กลางดึกฉินโจ้วถูกปลุกให้ตื่นเพราะปวดฉี่ก่อนจะเปิดประตูออกมาจากห้อง เขาก็พบเข้ากับเหตุการณ์ที่ทำให้ใจนเหงื่อเย็นเยียบไหลออกมาและถึงกับทำให้เขาลืมอาการปวดก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
เวลานี้น่าจะตี3 หรือไม่ก็ตี 4 ใน่เช้ามืดของวันใหม่มันเป็่เวลาที่ค่อนข้างมืดที่สุดของวัน เนื่องจากที่นี่เป็โรงแรมขนาดใหญ่จึงมีม่านที่เก็บแสงได้ค่อนข้างดีมีเพียงแค่แสงไฟจากริมถนนและป้ายนีออนที่ส่องแสงเข้ามาได้บ้าง ทำให้พอมองเห็นภายในห้องได้บ้าง
ร่างเล็กๆกำลังถือมีดปอกผลไม้ มีผลไม้วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ดูท่าทางจริงจัง ดูเหมือนกำลังพิถีพิถันมองดูคล้ายกับกำลังแกะสลักดอกไม้
เงาสีดำเงาหนึ่งมีแสงส่องประกายสีขาวเรื่อๆออกมาให้เห็นเป็มีดปอกผลไม้ ทำให้คิดรวมๆ ได้ว่าอาจกำลังจะเกิดสิ่งที่ไม่ดี ขึ้นได้ในสถานการณ์เช่นนี้ทำให้รู้สึกกลัวขึ้นมา
ฉินโจ้วสะบัดศีรษะของเขาเพื่อไล่ความมึนงงดวงตาเพ่งมองไปที่เงาทะมึนนั้น เขาพยายามเรียกคืนสติของเขากลับมา ในใจรู้สึกงุนงงว่ามืดออกขนาดนี้ ทำไมถึงไม่เปิดไฟ คิดอะไรอยู่? หรือว่ายังกินไม่อิ่มเลยมาหาของกินตอนดึกๆ
เขาเดินเข้าไปอย่างเงียบเชียบวางแผนเอาไว้อย่างดี ดูว่าคนคนนี้คิดจะทำอะไร ในขณะที่เงาร่างนั้นอยู่บนทางเดินในใจก็คิดจะส่งเสียงออกไป จู่ๆ เสียงฝีเท้าก็หยุดลงกะทันหันเวลานี้เขากลัวจนเกือบจะฉี่รดกางเกงเสียแล้ว
เงาร่างที่ว่านั้นกลับกลายเป็หวังเสี่ยวหยานที่สวมชุดนอนอยู่มีผู้หญิงเพียงแค่สองคนที่อยู่ในห้องนี้ ถ้าไม่ใช่หลี่เฟยก็ต้องเป็หวังเสี่ยวหยานไม่น่าแปลกใจเลย แต่ที่ฉินโจ้วประหลาดใจก็เพราะ หวังเสี่ยวหยานนั้นกำลังหลับตาอยู่
ใบหน้าของหวังเสี่ยวหยานนั้นดูจริงจังมีดปอกผลไม้อยู่ห่างจากโต๊ะเพียงไม่กี่เิเดูเหมือนกำลังทำการทดลองบางอย่างที่สำคัญมาก ดูค่อนข้างจริงจังดูคล้ายกับหมอที่อยู่ในห้องผ่าตัด
ใช่แล้ว! หมอ...นี่เอง!
เมื่อนึกถึงหมอขึ้นมาขนของฉินโจ้วถึงกับลุกซู่ ท่าทางแบบนี้ของหวังเสี่ยวหยานไม่ใช่ว่าเป็หมอผ่าตัดคนไข้ในห้องฉุกเฉินหรอกหรือ?
