เฉียวเฟยเห็นฉากนี้ก็เดินไปหยุดข้างกายเยว่เฟิงเกอด้วยความประหลาดใจ ถามด้วยเสียงที่มีแต่เยว่เฟิงเกอที่ได้ยิน “พระชายา นี่มันเื่อันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ? บุรุษผู้นี้คือใคร? ”
เยว่เฟิงเกอยิ้ม กล่าวตอบเบาๆ “เขาคือบิดาของฉิงเอ๋อร์ วันนี้ข้าซื้อเขามาด้วยตั๋วเงินห้าร้อยตำลึง ข้าจะให้เขามาปรนนิบัติข้าอย่างดีหนึ่งวันเต็มๆ ”
เมื่อเฉียวเฟยได้ยินว่าชายคนนี้คือบิดาของฉิงเอ๋อร์ เขาก็ไม่กล่าวอะไรอีกด้วยเชื่อว่าพระชายาคงไม่ทำอะไรชายคนนี้ หรืออย่างมากก็แค่แกล้งให้คนใเล่นเท่านั้น
เฉียวเฟยถอยหลังมาหนึ่งก้าว หยุดยืนอยู่ข้างกายฉิงเอ๋อร์
เมื่อเห็นว่าฉิงเอ๋อร์มองบิดาตนด้วยสายตาเป็กังวล ก็อดกล่าวเสียงเบาไม่ได้ว่า “เ้าวางใจเถอะ พระชายาไม่ทำอะไรบิดาเ้าหรอก”
ยามนี้จินว่านหลี่เองก็เห็นฉิงเอ๋อร์แล้ว เขารีบคลานเข่าไป ก่อนจะจับชายชุดของฉิงเอ๋อร์ไว้แล้วอ้อนวอนขอร้อง “ลูกสาวคนดี ช่วยพ่อขอร้องคุณชายท่านนี้ที ให้เขาไว้ชีวิตพ่อด้วยเถอะ วันหน้าพ่อไม่กล้าขายเ้าอีกแล้ว เ้าช่วยขอร้องแทนพ่อจะได้หรือไม่”
ฉิงเอ๋อร์ถูกจินว่านหลี่จับชายชุดไว้ เมื่อเห็นว่าหน้าผากเขามีเืไหล ก็ใจอ่อนทันที
เพียงแต่นางกำลังจะอ้าปากขอร้องแทนจินว่านหลี่ กลับได้ยินเยว่เฟิงเกอกล่าวขึ้นโดยไม่หันหลังกลับมามองแม้แต่น้อย “ฉิงเอ๋อร์ หรือว่าเ้าลืมฉินซงไปแล้ว? หากเ้ากล้าให้ท้ายบิดาเ้า ข้าเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่เขาจะขายเ้าให้ฉินซง”
เมื่อฉิงเอ๋อร์ได้ยินชื่อฉินซง ใจนางก็บีบรัดด้วยความหวาดหวั่น มือทั้งคู่กำเป็หมัดแน่น ก้มหน้ามองท่าทางน่าสงสารของจินว่านหลี่ แต่ก็หักใจไม่คิดขอร้องแทนจินว่านหลี่ได้
เยว่เฟิงเกอหมุนกายเดินก้าวยาวๆ เข้าไป โยนไม้กวาดในมือใส่จินว่านหลี่ กล่าวว่า “เ้าจงทำความสะอาดห้องเก็บของนี้ให้เอี่ยมอ่อง อย่าให้มีแม้แต่ฝุ่นผงเพียงนิด ส่วนรูหนูพวกนั้น ก็ปิดตายมันเสีย หากว่าข้ายังเห็นหนูโผล่ออกมาอีกแม้แต่ตัวเดียว ข้าจะให้เ้าเข้าไปอยู่ในรูหนูเสียแทน”
จินว่านหลี่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใช้ไม้กวาดทะลวงจีบเบญจมาศน้อยของเขาก็รีบคลานมารับไม้กวาดไปทำความสะอาดทันที
ฉิงเอ๋อร์เห็นว่าเยว่เฟิงเกอเพียงให้บิดานางทำความสะอาดเท่านั้น ในที่สุดก็วางใจลงได้
เฉียวเฟยเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วจึงหมุนกายจากไป เพราะเขายังต้องกลับไปรายงานท่านอ๋องว่าพระชายากลับมาแล้ว
เมื่อเฉียวเฟยจากไปแล้ว เยว่เฟิงเกอก็หันมองฉิงเอ๋อร์ไปทีหนึ่ง
หากยังมีอีกฝ่ายอยู่ นางย่อมไม่อาจลงมือกับจินว่านหลี่ได้
“ฉิงเอ๋อร์ เ้ากลับเรือนเยว่เหยาไปก่อน และบอกให้ชิงจื่อนำของที่อยู่ใต้หมอนข้ามาด้วย” เยว่เฟิงเกอสั่งฉิงเอ๋อร์
เมื่อฉิงเอ๋อร์เห็นว่าเยว่เฟิงเกอไม่้าให้นางอยู่ที่นี่อีกต่อไป ก็เหลียวมองบิดาที่กำลังทำความสะอาดห้องไปทีหนึ่ง ถึงได้หมุนกายกลับไปยังเรือนเยว่เหยา
เยว่เฟิงเกอเดินออกมาจากห้องเก็บของ ปล่อยให้จินว่านหลี่ทำความสะอาดอยู่คนเดียว
ทว่า ก่อนจะออกไป นางไม่ลืมบอกกับจินว่านหลี่ว่า “ตั้งใจทำความสะอาดให้ดี อีกเดี๋ยวข้าจะมาตรวจสอบ หากไม่ผ่าน เ้าต้องเริ่มทำใหม่ทั้งหมด”
จินว่านหลี่รีบพยักหน้าค้อมเอว ตอบรับคำสั่งของเยว่เฟิงเกอ ตอนนี้ขอแค่เยว่เฟิงเกอไม่ใช้ไม้กวาดทักทายจีบเบญจมาศน้อยของเขา จะให้เขาทำอะไรก็ล้วนยินดี
เพียงไม่นาน ชิงจื่อก็เดินรีบร้อนมาถึง
นางเดินมาหยุดอยู่ข้างกายเยว่เฟิงเกอแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากด้านในแขนเสื้อ
เมื่อเยว่เฟิงเกอรับโทรศัพท์มาก็เปิดเข้าแอปวีแชททันที
นางรีบพิมพ์ข้อความเข้าไปในวีแชทอย่างรวดเร็ว “วันนี้ข้าไปโรงพนันมา พนันไปทั้งหมดสี่ตา ทุกตาล้วนได้รับชัยชนะ”
เพียงไม่นานอย่าถามว่าข้าคือใครก็ตอบกลับมา “พระชายาทำได้ดีมาก แน่นอนว่าตอนนี้พระองค์ได้รับหนึ่งร้อยมูลค่าการซื้อแล้ว เช่นนั้นได้คิดไว้บ้างหรือไม่ว่าจะนำหนึ่งร้อยมูลค่าการซื้อนี้ไปซื้ออะไร? ”
เยว่เฟิงเกอขบคิด ตอบกลับว่า “สะสมไว้ก่อน ไม่แน่วันหน้าอาจได้ซื้ออะไรที่ตอนนี้ยังคิดไม่ออกก็เป็ได้”
“พระชายาคิดอยากจะทำเช่นไรก็ย่อมได้ แต่ข้าขอแนะนำตำราวิชายุทธ์ลึกลับเล่มนั้น พระชายาลองพิจารณาดูเถิดว่าจะซื้อหรือไม่ ขอแค่ท่านศึกษาและฝึกฝนจนสำเร็จ การจะเป็ยอดฝีมือระดับสูงของโลกใบนี้ได้ก็ไม่ยากแล้ว ถึงตอนนั้นแม้แต่จั้นอ๋องข้างกายท่านก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน” อย่าถามว่าข้าคือใครพิมพ์ตอบกลับมายืดยาว น้ำเสียงราวกับคนกำลังแนะนำสินค้าอย่างแข็งขันของเขาลอยออกมาจากตัวอักษร ทำให้เยว่เฟิงเกออดเบะปากไม่ได้
แม้เยว่เฟิงเกอจะไม่สนใจการฝึกวรยุทธ์เลย แต่สองวันมานี้มีคนโผล่มาท้าทายนางอยู่เรื่อย
