ภรรยาจางอู่คิดว่าตนมีบุตรอยู่แค่สามคน หากให้อวิ๋นซีพาบุตรสาวทั้งสองไป เช่นนั้นในวันหน้าข้างกายนางก็จะเหลือเพียงบุตรชายคนเดียวแล้ว? นางนึกอยากจะปฏิเสธ ทว่าอีกฝ่ายก็นับเป็ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตนและบุตรชายไว้ ชั่วขณะนั้นภรรยาจางอู่ไม่รู้จริงๆ ว่าตนควรจะปฏิเสธเช่นไร
อวิ๋นซีเห็นคนมีสีหน้าลำบากใจและสับสนก็อดกล่าวขึ้นเบาๆ ไม่ได้ “ไม่เป็ไร ข้าเองก็รู้ดีว่าเื่นี้คงเป็การบีบบังคับให้ผู้อื่นทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ แต่ข้าจะไม่บังคับพวกเ้าหรอก ก่อนนี้ข้าเพียงแต่เห็นว่าเด็กทั้งสองเฉลียวฉลาดและน่ารักน่าชัง จึงได้มีความคิดเช่นนี้ขึ้นมา”
สายตานางจดจ้องไปที่ภรรยาจางอู่แล้วพูดต่อ “เ้าก็รู้ดี ว่าตัวข้านี้รู้วิชาแพทย์ ทั้งยังคิดอยากจะรับศิษย์สักคนมาโดยตลอด ทว่าการจะหาคนที่เหมาะสมนั้นยากยิ่ง จนกระทั่งเมื่อข้าได้มาเจอกับต้านีเอ๋อร์ ข้ารู้สึกต้องชะตากับเด็กคนนี้จนอยากจะรับนางมาเป็ศิษย์ เดิมทีข้าคิดว่า หากบุตรสาวทั้งสองของเ้ายอมติดตามข้ากลับไปยังหานโจว เมื่อถึงตอนนั้นข้าก็จะให้พวกนางร่วมเรียนหนังสือกับหว่านเอ๋อร์ของข้า และรอจนต้านีเอ๋อร์โตกว่านี้สักหน่อย ข้าก็จะสอนวิชาแพทย์ให้นาง ส่วนเอ้อนีนั้น ข้าจะให้นางติดตามอยู่กับหว่านเอ๋อร์ หากมีอาจารย์ดีๆ คอยสอนสั่ง คนย่อมสามารถร่ำเรียนวิชาดีดพิณ หมากล้อม พู่กันจีน และวาดภาพร่วมกับหว่านเอ๋อร์ได้ สุดท้ายในวันหน้าเมื่อพวกนางเติบใหญ่แล้วก็ย่อมเลือกคู่ชีวิตดีๆ ได้”
“หากพวกนางยังคงอยู่กับพวกเ้าที่นี่ เมื่อโตขึ้น ต่อให้คู่ชีวิตที่ได้แต่งเข้าไปจะดีเพียงใดก็คงไม่ต่างจากบุตรสาวหัวหน้าหมู่บ้านของพวกเ้า แต่งเข้าไปอยู่ในอำเภอ แต่หากพวกนางมาอยู่กับข้า ทุกสิ่งย่อมต่างออกไป พวกเราสามีภรรยามักขึ้นเหนือล่องใต้ คนรู้จักย่อมมีมากมายทุกสารทิศ ดังนั้น คู่หมายที่ให้เลือกได้ก็มีมาก และตัวข้าก็ขอรับรองว่า ในวันหน้าจะไม่มีทางปฏิบัติต่อบุตรสาวเ้าอย่างไม่เป็ธรรมอย่างแน่นอน”
เมื่อภรรยาจางอู่ได้ยิน หากบอกว่าไม่ใจเต้นเลยนั่นก็แปลว่าโกหก เพราะตัวนางเองก็เคยเป็คุณหนูตระกูลร่ำรวย น่าเสียดายที่ทางบ้านตกต่ำจนต้องมาระหกระเหินอยู่ที่นี่โดยไม่มีทางเลือก สุดท้ายก็แต่งให้กับจางอู่
