“นี่เขายังไม่ตายหรอกหรือ?”
เจิ้งปินแห่งอารามเสวียนอู้พอเห็นเนี่ยเทียนก็อึ้งตะลึงไปทันที
อันอิ่งและเจียงหลิงจูเองก็มีสีหน้าเหมือนคนเห็นผี คล้ายไม่กล้าเชื่อสิ่งที่ตัวเองเห็น
หลังจากอวี๋ถงที่อยู่ขอบเขตท้าย์ใช้ตาข่ายปฐีอันเป็เวทต้องห้ามของสำนักโลหิตคลุมร่างของเนี่ยเทียนแล้ว นางก็เริ่มหลอมเืสดตลอดร่างของเนี่ยเทียนทันที
ตอนที่พวกนางจากไป เนี่ยเทียนใกล้สิ้นใจตายเต็มที เหลือเพียงเสียงหัวใจเต้นช้าลง แม้แต่ลมหายใจก็ยังหยุดลงไปแล้ว
เนี่ยเทียนที่อยู่ในสภาพเช่นนี้ จะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?
นี่ทำให้พวกเขายากที่จะเชื่อได้
ไม่นานนัก พันเทาก็วิ่งมาหยุดอยู่ข้างกายเนี่ยเทียนก่อนใคร เขาเดินวนรอบเนี่ยเทียนอยู่สองสามรอบ สังเกตมองเนี่ยเทียนอย่างละเอียดรอบหนึ่ง หลังจากพบว่าเนี่ยเทียนไม่เป็อะไร เขาจึงต่อยเนี่ยเทียนหนักๆ หนึ่งหมัด ในที่สุดก็อดไม่ไหวจนต้องะโออกมา “เ้ารอดมาได้อย่างไรกันนี่?”
เขาถามสิ่งที่ทุกคนอยากรู้มากที่สุด
ในเวลานี้ ทุกคนที่ไล่ตามสำนักภูตผีและสำนักโลหิตไปก็ตามกันมาถึงข้างกายเนี่ยเทียน ทุกคนต่างก็เบิกตากว้างมองเขา รอให้เขาเอ่ยคำอธิบาย
เนี่ยเทียนหัวเราะแห้งๆ หนึ่งครั้ง กล่าว “เกิดปัญหาที่ตัวนางมารนั่นเอง”
“ยังไงล่ะ?” พันเทาซักถาม
“ตอนที่เวทหลอมโลหิตของนางมารนั่นร่ายออกมาได้ครึ่งหนึ่ง ดูเหมือนว่านางจะถูกพลังโจมตีกลับ” เนี่ยเทียนสีหน้าเป็ปกติ กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หากนางสามารถร่ายต่อไปได้ เืสดตลอดร่างข้าคงถูกดึงออกไปหลอมจนแห้งขอด ที่น่าเสียดายก็คือ การที่นางใช้ตบะขอบเขตท้าย์ร่ายเวทตาข่ายปฐีนั่น ดูเหมือนว่าจะเป็การฝืนตัวเองจนเกินไป”
“ข้าััได้ว่าตอนที่นางหลอมเืสดของข้า อยู่ๆ ก็เกิดปัญหาขึ้นมา จึงหมดพลังที่จะร่ายต่อได้อีกในภายหลัง”
“นางไม่สามารถร่ายเวทต่อได้ เืสดที่ถูกดึงออกไปเ่าั้จึงกลับมาในร่างของข้าอีกครั้ง เส้นเืแดงสดพวกนั้นก็ค่อยๆ แตกกระจายกลายมาเป็หมอกโลหิตแล้วสลายหายไป”
ตอนที่เนี่ยเทียนพูดประโยคนี้ ดวงตาของเจียงเหมียวที่นั่งอยู่ด้านข้างฉายแววแปลกประหลาดเล็กน้อย
เพราะเห็นได้ชัดว่าคำอธิบายนี้ไม่ค่อยเหมือนกับถ้อยคำที่เขากล่าวกับนางก่อนหน้านี้เท่าไหร่นัก
เขาบอกว่าเส้นเืแดงสดพวกนั้นแตกกระจายออก แต่ก่อนหน้านี้เจียงเหมียวกลับเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เส้นเืมากมายที่แฝงไว้ด้วยปราณเืเข้มข้นเ่าั้หายไปในร่างกายของเนี่ยเทียนทั้งหมด คล้ายถูกเนี่ยเทียนเอาไปหลอมเสียเอง
ยังดีที่เจียงเหมียวมีความซาบซึ้งบุญคุณอยู่ในใจจึงไม่ได้เปิดโปงเขา
คนอื่นๆ หลังจากฟังเขาอธิบายต่างก็เผยสีหน้าแตกต่างกันออกไป มีคนเชื่อ และก็มีคนที่... แอบสงสัยในความจริงของคำพูดนั้น
เช่นอันอิ่ง เจียงหลิงจู และยังมีพันเทากับเจิ้งรุ่ย
คนที่เข้าใจความลึกลับของเวทหลอมเืสำนักโลหิตล้วนรู้ว่าต่อให้อวี๋ถงถูกพลังโจมตีกลับ เวทหลอมเืนั่นพอเริ่มขึ้นแล้วย่อมไม่มีทางหยุดลงได้อย่างแน่นอน
