เคอโยวหรานถือไข่ไก่เดินเอ้อระเหยเข้าไปในเรือนสกุลเคอ
ล้วนกล่าวกันว่ามาเร็วไม่เท่ามาได้จังหวะ ในขณะนั้นเอง ต่งปี้อู่กำลังพาเคอเสี่ยวหรูนั่งรถม้ามาถึงหน้าประตูพอดี
ต่งปี้อู่ประคองเคอเสี่ยวหรูลงจากรถม้าอย่างระแวดระวัง สายตาเอาแต่จดจ้องหน้าท้องของนาง ด้วยกลัวว่าบุตรจะเป็อันใดไป
ระยะหลังมานี้เคอเสี่ยวหรูลำพองใจยิ่งนัก เนื่องจากนางถูกคนสกุลต่งประคบประหงมราวกับเป็สมบัติล้ำค่า
เดิมทีก็หยิ่งผยอง ยามนี้ยิ่งรู้สึกว่าตนเหนือกว่าผู้อื่นหนึ่งระดับเลยทีเดียว
ขณะต่งปี้อู่กำลังประคองเคอเสี่ยวหรูที่หน้าท้องยังไม่นูนเด่นนักเข้าไปในเรือนสกุลเคอ นางก็บังเอิญพบกับเคอโยวหรานที่ถือตะกร้าไข่ไก่เข้ามาพอดี
ต่งปี้อู่ชะงัก จุดมุ่งหมายที่เขามาในวันนี้มิใช่มาร่วมงานแต่งของเคอก่วงเถียน แต่มาก็เพื่อหาลู่ทางเชื่อมสัมพันธ์กับสกุลต้วนและคบค้ากับเคอโยวหราน
นึกไม่ถึงว่าตนเพิ่งก้าวเท้าเข้าประตูก็พบผู้ที่้าพบในวันนี้เสียแล้ว โชคชะตาเช่นนี้ควรจะกล่าวว่าดีหรือไม่ดีกันเล่า?
เคอเสี่ยวหรูััได้ถึงความผิดปกติของต่งปี้อู่ ความหึงหวงจึงโหมซัดสาดอย่างอดมิได้
นางกำหมัดด้วยความไม่พอใจ ลอบคิดในใจว่า : ต่งปี้อู่นะต่งปี้อู่ สุนัขยังคงมิอาจเลิกกินอุจจาระได้จริงๆ พอเห็นแม่นางที่รูปร่างค่อนข้างดีก็ก้าวขาเดินไม่ออกเสียแล้ว ข้าจัดการเ้าไม่ได้ แต่ยังจะจัดการหญิงชาวบ้านผู้หนึ่งไม่ได้เชียวหรือ?
เมื่อคิดเช่นนี้ เคอเสี่ยวหรูพลันสาวเท้าเข้าไปหลายก้าวและขวางทางของเคอโยวหรานเอาไว้
“หยุด เ้าเป็สตรีเรือนใด เหตุใดเมื่อก่อนถึงไม่เคยเห็นหน้าเ้า? ไอ้หยา ช่างส่งของขวัญได้ตระหนี่เกินไปแล้วกระมัง? ไข่ไก่แค่ไม่กี่สิบฟองก็อยากเอามาร่วมด้วยเสียแล้ว? รู้หรือไม่ว่านี่คือเรือนของผู้ใด?”
โอ้ นี่มิใช่เคอเสี่ยวหรูหรอกหรือ? ช่างโลกกลมเสียจริง
สตรีผู้นี้เคยสั่งให้คนไล่ตามตนมา บัญชีที่คิดจะทำลายชีวิตของตนยังไม่ทันสะสางด้วยซ้ำ ยามนี้ยังกล้ามาหาเื่ถึงที่
ต่งปี้อู่ถึงกับสะอึกอยู่ในใจ แย่แล้ว เคอเสี่ยวหรูผู้นี้ช่างเหลือเกินจริงๆ มือไม่พายเอาเท้าราน้ำยิ่งนัก
เขาที่คิดจะประจบเคอโยวหรานยังลงมือช้าไปเลยด้วยซ้ำ เคอเสี่ยวหรูกลับหาเื่ผู้อื่น สร้างความหมางใจกับผู้อื่นจนถึงที่สุด เช่นนี้สกุลต่งยังจะหาลู่ทางได้อย่างไร?