ฮูหยินตรงหน้าผู้นี้ ถึงแม้จะสวมอาภรณ์แลดูเรียบง่าย ทว่าสง่าราศีสูงส่งทั้งร่างนั้นไม่อาจบดบังเอาไว้ได้ ด้วยเหตุนี้ ตระกูลของพวกเขาจะต้องไม่ธรรมดาแน่ หากว่าพวกเด็กๆ สามารถไปอยู่กับฮูหยินได้จริง วันหน้าลูกๆ ก็จะไม่มีทางกินไม่อิ่มห่มไม่อุ่น และที่สำคัญที่สุดก็คือ ไม่แน่ว่าพวกนางอาจได้แต่งเข้าตระกูลดีๆ
อวิ๋นซีเห็นว่าภรรยาจางอู่เริ่มหวั่นไหวเล็กน้อยแล้ว นางจึงพูดต่อ “เื่อื่นข้าคงไม่กล้าให้คำสัญญา ทว่า สิ่งหนึ่งที่ข้าสามารถบอกเ้าได้ก็คือ หากว่าบุตรสาวของเ้ายอมตามข้ากลับไป เมื่อนางโต และคิดอยากจะแต่งงานแล้ว ข้าจักช่วยพวกนางเลือกครอบครัวที่มีฐานะดีสมบูรณ์พร้อม และจะให้ได้แต่งเข้าไปเป็ภรรยาเอก ทั้งยังจะเตรียมสินเดิมของเ้าสาวให้พวกนางไว้จำนวนหนึ่งด้วย”
เมื่อภรรยาจางอู่ได้ยินก็เม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะพูดเสียงเบา “เื่นี้ข้าจำเป็ต้องปรึกษาสามีก่อน หากว่าตัดสินใจได้แล้ว จะให้คนไปแจ้งแก่ท่าน”
อวิ๋นซีพยักหน้าด้วยรู้ดีว่าตนไม่อาจบีบบังคับอีกฝ่ายเกินไปได้ “อีกไม่กี่วันข้างหน้า ข้าและสามีก็จะกลับแล้ว หากพวกเ้าตกลงกันเรียบร้อยก็ให้รีบมาแจ้งแก่ข้า สำหรับตอนนี้ตัวเ้าเองยังต้องอยู่ไฟอยู่ มิควรต้องกังวลสิ่งใด ข้าจะให้เพื่อนบ้านเ้ามาคอยอยู่ดูแล และเมื่อเ้าหายดี เราจะมอบเงินให้พวกเขาจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ เื่อาการาเ็ที่ขาของจางอู่ ไม่ช้าไม่นานก็จะค่อยๆ ดีขึ้นแน่ ส่วนยาที่เขาต้องกินนั้น ข้าจะให้คนที่เรือนของข้าจัดเตรียมให้เขาเป็ครั้งๆ ครั้งหนึ่งสำหรับยาสองสามวัน เพื่อที่เขาจะได้ดื่มตามเวลา ที่ต้องใช้ก็จะได้ใช้แน่ไม่ต้องห่วง”
ระหว่างทางกลับเรือน เพ่ยเอ๋อร์ยิ้มถาม “ฮูหยิน บ่าวคิดว่าเื่เมื่อครู่ต้องเรียกว่าท่านใช้ทั้งพระเดชและพระคุณทีเดียว ไม่ว่าอย่างไรบ่าวก็มั่นใจว่า หากพวกเขายังรู้จักตริตรองอยู่บ้างจักต้องตอบตกลงแน่เ้าค่ะ” การได้อยู่เป็สหายข้างกายคอยติดตามจวิ้นจู่น้อยแห่งจวนอ๋อง วันหน้าเมื่อเติบใหญ่ พระชายาจักต้องช่วยสองพี่น้องเลือกสรรตระกูลดีๆ ให้แต่งเข้าอย่างแน่นอน
นี่เป็เื่ดีๆ ที่คนมากมายวาดหวังอย่างไรก็ยังไม่ได้มา
เมื่อกลับไปถึงที่พำนัก เซียงเอ๋อร์ก็เร่งร้อนมาหา “ฮูหยินเ้าคะ นายท่านให้มาเรียนว่า หากท่านกลับมาถึงแล้วเมื่อใดก็ให้รีบไปที่ห้องหนังสือทันทีเ้าค่ะ ทั้งยังบอกว่าแขกสูงศักดิ์มาถึงแล้ว”