หากอยู่ภายใต้แสงไฟโดยปราศจากเงาและถ้าหวังเสี่ยวหยานลืมตาของเธอขึ้น ฉินโจ้วแน่ใจได้เลยว่านี่จะเป็สิ่งที่สวยงามมากที่สุดไม่ว่าจะเป็ผู้ชายหรือผู้หญิง มันดูมีเสน่ห์มาก เมื่อพวกเขากำลังทำงานอย่างหนัก
แต่ในขณะนี้ฉินโจ้วกลับรู้สึกเย็นวาบอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้
เดินละเมอ...!
ฉินโจ้วคิดว่าน่าจะเป็เื่ที่เขาเล่าลือกันมาช้านานแต่เขาเพิ่งจะได้เห็นสถานการณ์จริงเป็ครั้งแรกเขารู้ว่าคนที่เดินละเมอนั้นจะดีกว่าถ้าปล่อยให้ตื่นขึ้นเองตามปกติ ถ้าหากปลุกให้ตื่นขึ้นอย่างกะทันหันเกรงว่าอาจจะเกิดเื่บางอย่างที่ไม่คาดคิดก็เป็ได้ ดังนั้นเขาจึงถอยหลังกลับหลังจากที่ตอนแรกคิดว่าจะไปห้องน้ำ เขารู้สึกว่าหันหลังกลับห้องไปนอนต่อน่าจะดีกว่าถึงแม้จะไม่รู้ว่าจะหลับลงหรือไม่
คนเดินละเมอทำการผ่าตัดนี่มันแย่ยิ่งกว่าเดินละเมอเฉยๆ เสียอีก มีแต่์ที่รู้ว่าหวังเสี่ยวหยานหามีดปอกผลไม้มาได้อย่างไรคนที่กำลังหลับตาอยู่จะสามารถมองเห็นสิ่งของต่างๆ ได้อย่างไร การเดินละเมอเป็อาการที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้โดยการแพทย์ปัจจุบันมันค่อนข้างเป็เื่ลึกลับ
เขาเองก็ไม่รู้ว่าถ้าหากหวังเสี่ยวหยานแต่งงานไปแล้ว สามีของเธอจะทำอย่างไร จู่ๆฉินโจ้วก็นึกถึงเื่ที่น่ากลัวขึ้นมาถ้าเกิดว่าหวังเสี่ยวหยานเกิดรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในวันนั้น และลงมือผ่าตัดสามีของเธอในระหว่างที่เธอนอนละเมอล่ะแล้วหลังจากที่เธอตื่นขึ้นในวันถัดไป...
ทันใดนั้นฉินโจ้วก็รู้สึกเย็นวาบที่ด้านหลังของเขามันไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับเื่เงินแค่ 8 เหมา แต่ถึงอย่างไรเขาก็คิดว่ามันไม่น่าจะมีเหตุผลแต่เมื่อเขาคิดแล้วก็ไม่รู้ว่าเป็เพราะเหตุใด จึงตัดสินใจไปห้องน้ำดีกว่า
เมื่อเห็นว่าอยู่ห่างจากหวังเสี่ยวหยานพอสมควรแล้วจึงไม่ได้รบกวนเธออีก ฉินโจ้วจึงหันหลังกลับเตรียมที่จะไปห้องน้ำ แต่ทันใดนั้นเองมีใบหน้าหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาผิวขาวราวกับหิมะ ดวงตาใสกระจ่างคู่หนึ่งจ้องมองเขม็งมาที่เขาฉินโจ้วถึงกับเหงื่อตก ขนลุกซู่ จนเกือบจะปล่อยเรี่ยราดออกมาแล้ว
"หลี่เฟยคุณทำให้ผมใกลัวแทบตาย" ฉินโจ้วบ่นด้วยเสียงต่ำในลำคอ ขณะตบหน้าอกตัวเองก่อนจะพบว่ามีเหงื่อเย็นที่ไหลออกมาก่อนหน้านี้เหมือนกับที่เขาเคยพบมาก่อนหน้าเมื่อหลายสิบปีก่อน
''ผู้หญิง''ช่างเป็สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวเสียจริง
