คิดไม่ถึงว่าเซวียนหยวนเช่อไม่แม้แต่จะหยุดคิด เขาเอ่ยกับลั่วหยิ่งว่า “ชดใช้เงินให้ผู้อื่น!”
ลั่วหยิ่งรับบัญชา เขาหยิบตั๋วเงินหนาๆ ปึกหนึ่งออกมาแล้วยื่นออกไป เฟิ่งเฉี่ยนรีบห้ามเขาเอาไว้ นางพูดอย่างโมโห “เซวียนหยวนเช่อ เหตุใดท่านจึงไม่เชื่อข้า ข้าไม่ได้แตะต้องรถม้าของพวกเขาจริงๆ นะ รถม้าของพวกเขาล้มลงไปเอง! ดังนั้นอย่าได้กล่าวถึงเงินหนึ่งแสนตำลึงเลย หนึ่งตำลึงข้าก็ไม่ให้!”
หลีต้าซือที่อยู่ด้านข้างได้ยินแล้วมีโทสะทันที “แม่นาง ไฉนท่านจึงไม่มีเหตุผลเช่นนี้ อยู่ดีๆ รถม้าจะล้มลงไปเองได้อย่างไรกัน ท่านถามคนอื่นดูสิ เมื่อสักครู่มิใช่มีท่านเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ข้างรถม้าหรือ หากไม่ใช่ท่านที่ทำให้รถม้าล้ม แล้วยังจะเป็ใครได้อีก พวกเราใส่ร้ายท่านหรือ”
“ข้า...” เฟิ่งเฉี่ยนเดือดดาล นี่มันชัดเจนเหลือเกินว่านางกำลังเผชิญหน้ากับพวกสิบแปดมงกุฎ
ที่ทำให้นางโมโหยิ่งกว่าคือ เซวียนหยวนเช่อถึงกับไม่เชื่อนาง ไม่ร่วมแรงร่วมใจกับนาง เื่นี้ต่างหากที่ทำให้นางโมโห!
“ยังตะลึงอะไรกันอยู่อีก นำเงินไปชดใช้ให้ผู้อื่น!” เซวียนหยวนเช่อเร่งด้วยน้ำเสียงเ็า
ลั่วหยิ่งมองไปทางเฟิ่งเฉี่ยนอย่างลำบากใจ “เหนียงเหนียง ปล่อยมือเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนถลึงตาใส่เซวียนหยวนเช่อด้วยโทสะ “ข้าจะถามท่านอีกครั้ง ตกลงท่านเชื่อข้าหรือไม่”
เซวียนหยวนเช่อมีสีหน้านิ่งสนิทแยกแยะอารมณ์ไม่ออกก่อนจะพูดเสียงหนัก “คำพูดเดียว อย่าให้เจิ้นต้องพูดเป็ครั้งที่สอง!”
หัวใจของเฟิ่งเฉี่ยนพลันสะดุด นางมองเซวียนหยวนเช่อด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ เขา...เขาไม่เชื่อนาง สุดท้ายเขาก็ยังไม่เชื่อใจนางอยู่นั่นเอง
ในใจของนางหนักอึ้งราวกับถูกถ่วงด้วยหินก้อนใหญ่ นางพลันรู้สึกตัวว่า คำพูดและท่าทีของเขามีผลต่อนางมากมายถึงเพียงนี้ั้แ่เมื่อใด นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
อารมณ์ของนางขึ้นๆ ลงๆ เพราะท่าทีของเขา นางรู้สึกยินดีเพราะความไว้เนื้อเชื่อใจจากเขา และเป็ทุกข์เพราะความไม่เชื่อใจของเขา...ไฉนจึงเป็เช่นนี้ไปได้ นางไม่ควรเป็เช่นนี้!
นางปล่อยมือด้วยความว้าวุ่นใจ
ลั่วหยิ่งมองนางด้วยความเป็ห่วง ทว่ายังคงทำตามคำสั่งของฮ่องเต้ นำตั๋วเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงมอบออกไป “นี่เป็ตั๋วเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึง พวกท่านหลีกทางได้แล้วกระมัง”
หลีต้าซือรับตั๋วเงินไปตรวจนับแล้วจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงโบกมือให้สัญญาณหลีกทาง
เมื่อกลุ่มคนหลีกทางให้ เฟิ่งเฉี่ยนสาวเท้าพุ่งตัวออกไปทันที ลั่วหยิ่งมองเงาร่างด้านหลังของเฟิ่งเฉี่ยนที่เดินจากไปแล้วพูดอย่างวิตกกังวลว่า “ฝ่าา เหตุใดพระองค์จึงไม่อธิบายกับเหนียงเหนียงให้ชัดเจนพ่ะย่ะค่ะ ชัดเจนเหลือเกินว่าคนพวกนี้เป็คนที่จิ่งเทียนไท่จื่อส่งมาเพื่อสร้างอุปสรรคให้กับพวกเรา จุดประสงค์ก็เพื่อ้าถ่วงเวลาพวกเรา ขัดขวางไม่ให้พวกเราเข้าไปในหุบเขา!”
