ระหว่างมื้อเย็น เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าบรรยากาศระหว่างเหลียนเซวียนกับผูหยางชิงหลันดูเหมือนจะตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม
แม้แต่หนุ่มน้อยอวี๋เฟิงหยางผู้รู้ความวางตัวเหมาะสมคอยรับหน้าประนีประนอมอยู่ตรงกลาง ก็ยังถูกผูหยางชิงหลันชักสีหน้าใส่
ชิ ผู้ชายสอนคนโตเป็วัวเป็ม้ากันแล้ว ไม่รู้ทำไมถึงชอบเอาชนะคะคานกันนัก
เซวียเสี่ยวหรั่นมองสีหน้าบึ้งตึงของผูหยางชิงหลัน ก่อนเหลือบไปดูสีหน้าเฉยเมยของเหลียนเซวียน ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี
จำต้องหันไปคีบอาหารให้หนุ่มน้อยกำลังจะโตสองคนแทน
เซวียเสี่ยวเหล่ยอายุจะครบสิบสองปีเต็มเดือนเจ็ด ส่วนอวี๋เฟิงหยางปีนี้อายุสิบสามแล้ว
ทั้งสองอายุอานามไล่เลี่ยกัน แต่เซวียเสี่ยวเหล่ยทั้งรูปร่างเล็กและผอม จึงยังดูค่อนข้างเด็ก
แต่อวี๋เฟิงหยางมีบุคลิกแบบหนุ่มน้อยที่กำลังจะโตเป็ผู้ใหญ่ สูงยาวเข่าดี หน้าตาหล่อเหลา พอมีเค้าให้ดูออกว่าอีกสองสามปีน่าจะกลายเป็หนุ่มหล่อทะนงองอาจคนหนึ่ง
"เสี่ยวเหล่ย เ้าต้องกินเยอะๆ ดูพี่ชายน้อยอวี๋สิ อายุมากกว่าแค่ปีเดียว กินได้มากกว่าเ้าตั้งเยอะ"
อวี๋เฟิงหยางเติมข้าวเป็ชามที่สามแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นแล้วยังรู้สึกทึ่ง เดิมทีเธอคิดว่าปริมาณอาหารของเหลียนเซวียนกับเซวียเสี่ยวเหล่ยว่าเยอะแล้ว แต่เมื่อเทียบกับอวี๋เฟิงหยาง เห็นชัดว่าเทียบไม่ติด
คำพูดประโยคเดียวทำเอาเด็กสองคนหน้าแดงซ่าน
"แค่กๆ ทำให้แม่นางเห็นเื่ขบขันแล้ว เมื่อวานขึ้นเขากับอาจารย์ หลังจากออกมาก็ไปจวนสกุลหลิว ทั้งข้าและอาจารย์ยังไม่มีสิ่งใดตกถึงท้องเลยทั้งวัน ดังนั้นจึงกินมากหน่อยขอรับ"
อวี๋เฟิงหยางกลับตรงไปตรงมายิ่งนัก
"ไม่ใช่ๆ พี่ชายน้อยอวี๋อย่าเข้าใจผิด พวกเ้าอยู่ในวัยเติบโต กินเยอะหน่อยเป็เื่ปรกติ แต่อาหารควรกินให้ครบสามมื้อจะดีกว่า มิเช่นนั้นกระเพาะจะมีปัญหาได้ง่าย"
เซวียเสี่ยวหรั่นทรมานจากโรคกระเพาะมานาน จึงเอ่ยปากเกลี้ยกล่อมออกไปโดยไม่รู้ตัว
ผูหยางชิงหลันได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ "กระเพาะของเฟิงหยางดีมาก แต่ของแม่นางสิธาตุอินไม่เพียงพอ"
เซวียเสี่ยวหรั่นได้ยินคำกล่าว ก็มองเขาด้วยความเลื่อมใสศรัทธา "คุณชายผูหยางวิชาแพทย์สูงส่งยิ่งนัก เพียงแค่มองตาเปล่าก็ดูออกว่ากระเพาะของข้าย่ำแย่มาก"
"แม่นางเซวียไม่เพียงแต่อินพร่องในกระเพาะ เืลมก็ไม่เพียงพอ ตับและไตอ่อนแอ สายตาไม่อาจมองเห็นระยะไกล มองเห็นแต่ระยะใกล้ๆ เท่านั้น มีอาการของโรคมองไกลไม่ชัด" ผูหยางชิงหลันสังเกตเห็นนานแล้วว่านางมักหรี่ตามองอยู่เป็พักๆ
"โรคมองไกลไม่ชัด?" เซวียเสี่ยวหรั่นเอ่ยปากพลางขบคิด หลังจากนั้นก็พยักหน้าหลายครั้งต่อเนื่องกัน "ใช่ๆ ข้าสายตาสั้น มองระยะไกลภาพจะพร่าเลือนไม่ชัดเจน คุณชายผูหยางสมกับเป็หมอเทวดาโดยแท้"
