เนี่ยหลีพูดเช่นนี้ หากตระกูลเสินเซิ่งมาหาเื่เนี่ยหลี จะมิใช่หมายความว่าตระกูลเสินเซิ่งทั้งบ้านล้วนเป็พวกต่ำช้าหรอกหรือ
ไม่ว่าจะเป็เสิ่นซิ่วหรือเสิ่นเยวี่ย ล้วนถูกเนี่ยหลียั่วโมโหจนแทบกระอักเืออกมา
เยี่ยจื่ออวิ๋นอดที่จะหันไปมองเนี่ยหลีอีกรอบมิได้ นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าเนี่ยหลีจะกล้าถึงเพียงนี้ ถึงกับกล้ากล่าวโทษตระกูลเสินเซิ่งซึ่งเป็หนึ่งในสามตระกูลหลักของเมืองกวงฮุย ่ที่ผ่านมา การกระทำของเนี่ยหลีทำให้ผู้คนไม่อาจเมินเฉยต่อชีวิตที่เหลืออยู่ของเขาได้ ในใจเยี่ยจื่ออวิ๋นค่อนข้างสงสัย ที่แท้เนี่ยหลีเป็คนเช่นไรกันแน่?
ส่วนเซียวหนิงเอ๋อร์ ได้ยินวาจาเชือดเฉือนของเนี่ยหลีที่โจมตีใส่จุดอ่อนของตระกูลเสินเซิ่ง นางอดที่จะรู้สึกชอบใจมิได้ เนื่องเพราะครอบครัวของนาง้าให้นางแต่งเข้าบ้านตระกูลเสินเซิ่งเสมอมา ในใจของนางขัดแย้งกันอย่างยิ่ง ั้แ่แรกนางก็มีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อตระกูลเสินเซิ่งอยู่แล้ว ได้ยินเนี่ยหลีรุกไล่เสิ่นซิ่วเข้าตาจน เสิ่นเยวี่ยก็ถึงขนาดตะลึงจนพูดไม่ออก ด้านหนึ่งใช้วิธีระราน นางอดหัวเราะออกมามิได้ ขณะเดียวกัน ในใจของนางก็เต็มไปด้วยความยอมรับนับถือเนี่ยหลี จะต้องมีความรู้ลึกซึ้งสักเพียงใด เพียงชำเลืองมองคราวเดียวก็สามารถบอกที่มาของยันต์ะเิเพลิงสีแดงได้แล้ว ที่แท้ในขณะที่คนเหล่านี้มัวเสียเวลาแต่ละวันไปโดยเปล่าประโยชน์ เนี่ยหลีกลับได้อ่านหนังสือมากมาย
เวลาเดียวกัน ด้านนอกห้องเรียน หลีว์เย่รีบรุดวิ่งเข้ามา ส่งมอบหนังสืออัคคีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ผู้เฒ่าชุดเทา
ท่านรองอาจารย์ใหญ่เยี่ยเซิ่งเอาแต่เฝ้าสังเกตอารมณ์ของผู้เฒ่าชุดเทา
ผู้เฒ่าชุดเทาพลิกหนังสืออัคคีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ไปที่ยันต์รูปแบบที่หกในหน้าสามสิบ พอเห็นยันต์อัคคีสายฟ้าชุดนี้ จากนั้นเทียบกับยันต์ะเิเพลิงสีแดง สีหน้าก็บึ้งตึงไม่พูดไม่จา
เยี่ยเซิ่งก็ไม่กล้าพูดมาก นี่เป็เื่อื้อฉาวของตระกูลเสินเซิ่งโดยแท้ เกี่ยวพันกับชนชั้นสูงของเมืองกวงฮุย ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าพูดสิ่งใดมากนัก
ผู้เฒ่าชุดเทามองๆ หนังสืออัคคีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ตัวหนังสือในนั้นซับซ้อนยิ่ง แม้แต่เขาก็ยังจดจำได้เพียงไม่กี่ตัว เนี่ยหลีมีความรู้ลึกซึ้งมากมายนัก เขารู้สึกอัศจรรย์ใจและเงียบไปครู่หนึ่ง เนี่ยหลี นักเรียนผู้นี้มีพร์ถึงปานไหนหนอ?’
