ป้าวัยกลางคนที่เ่ิูจ้างมาจากตลาดตามอารมณ์ผู้นี้ แบกรับความรู้สึกรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ของหญิงรับใช้เอาไว้ นางสำแดงความแข็งแกร่งชนิดที่เ่ิูพูดไม่ออก
ตอนที่นางปกป้องอยู่ที่ปากประตูนั้นเอง ตอนแรกก็เจรจากับแขกที่มาดีอยู่หรอก แต่หลังจากนั้น ตอนที่นางรู้ว่าคนพวกนี้ยังโอบล้อมเข้ามาไม่หยุด พูดถูๆ ไถๆ ฟังไม่ขึ้นอยู่ตลอด นางก็สิ้นความอดทน รีบคว้าไม้กวาดมาถือไว้แนวขวางแล้วหวดไม่บันยะบันยัง “ไปๆๆ ไปกันได้แล้ว นายท่านของข้ากำลังยุ่ง ไม่มีเวลามาสนใจพวกเ้าหรอก อีกเดี๋ยวข้าก็ต้องไปทำกับข้าวแล้ว คิดจะหน่วงเหนี่ยวกับข้าวมื้อเย็นของนายท่านข้า พวกเ้ามีสมองแค่ไหนกัน”
ในมุมมองแสนธรรมดาของป้าคนนี้ มีเพียงข้อเดียวเท่านั้น
ในเมื่อนายท่านไม่เต็มใจจะสนใจคนพวกนี้ เช่นนั้นคนพวกนี้ก็มิใช่สิ่งใดที่นางยั่วยุไม่ได้
ดังนั้นนางต้องแบ่งเบาภาระของเ่ิู ต้องแสดงมาดแข็งแกร่งออกมาเสียบ้าง
อูหม่าพอใจกับงานตอนนี้ของตนนัก ไม่เพียงสบายเท่านั้น ยังได้รับการปฏิบัติต่ออย่างครบถ้วนด้วย
หญิงรับใช้นางนี้จินตนาการไปไกล ว่าหากตนทำได้ดีพอ เ่ิูอาจพิจารณาเปลี่ยนจากการจ้างวานชั่วคราวเป็ถาวรเลยก็ได้ หากเป็เช่นนี้นางจะได้ไม่ต้องกลัดกลุ้มเื่ปากท้องอีกต่อไป
นี่แหละความคิดของผู้น้อยอันเรียบง่าย
แม้เหมือนไม่ค่อยถูก แต่ความจริงแล้วถูกที่สุด
หากนางรู้ว่าในกลุ่มคนที่หนีหัวซุนเพราะนางไล่ มีสักคนหนึ่งที่หนีไป นั่นสามารถทำให้นางและทั้งบ้านนางตายได้หลายสิบหน เกรงว่าจะกลัวจนแข้งขาอ่อนเป็แน่
“เฮ้อ ป้าโหดจริงๆ”
นายกองตำแหน่งเล็กๆ ที่โดนไล่ก็หนีอย่างทำอะไรไม่ได้
ป้ายาจกที่เขาสามารถบีบให้ตายคามือได้ แต่เพราะมีหอคอยอาชาขาวดันอยู่ด้านหลังกลับสยบเขาได้ราบคาบ โชคชะตาช่างเล่นตลก แต่ใครเล่าจะเปลี่ยนแปลงมันได้?