“แขกสูงศักดิ์? ” เมื่ออวิ๋นซีได้ยินคำรายงานนั้นก็เป็ต้องหวนนึกถึงวันก่อนที่เขาบอกว่ามีใครบางคนอยากให้นางได้เจอ แต่เพราะความล่าช้าในการเดินทาง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีโอกาสได้พบเจอกัน หรือว่าคนผู้นั้นจะมาถึงแล้ว
นางพยักหน้า จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังห้องหนังสือ
หลังจากที่เคาะประตูห้องแล้ว นางก็ก้าวเข้าไป และสิ่งแรกที่ได้เห็นก็คือบุรุษในอาภรณ์ชั้นดีสีดำกำลังจดจ้องมาทางนางด้วยใบหน้าแฝงรอยยิ้ม คนทั้งสองประสานสายตากัน เขายิ้มแล้วพูดขึ้น “กำลังคิดจะให้คนไปตามหาเ้าอยู่พอดีเลย มิคาดว่าเ้าจะกลับมาแล้ว”
อวิ๋นซีเดินเข้าไปด้วยท่าทีนิ่งเฉย จากนั้นก็พูดเสียงเบา “ข้าไปเยี่ยมมารดาของเอ้อนีที่หมู่บ้านล่างมาเ้าค่ะ ทั้งยังพูดกับนางเื่ที่จะให้ต้านีเอ๋อร์และเอ้อนีตามเรากลับหานโจวไปแล้วด้วย”
เมื่อนางเดินเข้าไปในห้องหนังสือก็สังเกตเห็นบุรุษผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่ในห้องนี้ด้วย ทว่าคนกลับสวมหมวกปิดบังใบหน้าไว้ ช่างเป็คนที่ประหลาดเสียจริง มาเยือนบ้านคนอื่นแท้ๆ แต่กลับไม่ยอมถอดหมวกออก ไม่มีมารยาทจริงๆ
แต่ว่า ไม่รู้เพราะเหตุใดเมื่อได้มองคนผู้นี้แล้ว นางกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ความคุ้นเคยนั้นแผ่ซ่านขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
จวินเหยียนยิ้มแล้วจึงดึงนางมาอยู่ข้างกาย พูดเสียงเบา “แล้วเป็อย่างไร ตระกูลจางยินดีให้พวกเราพาบุตรสาวของพวกเขากลับไปด้วยหรือไม่? หากว่าคนจะไม่ยินยอมก็ช่างเถอะ เ้าอย่าได้บีบบังคับฝืนใจผู้อื่นเป็เด็ดขาด”
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินแล้วก็อดมองเขาไปทีหนึ่งไม่ได้ “ข้าย่อมไม่บังคับผู้อื่นอยู่แล้ว เพียงแต่บอกภรรยาจางอู่ไปว่า หากเด็กทั้งสองยอมตามพวกเรากลับไป วันหน้าเมื่อพวกนางเติบโตขึ้น ข้าจะหาบุรุษมีตระกูลมีฐานะดีที่สมบูรณ์พร้อมให้พวกนาง ทั้งยังจะเตรียมสินเดิมติดตัวไว้ให้ยามพวกนางแต่งออกไปให้สมเกียรติสมหน้าตา แต่หากพวกเขาไม่ยินดีที่จะมอบเด็กทั้งสองให้ ข้าก็จะไม่บังคับ เพียงแต่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย เพราะหวานหว่านชอบเอ้อนีมาก หากเราสามารถพาคนกลับไปได้ นางก็จะได้ไม่ต้องโดดเดี่ยวอยู่ผู้เดียว ไม่มีแม้แต่เพื่อนเล่นสักคนเหมือนในยามนี้”
“จริงสิ แล้วท่านนี้คือ...? ” อวิ๋นซีไม่อยากให้เขาถามนู่นถามนี่ต่อไปอีกแล้ว ทั้งยังอดหันมองไปทางชายที่สวมหมวกไม่ได้ จากนั้นจึงเอ่ยถาม
