ในขณะลุกขึ้นยืนเพื่อขยับกล้ามเนื้อ ก็มองไปรอบๆ ไปด้วย และไม่ได้สังเกตว่าข้อเท้าของตนเองที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เวลานี้หายสนิทแล้วและไม่ว่าจะเหยียบอย่างไรก็ไม่เจ็บ
หลงเฟยเยี่ยนอนเอามือรองไว้หลังศีรษะอยู่บนต้นไม้ สตรีผู้นี้นอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ในถิ่นทุรกันดาร จะให้เขานอนหลับอย่างสงบได้อย่างไรกัน?
เขานอนไม่หลับทั้งคืน จนฟ้าเริ่มสว่างแล้วจึงจะหลับไป ทว่าครู่เดียวก็ถูกปลุกให้ตื่น
เขาหรี่ตาลงอย่างเ็า และไม่ส่งเสียงใดๆ
หลังจากที่หานอวิ๋นซียืดกล้ามเนื้อและตรวจดูแน่ใจว่าตนเองไม่เป็อะไร ปฏิกิริยาแรกของนางคือเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้ และเห็นหลงเฟยเยี่ยจ้องมองมาที่นางทันที
สตรีผู้นี้รู้ได้อย่างไรว่าเขาอยู่บนต้นไม้?
หลงเฟยเยี่ยที่คิดไม่ถึง ก็มองนางครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดอย่างเ็าว่า "ตื่นแล้วหรือ?”
หานอวิ๋นซีพยักหน้า นางคิดไว้แล้วว่าชายผู้นี้จะไม่โง่ถึงขนาดทิ้งนางไว้ข้างหลัง ถ้าเขาไม่อยู่บนต้นไม้ ก็ต้องอยู่ใกล้ๆ
“เมื่อคืน...ขอบคุณนะ”
แม้ว่านางจะถูกทรมานแทบตาย แต่ชายผู้นี้ก็ช่วยชีวิตนางไว้ได้
หลงเฟยเยี่ยเมินเฉยต่อคำขอบคุณของนาง ลงจากต้นไม้อย่างสง่างามและพูดอย่างเ็าว่า “กลับเมืองหลวงกัน”
ได้เวลากลับไปยังเมืองหลวงแล้ว
แม้ว่าครั้งนี้จะไม่ได้ตรงไปที่ถ้ำของสายลับ แต่อย่างน้อยการสอบสวนในโรงน้ำชาเทียนเซียงก็ทำให้ได้ชาออกมาหนึ่งกระป๋อง
หลงเฟยเยี่ยยังคงรอคอยผลการตรวจสอบ
คำพูดเหล่านี้ เตือนสติหานอวิ๋นซีขึ้นมา นางรู้สึกใและคว้าหลงเฟยเยี่ยอย่างตื่นเต้น “วันนี้วันที่เท่าไรแล้ว?”
พระเ้า!
นางลืมการเดิมพันไปได้อย่างไร?
นางไม่รู้ว่าตนเองหมดสติอยู่ในถ้ำมานานแค่ไหน และยิ่งไม่รู้ว่าถูกลักพาตัวมากี่วันแล้ว
ในวันที่นางกับมู่ชิงอู่ไปที่โรงน้ำชาเทียนเซียง ยังเหลือเวลาอีกสิบสองวันในการเดิมพันกับมู่หลิวเยวี่ย จนถึงวันนี้ผ่านไปกี่วันแล้ว นางคงไม่ได้แพ้เพราะพลาดนัดใช่หรือไม่?
หลงเฟยเยี่ยขมวดคิ้วและมองไปที่มือของหานอวิ๋นซี และพูดอย่างเฉียบขาดว่า “ปล่อย!”
ดุร้ายจริงๆ!
