ูเาไป่หลิงเป็สถานที่ซึ่งผู้บำเพ็ญทั้งสามคนมารวมตัวกัน ขณะนี้มีจุดสนใจหลักสองประการ
ประการแรก คือ แดนลับในพื้นที่ตอนกลางของูเาไป่หลิงที่เปิดขึ้น และพระราชวังขนาดั์อันงดงามซึ่งสร้างความฮือฮาไปทั่วหล้า ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจจากศิษย์สิบอันดับแรกแห่งดินแดนหยวนซิงไปเป็อย่างมาก
ประการที่สอง คือ การปรากฏตัวของสตรีชุดขาวและกองทัพโครงกระดูกที่ดึงดูดยอดฝีมือหยวนซิวจำนวนมากให้มาเยือนด้วยตนเอง ทว่ามันส่งผลกระทบอย่างมากต่อเชื้อสายหยวนซิว
จุดสนใจหลักทั้งสองแห่งนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ตอนกลางของูเาไป่หลิง แต่อยู่ห่างไกลจากกันค่อนข้างมาก
เมื่อยอดฝีมือเหนือเมฆาเหยียบลงบนูเาไป่หลิงจะมีิญญาอสูรระดับห้าเข้าขวางทางทันที และเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุร้าย ซิงซิว หยวนซิว และจื๋อซิวจึงทำได้เพียงส่งศิษย์ในขอบเขตเปลี่ยนผ่านและขอบเขตผนึกดาราออกมาเพื่อตรวจสอบเท่านั้น
ใกล้กับพระราชวังขนาดั์มีิญญาอสูรกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง และสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติในูเาก็กำลังเฝ้าดูอยู่ด้วย โดยทั้งหมดล้วนหวังว่าจะได้ยึดครองโชคลาภในแดนลับและกีดกันมนุษย์ไม่ให้เข้ามาเกี่ยวข้อง
สำนักทั้งสี่ภายใต้สำนักวั่นจื๋อมาถึงก่อน จากนั้นจึงตามมาด้วยสำนักหยวนซิวทั้งเจ็ดของจักรวรรดิเชียนและสำนักแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญอย่างสำนักแดนศักดิ์สิทธิ์จื๋อซิว หยวนซิว และซิงซิว
แดนลับตั้งอยู่ลึกเข้าไปในหุบเขา มันล้อมรอบด้วยพืชพรรณอันเขียวชอุ่มซึ่งก่อตัวเป็ปราการธรรมชาติ
ครานี้สำนักร้อยบุปผาส่งศิษย์หลักหลายร้อยคนลงมา ซึ่งนำโดยผู้าุโผกามาศโบยบิน ซึ่งมีซิ่งอวี่เจวียนและเสิ่นซินจู๋รวมอยู่ด้วย
ซิ่งอวี่เจวียนเข้าสู่ขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้าแล้ว ขณะที่เสิ่นซินจู๋ก็ประสบความสำเร็จในการเข้าสู่่ท้ายของขอบเขตผนึกดาราขั้นแรก หลังจากนางขัดเกลาและดูดซับแหวนมิติที่หนิงเทียนมอบให้
ลมแรงพัดโหยหวน ปราณกระบี่ไหลผ่านท้องนภา ทุกทิศทางมีเพียงความเงียบงัน
ซิ่งอวี่เจวียนดึงเสิ่นซินจู๋ออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับใบหน้างดงามทั้งสองที่แสดงท่าทางสยองขวัญ
ูเาไป่หลิงมีชื่อเสียงฉาวโฉ่และเป็เื่ยากสำหรับผู้ที่ไม่เคยไปที่จะเข้าใจ
ศิษย์ของสำนักร้อยบุปผากว่าร้อยคนที่ผ่านพื้นที่รอบนอกของูเาไป่หลิงและเข้าสู่พื้นที่ตอนกลาง เกือบครึ่งหนึ่งล้วนสูญหายไป
เมื่อมาถึงบริเวณรอบนอกของหุบเขาซึ่งเป็ที่ตั้งของแดนลับก็มีคนรอดชีวิตไม่ถึงสามสิบคนเสียแล้ว