คนแรกก็ซ่างกวานม่อิที่ชอบปลอมตัว เห็นว่าเป็สหายรักของมู่เหยียนเฉิน เพียงเพื่อมู่เหยียนเฉินคนเดียวถึงกับมาหาเื่นางถึงเป่ยชวน
ส่วนวันนี้ก็มีเถ้าแก่โรงพนันซูมู่เจ๋อที่ทั้งร่างแผ่รัศมีอันตรายชวนขนลุกออกมา เพียงดูก็รู้แล้วว่าเป็คนที่ไม่ควรไปหาเื่ด้วย
โชคดีที่ตอนยังอยู่ในโลกปัจจุบัน พี่ชายทั้งสองของนางบังคับให้ฝึกวรยุทธ์ ทำให้ตอนที่นางต้องรับมือกับบุรุษสองคนนั้นไม่ได้เสียเปรียบอะไร
หากนางต้องเจอกับคนที่วรยุทธ์สูงส่งกว่าดังเช่นม่อหลิงหาน คาดว่าแม้แต่ตัวนางเองก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
เยว่เฟิงเกอคิดในใจ บางทีนางอาจต้องพิจารณาตำรายุทธ์ลึกลับเล่มนั้นดีๆ บ้างแล้ว แต่ไม่ใช่ตอนนี้แน่
ตอนนี้นางยุ่งอยู่กับการทรมานจินว่านหลี่ รอให้เื่ทั้งหมดนี้เสร็จสิ้นแล้ว ค่อยซื้อตำราลับเล่มนั้น
เยว่เฟิงเกอไม่ตอบอย่าถามว่าข้าคือใครอีก นางปิดวีแชท และเก็บโทรศัพท์เข้าไปในแขนเสื้อ
ชิงจื่อมองห้องเก็บของไปทีหนึ่ง เห็นบิดาของฉิงเอ๋อร์กำลังตั้งอกตั้งใจทำความสะอาดประตูห้องเก็บของอยู่ก็เอ่ยถามเสียงเบาว่า “พระชายา ห้องเก็บของนี้ไม่มีคนใช้มานานมากแล้ว จึงไม่มีใครเข้าไปทำความสะอาด ทรงให้เขามาทำความสะอาดที่นี่เพื่ออันใดหรือเพคะ? ”
เยว่เฟิงเกอยักไหล่ ท่าทางไม่สนใจ “อย่างไรก็อยู่ว่างๆ อยู่แล้ว ทรมานเขาสักหน่อยจะเป็ไรไป เขาอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ประเดี๋ยวก็ไปโรงพนันอีก พอแพ้มาก็จะมาขอเงินฉิงเอ๋อร์ไปไถ่ถอนหนี้อีก”
ชิงจื่อมุมปากกระตุก นางไม่พูดอะไรต่อ และทำเพียงมองจินว่านหลี่ทำความสะอาดอยู่ตรงนั้น
ในห้องเก็บของมีฝุ่นมากเหลือเกิน ระหว่างที่ทำความสะอาดอยู่จินว่านหลี่สำลักฝุ่นเข้าไป ไอออกมาหลายครั้ง
ชิงจื่อได้แต่ส่ายศีรษะ ชายผู้นี้ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนจะเป็บิดาแท้ๆ ของฉิงเอ๋อร์ได้เลย
ฉิงเอ๋อร์หน้าตางดงามน่าเอ็นดู แต่ชายคนนี้กลับผิวพรรณแห้งกร้านเต็มไปด้วยริ้วรอย
ฉิงเอ๋อร์ตาโตมาก แต่ชายคนนี้กลับตาเล็กเท่าเมล็ดถั่วเขียว
ตอนนี้นางรู้สึกสงสัยขึ้นมาแล้วว่า ฉิงเอ๋อร์อาจไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของชายคนนี้ มิเช่นนั้นเหตุใดคนถึงตัดใจขายฉิงเอ๋อร์ไปยังสถานที่เช่นหอชมบุปผาได้