ต่งปี้อู่รีบวิ่งเหยาะเข้าไปข้างหน้า พลันโอบเคอเสี่ยวหรูที่ยังอ้าปากพล่ามไม่หยุดเข้าสู่อ้อมกอดไว้แน่น จากนั้นคลี่ยิ้มขออภัยกล่าวว่า
“ฮูหยินน้อยต้วนโปรดอภัย ภรรยาไม่รู้ความ เื่เมื่อครู่ข้าต้องขออภัยแทนนางด้วย หวังว่าท่านจะให้อภัย”
“ปี้อู่?” เคอเสี่ยวหรูไม่เข้าใจ สายตาฉายแววงุนงงจดจ้องไปทางต่งปี้อู่
“หุบปาก” ต่งปี้อู่โอบเคอเสี่ยวหรูให้แน่นกว่าเดิม ส่งเพียงสองคำออกมาจากไรฟัน
วันนี้เคอโยวหรานอารมณ์ดี ครั้นเห็นต่งปี้อู่ค่อนข้างมีเหตุผล จึงไม่อยากจะหาเื่สตรีมีครรภ์ผู้หนึ่งเช่นกัน
นางไม่เอ่ยสิ่งใดแม้แต่ประโยคเดียวแล้วอ้อมคนทั้งสองไป ถือตะกร้าไข่ไก่เดินเอ้อระเหยไปทางเคอเจิ้งเป่ยที่กำลังลงบัญชี
เคอโยวหรานนึกไม่ถึงว่าท่านอาสี่ที่ปกติไม่เคยกลับเรือนจะกลับมาช่วยงานในเรือนอยู่บ้าง ถึงขั้นกล่าวได้ว่าเคอเจิ้งเป่ยไร้ซึ่งความผูกพันกับคนในครอบครัวเลยทีเดียว
ภายในความทรงจำเ้าของร่างเดิม อีกสามปีให้หลังท่านอาสี่ผู้นี้จะสอบติดซิ่วไฉและเข้ารับหน้าที่การงานแทนเคอเจิ้งหนาน
ยามนั้นผู้เฒ่าเคอล้มป่วยจึงไปหาเขาเพื่อขอเงินหนึ่งตำลึงมาซื้อยา ทว่าเขากลับสั่งให้คนไปทุบตีเพื่อขับไล่ผู้เฒ่าเคอจนเกือบจะคร่าชีวิตชายชราเสียแล้ว
นอกจากนี้ ชาติก่อนตอนเคอก่วงเถียนออกเรือน ผู้เฒ่าเคอบอกให้คนไปเร่งเร้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขากลับหาข้ออ้างบ่ายเบี่ยงว่างานยุ่ง กระทั่งเคอก่วงเถียนออกเรือนไปแล้ว ท่านอาสี่ผู้นี้ก็ยังไม่โผล่หน้าแม้แต่ครั้งเดียว
นึกไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะมาช่วยจดบัญชี? พระอาทิตย์ขึ้นทิศตะวันตกแล้วจริงๆ
เพียงแต่สิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเคอโยวหราน วันนี้นางแค่มาให้พอเป็พิธีเท่านั้น
นางไม่อยากให้เหล่าชาวบ้านที่อิจฉาริษยาหาข้ออ้างโจมตีบิดาของตนได้ เพราะถึงอย่างไรในภายหน้าท่านพ่อก็ต้องสอบเคอจวี่ ชื่อเสียงจึงถือเป็สิ่งสำคัญ
ขณะคิด เคอโยวหรานก็วางไข่ไก่ลงบนโต๊ะพลางเอ่ยว่า “ท่านอาสี่เ้าคะ ท่านแม่ของข้าให้ข้าเสริมสินเดิม นี่คือไข่ไก่สามสิบหกฟอง เป็ท่านแม่ของข้า น้องสาวทั้งสอง และข้ามอบให้คนละเก้าฟองเ้าค่ะ”
ในยุคสมัยเช่นนี้ที่ผู้คนยากจน ไข่ไก่นับเป็สิ่งล้ำค่ายิ่งนัก
ยามปกติทุกคนต่างมิอาจหักใจกิน ล้วนเก็บเอาไว้เพื่อนำไปขายหรือแลกธัญพืชหยาบยามไปตลาดในตำบลหรืออำเภอ
หากภายในหมู่บ้านมีแม่นางคนใดออกเรือนก็มักจะมอบไข่ไก่เจ็ดถึงแปดฟอง นับได้ว่าเป็ของขวัญที่มีเกียรติอย่างยิ่ง
ถ้าคนจำนวนหนึ่งมิอาจหามาได้จริงๆ ก็จะมอบข้าวกล้องหนึ่งจินเพื่อแสดงท่าทีเช่นกัน
แน่นอนว่าไข่ไก่ที่ทุกคนมอบให้มักไม่เกินสิบฟอง ประการแรกเพราะจำนวนไม่เป็มงคล ประการที่สองเพราะหาได้ไม่พอ
โบราณกล่าวได้ดี น้ำเต็มมักล้น สรรพสิ่งเมื่อถึงขีดสุดมักตรงกันข้าม หากมากเกินไปกลับจะทำลายเ้าตัว
ดังนั้น ยามทุกคนมอบไข่ไก่จึงมักจะมอบเพียงเก้าฟอง เพราะมีผู้ใดออกเรือนไม่หวังความเป็สิริมงคลและมั่นคงยาวนานกันบ้าง?
ทว่าเมื่อเคอโยวหรานบอกจำนวนไข่ไก่ออกไป เคอเจิ้งเป่ยพลันตบโต๊ะเอ่ยด้วยความโมโหว่า
“โยวหราน มิใช่ว่าอาตำหนิเ้า แต่ครอบครัวของพวกเ้าสร้างโรงงานได้ ทั้งยังสร้างเรือนหลังใหม่จนแล้วเสร็จ และสามารถส่งบิดาของเ้าเข้าสำนักศึกษา
สินเดิมนี้ควรจะเติมให้สักหน่อย แต่ละคนมอบไข่ไก่เก้าฟองนับเป็อันใดกัน?”