ใบหน้าของผู้าุโผกามาศโบยบินซีดเผือด เขาเป็ยอดฝีมือในขอบเขตเปลี่ยนผ่าน มีการสูญเสียอย่างหนักเช่นนี้ เขาจะมีหน้ากลับไปได้อย่างไร? “หยุดก้าวไปข้างหน้าก่อน เราจะรอดูว่าข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น”
ประสบการณ์ของสำนักั์พฤกษา สำนักเชียนเฉ่า และสำนักทะยานเวหานั้นคล้ายคลึงกับสำนักร้อยบุปผามาก ทว่าเจ็ดสำนักหยวนซิวที่สำคัญของจักรวรรดิเชียนซานประสบความสูญเสียที่น่าใยิ่งกว่า
ซูอวิ๋นสวมชุดขาวเหมือนเซียนแห่งแสง นางคอยติดตามฉู่จินหงผู้เป็ศิษย์พี่ไม่ห่าง โดยให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวรอบตัวอย่างใกล้ชิด
“พบร่องรอยโถงเพลิงทมิฬ รวมประมาณสี่สิบคน” ศิษย์คนหนึ่งที่กำลังตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับข่าวคราวรีบกลับมาและได้ยินข่าวล่าสุด
ฉู่จินหงกล่าวว่า “ในบรรดาสำนักหยวนซิวหลักทั้งเจ็ดแห่งจักรวรรดิเชียนซาน สถานการณ์ของสำนักอื่นๆ เป็อย่างไรบ้าง?”
“รายงานศิษย์พี่ฉู่อีกห้าฝ่ายได้รับความสูญเสียอย่างหนัก มียอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนผ่านเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังไม่ยอมแพ้”
“ศิษย์น้อง เ้ามีความคิดเห็นอย่างไรกับเื่นี้?”
ซูอวิ๋นยิ้มและกล่าวว่า “อีกห้าสำนักกำลังเสี่ยงชีวิต ยอดฝีมือบางคนอาจทำสิ่งสุดโต่ง ฝ่ายตรงข้ามของเราคือสำนักแดนศักดิ์สิทธิ์สิบอันดับแรก และเราไม่จำเป็ต้องแข่งขันกับสำนักชั้นสาม”
มีศิษย์หลายร้อยคนในสำนักหานเทียนที่เข้ามา ทว่ายามนี้เหลือเพียงสี่สิบเจ็ดคน
เมื่อมองพระราชวังขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างไปอีกหลายสิบลี้เบื้องหน้า มันลอยอยู่กลางอากาศ มีเรือพระจันทร์ลำหนึ่งลอยอยู่นอกพระราชวัง และมีัเขียว พยัคฆ์ขาว หงส์แดง และเต่าดำคอยเฝ้าอยู่ทั้งสี่ทิศ ล้อมรอบด้วยดอกไม้แปลกตา ต้นไม้ประหลาด หญ้าและเถาวัลย์สีเขียว โดยประกอบด้วยองค์ประกอบหลักสามประการได้แก่ซิงซิว หยวนซิว และจื๋อซิว
ดวงตาของฉู่จินหงเผยให้เห็นความร้อนแรงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เร่งความเร็วและก้าวไปข้างหน้า เราจะพยายามคว้าโอกาสนั้นไว้ ไม่เช่นนั้นเราจะไม่สามารถต่อกรกับสำนักแดนศักดิ์สิทธิ์ได้”
ในดินแดนหยวนซิง วังดาราและจวนหยวนเป็การดำรงอยู่ที่สูงที่สุด สำนักแดนศักดิ์สิทธิ์หลักสิบสำนักเป็สำนักชั้นหนึ่ง สำนักเช่นสำนักหานเทียนและโถงเพลิงทมิฬที่มีปรมาจารย์เป็ผู้นำถือเป็สำนักชั้นสอง