หลังวันเวลาแห่งความโหวกเหวกเสียงดังผ่านพ้นไป ฝุ่นดินก็ค่อยๆ ร่วงหล่นลง
คนหน้าหอคอยอาชาขาวในที่สุดก็น้อยลงแล้ว
แต่นามแห่งอูหม่าป้าสุดแกร่งกลับเล่าลือกันไปทั่ว
อูหม่าเ้ากรรมกลับไม่รู้เลยว่า ตัวนางมีชื่อเสียงเล็กๆ ขึ้นมาในด่านโยวเยี่ยนไปแล้ว
ตอนวันที่สี่นั้น เวินหว่านส่งคนมาส่งข่าว ว่ามีเบาะแสของแพทย์ชราหลี่ฉือเจิน แต่ทหารเล็กๆ อย่างเย่ฉงอวิ๋นนั้นยังไม่ได้ข่าว เป็เพราะทหารในด่านโยวเยี่ยนมีจำนวนมาก เวินหว่านเป็แม่ทัพรบกองโจรคนหนึ่งเท่านั้น ทรัพยากรกับลู่ทางพร้อมใช้นับได้ว่ายังมีจำกัด ทำได้เพียงหาไปเรื่อยๆ จะรีบร้อนเช่นนั้นไม่ได้
เย่ฉงอวิ๋นเป็น้องชายของทหารรักษาป้อมคนแรก
ตอนที่เ่ิูหลบหนีสุดชีวิตในโพรงน้ำแข็ง โดนเิ่ิ๋าายาหงส์ฟ้าขวางเอาไว้ ทหารนายแรกตายเพื่อเ่ิู ตอนก่อนตาย เขาได้บอกว่ามีน้องชายอยู่คนหนึ่งนามว่าเย่ฉงอวิ๋น ร้องขอเ่ิูสุดกำลังว่าเมื่อเขากลับด่านโยวเยี่ยนไปได้ จะช่วยส่งข่าวเื่การตายของเขาให้น้องชาย
เ่ิูไม่เคยลืมคำฝากฝังนั้นเลย
ไม่มีเลยสักวัน ที่เขาจะกล้าลืมคุณงามความดีและบุญคุณของเหล่าทหารรักษาป้อมที่มีต่อเขา
แล้วก็วันนั้นเองที่เหล่าทหารใช้การกระทำและเืเนื้อของตัวเอง ทำให้เ่ิูเข้าใจความหมายอย่างลึกล้ำของคำว่าทหาร
เื่ที่เกิดขึ้นใน่วันนั้น ทำให้มุมมองชีวิตและมุมมองในคุณค่าของเ่ิู ถูกชะล้างและกระแทกอย่างรุนแรง ประหนึ่งูเาโหยและทะเลหวน
หลังมาถึงด่านโยวเยี่ยนได้ เ่ิูก็อยากจะไปตามหาน้องชายของทหารนายแรกเป็อย่างแรก แต่น่าเสียดายที่ด่านโยวเยี่ยนอันกว้างใหญ่นี้ตามหากันไม่ได้ง่ายๆ เฉกเช่นตามหาแมลงวันไม่มีหัว ทำไปก็รังแต่จะดันทุรัง เ่ิูทำได้แค่ผัดผ่อนไปก่อน หวังว่าจะยืมกำลังอย่างอื่นเพื่อตามหาเย่ฉงอวิ๋นได้
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาจะไม่ให้เกิดเื่กับเย่ฉงอวิ๋นแน่นอน
เ่ิูสัตย์สาบานในใจไปแล้ว
เมื่อทราบว่าเวินหว่านยังไม่ได้ข่าวของเย่ฉงอวิ๋น เ่ิูก็แอบผิดหวังในใจลึกๆ
ทว่าเด็กหนุ่มรู้ดี ว่าเื่นี้โทษเวินหว่านไม่ได้
ดีที่ได้ข่าวเื่หลี่ฉือเจินมาเยอะมาก
สถานการณ์ของเฒ่าชรานั้นค่อนข้างดี
เวินหว่านบอกมาว่า หลี่ฉือเจินรับหน้าที่อยู่ในค่ายทหารทัพหน้าพอดี ถึงได้หาเจอง่าย
แล้วยังบอกอีกถึงความเป็อยู่ของหลี่ฉือเจิน