ชิงจื่อตัดสินใจว่าเมื่อกลับไปเรือนเยว่เหยาแล้ว จักต้องซักไซ้ฉิงเอ๋อร์เสียหน่อยว่าตอนเด็กถูกชายคนนี้เก็บมาหรือไม่
ผ่านไปครู่หนึ่ง จินว่านหลี่ก็ทำความสะอาดห้องเก็บของเสร็จ
มือหนึ่งถือไม้กวาด อีกมือหนึ่งทุบเอวตัวเอง
นี่เป็ครั้งแรกตลอดสี่สิบปีที่เขาต้องทำงานหนักเพียงนี้
จินว่านหลี่เห็นว่าเยว่เฟิงเกอยืนรออยู่ด้านนอก ข้างกายยังมีสาวใช้นางหนึ่ง เขายิ้มแย้มเดินเข้าไปหา กล่าวกับเยว่เฟิงเกอว่า “คุณชาย ข้าทำความสะอาดเสร็จแล้วขอรับ”
เยว่เฟิงเกอ “อืม” ไปเสียงหนึ่ง จากนั้นก้าวยาวๆ เข้าไปในห้องเก็บของ ตรวจดูทุกซอกทุกมุม ทั้งยังใช้มือลูบไปบนของแต่ละชิ้น เมื่อเห็นว่าสะอาดปราศจากฝุ่นแล้วจริงๆ จึงไปตรวจดูรูหนูต่อ
เมื่อเห็นว่ารูหนูถูกจินว่านหลี่ปิดตายไว้ด้วยเศษไม้ เยว่เฟิงเกอก็ขมวดคิ้ว ะโไปทางจินว่านหลี่ “จินว่านหลี่ มานี่”
เมื่อจินว่านหลี่ได้ยินเยว่เฟิงเกอเรียกหาตนก็รีบร้อนวิ่งเข้าไปด้วยใจไม่สงบ
เยว่เฟิงเกอชี้ที่รูหนู “เ้าใช้เศษไม้อุดรูหนูหรือ? เ้าไม่รู้หรือว่าหลังจากหนูพวกนี้แทะเศษไม้จนหมด ถึงตอนนั้นพวกมันก็ได้วิ่งออกมาอีก? ”
จินว่านหลี่เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ก่อนนี้ที่เขาจะอุดรูหนู สิ่งที่เขาพอจะหามาอุดได้มีแค่เศษไม้ไม่กี่อัน จึงเลือกใช้เศษไม้เ่าั้มาอุดรูหนูเช่นนี้
เดิมนึกว่าทำแค่นี้จะพอผ่านไปได้ มิคาดจะถูกเยว่เฟิงเกอจับได้
“คุณชาย ข้าเองก็ไม่อยากใช้เศษไม้มาอุดหรอกขอรับ แต่ท่านลองดูในห้องเก็บของนี้สิ ไม่มีสิ่งใดที่จะนำมาใช้อุดรูหนูนี้ได้เลย ข้าจึงทำได้แค่นำเศษไม้มาใช้เท่านั้น” จินว่านหลี่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจยิ่งนัก เขาเองก็ไร้หนทางแล้วจริงๆ
เยว่เฟิงเกอมองจินว่านหลี่ด้วยสายตาเ็า “ไม่ได้อุดรูหนูให้ดี มิใช่ความผิดของเ้า? ไม่รู้ว่าหลายปีมานี้เ้าใช้ชีวิตมาอย่างไร เื่เล็กๆ แค่นี้ก็ยังทำให้ดีไม่ได้ ข้าไม่สนว่าเ้าจะใช้วิธีใด จงไปอุดรูหนูให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นก็ไสหัวไปเสีย ส่วนเงินห้าร้อยตำลึงนั่น เ้าก็อย่าได้วาดฝันอีกเลย”
คำพูดไร้น้ำใจของเยว่เฟิงเกอ ทำให้จินว่านหลี่ปวดใจ
เขาอยู่มาสี่สิบปีไม่เคยทำงานเช่นนี้มาก่อน
วันนี้ไม่เพียงต้องมาทำงานหนัก ยังถูกผู้อื่นดูถูกอีกด้วย
ในใจของจินว่านหลี่เริ่มกรุ่นโกรธขึ้นเล็กน้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้