เล่มที่ 7 บทที่ 202 ิเย่ว
หลังจากที่หยวนหลิงของมีดบินฮั่วอู๋แตกสลาย ไออสูรในห้วงมิติดินิถู่ก็ปั่นป่วนขึ้นมา ไออสูรมากมายก็พวยพุ่งราวกับเขื่อนแตก ก่อนจะจมหายไปในพื้นดินอย่างรวดเร็ว ทว่าเมื่อกวาดตามองไป ก็พบว่ามีไออสูรเข้มข้นอีกมาก กำลังก่อตัวกลายเป็เมฆสีดำหนาแน่น ลอยปกคลุมไปทั่วห้วงมิติดินิถู่…
“ไออสูรนี่…” หลินเฟยเห็นดังนั้นก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ เพราะหลังจากหยวนหลิงของมีดบินฮั่วอู๋แตกสลายไป ไออสูรที่สะสมมาหลายพันปีจะะเิออกมา สุดท้ายก็จะถูกดินิถู่ดูดกลืนเข้าไป หลังจากเข้าใจเื่ทั้งหมด หลินเฟยก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดเื่แล้ว…
และก็เป็อย่างที่คิดไว้จริงๆ บัดนี้ห้วงมิติดินิถู่กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง…
“เริ่มแล้ว…” หลินเฟยเงยหน้ามาก็เห็นไออสูรจำนวนมากหลอมรวมกันจนเกิดเป็ูเาและแม่น้ำ ูเาที่เกิดใหม่ก็สูงเรื่อยๆอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ส่วนแม่น้ำก็ขยายยาวขึ้นเช่นกัน แม้แต่อสรพิษเกล็ดหินและกุ่ยิยังต้องสำแดงกายออกมา พวกมันพยายามกลืนกินไออสูรที่พวยพุ่งอย่างเอาเป็เอาตาย แต่อสรพิษเกล็ดหินและกุ่ยิกลับกลืนกินไออสูรได้จำกัด มันสามารถกลืนกินเข้าไปได้เพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น และไออสูรอีกมากก็กำลังผสานเข้ากับดินิถู่…
หลังจากได้ไออสูรมาหล่อเลี้ยง ห้วงมิติดินิถู่ก็คลั่งขึ้นมา ห้วงมิติที่มีขนาดเพียงพันกว่าลี้ในตอนแรก ก็ขยายออกนับสิบเท่าแล้ว หลินเฟยมองไปจึงเห็นพื้นที่ซึ่งกว้างสุดลูกหูลูกตา…
และนี่ก็เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น…
หลินเฟยรู้ดีว่าหากปล่อยให้เป็แบบนี้ต่อไปโดยไม่ทำอะไรละก็ เกรงว่าไม่ถึงหนึ่งเค่อ ห้วงมิติจะต้องแตกสลายเป็แน่…
“บ้าจริง คิดจะตลบหลังหรือ…” เื่มาถึงขั้นนี้แล้ว ทำไมหลินเฟยจะไม่เข้าใจ ไออสูรนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จะต้องไม่ใช่ไออสูรที่เกิดจากการแตกดับของหยวนหลิงมีดบินฮั่วอู๋แน่นอน…
โดยปัจจัยคิดเป็เก้าในสิบจะต้องเป็เพราะว่า ก่อนที่หยวนหลิงแตกสลาย มันคิดจะลากหลินเฟยให้ตายไปพร้อมกัน จึงได้ปลดปล่อยไออสูรที่สะสมมาช้านานออกมา หวังจะดึงปราณกระบี่ที่ทำร้ายมันให้ตายตกไปด้วยกัน แต่ใครจะไปคิดว่าปราณกระบี่ที่สะบั้นหยวนหลิงจนแตกสลายนั้น จะเป็ปราณกระบี่ทงโยว ซึ่งเดิมทีปราณกระบี่ทงโยวก็สามารถเชื่อมห้วงหยินหยางได้อยู่แล้ว ดังนั้นต่อให้ไออสูรมากเพียงใด ก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้…
ดังนั้นดินิถู่จึงต้องรับเคราะห์แทน