จวินเหยียนมองคนที่สวมหมวกผู้นั้นไปทีหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มแล้วถาม “เป็อย่างไร? ยามนี้เ้าวางใจมอบหวานหว่านให้ภรรยาข้าได้แล้วล่ะสิ”
เมื่อบุรุษผู้นั้นได้ยินก็เอาหมวกลง เขาเงยหน้ามองสตรีตรงหน้า คิ้วใบหลิว ตาโต ใบหน้านวลงดงามยิ่งเหมือนน้องสาวตนที่เป็สตรีงามรูปร่างหน้าตาสะอาดหมดจดไม่ผิดเพี้ยน
ทว่า ตอนที่อวิ๋นซีได้เห็นใบหน้าผู้มาเยือน นางก็ถึงกับอึ้งจนผงะถอยหลังไปสองสามก้าว จดจ้องเพียงชายตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ มุมปากนางขยับน้อยๆ จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าที่นี่คือที่ใด และบุรุษข้างกายที่ยืนอยู่นี่เป็ผู้ใด
นางสงบสติอารมณ์แล้วจึงยิ้มถาม “นายท่าน ท่านนี้คือ? ”
จวินเหยียนยิ้มโอบบ่านางแล้วกล่าวตอบ “นี่ก็คือาาบนหลงชวีหยวนผู้นั้นอย่างไรเล่า ชาวบ้านที่หลงชวีหยวนล้วนเรียกขานเขาว่า าาจันทราเงิน”
“าาจันทราเงิน? ” นางเงยหน้ามองไปยังเขา “เหตุใดจึงเรียกว่าาาจันทราเงิน? ”
าาจันทราเงินพูดขึ้นเรียบๆ “เพราะว่า คนบนหลงชวีหยวนศรัทธาบูชาเทพจันทรา และเมืองที่ใหญ่ที่สุดในหลงชวีหยวนก็คือเมืองจันทราเงิน” เสียงพูดเย็นๆ ของเขา ทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ในยามค่ำคืนท่ามกลางหิมะโปรยปรายในฤดูเหมันต์
ขณะเดียวกันนั้นอวิ๋นซีก็ได้แต่ะโเบาๆ ในใจ าาจันทราเงินหรือ? คนตรงหน้านี้ไม่ว่าอย่างไรก็คือพี่รองของนาง เฉียวอวิ๋นชงชัดๆ แต่เหตุใดคนถึงกลายเป็าาจันทราเงินไปได้? ช่างน่าสงสัยเสียจริง แท้จริงแล้วในตอนนั้นเกิดเื่ใดขึ้นกันแน่ ไม่ใช่ว่าคนตระกูลเฉียวทั้งตระกูลถูกสังหารไปหมดแล้วหรือ?
“เหมือนว่าชายาหานอ๋องจะรู้จักข้า? ” เฉียวอวิ๋นชงมองอวิ๋นซีด้วยสายตาเ็า นางมีนามว่าอวิ๋นซี ส่วนน้องสาวเขาก็มีนามว่าเฉียวอวิ๋นซี แม้ชื่อของคนทั้งสองจะเหมือนกัน แต่สตรีผู้นี้จะมีใจเมตตา และดีต่อหวานหว่านด้วยความจริงใจเหมือนดั่งน้องสาวของเขาหรือไม่?
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินดังนั้นก็ให้ยิ้มบางๆ พลางส่ายหน้า “หาได้เป็เช่นนั้น ข้าเพียงแต่รู้สึกสงสัยในตัวาาแห่งหลงชวีหยวนก็เท่านั้น ดังนั้นจึงได้มองอยู่นานสองนาน หากว่าการกระทำนั้นเป็การล่วงเกินท่าน ข้าก็ขออภัยด้วย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้