ต่อให้อวี๋ถงตายไป เวทหลอมเืที่นางร่ายออกมาก็มากพอจะทำให้เนี่ยเทียนตายอย่างอนาถเพราะเสียเืมากเกินไป
หรือจะพูดในอีกมุมหนึ่งก็คือ เืสดที่ถูกดึงออกไปจากร่างของเนี่ยเทียนย่อมไม่มีทางกลับคืนสู่ร่างของเขาเองเป็แน่
สรุปคือ เขาไม่มีทางอยู่รอดปลอดภัย หรือต่อให้ฝืนรอดชีวิตมาได้ก็ไม่น่าจะมีสภาพอย่างในตอนนี้
เห็นว่าทุกคนไม่พูดไม่จา แต่ละคนล้วนมองตนด้วยความสงสัยไม่คลาย เนี่ยเทียนจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อไปพูดเื่อื่น “พวกเ้าล่ะ? ไล่ตามพวกเขาไปทันหรือไม่ ได้ฆ่าพวกเขาหรือไม่?”
“ไม่” พันเทายิ้มขื่น “โม่ซีและนางมารนั่น รวมไปถึงลูกศิษย์ของสำนักภูตผีและสำนักโลหิต พวกเขาหนีไปได้สำเร็จ พวกเราไล่ฆ่าไปพักหนึ่ง ฆ่าได้แค่สามคนที่รั้งท้ายเท่านั้น ไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้ทั้งหมด”
“ที่น่าแปลกก็คือ ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ พวกโม่ซีถึงได้หายตัวไปอย่างลึกลับ”
“เฮ้อ ถ้าสามารถฆ่าโม่ซีและนางมารผู้นั้นได้ หลังจากที่พวกเราออกไปจากโลกมายามรกตก็คงมีคำอธิบายให้กับพวกผู้าุโ”
เขากล่าวด้วยความเสียดาย
อวี๋ถงาเ็หนัก เหลือเพียงแค่โม่ซีคนเดียว พวกเขาไม่ได้ฆ่าอีกฝ่ายให้หมด นี่ทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก
คนอื่นๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ จึงไม่มีใครคิดเอ่ยแก้ตัว
“เวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว ทุกคนกลับไปที่ประตูโลกลับเถอะ นับวันเวลาดู การประลองโลกมายามรกตก็ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว ทุกคนยืนหยัดกันอีกหน่อย ทนหิวอีกไม่กี่วัน รอออกไปจากโลกมายามรกตเมื่อไหร่ค่อยกินกันให้เต็มที่แล้วกัน” อันอิ่งเอ่ยแนะนำ
ทุกคนพากันพยักหน้า
เวลานี้ เจิ้งปินแห่งอารามเสวียนอู้มองเนี่ยเทียน อยู่ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า “ตอนนั้นพวกเรา...รู้สึกว่าเ้าต้องตายแน่นอน ดังนั้นถึงทิ้งเ้าไป พวกเราไม่รู้จริงๆ ว่าเ้าจะรอดชีวิตมาได้ มิฉะนั้นพวกเราก็จะอยู่ต่อเพื่อช่วยเหลือเ้า”
อันอิ่ง เจียงหลิงจู และเนี่ยเสียนต่างก็หันมามองเขาด้วยใบหน้ารู้สึกผิดและขออภัย
เนี่ยเทียนไม่ได้ถือสาอะไร อันที่จริงเขาเองก็รู้ว่าการตัดสินใจของพวกเจิ้งปินนั้นถือว่าชาญฉลาดแล้ว หากไม่เป็เพราะตัวเขามีความพิเศษ อย่างไรก็ย่อมไม่มีทางมีชีวิตรอดมาได้อย่างแน่นอน
ความผิดปกติในร่างกายของเขาไม่มีใครรับรู้ คนเ่าั้ทิ้งคนคนหนึ่งที่ต้องตายแน่ๆ ไป เพราะ้าสังหารอวี๋ถงเพื่อพลิแพลงสถานการณ์กลับ ตามเหตุตามผลแล้วไม่มีเื่ใดผิด
“ไม่เป็อะไร ข้าไม่โทษพวกเ้า พวกเ้าไม่ได้ทำอะไรผิด” เนี่ยเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“มีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว” พันเทาเพื่อนรักตบไหล่ของเขา พลันพูดขึ้นว่า “เ้า... ยังไม่ได้กลายเป็ลูกศิษย์ของสำนักหลิงอวิ๋นใช่หรือไม่?”
