ตอนที่ 5 ความหวังที่ริบหรี่ ณ ปลายขอบฟ้า
ชัยชนะเหนือโจรป่าถ้ำดำได้มอบความมั่นใจอันเปราะบางให้กับคณะอพยพ พวกเขาเดินทางต่อด้วยความระมัดระวังที่เพิ่มขึ้นเป็สองเท่า บทเรียนจากคมดาบทำให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะจัดเวรยามและสังเกตสิ่งรอบตัวอย่างถี่ถ้วนยิ่งขึ้น ทว่าศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ กลับไม่ใช่โจรป่าหรือสัตว์ร้าย... แต่มันคือความโหดร้ายของธรรมชาติที่คืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบและไร้ความปรานี
สามวันต่อมา... ภาพทิวทัศน์ได้แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ท้องทุ่งที่เคยพอมีสีเขียวแซมบ้างทางตอนเหนือ บัดนี้กลับกลายเป็เพียงผืนดินสีน้ำตาลที่แตกระแหงเป็ลายสุดลูกหูลูกตา ดวงอาทิตย์แผดเผาอย่างไม่ปรานีราวกับ้าจะสูบทุกหยาดหยดของชีวิตให้เหือดแห้งไป ลำธารสายเล็กๆ ที่เคยเป็แหล่งน้ำหล่อเลี้ยง บัดนี้เหลือเพียงร่องรอยของก้นลำธารที่แห้งขอดจนดินจับตัวเป็ก้อนแข็ง
เสบียงที่หามาได้อย่างยากลำบากเริ่มร่อยหรอกจนน่าใจหาย เสียงหัวเราะของเด็กๆ เงียบหายไป ถูกแทนที่ด้วยเสียงร้องไห้งอแงจากความหิวโหย บรรดาผู้ใหญ่ได้แต่กลืนน้ำลายที่ขมปร่าลงคอ พยายามแบ่งปันอาหารคำสุดท้ายให้กับลูกหลานของตนเอง แสงสว่างในดวงตาของผู้คนที่เคยเปี่ยมด้วยความหวังจากการรอดชีวิต เริ่มเลือนรางและมืดหม่นลงทุกขณะ
ณ มุมหนึ่งของค่ายพักชั่วคราว ร่างของหลี่เสี่ยวเป่านอนซมอยู่บนผ้าผืนเก่า ร่างกายเล็กๆ ของเขาร้อนจัดราวกับก้อนถ่าน ปากแห้งแตกจนมีเืซิบ ลมหายใจหอบกระเส่าและมีเสียงไอค่อกแค่กดังขึ้นเป็ระยะ
“เสี่ยวเป่า... อดทนหน่อยนะลูกแม่...” เสียงของแม่ซูซูแหบพร่าและสั่นเครือ นางใช้เศษผ้าที่ชุบน้ำหยดสุดท้ายที่เหลืออยู่ในถุงหนัง เช็ดหน้าผากและลำตัวของบุตรชายอย่างแ่เบา แต่ความร้อนก็ไม่ลดลงเลย น้ำตาของนางไหลออกมาอย่างเงียบๆ ด้วยความเ็ปและสิ้นหวัง
หลี่ซานคุกเข่าลงข้างๆ จับมือน้อยๆ ที่อ่อนปวกเปียกของน้องชายไว้ หัวใจของนางบีบรัดราวกับถูกคีมเหล็กทุบตี ตลอดสามวันที่ผ่านมา นางใช้พู่กันหยกออกตามหาพืชพันธุ์ที่พอจะกินได้แทบจะพลิกแผ่นดิน แต่สิ่งที่พบก็มีเพียงรากไม้แข็งๆ และหัวเผือกเล็กๆ ที่ไม่สามารถหล่อเลี้ยงชีวิตคนทั้งคณะได้เลย พลังของพู่กันยังคงเรืองแสงยามที่นางจับมัน แต่มันทำได้เพียงชี้ไปยังพืชหายากไม่กี่ชนิดที่ซ่อนตัวอยู่ในดินแดนอันแร้นแค้นแห่งนี้
“ท่านพ่อ... เราต้องหาอะไรให้เสี่ยวเป่ากินด่วนเลยนะเ้าคะ ไม่อย่างนั้นเขาจะทนไม่ไหว” หลี่ซานหันไปพูดกับพ่อหลี่ต้าเกอที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างๆ
หลี่ต้าเกอเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาซูบตอบและซีดเซียวจนน่ากลัว ชายผู้เคยยืนหยัดต่อสู้กับโจรป่าอย่างห้าวหาญ บัดนี้กลับมีแววตาที่ว่างเปล่าและยอมจำนน “แต่เราจะไปหาอะไรได้อีกเล่าซานเอ๋อร์...” เสียงของเขาแ่เบาราวกับกระซิบ “ไม่มีอะไรเหลือแล้ว... ไม่มีอะไรเลยจริงๆ” พลังใจที่เคยมีดูเหมือนจะมอดไหม้ไปพร้อมกับผืนดินที่อยู่รอบตัว
บรรยากาศแห่งความสิ้นหวังเข้าปกคลุมครอบครัวของนางอย่างหนักอึ้ง มันหนักหนายิ่งกว่าการเผชิญหน้ากับโจรป่าเสียอีก เพราะนี่คือศัตรูที่มองไม่เห็นและไม่อาจต่อกรได้
ทันใดนั้นเอง... ขณะที่ความเงียบอันน่าหดหู่กำลังกัดกินทุกคน เสียงหวีดหวิวของสายลมก็พัดผ่านมาปะทะ กลิ่นหนึ่งที่แปลกประหลาดได้ลอยมาตามลม... กลิ่นคาวเืจางๆ!