คนที่ปรากฏขึ้นก็คือ หลี่เฟย เธอยกนิ้วขึ้นแนบริมฝีปากเพื่อบอกให้เคลื่อนไหวโดยไม่ให้เกิดเสียง ก่อนจะดึงแขนเสื้อของฉินโจ้ว ให้เดินเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆและปิดประตูอย่างแ่เบา เหลือช่องว่างไว้เล็กน้อยพอที่จะมองเห็นเหตุการณ์ที่อยู่ในห้อง ก่อนจะตบไปที่อกและถอนหายใจออกมาอย่างช้าๆ
"ตอนนี้ฉันกลัวแทบตายกลัวที่จะต้องทะเลาะกับเสี่ยวหยาน"
"ผมใแทบตายจู่ๆ คุณก็มาอยู่ข้างหลังโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง คุณเป็แมวหรืออย่างไร ฉินโจ้วนั่งลงบนเตียงนุ่มหลังจากที่ในใจรู้สึกผ่อนคลาย เวลานี้ทั่วทั้งร่างรู้สึกอ่อนแรงเนื่องจากการตื่นใ
"ฉันเป็เสือต่างหาก"หลี่เฟยเปิดโคมไฟหัวเตียง แสงไฟสีเหลืองส่องสว่างขึ้นทันทีก่อนจะให้ความอบอุ่นขึ้นภายในห้อง
"มันเกิดอะไรขึ้น?"ฉินโจ้วชี้ออกไปนอกประตู
เมื่อตอนหวังเสี่ยวหยานอายุ11 ขวบ ได้รับความทุกข์ทรมานจากการลักพาตัวหลังจากนั้นก็ทำให้ป่วยเป็โรคเดินละเมอโดยจะเกิดขึ้นในเวลาที่ดีใจมากหรือเสียใจมาก ก็จะออกมาเดินวันนี้เองก็สนุกและมีความสุขมาก ฉันก็เลยลืมเตือนคุณไว้ดีที่ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นแล้วคงรับผิดชอบผลที่เกิดขึ้นมาไม่ไหวหลี่เฟยเทน้ำอุ่นไว้สองแก้ว และส่งให้ฉินโจ้วแก้วหนึ่ง
"ผลที่ตามมาคือ?" ฉินโจ้วหยิบแก้วขึ้น นิ้วมือของเขากำจนแน่น
"เธอถูกปลุกให้ตื่นจากการนอนละเมอเมื่อตอนอายุ16 หลังจากนั้นเธอก็ป่วยหนักอยู่เกือบสามเดือนจนเกือบจะตายโชคดีที่เธอรอดชีวิตมาได้ในที่สุด หลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยได้ออกไปข้างนอกอีกเลย"หลี่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
"ทำไม... แล้วทำไมต้องเป็การผ่าตัดด้วยล่ะ" ฉินโจ้วลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถามออกไป
"ฉันเองก็ไม่รู้เหตุผลมันน่าจะมีบางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการลักพาตัว คงเป็ความลับของเสี่ยวหยานด้วย เธอก็ไม่เคยบอกให้ใครฟังเกี่ยวกับเื่นี้"หลี่เฟยส่ายหน้าก่อนจะตอบ
จู่ๆฉินโจ้วก็รู้สึกไม่พอใจและต่อต้านการลักพาตัว และคิดว่าถ้าเขามีโอกาสได้พบเจอกับพวกมันแน่นอนว่าจะไม่ปล่อยให้พวกมันได้มีเวลาที่ดีในชีวิตอย่างแน่นอน
"คุณตื่นนานแล้วหรือ?"ฉินโจ้วรู้สึกได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่ห้องของเขา เขาลุกขึ้นยืนอย่างเงียบๆก่อนจะแสร้งวางแก้วลง และนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเป็ปกติ
