คืนนี้ทั้งเ้าภาพและแขกสนทนากันอย่างสำราญ จนเสียงเคาะยามไห้ [1] ดังขึ้นทุกคนจึงพากันใว่าเป็เวลาดึกดื่นป่านนี้แล้ว
เฉินตานถิงขอตัวลากลับก่อน แต่ก่อนไปยังสั่งความกับหลิ่วจิ้งอีกครั้งว่าจะต้องไปหานางบ่อยๆเมื่อหลิ่วจิ้งพยักหน้าตอบตกลงแล้ว นางและเสนาบดีจ้าวจึงกลับไปก่อน
หั่วอี้กับหลิ่วจิ้งส่งเสนาบดีจ้าวและเฉินตานถิงเดินจากไปด้วยสายตาแล้วจึงเก็บสายตากลับหันมาบอกกับจ้าวเหยียนเฉิงว่า “เหยียนเฉิงเช่นนั้นพี่กับฮูหยินก็จะขอตัวกลับก่อนวันนี้ฮูหยินและพวกเ้าเพิ่งได้พบกันแต่กลับเหมือนรู้จักคุ้นเคยกันมานานเช่นนั้นวันหน้าพวกเราควรมาพบปะกันให้บ่อยครั้งเป็ดี”
จ้าวเหยียนเฉิงอมยิ้มเอ่ยกับหลิ่วจิ้งว่า“นี่เป็เกียรติของน้องชาย วันหน้าคงจะไปรบกวนที่จวนสกุลหั่วบ่อยๆถึงยามนั้นพี่หั่วอี้อย่างรังเกียจว่าน้องชายน่ารำคาญเป็พอแล้วขอรับ”
หั่วอี้ชกข้างไหล่จ้าวเหยียนเฉิงพลางเอ่ยยิ้มๆ ว่า“จะขอให้เ้ามาหาก็ยังไม่ได้เสียด้วยซ้ำ จะรำคาญเ้าได้อย่างไร”
“อี้หรง นี่ก็ดึกแล้ว กลางคืนน้ำค้างลงหนาวนักอย่างไรก็กลับไปพักผ่อนเร็วๆ จะดีกว่า วันหน้าพวกเรายังต้องได้พบกันอีกบ่อยๆ”หั่วอี้พูดกับจ้าวเหยียนเฉิงเสร็จก็หันมากำชับเื่ที่ต้องใส่ใจดูแลกับจ้าวอี้หรงอย่างละเอียดเหมือนพี่ชายใจดีที่เป็ห่วงน้องสาว
“ขอบคุณพี่อี้ที่เป็ห่วงเ้าค่ะตอนนี้สุขภาพของอี้หรงดีขึ้นมากแล้ว พี่อี้โปรดวางใจขอเพียงพี่อี้มาเยี่ยมอี้หรงบ่อยๆ พออี้หรงดีใจร่างกายของอี้หรงก็จะไม่เป็ไรแล้วเ้าค่ะ”
จ้าวอี้หรงเข้ามาแนบตัวชิดกับหั่วอี้ เหมือนนกน้อยแอบอิงคนผู้ใดไม่รู้จะนึกว่านางเป็สตรีของหั่วอี้เสียอีก
เห็นท่าทีที่หั่วอี้ปฏิบัติต่อพวกเขาสองพี่น้องหลิ่วจิ้งก็รู้สึกอิจฉาอยู่ในใจนางไม่ได้มีส่วนร่วมในมิตรภาพที่พวกเขาสามคนเติบโตด้วยกันมาแต่เล็กและไม่ว่าจะทำอย่างไรนางก็ไม่อาจแทรกเข้าไปได้
หั่วอี้สั่งความกับจ้าวเหยียนเฉิงอีกครั้ง ว่าให้เขาไปสั่งจ้าวอี้หรงกลับเรือนด้วยตนเองให้เรียบร้อยเสียก่อนจึงอนุญาตให้เขาไปทำกิจของตน
เมื่อสั่งความกันเรียบร้อย หั่วอี้ก็กุมมือหลิ่วจิ้งมุ่งหน้ากลับจวนแม่ทัพ
จ้าวเหยียนเฉิงและจ้าวอี้หรงนั่งอยู่บนรถม้าของจวนบ้านตนปกติแล้วเวลานี้จ้าวอี้หรงจะเข้านอนไปแล้ว แต่คืนนี้นางกลับไม่ง่วงเลยสักนิด
“ท่านพี่ ท่านว่าพี่อี้ไม่แต่งตั้งฮูหยินเอกเสียทีเขาจะกำลังรอผู้ใดอยู่หรือไม่? หรือว่าพี่อี้จะมีความคิดใดอยู่ในใจเ้าคะ?”