เยี่ยเซิ่งเหล่มองหลีว์เย่ กับนักเรียนไร้ชื่อผู้หนึ่ง เป็ไปไม่ได้ที่รองอาจารย์ใหญ่เช่นเขาจะมีข้อมูลอะไร
หลีว์เย่รีบพูด “ข้าเพิ่งไปตรวจสอบมา เขามีอาณาเขติญญาสีแดง”
ผู้เฒ่าชุดเทาพยักหน้า “น่าเสียดาย เด็กคนนี้มีความรู้กว้างขวาง แต่พร์ด้านนี้กลับด้อยนัก ไม่เช่นนั้นอนาคตคงไร้ขีดจำกัด เยี่ยเซิ่ง ให้เขาไปทำหน้าที่ดูแลห้องสมุด!”
“ขอรับ!” เยี่ยเซิ่งรีบพยักหน้า เขารู้ว่าผู้เฒ่าชุดเทาชื่นชอบผู้มีพร์ แม้พร์แต่กำเนิดของเนี่ยหลีจะอ่อนด้อย แต่กลับมีความรู้กว้างขวาง แม้แต่หนังสืออัคคีสายฟ้า์ก็ยังอ่านได้เข้าใจ หากได้เป็บรรณารักษ์ประจำห้องสมุดย่อมสามารถศึกษาค้นคว้าตำรับตำราต่างๆ ได้อีกมากมาย ทุกคนในเมืองกวงฮุยให้ความสำคัญกับการฝึกยุทธ์ มีน้อยคนนักที่จะสนใจศึกษาค้นคว้าหนังสือโบราณเหล่านี้ ผู้เฒ่าชุดเทาจัดการเช่นนี้อีกส่วนก็เพื่อปกป้องเนี่ยหลี เพราะการเป็บรรณารักษ์ของโรงเรียนกวงฮุยเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรตระกูลเสินเซิ่งก็ไม่กล้าคุกคามเนี่ยหลีเป็แน่
ทว่าเนี่ยหลีมีหรือจะหวั่นเกรงการคุกคามจากตระกูลเสินเซิ่ง? หากเป็ชาติก่อน เนี่ยหลีคงต้องกลัวจนหัวหด หนีตระกูลเสินเซิ่งแทบไม่ทัน แต่สำหรับชาตินี้ เนี่ยหลีจะไม่ยอมกล้ำกลืนฝืนทนอีกต่อไป
หนี้แค้นในชาติที่แล้ว เนี่ยหลียังจดใส่บัญชีไว้และจะต้องตอบแทนตระกูลเสินเซิ่งให้สาสมครบถ้วน!
เสิ่นซิ่วจ้องมองเนี่ยหลีอย่างเคืองแค้น นางเกลียดเนี่ยหลีเข้ากระดูกดำ จึงพูดขึ้นด้วยเสียงเ็า “เื่ราวในวันนี้ ข้าจะจดจำไว้!” เสิ่นซิ่วเป็คนอาฆาตมาดร้าย ในเมื่อมีฐานะเป็อาจารย์ของเนี่ยหลี นางย่อมมีวิธีการมากมายที่จะจัดการเนี่ยหลี
หึหึ เนี่ยหลียิ้มอย่างเ็า ในฐานะที่เป็อาจารย์ นางกลับกล้าข่มขู่นักเรียนคนหนึ่งในชั้นเรียน นี่เรียกว่าคนน่าไม่อาย! ต่อให้ตระกูลเสินเซิ่งไม่มาหาเื่เขา เขาก็ต้องเป็ฝ่ายเริ่มไปหาเื่ตระกูลเสินเซิ่งอยู่ดี!