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกชื่นชมจากใจจริง ถือโอกาสตบสะโพกม้า [1] ไปในเวลาเดียวกัน
ความสัมพันธ์กับผูหยางชิงหลันจะปล่อยให้ง่อนแง่นเช่นนี้ไม่ได้ เหลียนเซวียนต้องพึ่งผู้อื่นช่วยแก้พิษอยู่ หากสามารถผ่อนคลายบรรยากาศตึงเครียดระหว่างพวกเขาสองคนได้ ยิ่งเป็การดี
"พวกนี้เป็แค่โรคเล็กน้อย ฝังเข็มรักษาพักหนึ่งก็หาย"
ผูหยางชิงหลันปรายตาไปที่เหลียนเซวียนโดยไม่กระโตกกระตาก พลางยิ้มให้เซวียเสี่ยวหรั่นอย่างสนิทชิดเชื้อยิ่งกว่าเดิม
"สายตาก็สามารถฝังเข็มให้หายได้หรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แม้การมองเห็นของเธอตอนนี้จะดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ยามมองไกลๆ ก็ยังเห็นภาพมัวอยู่ ถ้าสามารถหายเป็ปรกติก็เยี่ยมไปเลย
"ย่อมได้อยู่แล้ว" ผูหยางชิงหลันยิ้มพลางเลิกคิ้ว ลอบสังเกตปฏิกิริยาของเหลียนเซวียนอย่างแเี
แต่น่าเสียดาย หน้าน้ำแข็งดวงนั้นก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
"การฝังเข็มต้องฝังด้านข้างของดวงตาหรือ" เซวียนเสี่ยวหรั่นเริ่มพะวง เข็มเงินเล่มยาวมาก หากแทงรอบดวงตา เจ็บไม่ว่า เห็นแล้วยังน่าสยดสยอง
"ฝังที่จุดเฉิงฉี ซื่อไป๋ เจียนจงอวี๋ โถวเว่ย ฉิวโฮ่ว จิงิ กวงิ ไท่ชง จ้าวไห่ ซือจู๋คง ฝังวันละหนึ่งกลุ่ม หมุนเวียนสับเปลี่ยนตำแหน่งไป ให้ได้สิบครั้งในหนึ่งสัปดาห์"
ผูหยางชิงหลันเอ่ยตำแหน่งฝังเข็มอย่างช้าๆ พอเห็นแม่นางฝั่งตรงข้ามหน้าซีด ก็ค่อยครึ้มอกครึ้มใจ
"ต้องฝังเข็มเยอะขนาดนี้เลยหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นบ่นพึมพำ เอื้อมมือไปปิดตาทั้งสองข้างโดยไม่รู้ตัว ทำอย่างไรดี ชักกลัวขึ้นมาเสียแล้วสิ
"ไม่เยอะหรอก ถ้าอยากให้สายตาฟื้นฟูกลับมาเห็นชัดแจ๋วอีกครั้ง การฝังเข็มคือวิธีที่เร็วที่สุด" ผูหยางชิงหลันหยิบเข็มรักษาออกมาจากแขนเสื้อ แล้วเปิดออกช้าๆ
เข็มเงินวาววับเรียงกันเป็ระเบียบอยู่ด้านใน
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นแล้วก็กลืนน้ำลายอย่างตึงเครียด โอ้แม่เ้า ต้องฝังเข็มจริงๆ หรือ ต้องเจ็บมากแน่เลย
ผูหยางชิงหลันเห็นนางกลืนน้ำลาย ก็ลอบขำในใจ เหลือบดูท่าทีของเหลียนเซวียน เ้าทึ่มผู้นั้นยังคงกินข้าวอย่างสบายอารมณ์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ฮึ ดูว่าเ้าจะอดกลั้นได้ถึงเมื่อไร
เขาหยิบเข็มเล่มหนึ่งวางตรงหน้า ในเข็มเงินวาวสะท้อนดวงตาสีดำสนิทของเขาซึ่งคล้ายมีประกายเยียบเย็นวาบผ่าน
เซวียเสี่ยวหรั่นใจสั่นสะท้าน ท่าจับเข็มเงินของผูหยางชิงหลันผู้นี้ดูราวกับศัลยแพทย์จับมีดผ่าตัดอย่างไรอย่างนั้น ชวนให้คนรู้สึกขนลุกเกรียว
"แฮ่ม เอ่อ คุณชายผูหยาง ท่านเคยฆ่าเชื้อเข็มเหล่านี้บ้างหรือไม่"