สำนักที่มีเพียงยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนผ่านรับผิดชอบเพียงเท่านั้นนับเป็สำนักชั้นสาม หากไม่มีแม้กระทั่งยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนผ่านในสำนัก เช่นนั้นก็แสดงว่าเป็สำนักเล็กและด้อยกว่า
ในดินแดนหยวนซิงอันกว้างใหญ่ มีสำนักชั้นหนึ่งเพียงสิบสำนักเท่านั้น แต่มีสำนักชั้นสองมากกว่าร้อยสำนัก ดังนั้น สำหรับซูอวิ๋นแห่งสำนักหานเทียนยังถือว่ามีคู่แข่งอีกมากมาย
ิญญาอสูรระดับสามและสี่มักจะปรากฏขึ้นในป่า และพวกมันมีส่วนร่วมในการต่อสู้อย่างสิ้นหวังกับผู้บำเพ็ญที่เป็มนุษย์ ทำให้เกิดความตายและการาเ็ทั้งสองฝ่าย
แดนศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญสามแห่งของซิงซิว อันได้แก่ ศาลาดารา์ สำนักดาราทมิฬ และตำหนักดาวเหนือต่างก็ส่งยอดฝีมือจำนวนมากออกมาต่อสู้ผ่านขวากหนามและอุปสรรคตลอดทางจนถึงหุบเขาลับซึ่งพระราชวังั์ตั้งอยู่
แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่แห่งของหยวนซิว อันได้แก่ ตำหนักหยวนนภา โถงหยวนปฐี สำนักอินทนิล และสำนักชื่อหยวนปังต่างก็แบ่งกองกำลังออกเป็สองกลุ่ม ยอดฝีมือบางคนรีบไปยังแดนลับ ขณะที่ยอดฝีมือคนอื่นๆ ตรงไปยังจุดที่หญิงสาวชุดขาวและกองทัพโครงกระดูกอยู่
แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามแห่งของจื๋อซิว อันได้แก่ สำนักกายา สำนัก์ และสำนักวั่นจื๋อต่างก็ระดมพลเป็จำนวนมากโดยมุ่งเป้าไปยังหุบเขาเร้นลับ
มีสำนักชั้นสองของสำนักซิงซิวและหยวนซิวที่ส่งเข้ามามากมาย และสำนักชั้นสามบางสำนักก็ส่งยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนผ่านเข้ามาเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดกำลังหลั่งไหลเข้าสูู่เาไป่หลิง
เรียกได้ว่าเมื่อพายุมารวมตัว ัพยัคฆ์เข้าห้ำหั่น ต้องรอดูว่าใครจะเป็ผู้นำของหลายร้อยฝ่าย?
เกิดการเปลี่ยนแปลงในท้องฟ้า แดนลับถูกเปิดเผยเป็ครั้งแรก ก่อนวงล้อแห่งประวัติศาสตร์จะมากันที่นี่
ยามนี้ผู้กระทำผิดที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทั้งหมดยังคงอยู่บนต้นไม้แห้งเหี่ยวซึ่งสูงทะลุชั้นฟ้าและกำลังมองขึ้นไปยังประตูสีสันสดใส โดยไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเขาคิดสิ่งใดอยู่
ทุกเส้นทางที่หนิงเทียนไปเขาจะได้รับบางอย่างกลับมาเสมอ โดยเฉพาะบนเกาะเล็กๆ การนำทางของจิติญญาประหลาดทำให้เขาตระหนักได้ทันทีว่าตนได้ก้าวไปสู่ขั้นตอนที่สำคัญที่สุด จากการรวมตัวไปสู่การหลอมรวมที่ระดับสูงสุดของขอบเขตจิตหยั่งลึก
“ขั้นตอนต่อไปคือการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตผนึกดารา” หนิงเทียนเต็มไปด้วยความคาดหวังก่อนจะโผบินไปยังประตูหลากสี ประตูสู่์ในร่างกายฟื้นคืนชีพโดยพลันราวกับมันััได้ถึงบางสิ่ง