นี่เป็เพียงการเผชิญหน้ากันครั้งแรกเท่านั้น เนี่ยหลียังมีลูกเล่นอีกมากมาย เพียงแต่ยังไม่อยากเปิดเผยออกมาเสียทั้งหมด เวลานี้กำลังของเนี่ยหลียังไม่เพียงพอ เขาไม่ควรต่อต้านตระกูลเสินเซิ่งมากเกินไป ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็ถึงหนึ่งในสามตระกูลหลักของเมืองกวงฮุยอยู่ เนี่ยหลีเข้าใจดีว่าเขาต้องรีบเพิ่มพูนกำลังของตนโดยด่วนอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นเสิ่นซิ่วก็ไม่มีอารมณ์จะสอนต่อไปแล้ว นางรีบจบการบรรยายแต่เพียงเท่านี้
สิ่งที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนแพร่สะพัดออกไปในหมู่นักเรียนอย่างรวดเร็ว เล่าต่อกันไปเป็ทอดๆ ตระกูลเสินเซิ่งที่มักทำตัวสูงส่ง ไม่ว่าจะพยายามปกปิดอย่างไร ความผิดครั้งนี้ฝ่าฝืนจรรยาบรรณของผู้ควบคุมจิตอสูรอย่างแรง ดังนั้นผู้ควบคุมจิตอสูรทุกคนจึงดูแคลนนัก ตระกูลเสินเซิ่งได้แต่เห็นเนี่ยหลีเป็ดังหอกข้างแคร่ ทว่าไม่อาจทำอันตรายเนี่ยหลีได้ ตรงกันข้าม หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเนี่ยหลี ทุกคนคงต้องสงสัยตระกูลเสินเซิ่งเป็อันดับแรก เื่โจ่งแจ้งเช่นนี้ ตระกูลเสินเซิ่งยังไม่กล้ากระทำการสิ่งใด ไม่ว่าอย่างไรตระกูลเสินเซิ่งก็ไม่อาจปิดบังความจริงนี้ได้
หลังจากเหตุการณ์นี้ เกียรติและชื่อเสียงของตระกูลเสินเซิ่งถูกกระทบอย่างใหญ่หลวง พูดกันว่าท่านประมุขของตระกูลเสินเซิ่งพยายามขอเข้าเยี่ยมบิดาของเยี่ยจื่ออวิ๋น ทว่าท่านเ้าเมืองกลับปฏิเสธ
ส่วนเนี่ยหลี เื่ครั้งนี้ย่อมเป็เื่ที่น่าตื่นเต้นยินดีนัก
แม้เขายังไม่รู้ว่าจะเข้าไปใกล้ชิดเยี่ยจื่ออวิ๋นได้อย่างไร ทว่าหากเขาสามารถทำลายการหมั้นหมายระหว่างเสิ่นเยวี่ยและเยี่ยจื่ออวิ๋นลงได้ นี่ก็เพียงพอให้ดีใจแล้ว
ผลจากเหตุการณ์ในวันนี้ มุมมองอันดีของเยี่ยจื่ออวิ๋นต่อเสิ่นเยวี่ยก็ตกฮวบลงไปเป็อันมาก
ณ ห้องทำงานท่านรองอาจารย์ใหญ่
เสียงแหลมๆ ของเสิ่นซิ่วดังลอดออกมา
“ท่านรองอาจารย์ใหญ่เยี่ยเซิ่ง นักเรียนเนี่ยหลีผู้นี้ไม่เคารพยำเกรงผู้าุโ เขากล้าขัดแย้งกับอาจารย์ของตนในชั้นเรียน น่ารังเกียจเป็ที่สุด ข้าขอให้ท่านรองอาจารย์ใหญ่อนุมัติ ให้ขับไล่มันออกไปจากโรงเรียน!” เสิ่นซิ่วกล่าวอย่างโกรธแค้น
ต่อให้ไม่มีคำพูดจากใต้เท้าท่านนั้น ความรู้ของเนี่ยหลีกว้างขวางลึกซึ้งนัก แม้อนาคตข้างหน้าไม่อาจกลายเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรที่ยิ่งใหญ่ได้ ก็ยังอาจจะเป็แขกคนสำคัญของท่านผู้เฒ่า เยี่ยเซิ่งจะขับไล่เขาออกไปได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น เนี่ยหลีก็เป็ที่ถูกใจผู้เฒ่าท่านนั้น อย่างไรก็ตาม เสิ่นซิ่วก็เป็คนจากตระกูลเสินเซิ่ง ยังควรไว้หน้าให้บ้าง เยี่ยเซิ่งยิ้มแย้มและพูดว่า “เื่นี้ ข้าจะลองพิจารณาดูอีกที การขับไล่นักเรียนออกจากโรงเรียนมีผลกระทบใหญ่หลวงนัก”
“ท่านรองอาจารย์ใหญ่เยี่ยเซิ่ง ยังมีอันใดต้องพิจารณาอีก ข้าขอให้ท่านขับไล่เนี่ยหลีออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่สอนชั้นนั้นอีก!” เสิ่นซิ่วพูดอย่างโกรธเคือง
ดวงตาเยี่ยเซิ่งเป็ประกาย แม่นางเสิ่นซิ่วผู้นี้โอหังจนไม่รู้จักว่าเมื่อใดควรถอย เขายิ้มและพูด “หากเป็เช่นนั้น ข้าจะย้ายเ้าไปสอนที่ชั้นอื่นดีหรือไม่?”
