ลั่วชีเหนียงไม่ใช่คนเล่นตัวอะไร ในเมื่อรับน้ำใจใหญ่หลวงจากตู้ิเจวียน เช่นนั้นนางก็ตั้งใจจะทำให้ดี เพราะถึงอย่างไรนี่ถือเป็ผลประโยชน์ร่วมกัน
นางลงลายลักษณ์อักษรในสัญญาอย่างว่องไว จากนั้นทั้งสองก็ขึ้นรถม้าไปย่านใจกลางอำเภอด้วยกัน
ทำเลร้านของตู้ิเจวียนดียิ่งนัก มันคือถนนหลักใจกลางอำเภอเฉา ตัวร้านคือหน้าร้านที่เชื่อมกันสามห้อง ด้านหลังยังมีห้องอีกสามห้อง ใช้ทำเป็โรงครัวหรือที่พักผ่อนก็เหมาะสมนัก
เมื่อเห็นร้าน ในใจของชีเหนียงก็มีรูปแบบการตกแต่งคร่าวๆ ในใจ พอเห็นนางสำรวจร้านอย่างละเอียดและคอยถามขนาดพื้นที่ ตู้ิเจวียนรู้ได้เลยว่าชีเหนียงใส่ใจอย่างมาก
รอจนวัดพื้นที่เรียบร้อย ตอนที่ชีเหนียงกับตู้ิเจวียนจะแยกกัน ก็ได้เชิญตู้ิเจวียนมาร่วมดื่มสุรางานมงคลที่บ้านสกุลลั่วในวันที่ห้าเดือนนี้
“นี่เป็เื่ดี ข้าต้องไปแน่” ใช่ว่าตู้ิเจวียนจะไม่รู้เื่ราวของลั่วชีเหนียงเลย แรกเริ่มที่คิดจะอุดหนุนกิจการชานมสกุลลั่ว นางก็ได้ส่งคนไปสืบข้อมูลของลั่วชีเหนียงแล้ว
ตอนนี้ได้ยินว่านางจะนับญาติก็ดีใจแทนจากใจจริง ในบ้านมีคนที่รักและเอ็นดูพร้อมช่วยเหลือเพิ่มมาหนึ่งคน นางเองก็รู้สึกดีใจแทนยิ่งนัก เพียงแต่ไม่ทราบว่าจะนับญาติกับผู้ใดกัน?
หลังจากลั่วชีเหนียงกลับมาก็ขังตนเองไว้ในห้อง จากนั้นตวัดวาดลวดลายลงบนกระดาษขาว จวบจนถึงเวลาอาหารค่ำจึงออกจากห้อง
เด็กๆ กับหลิงชางไห่ได้แต่ทานอาหารตรงหน้าอย่างขมขื่น
“ความผิดข้าเอง ข้าจะไปทำบะหมี่เดี๋ยวนี้ กินง่ายๆ ก่อนสักคืน”
อาหารบนโต๊ะไหม้เกรียม โจ๊กก็ใสจนสามารถมองเห็นเงาสะท้อน ไม่จำเป็ต้องเอ่ยอะไร อาหารค่ำวันนี้ต้องเป็ฝีมือของลั่วจิ่งเฉินกับจ้าวจือชิงแน่นอน
นับั้แ่กลับจากศาลาว่าการวันนั้น ทั้งสองเหมือนผูกอาฆาตกัน ไม่ว่าอีกคนจะทำอะไร อีกคนก็ต้องทำด้วย คงอยากเปรียบเทียบกัน
ไม่ง่ายเลยที่จะได้เห็นลั่วจิ่งเฉินมีชีวิตชีวาแบบนี้ ชีเหนียงจึงไม่ได้ห้าม
ในบ้านคึกคักอบอุ่น ทางด้านร้านของชีเหนียงก็เริ่มต่อเติมแล้ว ทางทิศตะวันออกทำเป็ห้องกั้นขนาดเล็กหลายห้อง ทุกห้องจะมีพื้นที่ส่วนตัว ยามปกติเวลาเหล่าสตรีมารวมตัวดื่มชายามบ่ายกันก็ดีงาม อีกทั้งห้องกั้นทุกห้องจะแฝงการตกแต่งด้วยผ้าม่านระบายสีแดง อิงตามดอกไม้แต่ละฤดูเป็หลักนอกจากนี้ยังตกแต่งให้เข้ากับแต่ละฤดูด้วย
ตรงกลางทำเป็ตู้วางแสดงชานมกับของว่าง โดยจะนำของว่างทั้งหมดที่ทำเรียบร้อยมาวางบนชั้นไม้ในตู้แสดง หากชอบอันไหนก็หยิบไปชำระเงินที่โต๊ะจ่ายเงิน หลังจากจ่ายเงินจะนำไปรับประทานในห้องพิเศษหรือนำกลับบ้านก็ย่อมได้
ส่วนฝั่งขวาถูกออกแบบเป็ห้องโถงเปิดกว้างขนาดใหญ่ ด้านในวางโต๊ะไว้สองตัว ที่ตรงนี้ไว้เป็เขตพักผ่อนสำหรับลูกค้าเป็หลัก
เนื่องจากนี่คือร้านชานม ดังนั้นการตกแต่งโดยรวมจะมีกลิ่นอายของความผ่อนคลาย
ตู้ิเจวียนมองดูร้านค้าที่เป็รูปเป็ร่าง พลันเดินดูรอบทิศด้วยความตื่นเต้น
“ชีเหนียง เ้าเก่งกาจนัก ข้าไม่เคยเห็นร้านที่สวยงามเช่นนี้มาก่อน” ตู้ิเจวียนยื่นศีรษะออกมาจากด้านใน “ทุกห้องกั้นมีความพิเศษเฉพาะตัว โดยเฉพาะตุ๊กตานี่ช่างงดงามเหลือเกิน!”