เพราะเฒ่าชรามีศาสตร์การแพทย์สูงส่งและเผอิญช่วยชีวิตแม่ทัพรบกองโจรคนหนึ่งเข้าเมื่อล่าถอยมาจากแนวหน้า เขามีชื่อเสียงในค่ายทหารทัพหน้า ช่วยแม่ทัพจากเงื้อมมือมัจจุราชในเวลาอันสั้น เพียงไม่กี่สิบวันเขาก็รักษาอาการาเ็แฝงเร้นของทหารชั้นสูงมากความสามารถคนอื่นๆ ได้หลายคน ด้วยเหตุนั้นเขาจึงได้รับความเคารพมาก เพื่อป้องกันมิให้ชายชราต้องมาวิ่งเต้นไปรักษาคนนู้นคนนี้ ทัพหน้าจึงเปิดโรงแพทย์เฉพาะทางเป็ครั้งแรกในค่ายทหารทัพหน้า ให้หลี่ฉือเจินเป็แพทย์ประจำการตรวจอยู่ เขาไม่ต้องตามกองทัพไปร่วมรบอีกต่อไป
หลายครั้งเหลือเกินที่เขาช่วยชีวิตคนจากความตาย ผู้าุโท่านนี้จึงได้ฉายานามว่าหมอเทวดามาโปรด เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงในทัพหน้ามิใช่น้อยๆ เลยล่ะ
หลังได้ข่าวนั้นมา เ่ิูก็เบาใจลงโข เขาไม่คิดจะรีบไปหาหลี่ฉือเจินอีก
แพทย์เป็ตำแหน่งหายากในกองทัพ และแพทย์ที่รักษาเก่งกาจเช่นหลี่ฉือเจินย่อมเป็ที่แน่นอนว่าต้องได้รับความเคารพเป็อย่างมากจากพลทหาร
เป็เพราะทหารนั้นต้องร่ายรำอยู่กับดาบ เมื่อปลายดาบลิ้มรสชาติโลหิต ไม่มีใครรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับาเ็ ทุกคนเข้าใจแจ่มแจ้งดี ว่าแพทย์ฝีมือสูงส่งนั้น อาจช่วยพวกเขาได้ในเวลาคับขัน
อีกทั้ง หลี่ฉือเจินคงไม่ได้รับอันตรายใดๆ
และตอนนี้ เ่ิูเ้ากรรมเองก็มีเื่วุ่นวายใจอยู่ เขาไม่รู้ว่าจ้าวหรูอวิ๋น อีซานเช่อและพรรคพวกจะมาแก้แค้นไม้ไหน เพื่อป้องกันไม่ให้พวกนั้นเอาความโกรธไปลงกับหลื่ฉือเจิน เ่ิูจึงตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่ให้ใครรับรู้เื่ที่ตนรู้จักกับหลี่ฉือเจินเป็อันขาด อีกอย่างหากเขาเป็อะไรไป หลี่ฉือเจินที่อยู่ในกองทัพเหมือนกัน อย่างไรก็คงมาช่วยเขาได้ทันเวลากระมัง
สามวันผ่านพ้นไปอีกหน
การแก้แค้นจากจ้าวหรูอวิ๋นยังมาไม่ถึง
เ่ิูใช้เวลาทั้งวันไปกับการฝึกวิชา ไม่ค่อยทำอื่นใดนอกเหนือไปกว่านั้น
ตำแหน่งทูตถือดาบตรวจการณ์นั้นสุดแสนวิเศษ ไม่ต้องเข้าเวรหรือรับหน้าที่ประจำการ ไม่มีใครมายุ่มย่ามอะไรกับเขา
ไป๋หย่วนสิงอาการหายเป็ปลิดทิ้งในที่สุด
ความเป็พิษน่าครั่นคร้ามในกายเขาถูกขับออกจนหมดสิ้น เขากลับคืนสู่สภาวะปกติของตัวเอง นอกจากร่างกายที่อ่อนแอกว่าปกติเป็ทุนเดิมอยู่แล้ว ก็หามีอุปสรรคอื่นใดไม่
