หลายวันต่อจากนั้น เ่ิูก็เร่งใช้เวลาไปกับการจัดการคฤหาสน์
พอผ่านพ้นวันที่สาม ข่งคงก็ได้รับตำแหน่งตามพระบรมราชโองการของฮ่องเต้ เป็เ้าสำนักกวางขาวคนที่สี่ในประวัติศาสตร์ ในที่สุดก็ได้ออกประกาศทั่วอาณาจักร ก่อความเคลื่อนไหวไม่มากไม่น้อยขึ้นมา แค่นี้ก็บอกได้แล้วว่า อาจารย์หลักข่งคงแห่งชั้นปีหนึ่งคนเดิม ได้กลายเป็หนึ่งในสามัั์ใหญ่ของนครลู่ิเป็ที่เรียบร้อย
สำหรับเหล่าชนชั้นสูงที่มีหูมีตาอยู่ทั่ว แทบจะรู้ข่าวนี้กันั้แ่แรก ความตระหนกจึงผ่อนเบาลงมาก และทุกรอบขอบชิดของเมือง จะมีผู้คนมากมายที่ยังคิดไม่ออก ว่าไฉนอาจารย์หลักของปีหนึ่งถึงได้กลายเป็เ้าสำนักกวางขาว มิใช่คณาจารย์าุโยศถาสูงศักดิ์พวกนั้น
ในเมืองยิ่งมีแต่จะไม่สงบขึ้นทุกทีๆ
ธารความมืดกำลังเคลื่อนตัว
ข่าวนี้คือข่าวดีสำหรับเ่ิูอย่างมิต้องสงสัย
เขาฝากความปลอดภัยของคฤหาสน์ตระกูลเย่ กิจการทุกอย่างของตระกูลให้ข่งคงผู้เป็ใหญ่ระดับหนึ่งในสามของเมืองช่วยดูแล โดยพื้นแล้วเขาไม่เหลือความกังวลใจใด เ่ิูเองก็ยังทำนายไว้ว่าจะหาวิธีกำราบหลิวหยวนชั่งเ้าสำนักสำมะโนประชากับซุนอวี้หู่สองตัวปัญหานี้ให้สิ้น แต่พอมาเห็นเช่นนี้ คงไม่จำเป็แล้วกระมัง
ข่งคงรับคำขอของเ่ิูอย่างยินดี
“ตอนนี้เ้าอย่าขอบอกขอบใจอะไรข้าเลย รอวันหลัง หากสำนักกวางขาวมีเื่ขึ้นมา หวังว่าเ้าในตอนนั้นจะช่วยลงแรงสักครั้งก็พอ” ข่งคงว่าด้วยรอยยิ้ม
เ่ิูให้คำมั่นอย่างขันแข็ง
หากมีวันนั้นขึ้นมาจริงๆ เขาย่อมช่วยสุดฝีมืออยู่แล้ว
เขาคิดถึงอีกอย่างหนึ่งขึ้นมา เ้าแก่ที่ปรากฏกายขึ้นมาตอนที่เขาอยู่ในหอพิจารณ์และหอพักปีสอง อาจารย์ผอมสูงที่ลงไม้ลงมือหนักหน่วง ทุกครั้งมีแต่จะทุบตีเขาจนบวมไปทั้งตัว ทว่ากลับช่วยเหลือเ่ิูให้รวบรวมกายเนื้อได้หมดจดยิ่งขึ้นเสียอีก คนประหลาดนัก ่นี้เ่ิูไม่ได้พบเจอเขาเลย ก่อนจะไปก็ใคร่จะพบหน้าแล้วกล่าวขอบคุณเสียหน่อย
เ่ิูคิดมาแต่เริ่ม ว่าในเมื่อเ้าแก่นั่นเป็อาจารย์ของสำนักกวางขาว ข่งคงก็คงจดจำได้บ้างล่ะน่า
ใครเล่าจะรู้ว่าข่งคงกลับมองภาพโดยละเอียดแล้วส่ายหน้าปิดท้าย “บางทีเ้าอาจจำผิดก็ได้ ข้าจะบอกเ้าเยี่ยงรับผิดชอบยิ่งยวดว่า สำนักกวางขาวไม่มีคนผู้นี้”
“อะไรนะ?” เ่ิูใ “เป็ไปได้อย่างไร?”
ข่งคงตอบ “สองสามวันมานี้เพราะข้าต้องโยกย้ายเื่ต่างๆ ในสำนัก ถึงต้องนั่งอ่านเอกสารรายชื่อคณาจารย์ทั้งหมดในสำนักรอบหนึ่ง ความจำข้าไม่มีทางผิดแผก ในบัญชีรายชื่อไม่มีคนที่เ้าบอกอยู่จริงๆ”
เ่ิูอึ้งค้าง
เื่พรรค์ไหนกันนี่?
