“เพื่อจัดการแข่งขันของพวกคุณในครั้งนี้พวกเราก็เตรียมการกันอย่างหนักทีเดียว! ไม่อย่างนั้นแล้วคงไม่มีการเลื่อนการแข่งขันออกไปถึง10 วันหรอก”
ขณะที่พูด ผู้เฒ่าหลิวก็อดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะหลังจากนั้นเขาจึงพูดต่อ “คุณเห็นไหมล่ะ ตอนนี้ที่นี่เหลือคนน้อยมากความจริงคนพวกนั้นกลับไปพักผ่อนที่บ้านเกิดแล้ว เพราะหลายวันมานี้พวกเขาต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการไปค้นหาเครื่องเคลือบทำให้เหนื่อยกันแทบแย่”
“แล้วทำไมพวกคุณต้องลงทุนทำถึงขนาดนี้ด้วยล่ะ?ดูเหมือนว่ามันจะเป็งานที่ไม่ค่อยก่อประโยชน์ให้กับพวกคุณสักเท่าไรหรือเปล่า?”
เจี่ยเหวยเกิ่งถามขึ้น
“พวกเราก็้ารักษาชื่อเสียงของพวกเราไว้ตอนนี้จิ่งเต๋อเจิ้นไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนเมื่อก่อนแล้ว มันถึงเวลาที่จะจัดงานรวมตัวเพื่อดึงดูดสายตาของทุกๆคนแล้วล่ะ พวกเราอยู่เงียบๆ มานานมากแล้ว ดังนั้น การเตรียมงานในครั้งนี้ก็ทำเอาทุกคนเหนื่อยไปตามๆกัน ฮ่าๆ”
ถึงแม้ว่าผู้เฒ่าหลิวจะพูดว่าเหนื่อย แต่ทว่าเสียงหัวเราะของเขากลับแฝงไปด้วยภาพความฝันอันยิ่งใหญ่ในอนาคต
“พวกคุณคงไม่ได้คิดจะใช้การแข่งขันครั้งนี้เป็การเปิดตัวหรอกนะ?แต่พวกเราตกลงกันไว้แล้วว่าห้ามเปิดเผยการแข่งขันครั้งนี้ออกไป”
เฮ่อฉางเหอฟังออกถึงความนัยบางอย่างเขาจึงขมวดคิ้วถามขึ้น
“ถึงพวกเราจะไม่ได้พูดออกไป แต่ถึงยังไงก็ต้องมีคนช่วยเปิดเผยออกไปไม่ใช่หรือ?ผมกล้าพูดเลยนะว่าหากลูกศิษย์ของคุณแพ้เมื่อไรตอนนั้นก็จะมีคนป่าวประกาศออกไปทันที”ผู้เฒ่าหลิวเหลือบตามองสีหน้าเคร่งขรึมของเฮ่อฉางเหอ หลังจากนั้นเขาจึงพูดต่อ“คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก ทางจิ่งเต๋อเจิ้นไม่มีทางเป็ฝ่ายที่เปิดเผยเื่นี้ออกไปแต่พวกเรามีแผนการเป็ของตัวเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เฮ่อฉางเหอก็มีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นทัน
หากมีการเผยแพร่เื่นี้ออกไปศักดิ์ศรีของเขายังถือว่าเป็เพียงเื่เล็กแต่หากหลินเยว่ถูกพวกสื่อไร้จรรยาบรรณเขียนข่าวโจมดี บวกกับมีคนคอยปั่นกระแสอยู่เื้ัอีกถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าหลินเยว่จะถูกเขียนถึงเหตุการณ์การพ่ายแพ้ในครั้งนี้ไปอย่างไรบ้างแล้วหลินเยว่จะเกิดปมในใจขึ้นหรือเปล่าเหตุการณ์เช่นนี้ไม่มีใครสามารถควบคุมได้เลย ดังนั้น เพื่อลูกศิษย์ของเขาเขาต้องพยายามไม่ให้เหตุการณ์นี้ถูกเผยแพร่ออกไป
แต่ทว่าหากมีคนกล้าที่จะเปิดเผยเื่นี้ออกไปโดยพลการ...หากหลินเยว่ไม่เป็อะไรเขาก็ยังพอรับได้ แต่หากเื่นี้ส่งผลกระทบทางลบกับหลินเยว่ถึงตอนนั้นก็อย่ามาโทษคนอย่างเฮ่อฉางเหอว่าเป็คนไร้น้ำใจก็แล้วกัน!