อูหม่าสำเร็จภารกิจ ตรงตามการว่าจ้างชั่วคราวของนาง สัญญานี้ควรสิ้นสุดลงได้แล้ว ทว่านางยังอยากอยู่ต่อไป จึงรวบรวมความกล้าพูดกับเ่ิู เ่ิูครุ่นคิดทั้งรอยยิ้ม หลายวันมานี้อู่หม่าวิ่งวุ่นกับเื่ในหอคอย ทำให้ชีวิตของเ่ิูง่ายและสบายขึ้นมากหากว่ากันตามจริง ยังไม่เอ่ยถึง ที่ไป๋หย่วนสิงทำอาหารการกินไม่ได้ ตรงข้ามกับอูหม่านัก ดังนั้น เด็กหนุ่มจึงรับอูหม่าป้าสุดแกร่งแห่งหอคอยอาชาขาวไว้ระยะยาว
ตอนนี้สิ่งที่ทำให้เ่ิูกังวลใจคือเ้าหมาหัวโต
นับั้แ่เ้าตะกละมาถึงด่านโยวเยี่ยน ไม่รู้เพราะกินเยอะเกินไปหรืออุณหภูมิหนาวเกินไปกันแน่ มันถึงได้หลับสนิทตลอดเวลา ไม่ว่าเ่ิูจะเรียกมันเท่าไรมันก็ไม่ตื่น จากกินล้างกินผลาญกลายเป็นอนกินบ้านกินเมือง มันไม่ตื่นขึ้นมาเลย บางทีอาจมีแค่ขยับตัวเพราะอยากกินอะไรลงท้องแค่นั้นเอง
“เฮ้อ หากมิใช่เพราะข้านำเ้าออกมาจากสมรภูมิหุบเขาปัดป้องเพื่อเอาเ้ามาเป็สัตว์าคู่กายข้า เ้าต้องมีปัญหาแน่ เพราะไม่งั้นแล้ว เห็นท่าทางโง่บื้อเช่นเ้า ข้าคงโยนทิ้งไปนานแล้ว”
เ่ิูจับจ้องเ้าหัวโตที่หลับปุ๋ย เขาร้องไห้ไร้น้ำตา
จนป่านนี้เด็กหนุ่มยังคิดไม่ออกเลยว่าเ้าหมาตะกละนี่เป็สัตว์อะไร และมีความสามารถอะไรกันแน่
เวลาผันผ่านไปทุกวันๆ กับการฝึกฝนน่าเหนื่อยหน่าย
ในที่สุดเ่ิูก็สามารถพลิกแพลงการใช้กำลังภายในของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาสามารถควบคุมพลังของอาณาน้ำพุิญญาสิบห้าตาได้อย่างงดงามแล้ว
ขณะเดียวกัน ความเข้าใจที่เขามีต่อเทพเ้าไร้ขีดสุดก็ลึกขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน เขาสำเร็จการปลุกหนึ่งขีดสุดในการลองสามครั้ง ระดับความสำเร็จประเภทนี้ค่อนข้างมากโขอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าความตั้งใจเดิมของเขาที่จะปลุกสองขีดสุดนั้นยังอีกห่างไกล เด็กหนุ่มลองหลายร้อยครั้งแต่ได้เื่เพียงแค่ครั้งเดียว และมีเพียงแค่ครั้งสุดท้ายเท่านั้นที่เขาเคาะประตูไป เขาไม่เคยคิดว่าจะต้องเดินมาเส้นทางสายนี้
และสำหรับสี่กระบวนยุทธ์เทพราชันเกราะทองคำและสี่กระบวนยุทธ์ทหารเอกหนึ่งนิรันดร์ กระบวนท่าเหล่านี้เ่ิูหมั่นฝึกฝนไม่ได้ขาด ความเข้าใจและถ่องแท้ในท่าเหล่านี้ลึกล้ำขึ้นอีกเมื่อได้ความเข้าใจที่มากกว่า ท่าทั้งแปดนี้เมื่อเขาสำแดงออกมา ไม่รู้ว่าพลังจะมากมายว่าเมื่อก่อนเท่าไร
เ่ิูเสียดายอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือหอกไน่เหอถูกเผาเป็ตอตะโกอยู่ในหม้อทองเหลืองยอดเมฆา นอกจากกระบี่ฉ่าวชางแล้วก็ไม่เหลืออะไรอีกเลย เขารู้สึกว่าชีวิตนี้ได้ขาดอาวุธิญญาชิ้นสำคัญไปเสียแล้ว