อาจารย์ผอมสูงคนนั้นสวมเครื่องแบบอาจารย์ของสำนัก เข้าหอพิจารณ์ที่การป้องกันเข้มงวดกวดขันยิ่งนักได้ดั่งใจอยาก แต่ดันไม่ใช่คนของสำนักกวางขาวงงั้นหรือ?
นี่มันเกินกว่าคำว่าแปลกอีกเถอะ
“ข้าจะตรวจสอบเื่นี้อย่างละเอียด” ข่งคงเองก็คิดว่าเื่นี้ร้ายแรงเช่นกัน ในสำนักมีบุคคลประหลาดผู้นี้หลบซ่อนอยู่แท้ๆ แต่เขากลับไม่รับรู้มาก่อน
บนทางกลับคฤหาสน์ตระกูลเย่ เ่ิูคำนวณเวลา ได้ความว่าวันพรุ่งนี้จะเป็วันที่คนหงส์ฟ้ากลับถิ่น นึกถึงสัญญาที่ตนรับปากไว้กับสวี่เกอขึ้นมาได้ ไม่ว่าตัวเขาจะตัดสินใจเช่นไร ก็ต้องไปส่งข่าวอยู่ดี อย่างน้อยก็เป็มารยาทเล็กๆ น้อยๆ ล่ะนะ
สถานที่พักค้างแรมชั่วคราวของหงส์ฟ้าก็คือด้านข้างสำนักกวางขาวนั่นเอง
ตอนเ่ิูเดินมาถึงหน้าทวารใหญ่ ก็เผอิญพบกับสวี่เกอที่เดินออกมาพอดี
“เอ๋? ศิษย์พี่เย่ท่านมาแล้ว เยี่ยมจริง ข้ากำลังจะไปตามท่านอยู่เลย” สวี่เกอมองเ่ิู สีหน้าล่องลอยด้วยความอายที่บอกไม่ถูก เขาทักทายในทันที
“ศิษย์น้องสวี่ ข้าเองก็มาหาเ้า” เ่ิูเห็นประจวบเหมาะ ไม่จำเป็ต้องไปตามหาให้ยุ่ง เขาบอกการตัดสินใจของตัวเองให้สวี่เกอฟัง
ใบหน้าสวี่เกอนั้นเผยแววผิดหวัง “ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน ข้ายังคิดว่าหลังจากนี้จะได้ดื่มสุราเสวนาวิทยายุทธ์กับท่านเสียอีก” เมื่อเห็นเ่ิูสู้ในสมรภูมิหุบเขาปัดป้อง สวี่เกอก็ยกย่องเขาอย่างแท้จริง “ทว่าในเมื่อศิษย์พี่เย่ตัดสินใจดีแล้ว เช่นนั้นพวกข้าก็จะไม่บีบบังคับ คงได้แต่หวังให้มีวาสนาพบพานกันอีกครั้ง”
เ่ิูยิ้มเป็เชิงขอบคุณ
สวี่เกอถามไถ่อีกว่า “เช่นนั้นศิษย์พี่เย่ท่านจะอยู่ที่สำนักกวางขาวต่อหรือ?”
“มิใช่ ข้าตัดสินใจจะไปตามหมายเกณฑ์พลของอาณาจักร สู่ด่านโยวเยี่ยน” เ่ิูไม่ปิดบังอะไรเพราะเื่นี้ไม่ช้าเร็วก็ต้องถ่ายทอดเป็หมายทหารของทางการอยู่ดี แค่มีใจอยากรู้ก็รู้ข่าวได้อยู่แล้ว ดังนั้นการปิดบังจึงไร้ประโยชน์สิ้นดี
“สมัครเป็ทหารหรือ?” สวี่เกอใ ท่าทางแสดงออกชัดแจ้งว่าเขาไม่นึกเลยจริงๆ ว่าเ่ิูจะเลือกทางสายนี้
เทียบกับบรรยากาศปลอดภัย สงบสุขเช่นสำนักแล้ว กองทัพนั้นรุนแรงยิ่งกว่า กฎของกองทัพเข้มงวดกวดขัน หนำซ้ำด่านโยวเยี่ยนยังเป็พื้นที่อันตรายที่เข่นฆ่ากันมาบ่อยครั้ง ทัพมนุษย์กับทัพปีศาจชอบโรมรันอยู่เป็นิจ พลังอำนาจทุกชนิดสลับกันไปมา คนตายเป็ใบไม้ร่วง เกือบจะทุกวินาทีก็มีผู้แข็งแกร่งสาบสูญไป ณ ที่แห่งนั้นเสียแล้ว...สวี่เกอเอ่ยกับตัวเอง แม้ตัวเขาจะมองตนสูงส่ง แต่ก็ไร้ความกล้ามากพอจะไปในที่แบบนั้น