ตู้ิเจวียนอุ้มตุ๊กตาแพะน้อยด้วยความชื่นชอบ
ตุ๊กตานี้เองก็เป็สิ่งที่ชีเหนียงเพิ่งคิดได้ตอนที่ได้เห็นฝีมือเย็บปักของพี่หลิว ในเมื่อจะทำเป็ร้านที่พิเศษหนึ่งเดียว แน่นอนว่าต้องมีอะไรที่ต่างออกไปจากร้านอื่นๆ
ตุ๊กตาเหล่านี้ นางเป็ผู้วาดและให้พี่หลิวทำตามแบบ โดยตุ๊กตาเหล่านี้ก็เหมือนกับตุ๊กตาบาร์บี้ในยุคปัจจุบัน มีเส้นผมและกระโปรง แน่นอนว่ายังมีสัตว์น้อยแสนน่ารักด้วย ที่ตู้ิเจวียนถืออยู่ในมือก็คือเหล่าสัตว์ตัวน้อย
“ตุ๊กตาเหล่านี้ แม้จะวางในห้องกั้น แต่หากมีลูกค้าที่ชื่นชอบก็สามารถควักเงินซื้อกลับไปได้ ทว่า ใช่ว่าลูกค้าทุกคนที่จะได้รับการบริการเช่นนี้”
ตู้ิเจวียนจ้องชีเหนียงและเฝ้ารอคำพูดถัดไปของนาง
“ข้าคิดไว้แล้ว ในเมื่อเราจะทำก็ต้องทำให้ยิ่งใหญ่ เราจะมีการจัดกิจกรรมพิเศษอยู่เรื่อยๆ อย่างเช่นตุ๊กตาคนและสัตว์เหล่านี้ หรือบางทีก็เป็ของว่างพิเศษ ของเหล่านี้ลูกค้าล้วนสามารถซื้อกลับบ้านได้ แต่จำต้องเป็สมาชิกของร้านเรา จึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมและซื้อสินค้าพิเศษเหล่านี้”
“นอกจากนี้ เพื่อการขยับขยายกิจการในภายหลัง ข้าตั้งใจว่าจะก่อตั้งกิจการความสวยความงามให้ได้โดยเร็ว ทว่าเพื่อรอดูผลลัพธ์ เราสามารถลองผลักดันเป็กิจกรรมพิเศษก่อน ดูผลตอบรับแล้วค่อยว่ากัน”
ความสวยความงามและทำเล็บ คือสิ่งที่นางเพิ่งคิดได้่นี้ ส่วนต่อไปจะวิจัยผลิตภัณฑ์อย่างไร ยังต้องวางแผนกันอย่างละเอียดอีกที
ตู้ิเจวียนคิดไม่ถึงว่าการกระทำอย่างไม่ตั้งใจของตนกลับกลายเป็การเชื้อเชิญเทพแห่งความมั่งคั่งมาให้ เพียงแค่ได้ยินชีเหนียงบอกเล่า นางก็รู้สึกว่าเื่นี้สามารถทำได้สำเร็จแน่
“ที่ชีเหนียงพูดมาหมายถึงการแต่งหน้าในวันนั้นด้วยหรือ?”