จ้าวอี้หรงเอ่ยปากอย่างเนิบนาบกับจ้าวเหยียนเฉิงนางอยากรู้เื่นี้มาโดยตลอด
จ้าวเหยียนเฉิงเข้าใจน้องสาวของเขาเป็ที่สุดทั้งรู้ความคิดอ่านในใจนางด้วย จิตใจของนางล้วนอยู่ที่ตัวของหั่วอี้หลายปีมานี้พอมีสตรีคนใหม่ของหั่วอี้เข้าจวน น้องสาวของเขาก็จะล้มป่วยด้วยไข้ใจอยู่เป็เวลานาน
“เฮ้อ น้องหญิง เ้าเองก็รู้ว่ามารดาของพี่หั่วอี้ชื่นชอบเ้านักเพียงแต่…เฮ้อ” จ้าวเหยียนเฉิงอยากบอกว่า แต่เพราะเ้าไม่อาจให้กำเนิดบุตรแล้วจะเป็ฮูหยินเอกของหั่วอี้ได้อย่างไร แต่เมื่อเขาเห็นแววตาแสนเศร้าของจ้าวอี้หรงก็ใจแข็งเอ่ยออกไปไม่ได้แม้ว่าเื่นี้จะมิใช่ความลับอันใดสำหรับจ้าวอี้หรงก็ตามที
ภายในรถม้าเงียบลงทันใด จ้าวอี้หรงไม่พูดต่ออีก แววตานางมืดมนเหม่อมองไปยังทิวทัศน์ยามราตรีข้างนอกรถ ใจนางยามนี้ก็ดำมืดไร้สีสันเหมือนยามรัตติกาลหมอกดำปกคลุมหัวใจนางมองไม่เห็นว่าทางออกอยู่ที่ใด
จ้าวเหยียนเฉิงมองน้องสาวเพียงคนเดียวของเขาด้วยสีหน้าสับสนซับซ้อนรู้สึกสงสารและอับจนหนทางในเวลาเดียวกัน โรคที่แฝงตัวอยู่ในร่างกายของน้องสาวนี้แม้จะเคยออกตามหาแพทย์เลื่องชื่อจากทุกหนแห่งแต่ก็ยังได้ผลลัพธ์ที่เหมือนกันนั่นก็คือหากมีความรักระหว่างชายหญิงก็ไม่เป็ไร ขอเพียงไม่ตั้งครรภ์เป็พอแล้ว
เมื่อรูปการณ์เช่นนี้ อย่าว่าแต่เป็หั่วอี้เลย ต่อให้เป็จวนใดๆน้องสาวของเขาก็ไม่มีวันได้เป็ฮูหยินเอก
และเป็เพราะสาเหตุนี้เอง สกุลจ้าวจึงคอยตามใจจ้าวอี้หรงไปทุกสิ่งนานวันเข้าก็ทำให้นางมีนิสัยวางอำนาจเอาแต่ใจกลับยิ่งทำให้ไม่เป็ที่ชื่นชอบของหั่วอี้เสียแล้ว
พวกเขาคอยดูอยู่ใกล้ๆ มองเห็นชัดแจ้งว่าความรักใคร่ที่หั่วอี้มีต่อจ้าวอี้หรงหาใช่ความรักที่บุรุษมีต่อสตรี แต่เื่นี้ก็ทำให้จ้าวอี้หรงเป็ทุกข์นักเพราะนางยังคงจมปลักอยู่ในความรักที่มีต่อหั่วอี้ไม่อาจถอนตัวได้
หั่วอี้เห็นว่าดึกมากแล้ว วันนี้ออกมาข้างนอกทั้งวัน เขาเห็นว่าหลิ่วจิ้งมีอาการง่วงแล้วจึงเรียกให้รถม้าพาไปส่ง
เมื่อมีรถม้าไปส่ง พวกเขาสองคนก็กลับมาถึงจวนแม่ทัพอย่างรวดเร็ว
อวี้จิ่นกับอิ๋งเหอสองคนทำงานอย่างแข็งขันยังคงเฝ้าอยู่ที่ห้องข้าง คนหนึ่งเย็บรองเท้าอีกคนหนึ่งปักผ้าแม้จะบอกว่าพวกนางสองคนง่วงจนลืมตาไม่ขึ้นแล้วแต่ก่อนที่หลิ่วจิ้งจะกลับมาพวกนางก็ยังคงรออยู่
หลิ่วจิ้งถูกหั่วอี้อุ้มกลับมาที่เรือนหลักความจริงแล้วทางที่กลับมาก็ไม่ได้ไกลนักแต่หลิ่วจิ้งนั่งอยู่บนรถม้าที่โยกไปมาจึงรู้สึกง่วงขึ้นมาจนมาถึงจวนหั่วอี้ก็ไม่ให้นางเดิน แต่กลับอุ้มนางมาส่งที่ห้องนอน
“ข้าง่วงนัก คืนนี้ไม่ต้องมากวนข้าเล่า” หลิ่วจิ้งพูดโดยไม่แม้แต่จะผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าหัวถึงหมอนก็หลับไปทันที