“ขอบเขตไม่เพียงพอ จึงยังไม่ถูกสำนักหลิงอวิ๋นรับตัวไป” เนี่ยเทียนตอบตรงไปตรงมา
พันเทาพยักหน้า หัวเราะหึหึ ั์ตาเผยความหมายลึกล้ำ
เจียงหลิงจูที่เหลือบตามองเขา พอได้ยินคำพูดที่เขากล่าวกับเนี่ยเทียนหัวใจก็กระตุกวาบ คล้ายตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงพูดขึ้นมาเสียงดัง “เ้าอย่าได้หวังว่าจะได้ตัวเนี่ยเทียนไป! พันเทา ข้าบอกกับเ้าตรงๆ แล้วกัน สักวันเนี่ยเทียนก็ต้องกลายมาเป็คนของสำนักหลิงอวิ๋น เ้ารีบตัดใจซะเดี๋ยวนี้!”
พันเทาลูบคลำจมูก “สำนักหลิงอวิ๋นของพวกเ้ามีกฎมากมาย ต้องให้ลูกหลานตระกูลในสังกัดฝ่าทะลุหลอมลมปราณเก้าได้ก่อนถึงจะรับขึ้นเขา หอหลิงเป่าของพวกเราไม่ได้ตายตัวแบบนั้น เนี่ยเทียนคือเพื่อนรักของข้า ข้ากับเขาผ่านความเป็ความตายมาด้วยกันหลายครั้ง คราวนี้เมื่อออกไปจากโลกมายามรกต ข้าจะแนะนำให้เขาเข้าไปอยู่ในหอหลิงเป่าให้ได้”
“ฝันไปเถอะ!” เจียงหลิงจูกล่าวอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้
“หึ คอยดูกันต่อไปเถอะ” พันเทาหัวเราะฮ่าๆ
เหลือเวลาอีกไม่กี่วันประตูโลกลึกลับก็จะเปิดออก ตอนนี้อวี๋ถงาเ็สาหัส ลูกศิษย์ของสำนักภูตผีและสำนักโลหิตที่ยังต่อสู้ได้เหลือเพียงสามคนเท่านั้น
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ สำนักภูตผีและสำนักโลหิตไม่ได้สร้างภัยคุกคามใดๆ ให้กับพวกเขาได้อีกแล้ว
พันเทาที่รู้ว่าอย่างไรก็ต้องได้ออกไปจากโลกมายามรกต แน่นอนว่าอารมณ์ย่อมผ่อนคลาย จึงเริ่มครุ่นคิดเื่หลังจากที่ออกไปจากโลกมายามรกตแล้ว
“คอยดูก็คอยดูสิ!” เจียงหลิงจูไม่ยอมอ่อนให้แม้แต่น้อย
หลายวันต่อมา เนี่ยเทียนและผู้ประลองของอีกสามสำนักรวมตัวกันอยู่ที่ประตูของโลกลับตลอดเวลา รอคอยเงียบๆ ให้ประตูเปิดออก
เนื่องจากเวลาใกล้จะมาถึงแล้ว อีกทั้งรอบด้านก็ไม่มีสัตว์วิเศษปรากฏตัว ทุกคนจึงทำได้เพียงทนหิว
ห้าวันต่อมา
ทุกคนที่อาหารไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดี๋ยว แต่ละคนหน้าตาเหลืองตอบ หิวจนหูอื้อตาลาย ในที่สุดก็ััได้ว่าบนกำแพงหินของประตูโลกลับมีคลื่นพลังิญญารุนแรงส่งผ่านมา
“ประตูเปิดแล้ว!” ทุกคนสีหน้าตื่นเต้น
ไม่นานผนังหินเรียบลื่นก็ค่อยๆ เปลี่ยนรูปมาเป็กระจกใสบานหนึ่ง
“ทุกคนเรียงลำดับกันออกไป!”