“พวกคุณมีแผนการอะไรหรือ?” เจี่ยเหวยเกิ่งที่อยู่ด้านข้างจึงถามขึ้น
“หลังจากการแข่งขันในครั้งนี้แล้วอีกสามเดือนข้างหน้าทางจิ่งเต๋อเจิ้นจะจัดการแข่งขันการพิสูจน์เครื่องเคลือบของคนรุ่นใหม่ระดับประเทศกำหนดอายุผู้เข้าร่วมการแข่งขันไว้ไม่เกิน 35 ปี”
ผู้เฒ่าหลิวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่สายตาของเขาสะท้อนถึงความตื่นเต้น
เฮ่อฉางเหอและเจี่ยเหวยเกิ่งต่างเกร็งตัวขึ้นทันทีพวกเขาต่างสบตากัน สายตาของพวกเขามีทั้งความตกตะลึงและความตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน
หากสามารถจัดการแข่งขันการพิสูจน์เครื่องเคลือบขึ้นมาจริงๆมันย่อมเป็เื่ที่น่ายินดีสำหรับวงการเครื่องเคลือบเป็อย่างมากอีกทั้งดินแดนที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อย่างจิ่งเต๋อเจิ้นยังสามารถดึงดูดความสนใจจากคนทั่วประเทศและในยุคที่มีนักสะสมอยู่เต็มไปหมดเช่นนี้อาจจะทำให้มีเซียนรุ่นใหม่ที่ยังแฝงตัวอยู่เงียบๆ ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกด้วย
หากสามารถทำเหมือนรายการประกวดต่างๆ ที่มีการเผยแพร่ประวัติของผู้เข้าแข่งขันและขยายเื่ราวที่เรียกน้ำตาต่างๆ ให้เกิดเป็กระแสเช่นนี้ย่อมส่งผลต่อสังคมได้มากยิ่งขึ้น
แผนการของจิ่งเต๋อเจิ้นสุดยอดมาก แต่ทว่า...การแข่งขันพิสูจน์เครื่องเคลือบดูเหมือนว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับทางจิ่งเต๋อเจิ้นเลยนะ
ฝ่ายหนึ่งเป็การพิสูจน์เครื่องเคลือบอีกฝ่ายหนึ่งเป็การผลิตเครื่องเคลือบ ถึงแม้ว่าจะจัดการแข่งขันที่จิ่งเต๋อเจิ้นแต่ทั้งสองเื่นี้ดูไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กันเลยหรือเปล่า?
เมื่อเห็นสีหน้าที่มีแต่ความสงสัยของเฮ่อฉางเหอและเจี่ยเหวยเกิ่งผู้เฒ่าหลิวก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย หลังจากนั้นจึงพูดขึ้น“พวกเรามีไม้ตายของพวกเราอยู่ ถึงตอนนั้นพวกคุณก็คอยดูก็แล้วกัน มันต้องทำให้พวกคุณตกตะลึงอย่างแน่นอนฮ่าๆ......”
ยิ่งผู้เฒ่าหลิวพูดดูมีลับลมคมในมากแค่ไหนเฮ่อฉางเหอและเจี่ยเหวยเกิ่งก็ยิ่งเกิดความอยากรู้อยากเห็นมากเท่านั้นขณะที่พวกเขากำลังจะถามต่อนั้น ผู้เฒ่าหลิวพลันลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน
เขาชี้ไปยังหูฟังที่ใส่อยู่ที่หูของเขาแล้วพูดขึ้น“หมดเวลาแล้ว”
“หมดเวลาแล้ว?”