เสิ่นซิ่วลังเลเล็กน้อย นางคิดว่าเยี่ยเซิ่งคงจะยอมไว้หน้าตระกูลเสินเซิ่งอยู่บ้าง แต่ฟังจากคำพูดของเขา เสิ่นซิ่วเข้าใจความหมายบางอย่างในคำพูดนั้น เยี่ยเซิ่งยืนยันที่จะปกป้องเนี่ยหลี หากนางถูกย้ายไปสอนห้องอื่น นางก็ไม่มีหนทางจะสร้างปัญหาให้แก่เนี่ยหลีได้แล้ว เสิ่นซิ่วด่าเยี่ยเซิ่งในใจและกล้ำกลืนความรู้สึกต่างๆ ลงไปแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ไม่จำเป็แล้ว เื่ราวในวันนี้ก็ช่างเถอะ อีกสองเดือนข้างหน้าจะมีการทดสอบเลื่อนชั้นเป็นักสู้ หากถูกจัดอยู่ในสามลำดับท้าย เช่นนั้นท่านรองอาจารย์ใหญ่เยี่ยเซิ่งก็คงไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่หรือไม่? ตามกฎของโรงเรียนเซิ่งหลัน สามลำดับท้ายจะต้องถูกขับออกจากโรงเรียน!”
“ย่อมไม่มีปัญหาใดอยู่แล้ว!” เยี่ยเซิ่งหัวเราะหึหึ
เสิ่นซิ่วส่งเสียงฮึและหมุนกายกระแทกประตูจากไป
เห็นเสิ่นซิ่วจากไปแล้ว ดวงตาของเยี่ยเซิ่งฉายแววเย็นะเื เสิ่นซิ่วอาศัยความเป็คนของตระกูลเสินเซิ่งจึงเย่อหยิ่งและเผด็จการเกินไป เยี่ยเซิ่งคิดๆ ดู ระดับของเนี่ยหลีต่ำเกินไป แต่ด้วยความรู้ลึกซึ้งของเนี่ยหลี คงไม่อยู่ในสามลำดับรั้งท้ายอย่างแน่นอน แต่ต่อให้เขาอยู่ในสามลำดับรั้งท้ายและต้องถูกขับออกจากโรงเรียน ใต้เท้าท่านนั้นก็คงยินดีจ้างเนี่ยหลีทำงาน
เวลานี้ ชั้นสามของห้องสมุดประจำโรงเรียนมีห้องเล็กๆ มากมายแบ่งย่อยสำหรับให้นักเรียนของโรงเรียนเซิ่งหลันใช้อ่านหนังสือ แต่เวลานี้กลับกลายเป็ฐานทัพของเนี่ยหลีและคณะ เพราะเนี่ยหลีเพิ่งได้รับการว่าจ้างจากทางโรงเรียนให้เป็บรรณารักษ์ประจำห้องสมุด การเป็บรรณารักษ์ไม่จำเป็ต้องทำอะไรและยังได้รับเงินเดือนกว่าสามร้อยเหรียญจิตอสูรทุกๆ เดือน เื่ดีๆ เช่นนี้ผู้ใดจะไม่ยินยอมเล่า?
การกระทำของโรงเรียนเซิ่งหลันที่ว่าจ้างเนี่ยหลีดูค่อนข้างแปลก แต่เมื่อเนี่ยหลีลองคิดดูก็เข้าใจ ระดับสูงของโรงเรียนเซิ่งหลันคงตั้งใจปกป้องเขาจากตระกูลเสินเซิ่ง! แม้ตำแหน่งบรรณารักษ์ประจำโรงเรียนไม่ใช่ตำแหน่งใหญ่โตอันใดนัก แต่ก็ยังเป็บรรณารักษ์แห่งโรงเรียนเซิ่งหลัน ต่อให้เป็ตระกูลเสินเซิ่งก็ต้องคำนึงถึงผลกระทบ
กับเื่นี้ เนี่ยหลีรู้สึกชื่นชมต่อระดับสูงของโรงเรียนเซิ่งหลันเป็อันมาก
รองอาจารย์ใหญ่เยี่ยเซิ่งยังไม่รู้ เพราะคำพูดของผู้เฒ่าท่านนั้น เขาจึงจัดการว่าจ้างให้เนี่ยหลีเป็บรรณารักษ์ อันจะนำมาซึ่งประโยชน์ใหญ่หลวงต่อโรงเรียนเซิ่งหลันในอนาคตข้างหน้า
“เนี่ยหลี เ้าต่อต้านตระกูลเสินเซิ่งเช่นนี้จะไม่แย่เอาหรือ?” ตู้เจ๋อนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดขึ้น เขาเป็คนระมัดระวังตัว