ในตอนแรกดินิถู่ก็เกิดจากอักขระกระบี่หยินหลี จึงห่างชั้นกับห้วงมิติที่แท้จริงอยู่มาก ต่อให้หลินเฟยจะสังหารอสรพิษเกล็ดหินและกุ่ยิ เพื่อให้พวกมันกลายเป็ูเาและแม่น้ำที่นี่ แต่ก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี ที่จริงแล้วการปล่อยไออสูรเข้ามาบ้างก็นับว่าเป็เื่ดี เพราะหยินหลีถือเป็าาอสูร เดิมทีก็กินมารปีศาจเป็อาหารอยู่แล้ว ดังนั้นการมีไออสูรมาหล่อเลี้ยงดินิถู่จึงถือเป็เื่ดีนั่นเอง…
แต่ปัญหาก็คือ ตอนนี้มีไออสูรมากเกินไป มีดบินฮั่วอู๋เป็สมบัติของสำนักโยวิ แถมยังตกอยู่ในมืออสุรกายกุ่ยหวังมานาน จึงสะสมไออสูรเอาไว้มหาศาล บัดนี้ดินิถู่ของหลินเฟยเองก็เพิ่งถือกำเนิดมาได้ไม่นาน ต่อให้หล่อเลี้ยงไปอีกสิบปี ก็เกรงว่าดินิถู่จะไม่สามารถรองรับไออสูรอันมหาศาลขนาดนี้ได้…
เพราะนี่ก็คือการบำรุงที่เกินความจำเป็…
บัดนี้ดินิถู่เปรียบเสมือนทารกแรกเกิด หากใช้นมค่อยๆเลี้ยง ก็จะเติบโตขึ้น ทว่าบัดนี้กลับเลี้ยงด้วยเนื้อรสชาติแสนเลี่ยน หากเอาแต่ยัดเข้าไปไม่หยุดแบบนี้ แล้วมันจะรับไหวได้อย่างไรกัน?
ดังนั้นการที่ห้วงมิติดินิถู่ขยายออกนับสิบเท่าเช่นนี้ จึงทำให้ห้วงมิติถึงกับสั่นะเื ท้องฟ้าราวกับกำลังจะปริแตก เกิดรอยร้าวจำนวนมากปรากฏขึ้นมา ส่วนพื้นดินเบื้องล่างนั้น ก็มีธารลาวาซึ่งเดือดใต้พิภพกำลังปะทุไม่หยุด เหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะแตกสลาย…
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ก็อย่าหวังว่าจะรอดไปได้เลย!” สิ้นเสียงหลินเฟย เขาก็ปลดปล่อยปราณกระบี่ทงโยวออกมา หลังจากโคจรหมุนวนได้หนึ่งรอบ ทันใดนั้นปราณกระบี่ทงโยวก็สะบั้นห้วงมิติหยินหยาง และดึงหยวนหลิงของมีดบินฮั่วอู๋ที่แตกดับกลับคืนมา…
ในขณะเดียวกันปราณกระบี่ไท่อี๋และซีรื่อก็ช่วยกันสะกดห้วงมิติ เพื่อชะลอการแตกสลายเอาไว้ ส่วนหลินเฟยเองก็ไม่รอช้า รีบโคจรอักขระกระบี่หยินหลีทันที พริบตาต่อมาหยวนหลิงของมีดบินฮั่วอู๋ก็โหยหวนระงม มันเอาแต่พุ่งตัวไปมาอย่างเ็ป คิดจะหนีออกจากการกดข่มของปราณกระบี่ทงโยว แต่ช่างน่าเสียดาย ที่หลินเฟยไม่คิดจะเปิดโอกาสให้มันแม้แต่น้อย เขารีบโคจรอักขระกระบี่หยินหลีทันที และกดข่มให้หยวนหลิงรวมตัวกันเป็ก้อน…
“ไปซะ!” ภายใต้พลังของอักขระกระบี่หยินหลี ทำให้หยวนหลิงของมีดบินฮั่วอู๋ลอยออกไปไม่อาจขัดขืนได้ ลำแสงมากมายส่องสว่างระยิบระยับ และหยวนหลิงก็ลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ…
เวลานี้เอง ห้วงมิติก็ใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว ห้วงมิติขยายออกนับสิบเท่า ส่วนท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว พื้นดินก็มีธารลาวาเดือดปะทุออกมามากมาย ูเาถล่มทลายลงมา ส่วนน้ำในแม่น้ำก็ไหลทวนราวกับวันสิ้นโลกไม่มีผิด นอกจากนี้ไออสูรเข้มข้นจำนวนมาก ก็ยังเอาแต่มุดจมหายลงไปในดินอย่างต่อเนื่อง เสมือนมารร้ายที่กำลังกลืนกินพิภพนี้…