หานอวิ๋นซีรีบปล่อยมือทันที นางก็ไม่ชอบแตะเนื้อต้องตัวชายผู้นี้หรอก แต่เป็เพราะนางวิตกกังวลเกินไป มือไม้เลยไปเอง
“วันนี้วันที่สิบสี่แล้ว” หลงเฟยเยี่ยยังคงตอบนาง
หานอวิ๋นซีถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อนางได้ยินคำว่าสิบสี่ รอดแล้ว นางกลัวแทบตาย
วันสุดท้ายของการเดิมพันกับมู่หลิวเยวี่ยคือวันที่สิบเก้า วันนี้เพิ่งจะวันที่สิบสี่ นับแล้วยังเหลืออีกหกวัน
เมื่อวานหลงเฟยเยี่ยรีบวิ่งเข้ามาในป่าอย่างบ้าคลั่ง ด้วยความเร็วของเขา คงจะสามารถกลับไปยังเมืองหลวงได้ภายในวันหรือสองวัน
หานอวิ๋นซีนับเวลาอย่างเงียบๆ แต่หลงเฟยเยี่ยกลับถามด้วยความหมดความอดทนว่า “เ้าจะไปหรือไม่?”
“ไปสิ!” หานอวิ๋นซีตอบทันที
หลงเฟยเยี่ยเหลือบมองนางด้วยความไม่พอใจ โอบเอวของนางเหมือนเมื่อวาน พานางกลับไปผ่านูเาและป่าอีกครั้ง
หานอวิ๋นซีััได้ถึงความแข็งแกร่งรอบเอวของนาง นางไม่เข้าใจว่าชายที่สั่งให้นางปล่อยมือด้วยความขยะแขยงเมื่อครู่ ตอนนี้กลับกอดนางไว้เสียแน่น
เขาเป็คนที่รักความสะอาดแบบแปลกๆ เหมือนกันนะ?
เมื่อคืนเป็เพราะนางมึนงง เขาเลยดูไม่ค่อยดุใช่หรือไม่?
ช่างเป็ก้อนน้ำแข็งก้อนใหญ่ที่เอาใจยากเสียเหลือเกิน!
เมื่อมองดูใบหน้าด้านข้างที่เ็าและเด็ดเดี่ยวของหลงเฟยเยี่ยแล้ว หานอวิ๋นซีก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปาก จะพูดเื่กู้ชีฉ่าวหรือไม่?
ั้แ่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้ทะเลาะกับนางเลย มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
ยืนยันที่จะลงโทษโรงน้ำชาเทียนเซียงหรือทำตามความปรารถนาของนาง?
หากเขายืนกรานที่จะลงโทษโรงน้ำชาเทียนเซียง เขาคงจะพูดหยาบคายกับนางแล้ว อย่างไรสิ่งที่นางพูดก่อนหน้านี้เป็การข่มขู่เขา
ถ้ามันเป็ไปตามความปรารถนาของนางล่ะ เอาเถอะ ทันทีที่ความคิดนี้เข้ามาในหัว หานอวิ๋นซีก็รีบสลัดออกไป
ให้นางเชื่อว่าดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก ยังน่าเชื่อถือมากกว่าเชื่อว่าชายผู้นี้จะเชื่อฟังนางจากการข่มขู่ของนาง
แม้ว่า...ดูเหมือนว่าเขาจะเคยเชื่อฟังครั้งหรือสองครั้ง แต่ครั้งนี้สถานการณ์แตกต่างออกไป
ทัศนคติของชายผู้นี้เป็อย่างไรกันแน่?
หลังจากที่เขาถูกขู่แล้ว ก็พานางไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ นี่มันหมายความว่าอย่างไรอีกล่ะ?
ไม่ว่าทัศนคติของเขาที่มีต่อโรงน้ำชาเทียนเซียงจะเป็อย่างไร ความจริงที่ว่านางยกฮ่องเต้เทียนฮุยมาขู่เขาในที่สาธารณะก็เพียงพอแล้วสำหรับนางที่จะต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา
ชายผู้นี้ไม่มีเหตุผลที่จะไม่คิดบัญชีกับนาง?