“อื้ม บางทีทหารอาจเหมาะกับข้ามากกว่า” เ่ิูยิ้ม เขาขอบคุณอีกครั้งแล้วหันหลังกล่าวลา
สวี่เกอยืนอยู่หน้าประตู มองส่งเ่ิูจนเขาหายไปในหมู่คน ในใจมีสิ่งที่ยากจะอธิบายเป็คำพูด
เขาส่ายหน้าแล้วเตรียมจะเดินกลับ แต่พอหันกลับดันชนเข้ากับร่างที่อยู่ด้านหลัง
“ท่านอาจารย์เฉิน?” สวี่เกอเห็นเข้าก็รีบทำความเคารพ
คนที่ถูกเรียกว่าอาจารย์เฉินนั้นท่าทางน่าจะอายุสักหกสิบกว่าๆ ผมขาวดอกเลา ผูกผมยาวไว้ด้วยเชือกสีทอง คิ้วคมเหมือนดาบ ดวงตาเรียวเฉียง ร่างกายกำยำ มีรังสีความดุร้ายและหนาวะเือันไร้รูปร่างแผ่ออกมา เหมือนดาบยาวคมกริบแผดแสนยา มีพลานุภาพมากมายนัก เป็ผู้รับหน้าที่สูงสุดของคณะทูตจากสำนักหงส์ฟ้า
เขามองที่ๆ เ่ิูจากไปแล้วเหมือนนึกอะไรออก
ผ่านไปครู่หนึ่ง
“เขาปฏิเสธหรือ?” อาจารย์เฉินถาม
สวี่เกอพยักหน้าตอบ
เขารู้แน่แล้วว่าคนที่อาจารย์เฉินพูดนั้นหมายถึงผู้ใด
อาจารย์เฉินเหยียดยิ้ม “น่าเสียดาย น่าเสียดายอัจฉริยะฟ้าประทาน”
...
...
วันถัดมาอีกหลายวัน เ่ิูก็กำหนดจิตฝึกฝนต่อที่คฤหาสน์
ในระหว่างนี้เองที่เขาแข็งพลังอีกครั้งสำเร็จ จนปลูกเมล็ดอัคคีปราณเมล็ดที่สี่ได้ รอเพียงเวลาตกตะกอนเอาพลังปราณใต้หล้ามาเท่านั้น รอพลังในกายเพิ่มพูนจนแน่นอนก็สามารถบุกเบิกน้ำพุตาใหม่อย่างที่้า อาณาน้ำพุิญญาตาที่สี่อยู่อีกมิไกล
เพียงแต่คนที่มารุมล้อมคฤหาสน์ นับวันจะมีแต่มากขึ้น
เด็กหนุ่มที่เป็หัวโจกไม่รู้เอาความกล้าจากที่ไหนมา ถึงได้กล้าโอบล้อมทั้งคฤหาสน์ชนิดน้ำรั่วไม่ออก
กองตรวจตราของกรมสอดแนมแห่งทิศอุดรมาขับไปก็หลายรอบ แต่ก็ไร้ผล พอกระจายไปก็กลับมารวมใหม่ เป็อยู่อย่างนั้นเรื่อยไป จากที่เ่ิูประมาณเอาด้วยสายตา น่าจะมีประมาณสามสี่ร้อยคน ล้วนเป็พวกกระทาขี้คร้านหาเื่สนุกแก้เบื่อ ไล่ไปยันขอทานสวมเสื้อผ้าปะชุนนับไม่ถ้วน เมื่อถึงหน้าหนาว ความเย็นเพิ่มเติมความหิวโหย พาให้คนมากมายต้องเผชิญหน้ากับอันตราย ยอมมาเสี่ยงภัย ยืนประท้วงรอบคฤหาสน์ในเขตชนชั้นสูง เื่ที่ปกติน้อยคนจะกล้าทำ แต่เมื่อเหมันต์มาเยือน คนไม่กลัวตายกลับมีมากเหลือเกิน
เ่ิูนึกอยากฆ่าขึ้นมาหลายครั้ง
ทว่าเมื่อมองใบหน้าหิวโหยและทนทุกข์จากความหนาว มากจนใบหน้าชาดิกอย่างไร้ปรานี แล้วยังพวกขอทานที่้าอาหารไปจุนเจือคนในครอบครัวตัวเองอีก ต่อให้เป็หทัยของเทพสังหารซิวลัวยังทำแข็งในคราวนี้ไม่ได้เลย
แค่กลุ่มคนน่าสงสารที่ถูกชีวิตบีบบังคับให้ทำเท่านั้นปะไร
เ่ิูระงับอารมณ์ไว้ชั่วคราว
ฉินหลันและคนรับใช้ในคฤหาสน์อื่นๆ กลัวและหวาดหวั่นนัก