เฮ่อฉางเหอลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลันหลังจากนั้นจึงมองไปยังประตูคฤหาสน์อย่างร้อนใจ แต่เขากลับไม่เห็นร่างของหลินเยว่เลย
เสียงของผู้เฒ่าหลิวไม่ได้ดังสักเท่าไรแต่ทว่าทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ต่างได้ยินกันถ้วนหน้าและต่างหันไปมองทางประตูคฤหาสน์เช่นกัน
“อย่าเพิ่งร้อนใจไปสิเขายังต้องเขียนคำตอบที่เขาคิดไว้บนกระดาษก่อนถึงจะเดินออกมาได้”เมื่อผู้เฒ่าหลิวพูดจบ เขาก็มองไปยัง 9 คนที่เหลือหลังจากนั้นจึงถามขึ้น “ใครจะเข้าไปเป็คนที่ 2?”
9 คนนี้ต่างมองหน้าซึ่งกันและกันอีกครั้งหลินเยว่ยังไม่ได้เดินออกมา ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์ด้านในเป็อย่างไรถึงแม้ว่าจะรู้ว่ายากมาก แต่ความยากนั้นมันถึงระดับไหนกันล่ะ? ทั้งหมดนี้ต้องรอเห็นสีหน้าของหลินเยว่ก่อนถึงจะได้คำตอบ
“ไม่มีหรือ?”
สายตาของผู้เฒ่าหลิวแฝงไปด้วยความผิดหวังแต่ทว่ามุมปากของเขายังคงมีรอยยิ้มอยู่
ทำไมแต่ละคนถึงมีความแตกต่างกันขนาดนี้ล่ะ?
หลินเยว่สามารถเสนอตัวเป็คนแรกและเดินเข้าไปด้านในอย่างเป็ธรรมชาติแล้วทำไมคนพวกนี้ถึงยังไม่กล้าที่จะเป็คนที่ 2 อีกหรือ?
ไอ้หนุ่มหลินเยว่ก็ยังโดดเด่นเหนือใครๆ จริงๆ!
ขณะที่ผู้เฒ่าหลิวกำลังรู้สึกผิดหวังนั้นก็มีเสียงกระจ่างใสดังขึ้น
“ฉันเป็คนที่ 2 เองค่ะ”
หืม?
ทุกคนต่างมองไปทางเสียงที่ดังขึ้นและพบว่าคนที่พูดนั้นคือจวงเมิ่งเตี๋ย
เป็หญิงสาวราวกับตุ๊กตาคนหนึ่ง?
ฮ่าๆ เราไม่สามารถดูถูกสาวน้อยได้จริงๆ หากผมจำไม่ผิดล่ะก็สาวน้อยคนนี้คือหลานสาวของผู้เฒ่าจวง ผู้เฒ่าจวงมีหลานสาวที่ดีจริงๆ!
ผู้เฒ่าหลิวหัวเราะ “ฮ่าๆ” หลังจากนั้นจึงพูดขึ้น“ผมคิดว่าไม่มีใครกล้าเสนอตัวเสียแล้ว คาดไม่ถึงว่ากลุ่มของพวกคุณยังมีคนที่ยอดเยี่ยมมากกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีกอย่างน้อยก็มีคนที่มีความยอดเยี่ยมโดดเด่นถึง 2 คน ดีเลย คุณเข้าไปเถอะ”
หลังจากนั้นเขาก็หันหน้าไปหาเ้าหน้าที่ที่พักผ่อนอยู่ทางด้านข้างและพูดขึ้น“เสี่ยวหลี่ คุณพาเธอเข้าไปทดสอบสิ”
“ครับ”
ผู้ที่ตอบคือเด็กหนุ่มอายุประมาณ 20 ปีคนหนึ่งเมื่อเขาหันไปมองใบหน้างามของจวงเมิ่งเตี๋ยก็เกิดอาการเขินจนต้องเบนสายตาหนีไปทางอื่น
หลี่เฉียนโจวมองเื้ัของจวงเมิ่งเตี๋ยมุมปากปรากฏเป็รอยยิ้มอย่างดูถูก
หึ เป็พวกหน้าอกโตไร้สมองจริงๆก็แค่ผู้หญิงร้ายๆ คนหนึ่ง สักวันผมจะทำให้คุณต้องก้มหน้ายอมรับผิดกับการกระทำในวันนั้น!