เคอโยวหรานรู้สึกขบขัน “ท่านอาสี่ ท่านก็เพิ่งพูดมาเองว่าพวกข้าสร้างโรงงาน ปลูกเรือนใหม่ และส่งท่านพ่อของข้าเข้าสำนักศึกษา เงินทองที่แต่เดิมมีไม่มากได้ถูกใช้ไปไม่ต่างกับสายน้ำ
วันนี้มอบไข่ไก่ตั้งมากมายถึงเพียงนี้ก็นับว่าถึงขีดสุดของครอบครัวพวกข้าแล้ว นี่ล้วนเป็สิ่งที่ดึงออกมาจากซอกฟันทั้งสิ้นเ้าค่ะ”
“คนผู้นี้คือเคอโยวหรานหรือ?” นางเพิ่งกล่าวจบ น้ำเสียงเล็กแหลมของเคอเสี่ยวหรูพลันดังขึ้นจากด้านหลัง
เคอโยวหรานลูบใบหูก่อนจะหันมาเอ่ยว่า “พี่หญิงช่วยเบาเสียงสักหน่อยได้หรือไม่? ข้าได้ยินนะเ้าคะ”
เคอเสี่ยวหรูชี้หน้าเคอโยวหรานพลางเอ่ยด้วยความตกตะลึงว่า “จะ...เ้า...เหตุใดเ้าถึงสวมเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดเช่นนี้ ทะ...ทั้งยังปักลายดอกไม้ที่งดงามอีกด้วย?”
ต่งปี้อู่นึกเสียใจในภายหลังยิ่งนัก ช่างไม่ควรพานังตัวก่อกวนเช่นนี้ออกจากจวนเลยจริงๆ ทันทีที่ไม่ทันระวังก็ดิ้นหลุดจากมือของตนเสียแล้ว
ยามนี้ประเสริฐนัก ยังไม่ทันได้ประจบคน กลับสร้างความหมางใจกับผู้อื่นจนถึงขีดสุด!
เขาเดินเข้ามาไม่กี่ก้าวเพื่อคารวะพลางเอ่ย “ฮูหยินน้อยต้วนโปรดอภัย ข้าจะพาคนออกไปประเดี๋ยวนี้ ท่านอย่าได้ขุ่นเคืองไปเลย”
สิ้นคำกล่าว ต่งปี้อู่พลันลากเคอเสี่ยวหรูออกไปข้างนอก แต่มีหรือปากของเคอเสี่ยวหรูจะยอมหยุด
มิใช่เื่ง่ายกว่าจะได้รู้ว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าคือเคอโยวหราน เมื่อก่อนถูกตนเรียกใช้ไม่ต่างกับบ่าวไพร่ ยามนี้กลับต้องยอมอ่อนข้อให้อีกฝ่ายเสียแล้ว?
เคอโยวหรานเอามือทั้งสองข้างกอดอก ทอดมองไปทางคนทั้งสองที่ฉุดดึงกัน มุมปากของนางยกยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ทว่าน่าเสียดายที่มองไม่เห็นเนื่องจากถูกหมวกเหวยเม่าบดบังเอาไว้
เคอเสี่ยวหรูพลันดิ้นขัดขืนต่งปี้อู่แล้วแค่นยิ้มเย้ยหยันเอ่ยว่า “ไอ้หยา นี่เ้าแสร้งทำหน้าใหญ่ใจโตงั้นหรือ? ไม่มีเงินยังจะมาร่วมชมความครึกครื้น?
เสื้อผ้าบนกายของเ้าคงเป็เพียงชุดเดียวที่สวมใส่ออกข้างนอกได้แล้วกระมัง? จิ๊ๆๆ ช่างยากจนเสียจนไหดังก้อง บนแขนไม่มีแม้กระทั่งเครื่องประดับสักชิ้น เ้าช่างน่าเวทนาเกินไปแล้วกระมัง...”
ต่งปี้อู่ “...?”
บัดซบ เหตุใดเขาถึงได้แต่งกับสตรีที่โง่เขลาขนาดนี้? ศิษย์ระดับสูงของแพทย์พิษสองสำนักยังจะขาดเงินทองไร้เครื่องประดับได้อย่างไร?
อย่าได้น่าขันเกินไปจะได้หรือไม่? คนอื่นแค่ไม่อยากสวมใส่ มีหรือจะเหมือนเ้าเคอเสี่ยวหรู ผู้ที่เมื่อมีเงินทองเพียงน้อยนิดก็โอ้อวดไปทั่ว ทำให้ตนขายหน้าจนหมดสิ้นแล้วจริงๆ
ต่งปี้อู่อยากทุบตีเคอเสี่ยวหรูให้ตายไปเสีย ทว่านางยังตั้งครรภ์เืเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของตน ย่อมมิอาจลงมือได้ เช่นนั้นควรจะทำอย่างไรดี?