กลางคืนเงียบงัน วีวี่เดินลงบันไดมาชั้นล่าง
แสงไฟสีเหลืองนวลจากโคมห้องรับแขกสะท้อนเงาร่าง
ของป้าเพ็ญหญิงชรานั่งสางผมอยู่ปลายโซฟา
ใบหน้าอ่อนล้าแต่สายตาเต็มไปด้วยความห่วงใย
วีวี่ลังเลอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง
ก่อนจะรวบรวมใจ เดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ
“ป้าเพ็ญ นอนไม่หลับเหรอคะ”
“อื้อ ยังไม่ง่วงเท่าไหร่ค่ะ คุณวีวี่เองก็นอนไม่หลับใช่ไหม”
วีวี่ถอนหายใจยาว มองเอกสารพินัยกรรมในมือ
“ป้าเพ็ญ ป้ามีอะไรอยากบอกหนูเกี่ยวกับพินัยกรรมของยายไหมคะ”
ป้าเพ็ญชะงักไปมือที่ถือหวีชะงักกลางอากาศ
เธอวางหวีลงอย่างแ่เบา
“ป้ารู้เท่าที่คุณอมราเล่าให้ฟังนะคะ
คุณอมราบอกแค่ว่าอยากให้หนูได้กลับมาอยู่บ้าน
อยากให้ครอบครัวได้กลับมาเป็ครอบครัวจริง ๆ อีกสักครั้งคุณยายรักวีวี่มากจึงให้สิ่งที่สำคัญกับคุณวีวี่”
วีวี่เงียบไป ดวงตาแดงก่ำ
“แต่ทำไมยายถึงต้องให้หนูอยู่ทำงานที่ไทยและเื่หุ้น
บริษัทอีกหนูมีงานที่โน่นมีชีวิตของตัวเอง”
เธอเสียงสั่น
“หรือยายอยากให้หนูกลับมาทำงานที่บริษัทหรือมีอะไรที่หนูไม่รู้”
ป้าเพ็ญถอนใจมองหน้าวีวี่ด้วยแววตาเอ็นดู
“คุณอมราเองก็พูดอะไรกับป้าไม่หมดหรอกค่ะ
แต่ป้าว่าคุณอมราคงอยากให้คุณวีวี่ได้หันกลับมาดู
ตัวเองไม่ว่าจะไปทำงานที่ไหนสุดท้ายเราก็ไม่สามารถลืมตัวเราเองได้”
วีวี่เบนตาออกไปมองนอกหน้าต่างเห็นเงาไม้ไหวไปกับ
สายลมในใจกลับหนักอึ้งขึ้นอีก
“แล้วเื่หุ้นบริษัทล่ะคะ ทำไมยายถึงให้หนูมีสิทธิ์บริหารแทนคนอื่น ๆ คุณยายมองเห็นอะไร”
เสียงของวีวี่อ่อนลง “มันเหมือนยายวางแผนอะไรบางอย่างไว้”
ป้าเพ็ญยิ้มบาง
“คุณยายบอกป้าแค่ว่า
‘หลานวีวี่ต้องกล้าทำในสิ่งที่ตัวเองกลัว
แล้วจะรู้ว่าทุกอย่างไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด’
เื่หุ้น ป้าก็ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกนะ
แต่คุณยายบอกว่า ถ้าคุณวีวี่กล้าเผชิญหน้า
คุณวีวี่จะเป็เ้าของชีวิตตัวเองได้เต็มที่”
“แต่คุณอมรา ย้ำกับป้าอยู่อย่างนะ ท่านบอกว่าเอกสารที่คุณวีวี่จะได้จากทนายเป็สิ่งที่
สำคัญมาก สักวันหนึ่งมันจะมีประโยชน์ต่อตัวคุณวีวี่เอง”
วีวี่นิ่งไปเหมือนมีบางอย่างหนักอึ้ง เธอพูดเสียงเบา
“ป้าเพ็ญ หนูกลัวนะคะ กลัวว่ากลับมาแล้วจะยิ่งโดดเดี่ยว กลัวว่าจะเสียทุกอย่างที่สร้างมาทั้งชีวิต
แต่ถ้ายาย้าแบบนั้น หนูจะพยายามดู”
ป้าเพ็ญยื่นมือมากุมมือวีวี่แน่น
“ไม่ว่าอย่างไร ป้าจะอยู่ข้างคุณวีวี่เสมอนะคะ