และเวลานี้เอง หลินเยว่ก็เดินออกมาจากประตูคฤหาสน์แล้ว
เมื่อเห็นหลินเยว่ขมวดคิดครุ่นคิดเฮ่อฉางเหอก็เกิดอาการใจกระตุกทันที
เขาพิสูจน์ไม่ได้อย่างนั้นหรือ?
เมื่อคนอื่นๆมองสีหน้าท่าทางของหลินเยว่ก็เกิดปฏิกิริยาที่แตกต่างกันมีบางคนรู้สึกกังวลกลัวว่าตัวเองจะทำไม่ได้ มีบางคนแอบเยาะเย้ยดีใจ
เพิ่งเรียนการพิสูจน์เครื่องเคลือบมาเพียง 3เดือนแต่กลับกล้าเดินเข้าไปเป็คนแรก นี่มันเป็การรนหาที่ตายชัดๆตอนนี้คงรู้ตัวแล้วล่ะสิว่าตัวเองยอดแย่ขนาดไหน! ฮ่าๆ...... เดี๋ยวคุณก็รอเวลาตอนที่ผมเหยียบคุณไว้ใต้เท้าเถอะ!
หลี่เฉียนโจวแอบหัวเราะเยาะอย่างบ้าคลั่งสายตาของเขามีแต่ประกายแห่งความแค้น
อาจารย์เฉินเฟยและอาจารย์เว่ยจิ้นจงต่างมองหน้ากันหลังจากนั้นก็มีแต่รอยยิ้มเยาะอย่างหยิ่งผยอง
ในความคิดของพวกเขานั้น ชัยชนะต้องตกอยู่ในมือของพวกเขาอย่างแน่นอน!
ขณะที่หลินเยว่กำลังเดินออกมาเฮ่อฉางเหอก็รีบเดินเข้าไปหาเขาทันที
ตอนที่หลินเยว่กำลังคิดทบทวนว่าการพิสูจน์รูปปั้นเคลือบสีขาวเกิดความผิดพลาดที่ตรงไหนนั้นพลันมีเสียง “หึ” อย่างไม่พอใจลอยมาจากทางด้านข้าง เขาจึงเงยหน้าขึ้นมามองและพบว่าอีกฝ่ายคือจวงเมิ่งเตี๋ย
เธอมาได้อย่างไรล่ะ?
หลินเยว่อึ้งไปชั่วครู่แต่เมื่อเขาเห็นเ้าหน้าที่ที่เดินอยู่ข้างๆ จวงเมิ่งเตี๋ย เขาก็เข้าใจได้ทันที
เขาพยักหน้าส่งยิ้มให้กับจวงเมิ่งเตี๋ยเป็การทักทายแต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะถูกเธอเมินใส่ เพราะเธอไม่ได้มองเขาเลยสักนิด แต่เดินเฉียดผ่านไปอย่างไม่สนใจไยดี
หลินเยว่จึงได้แต่ส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ หลังจากนั้นเขาก็เดินต่อไปเรื่อยๆแต่เมื่อมองไปทางศาลา เขาจึงพบว่าอาจารย์ของตนกำลังเดินเข้ามาหาเขาอย่างร้อนใจดังนั้น เขาจึงรีบรุดเข้าไปหาอาจารย์ของตนเองทันที
“เสี่ยวเยว่ เป็อย่างไรบ้าง?”
เมื่อหลินเยว่เดินมาอยู่ต่อหน้าท่านเฮ่อฉางเหอท่านเฮ่อจึงรีบถามขึ้นทันที
“เรียบร้อยดีครับ ดูสิว่าผมเป็ลูกศิษย์ของใคร!”
หลินเยว่พูดขึ้นพร้อมตบหน้าอกตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
“เรียบร้อยแล้ว?”
ท่านเฮ่อฉางเหอถึงกับใกับปฏิกิริยาของหลินเยว่ทันทีเมื่อสักครู่ยังหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้มีแต่ความภูมิใจในตัวเองขนาดนี้ล่ะ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้