“ต้องรวมแน่นอน ขอเพียงลูกค้า้า สามารถมาระบุการแต่งทรงผมและแต่งหน้ากับเราได้” เื่นี้นางได้วางแผนไว้อย่างดีแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ได้เกรงอกเกรงใจตู้ิเจวียน “ท่านลองดูสิว่าท่านมีคนที่ไว้ใจได้และมีไหวพริบหรือไม่ การแต่งหน้าทำผมเหล่านี้ เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องฝึกฝนคนให้เป็ผู้เชี่ยวชาญเพื่อมารับหน้าที่”
“นอกจากนี้ วันหลังหากทำเป็รูปเป็ร่างได้ ไม่แน่ว่าร้านนี้ยังต้องขยายอีก” นางกลัวว่าตนเองจะคิดการณ์ไกลเกินไป จึงรีบเสริม “ทว่าตอนนี้เพียงแค่พูดไปก่อน ถึงเวลายังต้องดูสถานการณ์โดยรวมอีกที”
เทียบกับความไม่มั่นใจของนาง ตู้ิเจวียนกลับเปี่ยมด้วยความมั่นใจอย่างร้ายกาจ ฝีไม้ลายมือของลั่วชีเหนียง นางเคยััมาแล้ว นางตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว อีกทั้งเหล่าบรรดาฮูหยินที่เคยเห็นนางที่งานเลี้ยงก่อนหน้าต่างก็มองนางด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น หากมิใช่เพราะสถานะของตน ที่ทำให้พวกนางไม่กล้าตีสนิทมากเกินไป เกรงว่าวันนั้นคงปรี่เข้ามาถามเื่การแต่งหน้าของตนแล้ว
หลายวันก่อนหน้านี้ก็มีคนมาถามว่าตนซื้อสีชาดทาปากกับเครื่องประทินโฉมมาจากที่ใด
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ตู้ิเจวียนก็รู้สึกหวั่นใจ “ชีเหนียง เช่นนั้นต่อไปเราจะทำเครื่องประทินโฉมขายได้หรือไม่?”
ชีเหนียงได้ยินดังนั้น “เื่นั้นตอนนี้ข้ายังไม่ได้คิด แต่หาก้าทำกิจการความสวยความงามให้ถึงขีดสุด เราเป็ผู้ผลิตสิ่งเหล่านี้เองก็จะเป็การดีที่สุด”
อย่างไรก็ตาม คุณภาพแป้งของที่นี่ค่อนข้างหยาบ ระคายผิวไม่พอ เวลาทาหน้า ผลลัพธ์ก็ไม่ดีนัก เพื่อชื่อเสียงในอนาคต คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องผลิตเอง
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกัน สี่เอ๋อร์ก็ยิ้มแย้มเดินเข้ามา
“ฮูหยิน ป้ายถูกส่งมาแล้วเ้าค่ะ”
“ไป ชีเหนียงไปดูเร็ว”
บนป้ายมีอักษรคำว่า ‘โรงชานม’ เจิดจ้าเป็ประกาย ตรงขอบปลายๆ ยังมีอักษรขนาดเล็กหนึ่งแถว ‘สกุลลั่ว’
“คือว่า…” ชีเหนียงมองตู้ิเจวียนอย่างรู้สึกไม่เข้าใจ เดิมทีพวกนางคุยกันไว้ว่า จะตั้งชื่อว่าโรงชานม ส่วนอย่างอื่นจะไม่เขียนอะไรทั้งนั้น ไม่แบ่งสกุลลั่วหรือสกุลหยาง แต่ตอนนี้บนป้ายมีคำว่าสกุลลั่ว แม้จะตัวเล็ก แต่นั่นก็เป็การยอมรับว่ากิจการนี้เป็ของสกุลลั่ว
“คือว่าอะไรอีก ข้าว่าดูดียิ่งนัก”
ตู้ิเจวียนสั่งให้คนแขวนป้ายให้เสร็จและรอเพียงเปิดกิจการในมงคลฤกษ์
......
ณ โรงพนันสือวาน เฉินเจ๋อิขว้างถ้วยชาออกไปทันใด “ไร้ค่า! พวกไร้ค่า!”
เฉินเจ๋อิมองดูสตรีที่ยิ้มแย้มด้านล่าง ดวงตาเขาราวกับอาบยาพิษไว้ก็ไม่ปาน
“คุณชายน้อย มีสาส์นจากเมืองหลวงขอรับ”
เฉินเจ๋อิดวงตาสั่นไหว เพิ่งจะผ่านมาไม่นาน พวกเขาก็ได้รับข่าวแล้ว หรือว่าคนของตนเองทำอะไรผิดพลาด?
บ่าวที่ส่งสาส์นก้มศีรษะและตัวสั่นเทา จนสาส์นในมือถูกหยิบไปโดยตรง เขาถึงรอด
-----