ภายใต้เสียงะโก้องของอันอิ่ง ทุกคนที่หิวจนแทบจะเดินไม่ไหวก็ทยอยกันมุดลอดประตูลึกลับออกไป
ด้านข้างทะเลสาบกลางบึงน้ำ
อันซืออี๋แห่งหอหลิงเป่า ฝานลี่แห่งสำนักหลิงอวิ๋น ซางปิ่งแห่งหุบเขาเทา และยังมีหญิงชราเวิงแห่งอารามเสวียนอู้ กำลังพูดคุยกันพลางหันมามองน้ำวนในทะเลสาบ
“หากไม่มีอุบัติเหตุอะไร งูเหลือมน้ำแข็งั์นั่นน่าจะถูกหยวนเฟิงฆ่า” ซางปิ่งแห่งหุบเขาเทาเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ พูดกับอันซืออิ่ง “แม่หนูอัน ถึงเวลานั้นหอหลิงเป่าของพวกเ้าอย่าได้ขี้เหนียว โอสถบรรลุ์นั่น จำเป็ต้องมอบให้พวกเราตามกติกาล่ะ”
“เ้ารู้ได้อย่างไรว่างูเหลือมน้ำแข็งั์จะต้องถูกหยวนเฟิงฆ่า?” อันอิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนหว่าน
ซางปิ่งแสยะปาก หัวเราะหึหึ “ไม่ว่าจะเป็อันอิ่งน้องสาวเ้า เจิ้งปิน หรือแม้แต่เจียงหลิงจูก็ไม่มีใครที่เคยมีประสบการณ์แท้จริงมาก่อน แต่หยวนเฟิงกลับผ่านการขัดเกลาอย่างเข้มงวดจากพวกเรา ตอนที่พวกเราต่อสู้กับสำนักโลหิตล้วนพาเขาไปด้วย เขาเคยผ่านพิธีชำระล้างด้วยเืสดมาก่อน การประลองของโลกมายามรกต สำหรับเขาแล้ว เป็เพียงแค่สนามประลองเล็กๆ เท่านั้น”
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นข้าก็อยากจะเห็นนักว่าหยวนเฟิงผู้นั้นจะสามารถตัดหัวของงูเหลือมน้ำแข็งั์มาได้จริงหรือไม่” ลี่ฝานพูดด้วยน้ำเสียงไม่ร้อนไม่หนาว
“ถ้าอย่างนั้นเ้าก็คอยดูเถอะ” ซางปิ่งเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ออกมาแล้ว” หญิงชราเวิงแห่งอารามเสวียนอู้อุทานเบาๆ
คำพูดของนางเพิ่งจะจบลงก็มองเห็นผู้ประลองของอารามเสวียนอู้ที่มีเจิ้งปินเป็ผู้นำทยอยกันโผล่ออกมาจากกลางทะเลสาบ
เื้ัของพวกเขาคือเจียงหลิงจู เนี่ยเสียนสองคน สุดท้ายถึงจะเป็อันอิ่ง พันเทา เนี่ยเทียนและเจิ้งรุ่ย
“ออกมาท้ายสุดมักจะได้รับผลพวงมากที่สุดเสมอ” ซางปิ่งแห่งหุบเขาเทาหัวเราะฮ่าๆ สีหน้าปลื้มปีติ คล้ายรู้สึกว่าวินาทีถัดมา หยวนเฟิงจะต้องถือหัวของงูเหลือมน้ำแข็งั์พุ่งออกมาจากในน้ำวน
น่าเสียดาย เขาหัวเราะอยู่ครู่หนึ่งกลับพบว่าหลังจากที่ทุกคนขึ้นมาอยู่บนฝั่งหมดแล้ว หยวนเฟิงก็ยังไม่โผล่หน้ามา
เขาหยุดเสียงหัวเราะทันที ขมวดคิ้วน้อยๆ กล่าว “หรือว่า พวกหยวนเฟิงไม่ได้มาถึงผนังหินก่อนหน้าที่ประตูโลกลึกลับจะเปิดออก?”
“หยวนเฟิงไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว” เจียงหลิงจูเดินมาหยุดอยู่ข้างกายลี่ฝาน กล่าวว่า “ไม่เพียงแค่หยวนเฟิง ผู้ประลองทุกคนของหุบเขาเทาล้วนไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว”
“เ้าว่าอะไรนะ?!” ซางปิ่งหน้าเปลี่ยนสีทันควัน
-----