หลี่ซานเงยหน้าขึ้นพรึ่บ! สัญชาตญาณเอาตัวรอดจากโลกเก่าของนางทำงานทันที ดวงตาเรียวคมกวาดมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว และในวินาทีเดียวกันนั้นเอง พู่กันหยกในอกเสื้อของนางก็พลันเรืองแสงเข้มขึ้นอย่างผิดปกติ! แสงนั้นสว่างกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา มันไม่ได้แค่บอกสรรพคุณพืชอีกต่อไป แต่ตอนนี้มันกำลังฉายภาพโฮโลแกรมจางๆ ในจิตสำนึกของนาง... เป็ภาพของสัตว์ป่าตัวหนึ่งที่นอนแน่นิ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก!
นั่นมัน... กระต่ายป่า! ร่างอ้วนพีที่น่าจะหนักไม่ต่ำกว่าสามชั่ง!
มันนอนแน่นิ่งอยู่ข้างพุ่มไม้แห้งๆ ห่างออกไปทางทิศตะวันออกประมาณห้าสิบก้าว ดูเหมือนมันจะเพิ่งตายได้ไม่นาน!
“ท่านพ่อ!” หลี่ซานะโสุดเสียง ความตื่นเต้นและความหวังะเิขึ้นมาในใจอย่างรุนแรง “ทางนั้นเ้าค่ะ! มีกระต่ายป่า!” นางชี้มือไปยังพุ่มไม้ที่เห็นในภาพนิมิต
เสียงของนางเปรียบเสมือนสายฟ้าที่ฟาดลงกลางความเงียบงัน หลี่ต้าเกอและชาวบ้านคนอื่นๆ ที่ได้ยินต่างพากันหันขวับไปมองตามทิศที่นางชี้ ดวงตาที่เคยมืดหม่นของพวกเขาเป็ประกายวาบขึ้นมาด้วยความหวังอันริบหรี่อีกครั้ง
“จริงหรือซานเอ๋อร์! กระต่ายจริงๆ หรือ!” หลี่ต้าเกอถามเสียงสั่น ลุกพรวดขึ้นยืนทันที
“ไปดูกันเถอะ! เร็วเข้า!” ชายอีกคนร้องขึ้น แล้วทุกคนที่พอจะมีเรี่ยวแรงก็พากันวิ่งตรงไปยังทิศนั้นทันที
เมื่อไปถึง พวกเขาก็พบกระต่ายป่าตัวอ้วนพีอย่างที่หลี่ซานบอกจริงๆ มันนอนแน่นิ่งสนิทราวกับหลับใหล เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังขึ้นเบาๆ
“์ยังไม่ทอดทิ้งพวกเรา!”
“คืนนี้พวกเด็กๆ จะได้กินเนื้อแล้ว!”
พ่อหลี่ต้าเกอตรงเข้าไปหมายจะคว้าซากกระต่ายขึ้นมาด้วยความดีใจ แต่หลี่ซานที่ตามมาติดๆ กลับร้องห้ามไว้สุดเสียง
“อย่าเพิ่งจับเ้าค่ะพ่อ! หยุดก่อน!”
ทุกคนชะงักงัน หันมามองนางด้วยความสงสัย หลี่ซานรีบเข้าไปใกล้ซากกระต่าย มือข้างหนึ่งกำพู่กันหยกไว้แน่น แล้วเพ่งสมาธิไปที่ร่างของมัน
‘สแกนรายละเอียด!’