"ตอนที่เสี่ยวหยานลุกขึ้นฉันก็ตื่นขึ้นพอดี" หลี่เฟยจ้องมองไปที่เขาก่อนจะพูดว่า"ฉันกลัวว่าเธอจะวิ่งเข้าห้องนายน่ะ"
"ทำไมล่ะ?"ฉินโจ้วถึงกับต้องหดคอลง จู่ๆ เขาก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุ
"เสี่ยวหยานเค้า...ชอบนาย" เสียงหลี่เฟยถอนหายใจเบาๆ สีหน้าท่าทางดูแปลกไปเล็กน้อย
"อะไรนะ?" ฉินโจ้วใจนถึงกับลุกขึ้นยืน นี่มันเื่ล้อเล่นอะไรกัน พวกเขาเพิ่งพบกันแค่สองครั้งในเกมเท่านั้น จะมีความสัมพันธ์จนถึงขั้นตกหลุมรักกันั้แ่แรกเห็นได้อย่างไร นั่นมันน่าจะมีแต่เื่เล่าในนิทานเท่านั้น
"คิดว่ามันไม่น่าเชื่ออย่างนั้นสิ"หลี่เฟยจ้องมองไปที่เขาด้วยสายตาที่เ็า
"อือ... ฮึ..."ฉินโจ้วพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง มันเหลือเชื่อมากเกินไป จนฟังเหมือนเื่เล่า
"การเดินละเมอของเสี่ยวหยานนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเธอนั้นตื่นเต้นมาก"ไม่ว่าจะเป็เื่ที่ดีใจหรือเสียใจก็ตาม เธอเคยเป็มาหลายต่อหลายครั้งอย่างในครั้งแรก เธอก็กำลังเดินละเมอคุณคิดว่าที่เธอแสดงในคืนนี้นั้นดีใจหรือเสียใจกันล่ะ
"สิ่งนี้...มันอธิบายไม่ได้ทางวิทยาศาสตร์" สีหน้าของฉินโจ้วนั้นแปลกพิกล
"ความรัก้ากฎเกณฑ์ด้วยอย่างนั้นหรือ?"หลี่เฟยกัดริมฝีปากของเธอก่อนจะจ้องมองไปทางฉินโจ้ว และพูดขึ้นว่า"เวลานี้คุณน่าจะมีความสุขนะ มีสาวสวยถึงสองคนใครจะมีความสุขมากเท่ากับนายในเวลานี้กัน"
"สองคน?" ฉินโจ้วถึงกับตกตะลึงและรู้สึกเหมือนว่าสมองเขาจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
"ฉันไม่สวยอย่างนั้นหรือ?"หลี่เฟยจ้องเขม็งมองไปที่เขา
"สวยสิ...สวยเหมือนดอกไม้ที่ต้องหุบดอกยามต้องแสงจันทร์ ปลาเห็นปลายังต้องจมน้ำนกยังต้องร่วงหล่นจากท้องฟ้า สวยงามที่สุดไม่มีใครเปรียบ" ฉินโจ้วพูดพร้อมทั้งพยักหน้า
“อย่ามาเล่นลิ้นนะฉันถามคุณอยู่ เสี่ยวหยานกับฉัน คุณชอบใครมากกว่ากัน” ใบหน้าของหลี่เฟยแดงขึ้นเล็กน้อยภายใต้แสงที่มืดสลัวยิ่งทำให้ดูสวยงามเป็พิเศษ
"ก็เธอไง!"ฉินโจ้วถึงกับพูดโพล่งออกมา
หลี่เฟยมีท่าทีเขินอายก่อนที่แววตาสุกใสคู่นั้นจะส่องประกายแห่งความประหลาดใจ หลังจากสูดลมหายใจเข้าก็พูดขึ้นด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง "ส่วนใหญ่ก็คล้ายกันปกติแล้วสาวน้อยคนนี้ไม่ถูกใจใครง่ายๆ ถ้าไม่ใช่ตัวเลือกแรกและถ้าไม่มีหน้ามีตาด้วยแล้ว วันนี้สาวน้อยรู้สึกอารมณ์ดี ไม่แน่ว่าเสี่ยวหยานอาจมีโอกาสแสดงเป็สาวใช้ก็ได้นะ"