อันที่จริง เมื่อวานนี้หานอวิ๋นซีแค่โกรธที่เขาใช้นางเป็เหยื่อล่อ คนฉลาดอย่างนาง แน่นอนว่าต้องดูออกว่ากู้ชีฉ่าวไม่ได้คิดอยากจะช่วยนางจริงๆ ทั้งยังใช้นางเป็เหยื่อล่อเพื่อค้นหาว่าใครอยู่เื้ั
มิฉะนั้น กู้ชีฉ่าวจะยื่นมือเข้ามาช่วยในถ้ำหรือไร?
ตอนนี้ความโกรธได้หายไปแล้ว เมื่อคิดไปถึงการข่มขู่ที่บ้าคลั่งเมื่อวาน หานอวิ๋นซีไม่เพียงแค่กลัว ทว่ายังรู้สึกเสียใจเช่นกัน
นางที่กำลังตบตีกับตัวเอง ก็แอบมองหลงเฟยเยี่ยอีกครั้ง รู้สึกถึงความเย็นะเืที่เล็ดลอดออกมาจากใบหน้า ในที่สุดนางก็ก้มหน้าลง
ถ้าเขาไม่พูดถึงเื่นี้ นางก็คงปล่อยมันผ่านไปได้ใช่หรือไม่?
ส่วนโรงน้ำชาเทียนเซียง กู้ชีฉ่าวก็คงต้องพึ่งตนเองแล้วล่ะ
ความเร็วของหลงเฟยเยี่ยนั้นรวดเร็วมากจริงๆ ในตอนบ่ายของอีกสองวันต่อมา พวกเขาก็กลับมาถึงเมืองหลวงเทียนหนิง และเข้าไปในเมืองโดยรถม้าจากประตูทิศตะวันตก
หลงเฟยเยี่ยพักสายตาครู่หนึ่ง ในขณะที่หานอวิ๋นซีนั่งอย่างเกียจคร้าน โดยคิดว่าหลังจากกลับไปไม่ว่าจะเื่อะไรก็ไม่สน นางจะกินอาหารร้อนๆ ก่อน แล้วจึงอาบน้ำอุ่นๆ เพื่อชำระล้างโชคร้าย
แต่ใครจะรู้ รถม้าหยุดก่อนที่จะถึงประตูของจวนฉินอ๋อง
“เกิดอะไรขึ้น?” หลงเฟยเยี่ยลืมตาขึ้นทันที
ผ่านผ้าม่าน น้ำเสียงของคนขับมีความกังวลเล็กน้อย “ท่านอ๋อง ดูเหมือนว่าข้างหน้าจะมีเื่บางอย่างเกิดขึ้น มีคนกลุ่มใหญ่ต่างวิ่งไปข้างหน้าพ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อมไปข้างหลัง” สิ่งที่หลงเฟยเยี่ยไม่ชอบที่สุดคือความวุ่นวาย เขาหลับตาอีกครั้งหลังจากพูดอย่างนั้น แม้ว่าร่างกายของเขาจะแกร่งเหมือนเหล็ก แต่ก็ยังเหนื่อยมากเช่นกัน
คนขับรถม้ารีบกลับรถอย่างรวดเร็วและอ้อมไปที่ประตูหลังของจวนฉินอ๋อง
หานอวิ๋นซีเปิดม่านรถแล้วมองออกไปข้างนอก จึงได้เห็นว่าคนทั่วไปบนถนนกำลังวิ่งไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่าไปเพื่อประสมโรง
นางแค่เหลือบมองแต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร และนางเหลือบมองหลงเฟยเยี่ยที่ยังคงแอบอิงอย่างเกียจคร้าน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขามาถึงประตูหลังของจวนฉินอ๋อง จึงได้พบว่ามันเป็จวนฉินอ๋องที่เกิดเื่ขึ้น!