นอกเหนือจากการฝึก เ่ิูก็มาเปิดค้นตำรายาเล่มนั้นด้วย
หลังจากที่อ่านจนทุกอย่างในตำรายาประทับอยู่ในแก่นสมองของเขา ยืนยันเลยว่าเขาจะไม่มีทางมองข้ามหรือลืมเนื้อหาส่วนไหนๆ ก็ตามเป็แน่ เ่ิูเลือกจะทำลายหนังสือเล่มนี้ เพราะสุดท้ายแล้ว หนังสือเล่มนี้ก็เป็ของาายาหงส์ฟ้าเิ่ิ๋ เื่ที่เขาสังหารเิ่ิ๋จะแพร่งพรายให้ใครรู้เข้าไม่ได้ การพกตำรายาไว้ใกล้ตัวจึงเป็การขุดหลุมฝังตัวเอง
เพื่อให้เขากลั่นกรองเนื้อหาในตำรายาได้นั้นต้องใช้เวลาหลายปี เ่ิูเป็อัจฉริยะ แต่อัจฉริยะก็้าเวลาเติบโตเช่นกัน ตอนนี้เขาทำได้เพียงค่อยๆ ก้าวไปทีละก้าวเท่านั้น
หากมีเวลา เ่ิูนึกอยากจะกลั่นยาด้วยตัวเองสักครั้งเหลือเกิน
หากเขาสามารถกลั่นยาเวหาลี้ลับที่หลี่ฉือเจินมอบให้มาได้แล้วล่ะก็ ต้องเป็ประโยชน์ต่อตัวเองมากเป็แน่
และสำหรับหม้อทองเหลืองยอดเมฆานั้น ยิ่งไม่อาจเผยแพร่ให้ใครได้รับรู้เป็อันขาด
เ่ิูทำได้เพียงเอามันเป็ที่เก็บของ
และสำหรับกล่องหยกของหลิวหยวนชั่งที่เ่ิูพบนั้น เด็กหนุ่มสงสัยมาตลอดว่าภายในคืออะไร หลังลองเปิดกล่องหลายครั้งก็ยังไม่อาจทำลายผนึกหวงห้ามของหยกได้ เขาวางแผนที่จะหาคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผนึกหวงห้ามขนาดย่อยมาช่วยเหลือ เมื่อเวลาผ่านไปและสายลมพัดโชย
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เ่ิูถึงรู้สึกว่ากล่องหยกนี้มีต้องมีค่าต่อเขามากแน่
เวลาแห่งการฝึกฝนวิชาไหลเวียนเปลี่ยนไปเรื่อย
พลังของเ่ิูหลังจากการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวะโนั่นแล้ว ก็เริ่มเข้าสภาวะที่ช้าและมั่นคง
ตามตำรายุทธ์เล่มใดก็ตามล้วนบอกตรงกัน ว่าเมื่อจอมยุทธ์เข้าถึงอาณาน้ำพุิญญาขั้นยี่สิบ พวกเขาจะสามารถเข้าสู่อาณาทะเลระทมได้
แต่จอมยุทธ์ส่วนใหญ่มักไม่เลือกทางนี้
เพราะอาณาน้ำพุิญญายี่สิบตานั้นเป็ข้อเรียกร้องขั้นต่ำที่สุดของอาณาทะเลระทม หากพวกเขาเข้าอาณาทะเลระทมด้วยตัวเลขน้ำพุเท่านี้จริงๆ นั่นย่อมแสดงว่าของเหลวพลังปราณในร่างพวกเขาไม่เพียงพอด้วย และจะขาดแคลนในภายภาคหน้า แม้พวกเขาจะกลายเป็ยอดฝีมือของอาณาทะเลระทม ‘ทะเล’ ที่ว่าก็มีขีดจำกัด มีหลายครั้งที่พลังพวกเขาไม่อาจเทียบกับพลังของอาณาน้ำพุิญญาหกสิบหรือเจ็ดสิบตาได้เลย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้