ประตูสีสันสดใสนี้สูงร้อยจั้งและไม่อาจรู้ว่ามันจะนำไปสู่ที่ใด เมื่อหนิงเทียนเข้ามาใกล้ เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงการปราบปรามของพลังศักดิ์สิทธิ์อันมหาศาล ซึ่งดูเหมือนจะขับไล่เขาออกไป
บนแผนที่จิติญญาเก้ามิติ เงาของประตูสู่์เกิดการเคลื่อนไหวเล็กน้อยพร้อมปล่อยพลังงานที่อธิบายไม่ได้ออกมา ซึ่งต้านทานแรงกดดันของประตูหลากสี ทำให้หนิงเทียนสามารถเข้าสู่ประตูหลากสีได้สำเร็จ และก้าวเข้าสู่พื้นที่อื่นได้ในพริบตา
ห้วงมิติเวลาสีขาวอันกว้างใหญ่ผสมกับร่องรอยของแสงสีฟ้าและสีม่วงดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งทำให้หนิงเทียนใถึงขีดสุด
เดิมทีหนิงเทียนคิดว่าประตูสีสันสดใสนี้จะนำไปสู่ที่ไหนสักแห่ง ใครจะคิดว่าหลังจากเข้าไปแล้ว บริเวณโดยรอบจะเต็มไปด้วยหมอกสีขาว และเขาจะไม่รู้ว่ายามนี้ตนเองอยู่ที่ใดเสียด้วยซ้ำ
ด้วยการใช้ทักษะเก้าเนตร์ ดวงตาของหนิงเทียนเต็มไปด้วยรูปแบบจิติญญาที่ทับซ้อนกัน เมื่อแผนที่จิติญญาเนตรเพลิงรวมเข้ากับทักษะภาพมิติ เขาก็สามารถมองทะลุส่วนหนึ่งของหมอก และมองเห็นลักษณะพิเศษเจ็ดประการได้อย่างคลุมเครือ
“เป็สถานที่ที่แปลกประหลาดจริงๆ แม้แต่ทักษะเก้าเนตร์ก็ไม่สามารถมองผ่านเข้าไปได้” หนิงเทียนลอยอยู่กลางอากาศ ยุทธศาสตร์ครอง์ในร่างกายของเขาหมุนวนด้วยความเร็วสูง พลังงานจิติญญาจำนวนมากถูกฉีดเข้าไปในดวงตา ผลักดันทักษะดวงเนตรให้ทำงานถึงขีดสุด
หมอกที่ม้วนตัวค่อยๆ กระจายออกก่อนจะเผยให้เห็นเกาะเล็กๆ บนเกาะมีบ่อน้ำสีดำโดยพลังที่เล็ดลอดออกมาจากเกาะนั้นช่างน่ากลัวและชั่วร้ายอย่างยิ่ง
มีดอกบัวสีเขียวอยู่ในบ่อสีดำ ทั่วทั้งตัวดอกเต็มไปด้วยแสงแห่งความโกลาหล มันเป็สิ่งพิเศษและไร้มลทิน
หนิงเทียนมองบ่อน้ำสีดำ รูปแบบจิติญญาในรูม่านตาของเขาพังทลายลงพร้อมถูกโจมตีด้วยพลังบางอย่าง ทำให้เขาต้องรีบหันศีรษะและมองไปอีกทาง
ูเาห้อยอยู่ไม่ไกลจากเกาะ บนูเามีต้นไม้สูงพันจั้ง โดยมีนกสีแดงแปลกๆ เกาะอยู่บนลำต้น วงแหวนไฟหลากสีเป็รูปครึ่งวงกลมปรากฏบนหัวนกเพิ่มความงดงาม
“ช่างเป็นกที่สวยงามจริงๆ น่าเสียดายที่มันตัวใหญ่เกินไป ถ้าเล็กกว่านี้คงสามารถจับไปเป็สัตว์เลี้ยงได้”
ต้นไม้ใหญ่ที่นกเกาะอยู่นั้นสูงหนึ่งร้อยจั้ง ดวงตาสีม่วงอมฟ้าช่างดูมีเสน่ห์ ทว่ายังแฝงไว้ด้วยความน่ากลัวบางอย่าง
หนิงเทียนยังคงมองไปในระยะไกล อีกด้านหนึ่งของูเาลอยฟ้า มีกลุ่มเมฆสีม่วงประหลาดตา ทั้งยังมีปลาเวียนว่ายอยู่ในหมู่เมฆ
หนิงเทียนมองด้วยความงุนงงก่อนจะขยี้ตาอย่างจริงจัง เขารู้สึกเหมือนอยู่ในจินตนาการ
จะมีปลาว่ายอยู่ในเมฆได้อย่างไร? นี่มันบ้าอะไรเนี่ย?