พอเห็นเขาทำท่าราวกับพร้อมจะจับเธอฝังเข็มตลอดเวลา เซวียเสี่ยวหรั่นก็กลอกตารอบหนึ่งก่อนพลั้งปากออกไป
"ฆ่าเชื้อ?" ผูหยางชิงหลันมองด้วยแววตาสงสัย
"ใช่สิ ท่านเคยใช้เข็มนี่ฝังให้คนอื่นมาแล้ว ฝังเสร็จก็ต้องฆ่าเชื้อสิ มิเช่นนั้นอาจเกิดการอักเสบติดเชื้อได้ง่าย" พอหลุดปากออกไปแล้วเซวียเสี่ยวหรั่นถึงหยุดชะงัก
ตอนนี้ยังไม่น่าจะมีแนวความคิดเกี่ยวกับการติดเชื้อหรืออักเสบกระมัง ดูเหมือนว่าเธอจะพูดถึงเื่ที่ล้ำหน้าเกินไปหน่อย
คนบนโต๊ะต่างมองมาที่นาง ดวงตาของเหลียนเซวียนแฝงความรู้สึกจนใจอยู่บ้าง
เซวียเสี่ยวหรั่นเบะปาก ประเสริฐ เธอปากไวอีกแล้ว
"แม่นางเซวียรู้วิชาแพทย์?" ผูหยางชิงหลันสนใจขึ้นมาทันที
"ไม่รู้" เซวียเสี่ยวหรั่นส่ายหน้าอย่างซื่อๆ
"เช่นนั้น เ้ารู้เื่ฆ่าเชื้อ แล้วก็เอ่อ... อักเสบติดเชื้อได้อย่างไร" ผูหยางชิงหลันมองนางอย่างพินิจ
หญิงสาวรูปร่างผอมเพรียว ผิวพรรณขาวกระจ่าง หน้าตาจิ้มลิ้ม รูปโฉมระดับปานกลางค่อนไปทางสูง ไม่อาจนับว่าสวยสะคราญเป็พิเศษ แต่กลับมองแล้วเจริญหูเจริญตา
"คือว่าเอ่อ... ก็มันเป็... ความรู้ทั่วไปน่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นตอบกลับไปอย่างละล้าละลัง
"ความรู้ทั่วไป?" ผูหยางชิงหลันอึ้งไปชั่วขณะ ความรู้ทั่วไปอะไรอีกล่ะ ไฉนเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
"แฮ่ม ศิษย์พี่ ท่านปู่ของเสี่ยวหรั่นมีความรู้กว้างขวางมาก ความรู้ทั่วไปของนางก็มาจากการคำสอนของท่าน" เหลียนเซวียนช่วยหาเหตุผลที่พอฟังขึ้นให้เซวียเสี่ยวหรั่น เขาได้ยินนางเอ่ยถึงบ่อยครั้ง ว่าปู่ของนางเคยสอนอะไรไว้บ้าง ดังนั้นไม่นับว่าเป็การหลอกลวง
เซวียเสี่ยวหรั่นดวงตาสว่างวาบ จริงสิ นางผลักทุกอย่างไปให้คุณปู่ก็ได้นี่ อย่างไรเสียก็ไม่มีใครตามตรวจสอบกับคุณปู่ของเธอได้อยู่แล้ว
"อ้อ ที่แท้ท่านปู่ของแม่นางก็เป็นักปราชญ์ผู้มีความรู้กว้างขวางนี่เอง มิทราบว่าบ้านเกิดของแม่นางอยู่แห่งหนใด ภายหน้ามีโอกาสจะได้ไปคารวะผู้ท่านผู้าุโสักครา" ผูหยางชิงหลันถามหยั่งเชิง
"เอ่อ... ท่านปู่ของข้าอยู่อีกโลกหนึ่งน่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นทำตาปริบๆ เธอไม่ได้พูดโกหก ปู่ของเธอก็ไม่ได้อยู่ในโลกนี้จริงๆ
"โอ้ ขออภัย บุ่มบ่ามไปแล้ว" ผูหยางชิงหลันรีบเอ่ยขอขมา
"ไม่เป็ไร" เซวียเสี่ยวหรั่นยกมือขึ้นโบก
ผูหยางชิงหลันย้อนกลับไปถามเื่ฆ่าเชื้อกับการอักเสบอีกหน เขารู้สึกสนใจถ้อยคำแปลกใหม่สองคำนี้เป็พิเศษ
พอหาหนทางลงพบแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็ไม่กลัวว่าจะถูกสงสัยอีก ดังนั้นจึงบอกเล่าเกี่ยวกับการฆ่าเชื้อ และการอักเสบเท่าที่เธอรู้กับเขา
ผูหยางชิงหลันฟังไป ดวงตาก็ทอประกายวับวาว
...
[1] ตบสะโพกม้า หมายถึงการประจบสอพลอ