ทว่าตอนนี้เอง จู่ๆท้องฟ้าก็พลันสว่างวาบขึ้นมา
จากนั้นก็มีดวงจันทร์ลอยเด่นขึ้น…
ทันใดนั้นพื้นดินก็หยุดสั่นไหว ท้องฟ้าก็กลับมาในสภาพที่ไม่ปริแตกอีก แถมไออสูรมากมายก็ราวกับถูกสะกดเอาไว้…
แสงจันทร์สีหม่นแดงสาดส่องลงมา ทำให้ไออสูรที่ปกคลุมไปทั่วทุกที่พลันสลายไปราวกับถูกลมพัด สุดท้ายก็กลายเป็ละอองฝนเบาบาง ตกโปรยปรายทั่วดินิถู่…
แสงจันทร์ิเยว่สว่างขึ้นเรื่อยๆ จนย้อมทุกสิ่งทุกอย่างให้กลายเป็สีหม่นแดง เมื่อกวาดตามองไป ก็พบว่ารอยแตกบนฟ้าและรอยแยกบนดินเริ่มสมานตัวกัน พอเห็นดังนั้นหลินเฟยก็ถอนหายใจออกมา เขารู้ดีว่าภัยพิบัติได้จบลงแล้ว และตอนนี้ก็ได้แต่รอดวงจันทร์ิเย่วค่อยๆซ่อมแซมดินิถู่…
“ถือว่าเป็เคราะห์ดีในเคราะห์ร้าย…” หลินเฟยปาดเหงื่อบนหน้าผาก จากนั้นก็มองไปยังูเาและแม่น้ำ ดูท่าอสรพิษเกล็ดหินและกุ่ยิจะได้ผลดีอยู่บ้าง หลังจากกลืนกินไออสูรเข้าไปมากมาย บัดนี้ถึงกับมีพลังใกล้บรรลุขั้นกุ่ยหวังแล้ว
แต่จะบรรลุเมื่อใดนั้น หลินเฟยเองก็ไม่อาจรู้ได้เหมือนกัน…
อย่างไรก็ตามครั้งนี้ก็ถือว่าแค่ใเท่านั้น ยังดีที่ไม่เกิดเื่ร้ายแรงไปมากกว่านี้ ทว่าหลินเฟยกลับเข้าใจดีว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าอันตรายกว่าตอนรับมือกับอสุรกายกุ่ยหวังมาก จึงไม่คิดจะเสียเวลาหลอมมีดบินฮั่วอู๋อีกต่อไป ก่อนจะเก็บกล่องกระบี่เจิงหนิงและกระบี่ดาวอัปมงคลทั้งสี่กลับมาดังเดิม ขณะที่กำลังจะถอยออกจากห้วงมิติ จู่ๆใบหน้าของเขาก็ถอดสีโดยพลัน…
“แย่แล้ว!”
พริบตาถัดมาพลังในตัวหลินเฟยก็ปั่นป่วนขึ้น ก่อนจะมีลำแสงสายหนึ่งพุ่งขึ้นไปยังฟากฟ้า เพียงแค่ครู่เดียวลำแสงนั่นก็มีพลังกดข่มทะลุร่างอสรพิษเกล็ดหินและกุ่ยิที่มีขั้นบำเพ็ญกุ่ยเจี้ยงระดับสูงสุด แถมพลังขุมนั้นยังพุ่งสูงต่อเนื่องอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หลินเฟยเห็นดังนั้นก็ตกตะลึงทันที เขารีบโคจรเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่จูเทียนและปลดปล่อยปราณกระบี่ทั้งสี่ออกมา เพื่อสะกดขุมพลังที่กำลังพุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง…
หนึ่งชั่วยามถัดมา ในที่สุดหลินเฟยก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา เขาสามารถสะกดขุมพลังที่ะเิออกเอาไว้ได้ แต่ในใจก็แอบวิตกว่า ‘เกือบไปแล้ว หากเมื่อครู่ช้าไปอีกนิดละก็ เกรงว่าตอนนี้จะต้องฝ่าเคราะห์น้ำไปแล้วแน่ๆ…’
----------------------------------------------------------------------------------------------------