เื้ัเมฆสีม่วงมีูเาไฟที่กำลังปะทุอยู่ ในหินหนืดสีแดงมีละมั่งวิ่งอยู่และมีเสือดาวตัวหนึ่งไล่ตามติด
ด้านหลังูเาไฟมีแม่น้ำใหญ่ น้ำในแม่น้ำที่เชี่ยวไหลทว่าลอยล่องไปในความว่างเปล่า โดยถูกยกขึ้นด้วยพลังที่มองไม่เห็น นอกจากนี้ยังมีโลงศพลอยไปตามแม่น้ำอีกด้วย
หนิงเทียนหยิกแก้มของตนเพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้ฝัน อาจมีบางอย่างผิดปกติกับดวงตาของเขาก็เป็ได้
เมื่อมองข้ามแม่น้ำ หนิงเทียนก็เห็นพระราชวังแห่งหนึ่งที่ราวกับภาพลวงตา ซึ่งอยู่ไกลเกินกว่าจะมองเห็นได้ชัด
พระราชวังที่ทอดยาวนั้นเปรียบเสมือนซากปรักหักพังของวัง์ มีคนเต้นระบำอย่างสง่างาม ทั้งยังมีรัศมีของปราณกระบี่เอ้อระเหยอย่างต่อเนื่อง
หนิงเทียนไม่สามารถมองเห็นภาพเื้ัพระราชวังได้อีกต่อไป ดูเหมือนที่นั่นจะมีสถานที่แปลกๆ ซ่อนอยู่ แต่มันก็พร่ามัวเกินไป
มีสถานที่ลึกลับเจ็ดแห่งที่ซ่อนอยู่ภายในประตูหลากสี นี่หมายความว่าอย่างไร?
หนิงเทียนกำลังครุ่นคิด ขณะเดียวกันก็ลอยตัวไปยังเกาะที่ใกล้ที่สุดและได้เห็นดอกบัวสีเขียวอีกครั้ง
มันหยั่งรากลงในบ่อน้ำสีดำ ทันใดนั้นก็มีศพเปล่งพลังแห่งความชั่วร้ายและน่าสะพรึงกลัวโผล่ออกมาจากโคลน
หนิงเทียนเฝ้าดูจากระยะไกลและรู้สึกว่าดอกบัวสีเขียวมีความเกี่ยวข้องกับบงกชสีมรกตบนแผนที่จิติญญาแรกของเขา ไม่แน่เขาอาจจะเริ่มต้นจากมันและพยายามทะลวงเข้าสู่ขอบเขตผนึกดารา
นี่เป็ปัญหาเร่งด่วนที่สุดที่หนิงเทียนต้องแก้ไขในขณะนี้ เขาอยู่จุดสูงสุดของขอบเขตจิตหยั่งลึกแล้ว ดังนั้น วิธีก้าวไปสู่ขั้นตอนสำคัญเป็สิ่งสำคัญสำหรับเขามาก
หนิงเทียนมาที่เกาะและหยุดริมบ่อน้ำสีดำด้วยความรู้สึกวิตกกังวล บงกชสีมรกตปรากฏขึ้นข้างกายก่อนจะลอยเข้าหาดอกบัวสีเขียวที่เต็มไปด้วยความโกลากล จากนั้นจึงหยั่งรากบนใบบัวใบหนึ่งแล้วพ่นแสงแห่งจิติญญาออกมา
หนิงเทียนรู้สึกสบายไปทั้งร่างราวกับเขากลายเป็เซียนที่โบยบิน แต่ความรู้สึกนี้กลับคงอยู่ได้เพียงหนึ่งก้านธูป จากนั้นก็ไม่มีสัญญาณของความก้าวหน้าอีก ซึ่งทำให้หนิงเทียนประหลาดใจ
เป็ไปได้หรือไม่ว่าแนวทางของเขาผิดพลาด? หรือเขามองข้ามบางอย่างไป?