“ใครจะสนว่าดีหรือไม่ดี ตรงไปตรงมาก็พอแล้ว” ลู่เพียวเบ้ปาก เห็นสีหน้าของเสิ่นซิ่วเต็มไปด้วยควันโมโห เขาชอบใจยิ่งนัก ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่ชอบสตรีผู้นี้เอาเสียเลย
เนี่ยหลีมองตู้เจ๋อแล้วก็พยักหน้า “ข้ามีความคิดหลายอย่าง! สองสามวันนี้พวกเราจะไม่เข้าเรียน เดาว่าเสิ่นซิ่วจะกังวลยิ่งนัก”
ในเมื่อเนี่ยหลีตัดสินใจเช่นนี้ ตู้เจ๋อก็ไม่พูดอะไร
ขณะนี้เนี่ยหลีอยู่กับตู้เจ๋อและลู่เพียว ยังมีนักเรียนสามัญชนอีกสามคน พวกเขาคือนักเรียนที่ยืนอยู่หลังชั้นกับเนี่ยหลี พร์ของพวกเขาก็ไม่ดีเช่นกัน มีเพียงอาณาเขติญญาสีแดง นักเรียนสามัญชนทั้งสามนี้มีชื่อว่าเว่ยหนาน จูเสียงจวิ้น จางิ และเนี่ยหลียังค่อนข้างเชื่อใจพวกเขา ในอดีต พวกเขาเป็มือขวาของตู้เจ๋อ ความสัมพันธ์กับเนี่ยหลีไม่นับว่าดีอะไร ทว่าพวกเขาซื่อสัตย์ยิ่ง ต่อตู้เจ๋อมีความจงรักภักดียิ่ง เมื่อครั้งที่เมืองกวงฮุยถูกทำลาย พวกเขาร่วมต่อสู้อย่าเอาเป็เอาตายกับตู้เจ๋อ ล้วนเป็พี่น้องที่กล้าหาญยิ่งนัก!
และในชีวิตหนนี้ กลุ่มเล็กๆ ของพวกเขามีเนี่ยหลีเป็ผู้นำแล้ว
“ข้าเพิ่งใช้เงินกว่าหกพันเหรียญจิตอสูรไปซื้อผลึกิญญาเบื้องต้นมาหกอัน ต่อไปข้าจะทดสอบความเหมาะสมของพวกเ้า!” เนี่ยหลีจ้องมองพวกเขาและพูด
“ทดสอบความเหมาะสมรึ? มิใช่พวกเราได้รับการทดสอบความเหมาะสมไปั้แ่ตอนที่เข้ามาเรียนหนังสือแล้วหรอกหรือ?” ตู้เจ๋อเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เนี่ยหลียิ้มอย่างมีลับลมคมในและพูด “การทดสอบของข้าไม่เหมือนกับของพวกเขา!”
ทุกคนในห้องพากันสงสัย เมืองกวงฮุยใช้วิธีการนี้มาั้แ่เริ่มก่อตั้ง พลังิญญาของพวกเขาถูกทดสอบมาแล้ว เนี่ยหลียัง้าทดสอบสิ่งใดอีกเล่า? ผลึกิญญาเบื้องต้นอันหนึ่งมีราคากว่าพันเหรียญจิตอสูร! และเนี่ยหลียังซื้อมาในครั้งเดียว! อย่างไรก็ตาม ความรู้ลึกซึ้งที่เนี่ยหลีได้แสดงออกมาทำให้พวกเขายอมรับ พวกเขาฟังคำตอบของเนี่ยหลีอย่างไม่มีข้อสงสัย
“ผลึกิญญาเบื้องต้นที่ยังไม่เคยถูกใช้มาก่อนจึงจะตอบสนองได้ดีที่สุด หากมันถูกใช้ทดสอบอาณาเขติญญากับคนๆ เดียว จะมีความแม่นยำที่สุด แต่หากมีคนสองคนใช้ผลึกิญญาเบื้องต้นซ้ำกัน ผลึกิญญาเบื้องต้นจะถูกรบกวน และมันจะสามารถใช้ตรวจสอบระดับของอาณาเขติญญากับพลังิญญาได้เท่านั้น” เนี่ยหลียิ้มแย้มกล่าว
“นอกจากชนิดของอาณาเขติญญากับพลังิญญาแล้ว ยังตรวจสอบสิ่งใดได้อีก?” ลู่เพียวถามด้วยความสงสัย
“คุณลักษณะและรูปร่างของอาณาเขติญญา!” เนี่ยหลียิ้มแย้มตอบ
ตู้เจ๋อ ลู่เพียวและพวกที่เหลือต่างมองหน้ากันไปมา สิ่งที่เนี่ยหลีเพิ่งอธิบายออกมา ฟังแล้วลึกซึ้งเต็มสิบเลยทีเดียว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้