หลายวันคืนมานี้ มีคนมากมายโยนศพหมาศพแมวเข้ามา รุนแรงจนเด็กผู้หญิงร้องไห้จ้า
องครักษ์พิทักษ์คฤหาสน์ก็มีแค่ห้าหกคนเท่านั้น ต่อให้ไม่นอนทั้งคืนก็เอาไม่อยู่
จากนั้นเมื่อเ่ิูกำชับไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเื่พวกนี้ ให้เก็บพวกของตายแล้วที่โยนเข้ามาไปรวมกันเผาทิ้งให้หมด
ทว่าพอเป็เช่นนั้นติดต่อกันนานเข้า คนในบ้านก็ชักโมโห กลั้นลมหายใจกันอึกอัก หากมิใช่เพราะเ่ิูห้ามไว้ คงต้องมีวิ่งแจ้นออกไปสุดตัวแน่ๆ
ผ่านไปอีกหลายวัน
ข่งคงส่งคนมาหาเ่ิู แจ้งเื่เกี่ยวกับด่านโยวเยี่ยนว่าใกล้ได้เื่แล้ว ทว่าเพราะเ่ิูเป็ผู้สืบทอดตราทองเหลืองแห่งวีรบุรุษ จึงมีขั้นตอนพิเศษจากคนอื่น ช้าไปสักเล็กน้อย น่ากลัวว่าจะไวไม่เท่าทหารที่เข้าเกณฑ์ชุดแรก ให้เ่ิูรออย่างใจเย็นเสียหน่อย
เ่ิูเองก็มิได้รีบร้อนอะไร
เขาใช้เวลาทุกวินาทีที่คฤหาสน์ไปกับการฝึกฝน ดูดเอาพลังปราณใต้หล้าเพื่อเตรียมการบุกเบิกน้ำพุิญญาตาที่สี่
ผ่านไปอีกสองวัน
เมืองลู่ิมีหิมะโปรยหนักอีกครา
คฤหาสน์ตระกูลเย่ยังคงมีหมู่ชนล้อมรอบอย่างกับคลื่น ความอลหม่านนี้เกิดติดต่อกันยาวนานเพียงนี้ มากพอจะทำให้ทหารกองลาดตระเวณของกรมสอดแนมเลิกจะยุ่งเกี่ยว ในทางกลับกันเพราะรีบมาก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะคนดันเหมือนแมลงวัน ขับไล่ไปได้ทีหนึ่งจากนั้นก็รวมฝูงกันใหม่อีก
เที่ยงคืนตรง
เ่ิูหลับตา เขานั่งเหยียดขาอยู่ในสวนปณิธาน กล้ามเนื้องามสมส่วนบนร่างกายมีความร้อนแผ่ออกมาดั่งเจดีย์หยกองค์หนึ่ง มีกลิ่นอายไร้รูปร่างพันพัวทั่วห้อง
เมฆดำบนท้องฟ้าคล้อยต่ำลงมาอีก
ใต้หล้าเงียบสงัดและแสนทมิฬ
เมื่อจบการกำหนดลมหายใจแล้ว เ่ิูจึงค่อยลืมตาขึ้นมา
รู้สึกถึงพลังที่เพิ่มพูนอยู่ในร่าง เ่ิูพลันเผยแววพึงพอใจบนใบหน้า
วิชาลมหายใจไร้ชื่อที่บิดาถ่ายทอดไว้ให้ ให้ความชุ่มชื้นแก่กำลังภายในเป็ผลดียิ่งกว่าใดทั้งหมด ลึกซึ้งยิ่งกว่าวิชาหทัยปราณที่สำนักกวางขาวสอนไม่รู้กี่เท่า เ่ิูพากเพียรฝึกทุกวัน ปราณเติบโตเร็วยิ่ง ดูจากแนวโน้มเช่นนี้แล้ว ในยี่สิบวันคงบุกเบิกน้ำพุตาที่สี่ได้แน่
เขาถอนหายใจเอาอากาศเสียออกมายาวๆ
ภายนอกก็มีเสียงเอะอะดังเข้ามาอีกครา
เ่ิูมองหางตาเป็ประกาย
“ใกล้ได้เวลา ถึงทีต้องดูแลพวกตัวตลกนี่แล้วสินะ”
เขาเดินกลับเข้าห้อง เปลี่ยนอาภรณ์ใหม่ สวมหน้ากากปีศาจทองแดงอันเก่าแก่ เดินเข้าคฤหาสน์เย่มาอย่างไร้สัญญาณเตือน ดั่งกลุ่มควันลอยล่อง ก่อนห่างหายไปตามรัตติกาล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้