ภาพโครงสร้างภายในของกระต่ายปรากฏขึ้นในหัวนางทันที และนางก็เห็นมัน... เส้นสายสีดำทมิฬที่วิ่งพล่านอยู่ในกระแสเืของมัน พิษร้ายที่กระจายตัวไปทั่วทุกอณูของเนื้อหนัง นางมองไปที่ลำคอของกระต่าย ก็เห็นรอยเขี้ยวเล็กๆ สองรอยซ่อนอยู่ใต้ขนหนาๆ
นางเข้าใจทุกอย่างในทันที!
“กินไม่ได้เ้าค่ะ!” หลี่ซานรีบเตือนทุกคนด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดและจริงจัง “มันถูกงูพิษกัดตาย! พิษกระจายไปทั่วร่างแล้ว ถ้าพวกเรากินเข้าไป... เราจะตายกันทั้งคณะ!”
คำพูดของนางเปรียบดังน้ำเย็นจัดที่สาดลงบนกองไฟแห่งความหวัง ความดีใจที่เพิ่งจะก่อตัวขึ้นเมื่อครู่... ดับวูบลงในบัดดล
ความผิดหวังฉายชัดขึ้นในแววตาของทุกคนยิ่งกว่าเก่า บางคนถึงกับทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง ความหวังที่ถูกจุดขึ้นแล้วดับไปนั้น มันทรมานยิ่งกว่าการไม่มีความหวังเสียอีก
“โธ่เอ๊ย... แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี... แล้วเราจะทำอย่างไร...” แม่ซูซูร้องไห้ออกมาอย่างหมดสิ้นหนทาง นางมองกลับไปยังร่างของเสี่ยวเป่าที่นอนรอความตายอยู่ไกลๆ หัวใจของนางแตกสลายเป็เสี่ยงๆ
หลี่ซานกัดริมฝีปากล่างของตัวเองแน่นจนห้อเื นางจ้องเขม็งไปที่ซากกระต่ายที่ไร้ประโยชน์เบื้องหน้า ความรู้สึกอับจนหนทางถาโถมเข้าใส่นางอย่างรุนแรง แต่แล้ว... ในขณะที่นางกำลังจะยอมแพ้ พู่กันหยกในมือก็พลันเรืองแสงระยิบระยับขึ้นมาอีกครั้ง
มันไม่ได้บอกเพียงว่ากินไม่ได้... แต่มันกำลังเชื่อมโยงข้อมูล!
กระต่ายตายเพราะงูพิษ... งูพิษมักจะอาศัยอยู่ใกล้กับแหล่งที่มีเหยื่อ... และที่ที่ปลอดภัย... เช่น โพรงไม้หรือใต้โคนไม้เก่าแก่... และที่ที่มีความชื้นใต้โคนไม้... มักจะมีเห็ดบางชนิดขึ้นอยู่!
ภาพในจิตสำนึกของนางเปลี่ยนไป มันฉายภาพของเห็ดชนิดหนึ่ง ที่ขึ้นอยู่ใต้โคนของต้นหลิวเก่าแก่ที่อยู่ถัดจากจุดที่กระต่ายตายนั่นไปไม่ไกล!
‘เห็ดหอมป่า’ ข้อมูลพรั่งพรูเข้ามา: มีสรรพคุณบำรุงกำลัง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการอ่อนเพลีย และมีฤทธิ์ต้านพิษอ่อนๆ ได้!
ยังไม่หมดแค่นั้น! ภาพของเปลือกต้นหลิวก็ถูกเน้นขึ้นมา: ‘เปลือกต้นหลิว’ สรรพคุณ ลดไข้ บรรเทาอาการปวด ต้านการอักเสบ!
“เจอแล้ว!” หลี่ซานร้องออกมาอย่างลืมตัว “ทางนั้น! ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น!” นางะโบอกทุกคนอย่างตื่นเต้นสุดขีด “มีเห็ดที่กินได้และเปลือกไม้ที่ใช้ลดไข้ได้เ้าค่ะ! เร็วเข้า!”