เซวียนหยวนเช่อตวัดสายตามองเฟิ่งเฉี่ยนแล้วพูดเสียงหนัก “เหตุใดเจิ้นต้องอธิบายกับนางด้วยเล่า”
ลั่วหยิ่งร้อนใจ “แต่หากพระองค์ไม่อธิบาย เหนียงเหนียงจะต้องเข้าใจผิดว่าพระองค์ทรงไม่เชื่อใจนาง นางจะต้องทุกข์ใจแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
เซวียนหยวนเช่อหรี่ตาลง แววตาของเขานิ่งลึกเฉกเช่นน้ำในมหาสมุทร เนิ่นนานเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “หากเจิ้นอธิบายกับนางแล้ว ด้วยนิสัยของนางจะต้องเปิดโปงแผนการของคนเหล่านี้ และปะทะกับพวกเขาตรงๆ ถึงเวลานั้นจะเป็การรบกวนเซียนพิษ ไม่เพียงแต่ทำให้เสียเวลา แต่ยังทำให้เื่ราวยุ่งยากมากขึ้น เช่นนี้แล้ว...เท่ากับเดินเข้าไปติดกับหลุมพรางที่จิ่งเทียนไท่จื่อวางเอาไว้”
ลั่วหยิ่งพยักหน้า “ฝ่าาทรงพระปรีชาสามารถพ่ะย่ะค่ะ ทรงอ่านทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง! แต่ฮองเฮาทรงไม่รู้เื่ จึงไม่อาจกระจ่างแจ้งในเวลาสั้นๆ ทว่ากระหม่อมเชื่อว่าด้วยความเฉลียวฉลาดของฮองเฮา นางจะต้องกระจ่างแจ้งอย่างรวดเร็ว...เพียงแต่ น่าเสียดายตั๋วเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงนั่น”
“ปัญหาที่ใช้เงินแก้ไขได้ ล้วนมิใช่ปัญหา” คิ้วคมเลิกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเรียวหงส์ทอประกาย ดวงตาเรียวหงส์ของเขาหรี่ลง “ยิ่งไปกว่านั้น จะเอาเงินของเจิ้นไปได้ง่ายดายเพียงนั้นเชียวหรือ”
ใช่แล้ว จะเอาเปรียบฝ่าาเป็เื่ง่ายนักหรือ กระทั่งฮองเฮาเองก็ยังต้องเสียท่า อีกทั้งคนเ่าั้ก็เป็พวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
มุมปากลั่วหยิ่งยกขึ้นเป็รอยยิ้มเ้าเล่ห์ “กระหม่อมกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
หลังจากเฟิ่งเฉี่ยนออกมาได้พักหนึ่งก็พลันรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง เหตุใดทุกอย่างจึงได้บังเอิญเช่นนี้ รถม้าที่จอดอยู่ดีๆ นางเพียงเข้าใกล้เล็กน้อย รถม้าก็ล้มลง แม้จะเป็เื่ที่เป็ไปได้หนึ่งในหมื่น แต่ความเป็ไปได้นี้ริบหรี่เหลือเกิน!
ยังมีอีก บุรุษเ้าเนื้อคนนั้นปรากฏตัวออกมาในจังหวะที่บังเอิญเกินไป แทบจะเรียกได้ว่ารถม้าล้มลงเขาก็ปรากฏตัวออกมา อีกทั้งยังะโโหวกเหวกโวยวายว่านางทำลายข้าวของ ทันทีที่เขาร้องะโ คนทั้งหมดจึงล้อมนางเอาไว้ ทุกอย่างดูเหมือนฉากละครที่ซักซ้อมมาอย่างดี
อีกประการหนึ่ง หากนางไม่ได้ดูผิดแล้วละก็ ขณะที่ล้อรถม้าล้มลง มันมีลักษณะหักเป็สองท่อน รถม้าทั่วไปหากล้อรถชำรุดส่วนใหญ่แล้วจะเสียทั้งล้อ ไฉนจึงแตกเป็สองส่วนเล่า
คำอธิบายเพียงอย่างเดียว ก็คือมีคนมาทำอะไรกับล้อรถม้า รอเพียงนางเดินเข้ามาติดกับเท่านั้น!