ทันทีที่หลงเฟยเยี่ยและหานอวิ๋นซีเข้ามา พ่อบ้านเซี่ยก็เข้ามาเช่นกัน
“ท่านอ๋อง หวังเฟย ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาแล้ว เกิดเื่แล้วพ่ะย่ะค่ะ! เกิดเื่ใหญ่แล้ว!”
เมื่อเห็นท่าทางกังวลของพ่อบ้านเซี่ย หานอวิ๋นซีก็อดไม่ได้ที่จะใจเต้นระรัวขึ้นมา
“เื่อะไร พูดดีๆ สิ” หลงเฟยเยี่ยสงบมาก ไม่มีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ
พ่อบ้านเซี่ยมองไปที่หานอวิ๋นซี แม้ว่าเขาจะลำบากใจ แต่ก็ยังรีบพูดว่า “ฮูหยินแห่งตระกูลหานมาขอพบหวังเฟย กระหม่อมบอกไปว่าตอนนี้หวังเฟยไม่อยู่จวน สั่งให้นางมาวันอื่น แต่ใครจะรู้นางเอะอะอยู่ที่ประตู บอกว่าวันนี้ต้องได้พบหวังเฟย และไม่ยอมที่จะกลับไป ทั้งยังพูดว่าหวังเฟย...”
ก่อนที่พ่อบ้านเซี่ยจะพูดจบ หานอวิ๋นซีก็ร้องออกมาทันทีและรีบไปที่ประตูหน้าโดยไม่พูดไม่จา!
นางรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น!
ให้ตายเถอะ! การถูกลักพาตัวครั้งนี้เหนื่อยทั้งกายทั้งใจ ไหนจะเื่การเดิมพันที่เกือบลืมไปแล้ว แล้วจะให้ไปจำนัดสิบวันกับฮูหยินสวี่ได้อย่างไรล่ะ?
ในตอนที่นางไปที่จวนตระกูลหาน ฮูหยินสวี่และคนอื่นๆ ไม่เชื่อว่าหานฉงอันให้กุญแจห้องเก็บของแก่นาง และขอให้นางเลือกทายาทสืบตำแหน่งผู้นำของตระกูล มีกลุ่มหนึ่งบังคับให้นางนำกุญแจห้องเก็บของออกมา นางจึงตอบตกลงพวกเขาว่าอีกสิบวันจะให้พวกเขาไปเยี่ยมหานฉงอัน
ความจริงแล้ว การเยี่ยมหานฉงอันไม่ใช่เื่ยากอะไร เพียงแต่ในตอนแรก นางแค่้าให้พวกของฮูหยินสวี่รอนานขึ้นก็เท่านั้น ใครจะรู้ว่านางจะถูกลักพาตัวล่ะ?
วันนี้วันที่สิบหก เกินเวลานัดสิบวันมาหนึ่งวันและนางผิดนัด!
อย่าว่าแต่ฮูหยินสวี่เลย แม้แต่พ่อของนางที่เป็รองเสนาบดีขุนนางก็ยังไม่กล้ามาก่อปัญหาที่หน้าประตูจวนฉินอ๋องเลย ต้องมีคนใหญ่คนโตอยู่ข้างหลังเพื่อสนับสนุนนางแน่นอน ไม่เช่นนั้นนางคงไม่อวดดีขนาดนี้
เวลานี้หานอวิ๋นซีไม่มีเวลาคิดว่าใครอยู่เื้ัเื่นี้ นางต้องรีบไปพบฮูหยินสวี่ก่อน มิฉะนั้นเื่จะวุ่นวายไปอีกและเมืองจะเต็มไปด้วยพายุอีกครั้ง
แต่ใครจะรู้ หานอวิ๋นซีกำลังจะออกไปที่ประตูด้านหน้า ก็เห็นมู่หรงหว่านหรูเดินมาจากอีกด้านพร้อมกับช่วยพยุงอี้ไท่เฟย ใบหน้าของอี้ไท่เฟยดูไม่ดีเอาอย่างมาก...