หนิงเทียนกำลังครุ่นคิด เฝ้าดู และวนเวียนอยู่รอบๆ ดอกบัวสีเขียว ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็จ้องไปยังบ่อน้ำสีดำขุ่น ก่อนจะมีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในใจ
“โผล่พ้นโคลนโดยไม่เปื้อน ผ่านการชำระอันบริสุทธิ์มีเสน่ห์แต่ไม่ชั่วร้าย เข้าใจแล้ว!” หนิงเทียนะโด้วยความตื่นเต้น ปรากฎว่าวิธีการก่อนหน้านี้ของเขาผิดจริงๆ
โอกาสสำหรับเขาที่จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตผนึกดารา ไม่ได้อยู่ที่ดอกบัวสีเขียว แต่อยู่ในโคลนของบ่อน้ำสีดำ
หนิงเทียนใช้ยุทธศาสตร์ครอง์ เงาของบงกชสีมรกตที่หยั่งรากอยู่บนใบบัวก็เคลื่อนไปยังศพในบ่อน้ำสีดำทันที
“กระดูกปรมาจารย์!” หนิงเทียนตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าศพในบ่อน้ำสีดำนี้จะเป็ของปรมาจารย์เหนือเมฆา
โคลนในบ่อน้ำสีน้ำพอกพูนไว้ไม่น้อยเลย ภายในมีศพมากมาย ศพเหล่านี้มาจากที่ใด?
หนิงเทียนไม่มีเวลาคิดเื่นี้มากนัก วังวนพลังปรากฏขึ้นนอกร่างกาย ความเร็วในการกลืนพลังิญญานั้นสูงถึงหนึ่งพันสองร้อยเก้าสิบหกเท่าของขอบเขตรวบรวมขั้นเก้า ซึ่งเร็วกว่าศิษย์หลักที่อยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้าเสียอีก
บ่อน้ำสีดำมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวอันไม่มีที่สิ้นสุด แต่กลับเต็มไปด้วยมลภาวะ
คนธรรมดาไม่สามารถดูดซับพลังประเภทนี้ได้ เมื่อถูกปนเปื้อน เส้นลมปราณของพวกเขาก็จะเน่าเปื่อยและพินาศไป แต่ยุทธศาสตร์ครอง์นั้นต่างออกไป มันรวมทักษะวิชาอเวจีทมิฬกลืนกินเข้ากับความสามารถของแผนที่จิติญญาทั้งเก้า เมื่อเป็เช่นนี้จึงสามารถชำระล้างพลังที่เป็อันตรายและตั้งอาณานิคมได้บนทุกสิ่งอย่างแท้จริง
บงกชสีมรกตแกว่งไปมา พร้อมรวบรวมพลังพิเศษไว้มากจนแทบะเิเส้นลมปราณแรก
“วาโยพิโรธ จุดไฟแห่งกระแสพลังในขอบเขตผนึกดารา!” หนิงเทียนะโลั่น เส้นลมปราณเผาไหม้ แผนที่จิติญญาเบ่งบาน เขาลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อควบคุมแผนที่จิติญญาทั้งเก้า และเมื่อรวมกับทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ เขาจึงสามารถเริ่มการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตผนึกดาราได้สำเร็จ