คนที่ดีดฉินไม่เป็ย่อมไม่มีวันรู้ว่าในยามที่จดจ่อดีดฉินจนจบหนึ่งเพลงเต็มคนทั่วไปจะไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าต้องทุ่มเททั้งสมาธิและแรงใจมากมายเท่าใด
ต้องผสานตัวให้เข้าไปอยู่ในบทเพลง ััถึงความหมายภายในบทเพลงเข้าใจความหมายแท้จริงที่บทเพลงนั้น้าสื่อจากนั้นค่อยใช้มือของผู้เล่นฉินถ่ายทอดเอาความหมายที่แท้จริงออกมาผ่านเสียงฉินและส่งต่อไปยังผู้ฟัง
ฉะนั้นทุกครั้งที่บรรเลงเพลงหนึ่งจบลง หากเป็คนที่ไม่มีกำลังภายในเรี่ยวแรงทั้งกายใจก็จะอ่อนล้าเหมือนหลิ่วจิ้งในยามนี้ ตลอดทางที่กลับมาหลิ่วจิ้งจึงรู้สึกว่ากำลังวังชาทั้งกายใจโรยแรงนักล้มตัวนอนได้ก็หลับไปทันที
หั่วอี้มองผ่านเสียงหัวเราะของสาวใช้ข้างกายหลิ่วจิ้งทั้งสองคนหันมองหลิ่วจิ้งอย่างอ่อนใจ เขาเองก็เป็ผู้ที่รักการดีดฉินเช่นกันย่อมเข้าใจว่าเหตุใดหลิ่วจิ้งจึงเหนื่อยอ่อนอย่างผิดปกติเช่นนี้
เขาเอ่ยกับอวี้จิ่นและอิ๋งเหอด้วยน้ำเสียงขึงขังว่า “ดูแลให้ดีฮูหยินเหนื่อยอ่อนนัก เื่ล้างเนื้อล้างตัวก็เว้นเอาไว้ก่อนไม่มีเื่ใดก็ไม่ต้องไปปลุกฮูหยิน เพื่อไม่ให้นางตื่นขึ้นมาแล้วนอนหลับต่อไม่ได้”
หลังจากหั่วอี้สั่งความเสร็จก็หันกลับมามองหลิ่วจิ้งอย่างอาลัยอาวรณ์คราหนึ่ง เขาเข้าไปห่มผ้าให้นาง แล้วจึงกลับไปล้างตัวที่ห้องนอนและเตรียมตัวเข้านอนเช่นกัน
วันนี้หั่วอี้ได้เห็นอีกด้านหนึ่งของหลิ่วจิ้งเป็ด้านที่บริสุทธิ์ทว่าสง่างาม ภายนอกแสนงดงามภายในเปี่ยมปัญญายิ่งทำให้เขารู้สึกชื่นชมนางแต่ไม่ใช่ความชื่นชมเพียงฉาบฉวยเช่นที่บุรุษ้าได้รับจากเรือนร่างของสตรี
อิ๋งเหอกลับไม่มีอาการตอบสนองใดๆ กับท่าทีที่หั่วอี้มีต่อหลิ่วจิ้งแต่อวี้จิ่นกลับััได้ในใจว่าวันนี้หั่วอี้มีบางสิ่งแปลกไปจากเดิมคล้ายว่าเขาเริ่มคำนึงถึงจิตใจของหลิ่วจิ้งมากกว่าก่อน
นี่คงจะเป็ลางดีสินะ อวี้จิ่นดีใจนักที่เห็นหั่วอี้เป็เช่นนี้นางหวังว่าหลิ่วจิ้งจะมีโอกาสเริ่มต้นใหม่ในต่างแดน ลืมฝันร้ายที่เคยมีในต้าเว่ยไปเสีย
อวี้จิ่นเดินเข้าไปข้างเตียงอีกครั้ง ช่วยปลดทั้งเครื่องประดับศีรษะและกระดุมเสื้อนอกของหลิ่วจิ้งออกอย่างเบามือผมของนางสยายออกเมื่อไม่มีเครื่องประดับบนหัว ร่างกายก็ไม่มีสิ่งใดมารัดรึงหลิ่วจิ้งพลิกตัวขยับหาท่านอนที่สบายขึ้น นอนหลับสนิทไป
“ฮูหยิน หวังว่าวันคืนนับั้แ่นี้ไป ท่านจะได้รับความชื่นชอบ ได้รับความรักจากท่านแม่ทัพเหมือนเช่นวันนี้ปลดเปลื้องความเ็ปในกาลก่อนไปเสีย”
อวี้จิ่นรำพึงบางเบา เฝ้าอยู่ที่ข้างเตียงของหลิ่วจิ้งอีกนานเมื่อเห็นว่าหลิ่วจิ้งนอนหลับสบายราวกับเข้าไปในดินแดนแห่งฝัน นางจึงค่อยๆถอยออกไป
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] ยามไห้ คือ่เวลา 21.00 - 23.00 น.