บ้านหลังนี้ยังเป็ของคุณเสมอและคุณอมราก็ยังอยู่ตรงนี้เสมอด้วย”
วีวี่หลับตา ปล่อยให้น้ำตาอุ่นรินลงบนมือของป้าเพ็ญ
ในความเงียบของบ้าน
เธอได้แต่ภาวนา—
ขอให้พรุ่งนี้ใจของเธอเข้มแข็งพอ
ที่จะเผชิญกับทุกความท้าทายในอนาคต
เช้าวันถัดมา
ห้องรับแขกบ้านจันทรโรจน์อบอวลด้วยกลิ่นกาแฟอ่อน ๆ
ญาติพี่น้องพร้อมหน้าพร้อมตา
ลุงวิทยากับลุงวุฒินั่งข้างกัน ท่าทางเคร่งเครียด
บ๊วยหวานนั่งใกล้วีวี่ เงียบสงบผิดปกติ
ป้าเพ็ญเสิร์ฟขนมปังปิ้ง ขณะเดียวกันก็หันไปมองประตูบ้าน เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ทนายสมภพก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบขรึม
เอกสารพินัยกรรมถูกวางกลางโต๊ะ
วีวี่สูดหายใจลึก ทุกคนรอฟังรายละเอียดสุดท้ายอย่างใจจดจ่อ
ทนายสมภพเปิดเอกสารอย่างเป็ทางการ
“ตามเจตนารมณ์ของคุณอมรา จันทรโรจน์ จะขออ่านรายละเอียดพินัยกรรมดังนี้นะครับ”
เขาอ่านทีละบรรทัด เสียงหนักแน่น ชัดเจน
ความเงียบปกคลุมห้อง ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่เขา
1. บ้านจันทรโรจน์และทรัพย์สินภายในบ้าน
มอบให้ “วรรษมน จันทรโรจน์” หลานสาว โดยมีข้อแม้ให้ดูแลบ้านและอัฐิคุณยายที่นำกลับมาบ้าน
หาก้าขายหรือโอนบ้าน ต้องได้รับความยินยอมจากบุตรชายทั้งสองของคุณอมรา
2. เงินสด 100 ล้านบาท
มอบให้ “วรรษมน” โดยมีเงื่อนไขให้ใช้ชีวิตในประเทศไทย
หากฝ่าฝืนหรือปฏิเสธสิทธิ์ เงินทั้งหมดจะตกเป็ของ
วิทยาและ วุฒิ แบ่งเท่า ๆ กัน
3. หุ้นบริษัท จันทร กรุ๊ป จำกัด 1,500,000 หุ้น
ถือในนามของ “วรรษมน” เพื่อให้มีสิทธิ์ลงมติหรือบริหารแทนผู้ใหญ่ แต่การขาย/โอนหุ้นต้องได้รับ
ความเห็นชอบจาก วิทยาและ วุฒิ
4. ที่ดิน300 ไร่ แม่ริม เชียงใหม่ และเครื่องเพชรตระกูล
มอบให้ “วิทยา จันทรโรจน์” เพื่อรักษามรดกประจำตระกูล
5. หุ้นบริษัท จันทร กรุ๊ป จำกัด 500,000 หุ้น และบ้านพักบางสะพานมอบให้ “วุฒิ จันทรโรจน์”
6. ทุนการศึกษา 5,000,000 บาท เงินสด 20,000,000 บาท และสร้อยทอง มอบให้หลานสาว “บ๊วยหวาน”
เพื่อสนับสนุนอนาคตและเริ่มต้นธุรกิจ
7. เงินก้อนเล็ก ๆ พร้อมจดหมายฝากรัก
มอบให้ป้าเพ็ญและเ้าหน้าที่เก่าทุกคนในบ้านเพื่อขอบ
คุณที่ดูแลครอบครัว
8. เจตนารมณ์สุดท้าย
ขอให้ทุกคนรักกัน ดูแลกัน อย่าให้บ้านจันทรโรจน์ต้องปิดไฟเพราะความขัดแย้ง ขอให้วีวี่กลับมาใช้ชีวิตอย่างที่ยายหวัง
ไม่ใช่แค่ในฐานะเ้าของมรดกแต่ในฐานะความหวังของตระกูล
ทุกประโยคเต็มไปด้วยความหมาย
เสียงอ่านของคุณทนายเหมือนแปรเปลี่ยนเป็เสียงของคุณยายอมรา