ต่อให้เมื่อสักครู่ไม่ใช่นางที่เดินไปดู ขอเพียงเป็คนในคณะของพวกนางคนใดคนหนึ่ง รถม้าก็ล้มลงมาอยู่ดี เื่ทุกอย่างย่อมดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็ แต่นางดันโชคซวยจริงๆ ที่ต้องมาเจอเื่เช่นนี้กับตัวเอง อะไรที่เรียกว่าความอยากรู้อยากเห็นทำให้แมวตายได้ นางประสบพบเจอด้วยตัวเอง
หลังจากที่ใคร่ครวญเื่ราวทั้งหมดแล้ว นางคาดเดาได้ไม่ยากว่าผู้ที่อยู่เื้ัเื่นี้น่าจะเป็จิ่งเทียนไท่จื่ออย่างไม่ต้องสงสัย
นางขโมยหมูเทพของพวกเขาในป่าหมอกดำ แล้วยังขโมยเชื้อไฟจุดิญญาอีกด้วย พวกเขาไม่ทำอะไรเพื่อเป็การโต้ตอบจึงจะเป็เื่แปลก! แต่ที่ทำให้นางอึดอัดเป็ที่สุดก็คือ ทั้งๆ ที่เซวียนหยวนเช่อมองออกว่าเป็กลอุบาย แต่กลับไม่อธิบาย มองนางโมโหเป็ฟืนเป็ไฟหน้าตาเฉย หรือในใจเขาตนเองเป็คนไม่รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาถึงเพียงนั้นหรือ
ยังมีอีก เขามีผลต่ออารมณ์และความรู้สึกนางง่ายดายเช่นนี้ั้แ่เมื่อใดกัน เื่นี้ทำให้จิตใจของนางยากจะสงบได้!
เดินไปเดินไปก็มาถึงปากทางหุบเขาไป่ฮวาโดยไม่รู้ตัว ปากหุบเขามีป้ายไม้สูงเท่าคนป้ายหนึ่ง ข้างบนเขียนว่า: ผู้ที่้าเข้าไปในหุบเขาไป่ฮวา ต้องโขกศีรษะหนึ่งร้อยครั้ง หาไม่แล้วต้องตายโดยไร้ข้อกังขา!
เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้ว “เซียนพิษท่านนี้จะอวดดีเกินไปแล้ว! ก่อนเข้าไปในหุบเขาไป่ฮวาของเขา ต้องโขกศีรษะหนึ่งร้อยครั้ง เขาคิดว่าเขาเป็ฮ่องเต้หรือไร”
ลั่วหยิ่งเดินขึ้นมาจากด้านหลัง ตอบว่า “แต่ได้ยินมาว่ามีคนมากมายที่เข้าไปในหุบเขาไป่ฮวาโดยไม่ปฏิบัติตามที่ป้ายไม้เขียนเอาไว้ ล้วนไม่เคยกลับออกมาอีกเลย! ตรองดูแล้ว คำพูดบนป้ายไม้นี้คงไม่ได้เป็แค่คำพูดลมๆ แล้งๆ”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้แยแสเขา นางเดินไปด้านข้างเพื่อสำรวจบริเวณโดยรอบ
ตอนนี้ในสายตาของนาง เขาและเ้านายของเขาล้วนน่าสะอิดสะเอียนเหมือนกัน!
ความกระตือรือร้นของลั่วหยิ่งได้รับความเ็าตอบกลับมา ทำให้เขาหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เขาแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้นนะ! เป็องครักษ์นั้นยาก แต่การเป็องครักษ์ข้างกายฮ่องเต้ เป็เื่ยากยิ่งกว่ายาก!
เซวียนหยวนเช่อเดินขึ้นมาจากด้านหลัง เห็นเฟิ่งเฉี่ยนนั่งยองๆ ลงบนพื้นดินด้วยสีหน้าตั้งอกตั้งใจ ไม่รู้ว่ากำลังพิจารณาสิ่งใดอยู่
เขาเดินเข้าไปหา “พบอะไรหรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้ใส่ใจเขา นางสังเกตสิ่งของบริเวณโดยรอบต่อไป
เซวียนหยวนเช่อขมวดคิ้วแน่น มีแววจะบันดาลโทสะรางๆ ให้เห็นทว่าเขายังคงอดทนอดกลั้นเอาไว้ เขาพูดเสียงหนัก “เงินหนึ่งแสนตำลึงนั่น เจิ้นไม่คิดบัญชีเป็ของเ้า เ้าวางใจได้!”
เฟิ่งเฉี่ยนโกรธเสียจนต้องกัดริมฝีปาก เขาคิดว่าสาเหตุที่นางโมโหเป็เพราะเงินเ่าั้หรือ
นางออกแรงดึงต้นหญ้าแล้วเอามาขยี้ในมือของตนจากนั้นปั้นเป็ก้อนกลมๆ ราวกับที่นางขยี้อยู่ในมือนั้นคือเซวียนหยวนเช่อ!
เห็นนางยังคงไม่ยอมพูดจา เซวียนหยวนเช่อเริ่มมีโทสะแล้วเช่นกัน ขณะที่เขากำลังคิดจะบันดาลโทสะ เฟิ่งเฉี่ยนพลันลุกขึ้นจากพื้นและไม่ทันได้ยืนให้มั่นคง ร่างของนางจึงหงายไปด้านหลัง เซวียนหยวนเช่อยื่นมือไปประคองนางโดยไม่รู้ตัว
เฟิ่งเฉี่ยนหันหน้ากลับมาอย่างประหลาดใจ คนทั้งสองสี่ตาประสานกัน ได้แต่ตะลึงงัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้