"อะไรนะ"ฉินโจ้วถึงกับใ สาวใช้อะไรกัน สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไรกัน
“ฮี่ฮี่...เื่ล้อเล่นน่ะ” หลี่เฟยแลบลิ้นออกมาอย่างน่ารักน่าชังหลังจากนั้นสีหน้าเผยให้เห็นถึงความหนักใจ ก่อนจะพูดว่า "แต่ก็นะผู้ชายที่เสี่ยวหยานรู้สึกดีด้วย ทำไมถึงต้องเป็นายด้วย เฮ้อ...นี่เป็เื่ที่รับมือได้ยาก นายตัวปัญหาคนนี้"
ฉินโจ้วถูจมูกของเขาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ดูเหมือนว่าต่อให้ไม่ได้ทำอะไรแต่ทำไมรู้สึกคล้ายกับทำผิดมากมาย
“ถ้าเธอเป็เพียงผู้หญิงธรรมดาก็คงยอมให้นายคบอย่างไม่มีเงื่อนไขอะไรเพียงแต่ว่าสถานะของเสี่ยวหยานนั้นค่อนข้างแตกต่าง ถ้าพ่อของเธอรู้ว่าเธอทำให้ตระกูลเสี่ยวเสื่อมเสียโดยที่นายเป็ต้นเหตุที่ทำให้เธอนั้นแข็งข้อ ฉันเองก็ไม่อยากจะคิดเลยไม่เข้าใจจริงๆ เลย ว่าทำไมต้องเป็คุณด้วย หลี่เฟยคิ้วขมวดเข้าหากัน ก่อนที่จะกำหมัดต่อยใส่ฉินโจ้วอย่างเบามือ
"ทั้งหมดนี้เป็เพียงการคาดเดาของคุณบางทีเสี่ยวหยานอาจจะไม่ได้มีความคิดเช่นนี้ก็ได้ คืนนี้เธอดูมีความสุขอาจเป็เพราะมีเื่ดีๆ เกิดขึ้น คุณอาจคิดมากเกินไป"ฉินโจ้วรู้สึกว่าควรจะหยุดความคิดที่ฟุ้งซ่านของเธอไว้
ทันทีที่เสียงพูดของเขาจบลงก็ปรากฏเสียงของเสี่ยวหยานดังขึ้นในห้องนั่งเล่น
"เอาล่ะ ฉินโจ้ว กระดูกขาของคุณ ฉันได้ต่อให้เรียบร้อยแล้วและต่อไปนี้คุณก็จะสามารถเดินเหินได้เหมือนคนปกติทั่วไป คุณไม่จำเป็ต้องกังวลอีกแล้วคุณเป็ผู้ชายที่เสี่ยวหยานชอบ ดังนั้นไม่ว่าจะาเ็เล็กน้อยหรือต่อให้าเ็สาหัสกว่านี้ ฉันก็จะรักษาคุณเอง คุณแค่นอนหลับให้เต็มที่ พรุ่งนี้คุณตื่นขึ้นมาทุกอย่างก็จะเรียบร้อย" เสี่ยวหยานจ้องมองโต๊ะที่ว่างเปล่านั่นหลังจากที่พูดจบนิ้วมือวาดไปบนความว่างเปล่า ก่อนจะทำท่าทางราวกับคลุมผ้าห่ม คล้ายกับว่าฉินโจ้ว กำลังนอนหลับอยู่บนโต๊ะจากนั้นเธอก็วางมีดปอกผลไม้ไว้บนถาด เอื้อมมือปิดไฟและเดินออกไป
แอ๊ดดดด...
ประตูถูกเปิดออก ในขณะที่ดวงตาของเสี่ยวหยานยังคงปิดสนิทเช่นเดิมเธอเดินเข้ามาและตรงไปนอนลงบนเตียง แล้วก็หลับไปเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลยหลี่เฟยเบ้ปาก ก่อนจะจ้องมองไปยังฉินโจ้ว ที่ดูเหมือนกำลังประหลาดใจ
ฉินโจ้วตัวสั่นและรู้สึกเย็นวาบเข้ากระดูก
เสี่ยวหยาน...เธอรู้ได้อย่างไรว่าขาของเขาได้รับาเ็ และมีปัญหาที่กระดูก นี่เป็แค่เื่บังเอิญอย่างนั้นหรือ?