ห้องทั้งห้องเงียบกริบ มีเพียงเสียงสะอื้นบางเบาจากบ๊วยหวาน ลุงวิทยาหันมากุมมือวีวี่แน่น ป้าเพ็ญน้ำตาไหลแต่ยังยิ้ม
เมื่ออ่านจบ ทนายสมภพปิดแฟ้มเอกสาร
“หากใครมีข้อสงสัย หรือประสงค์จะเจรจาเื่มรดก สามารถแจ้งผมได้ตลอดเวลานี้ครับ”
วีวี่นั่งนิ่ง
เงื่อนไขทุกข้อเหมือนประตูสู่ชีวิตใหม่ เธอจะเลือกยอมรับ หรือเดินหนี นั่นคือเื่ของหัวใจที่ยังต้องใช้เวลาคิด
เมื่อเสียงทนายสมภพจบลง ห้องรับแขกบ้านจันทรโรจน์ยังเงียบงัน
ญาติแต่ละคนแสดงความเห็นแตกต่าง บางคนซึ้งใจ บางคนยิ้มรับ
ลุงวิทยาลูบหลังวีวี่เบา ๆ
“ดีใจด้วยนะหลาน ยายเขารักหนูมากจริง ๆ”
ริมฝีปากชายวัยหกสิบคลี่ยิ้มใจดี
แต่เื้ัแววตานั้นกลับซ่อนอะไรไว้มากมาย
มือที่ตบบ่าเบา ๆ กลับกำแน่นจนเส้นเืปูด
‘บ้านจันทรโรจน์ ตกเป็ของหลานสาวที่ห่างบ้านไปนาน
มรดกก้อนใหญ่ หุ้นบริษัทส่วนมาก คุณแม่ไว้ใจหลานวีวี่ขนาดนี้เชียวหรือ’ เสียงในใจของลุงวิทยาก้องเบา ๆ
เขาหันไปสบตากับวุฒิ
อีกฝ่ายก็ส่งสัญญาณทางสายตา
บ๊วยหวานหันมายิ้มตาหวานกับพ่อ
“ไม่เป็ไรหรอกพ่อ หนูได้ของขวัญจากยายมามากมายแล้ว แถมคุณยายยังให้ทุนทำร้านขนมด้วย”
ลุงวิทยาหัวเราะกลบเกลื่อน
“พ่อไม่ได้คิดอะไรลูกแค่ดีใจกับทุกคนเท่านั้นเอง”
แต่เมื่อบ๊วยหวานเดินไปกอดป้าเพ็ญ วิทยากลับมองตามหลานสาวผู้ซึ่งตอนนี้ได้ทุกอย่างด้วยแววตาครุ่นคิด
‘คุณแม่นี่ก็เหลือเกิน ไม่คิดถึงคนแก่ที่อยู่ดูแลบ้านนี้มาตลอดหรืออย่างไร หลานสาวน่ะ
เขาจะเข้าใจหัวอกคนดูแลตระกูลแบบเราบ้างไหม ผมเป็ลูกชายคนโตของแม่นะ แทนที่แม่จะเห็นหัวผมบ้าง’
ลุงวิทยาเงียบไปแต่ในใจเริ่มกระเพื่อมแ่ ๆ
‘ถ้าวีวี่ดูแลบ้านไม่ได้ ถ้าหลานสาวคนนี้หวั่นไหว
หรือถ้ามีใครช่วยสะกิดใจให้เธอกลับไปสิงคโปร์ไวขึ้นล่ะก็มรดกนี้รวมทั้งอำนาจการบริหารของบริษัทก็จะต้องเป็ของฉัน’
เขาขยับรอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปช่วยทนายสมภพเก็บเอกสาร มือข้างหนึ่งลูบซองสีน้ำตาลเบา ๆ
“เดี๋ยวผมช่วยเองครับทนาย”
น้ำเสียงสุภาพ
แต่ในใจคิดวางหมากทีละก้าว
ขณะเดียวกัน
เขาแอบหยิบมือถือขึ้นมา
แชทหาคนสนิทในเครือข่ายธุรกิจ
‘ลองช่วยหาข่าวเื่ คุณวรรษมนตอนที่อยู่ที่สิงคโปร์ด้วยนะ ผม้าข้อมูลทั้งหมด’
ข้อความนั้นถูกส่งไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเงาแผนการ
บางอย่างที่เพิ่งเริ่มก่อตัว ในบ้านที่เต็มไปด้วยมรดก ความรัก และ เกมอำนาจที่ยังไม่จบง่าย ๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้