นางไม่รอให้ใครได้ถามต่อ วิ่งตรงไปยังต้นหลิวต้นนั้นทันทีด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
พ่อหลี่ต้าเกอและชาวบ้านคนอื่นๆ ที่เห็นแววตาอันมุ่งมั่นและเปี่ยมด้วยความหวังของนางอีกครั้ง ก็รีบพากันวิ่งตามไป แม้ในใจจะยังคงเคลือบแคลงสงสัย
เมื่อพวกเขาไปถึง ก็ได้เห็นดอกเห็ดหอมป่าสีน้ำตาลเข้มดอกใหญ่หลายดอกผุดขึ้นมาจากขอนไม้ผุๆ ที่อยู่ใต้ร่มเงาของต้นหลิวจริงๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของมันช่างยั่วยวนใจเหลือเกิน
หลี่ซานไม่รอช้า นางรีบเก็บเห็ดเ่าั้อย่างระมัดระวัง พร้อมกับใช้มีดเล็กๆ ที่พกติดตัวลอกเปลือกของต้นหลิวส่วนที่ยังอ่อนอยู่มาหนึ่งกำมือ
“กลับไปที่ค่ายเร็วเข้า!”
นางสั่งการอย่างรวดเร็ว ทุกคนรีบกลับไปที่พักพร้อมกับ "สมบัติ" ที่เพิ่งค้นพบ หลี่ซานใช้ความรู้ที่ได้รับจากพู่กันหยก ผสานกับความรู้ทางเภสัชกรรมจากโลกเก่า จัดการปรุงยาสมุนไพรและอาหารประทังชีวิตอย่างเร่งด่วนที่สุด
นางแบ่งเห็ดส่วนหนึ่งมาต้มกับน้ำที่เหลืออยู่น้อยนิดจนกลายเป็น้ำซุปใสๆ แต่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั่วค่ายที่เงียบเหงา แล้วแจกจ่ายให้ทุกคนได้ดื่มเพื่อบรรเทาความหิวโหยและบำรุงร่างกาย ส่วนเปลือกไม้นั้น นางนำมาต้มในหม้อเล็กๆ เคี่ยวจนได้น้ำสีชาเข้มสำหรับลดไข้ให้หลี่เสี่ยวเป่าโดยเฉพาะ
แม้จะเป็เพียงน้ำซุปเห็ดไม่กี่อึกและน้ำสมุนไพรขมๆ แต่สำหรับผู้คนที่อดอยากและป่วยไข้มาหลายวัน มันกลับเป็ดั่งโอสถทิพย์จาก์ ความอบอุ่นจากน้ำซุปแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายที่อ่อนล้า ขับไล่ความหนาวเย็นและความสิ้นหวังออกไปทีละน้อย
ไม่นานนัก หลังจากที่หลี่เสี่ยวเป่าได้ดื่มน้ำต้มเปลือกไม้หลิวเข้าไป อาการไข้ที่ร้อนจัดก็เริ่มทุเลาลง เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามไรผม เขาหลับไปอย่างสงบเป็ครั้งแรกในรอบหลายวัน ใบหน้าที่เคยซีดเซียวเริ่มปรากฏสีเืฝาดจางๆ ขึ้นมาให้เห็น
“เขา... ไข้ลดแล้ว... เสี่ยวเป่าไข้ลดแล้วจริงๆ...” แม่ซูซูพึมพำเสียงเครือ น้ำตาแห่งความโล่งใจไหลอาบแก้ม นางหันมากุมมือบุตรสาวไว้แน่น “เ้าช่วยชีวิตน้องไว้จริงๆ ซานเอ๋อร์... เ้าช่วยชีวิตเขาไว้...”
“และเ้าก็ช่วยชีวิตพวกเราทุกคนไว้อีกครั้ง...” พ่อหลี่ต้าเกอพูดเสริม เขามองบุตรสาวด้วยสายตาที่ซับซ้อน... เปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจ ความทึ่ง และความยำเกรงที่ยากจะอธิบายเป็คำพูดได้
ค่ำคืนนั้น แม้ท้องจะยังคงหิว แต่หัวใจของทุกคนกลับเต็มอิ่มไปด้วยความหวังที่ถูกจุดขึ้นใหม่อีกครั้ง พวกเขารู้ว่าการเดินทางที่เหลืออยู่ยังคงยากลำบาก แต่ด้วยความสามารถอันน่าอัศจรรย์ของหลี่ซาน พวกเขาก็ยังคงพร้อมที่จะมุ่งหน้าต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ
พวกเขาไม่รู้เลยว่า... ณ ปลายขอบฟ้าที่กำลังจะเดินทางไปถึงนั้น มีหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งรออยู่... หมู่บ้านที่จะนำพาหลี่ซานไปพบกับบุคคลสำคัญ และบททดสอบครั้งใหม่ ที่จะเปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิตของนางไปตลอดกาล...