ห้าหมื่นเจ็ดพันคะแนน คะแนนนี้สูงกว่าของเฉินเซิ่งซึ่งเป็อันดับหนึ่งถึงสองหมื่นคะแนน อีกทั้งยังมากกว่าคะแนนของหลี่ว์หยางเป็สองเท่า
แน่นอนว่าบัณฑิตใหม่ต่างก็ตื่นใกับผลคะแนนนี้ แต่ทางหลี่ว์หยางและเฉินเซิ่งกลับมีสีหน้ามืดครึ้มไม่น่ามอง กลายเป็ว่าการประเมินครั้งนี้คะแนนของมู่เฟิงขึ้นมาอันดับหนึ่ง ทำให้คะแนนของหลี่ว์หยางที่รั้งอยู่ในอันดับสามก่อนหน้านี้ถูกเบียดตกไปเป็อันดับสี่ และเนื่องจากเขาไม่สามารถรั้งตำแหน่งสามอันดับแรกไว้ได้ เขาจึงพลาดสิทธิ์ที่จะได้รับทักษะวิชาระดับนิลกาฬ
“มู่เฟิง...”
หลี่ว์หยางกำหมัดแน่น ดวงตาของเขาวาวโรจน์และเต็มไปด้วยจิตสังหาร ภายในใจคิดอยากจะสับมู่เฟิงเป็หมื่นๆ ชิ้น
สำหรับเฉินเซิ่ง ก่อนหน้านี้คะแนนของเขาคืออันดับหนึ่งของการประเมิน แต่ตอนนี้ตำแหน่งของเขากลับถูกเปลี่ยนเป็ของมู่เฟิงแล้ว กลายเป็ว่าเป็ดที่ต้มสุกก็บินหนีไปแล้ว*
(*สิ่งที่มั่นใจว่าอยู่ในมือแล้ว แต่กลับต้องพลาดไปอย่างคาดไม่ถึง)
“จากผลคะแนนของการประเมินในตอนนี้ คงต้องจัดเรียงอันดับใหม่แล้ว”
ผู้าุโเจิ้งมองมู่เฟิงด้วยสายตาชื่นชม จากนั้นเขาก็ประกาศด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ผู้าุโ ศิษย์เกรงว่าคงต้องจัดอันดับสองและอันดับสามใหม่ด้วยขอรับ”
ทันใดนั้นมู่เฟิงก็กล่าวขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนจะเหลือบตามองไปทางเฉินเซิ่งและลู่โหย๋วเยี่ยอย่างเย้ยหยัน
“หื้ม เ้าหมายความว่าอย่างไร?”
ผู้าุโเจิ้งเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ คนอื่นๆ ต่างก็นึกสงสัยเช่นกัน
จากการจัดอันดับตามปกติแล้ว คะแนนการประเมินห้าหมื่นเจ็ดพันคะแนนของมู่เฟิงถือเป็อันดับหนึ่ง ส่วนอันดับสองและอันดับสามก็ต้องตกเป็ของเฉินเซิ่งและลู่โหย๋วเยี่ย ซึ่งคะแนนของทั้งสองคนเคยอยู่ในอันดับหนึ่งและอันดับสองตามลำดับ แต่เหตุใดเวลานี้มู่เฟิงจึงบอกให้จัดใหม่
“จื่อเยว่ มู่ขวง มู่ฝาน มู่เถี่ยออกมานี่!”
มู่ขวงะโตอบรับเสียงดัง
“ข้าอยู่นี่ขอรับ!”
ไป๋จื่อเยว่ มู่ขวง มู่ฝานและมู่เถี่ยเดินออกมาจากกลุ่มศิษย์ตระกูลมู่ พวกเขาประสานมือกำหมัดอย่างนอบน้อม
ทันใดนั้นกล่องไม้มะฮอกกานีสี่กล่องก็ปรากฏขึ้นในมือของมู่เฟิง จากนั้นเขาก็มอบมันให้แก่เด็กหนุ่มทั้งสี่คนละกล่อง
พวกเขาสี่คนรีบรับกล่องไม้เอาไว้อย่างรวดเร็ว มู่เฟิงจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเ้านำสิ่งนี้ไปประเมินเถอะ”
เด็กหนุ่มทั้งสี่คนสามารถคาดเดาได้ทันทีว่าของในกล่องนี้คือสิ่งใด พวกเขาเดินเข้าไปหาผู้ดูแลด้วยรอยยิ้ม และกล่าวขึ้นพร้อมกันว่า “ขอศิษย์พี่โปรดตรวจสอบด้วยขอรับ”
เหล่าผู้ดูแลและผู้คนรอบข้างต่างก็ประหลาดใจกับเื่นี้ ไม่ใช่ว่าผลึกอสูรทั้งหมดของศิษย์ตระกูลมู่ต่างก็รวมกันที่มู่เฟิงคนเดียวหรอกหรือ เหตุใดศิษย์คนอื่นจึงยังมีของให้ทำการประเมินอีก?
“นี่มันเื่อะไรกัน? หรือว่ามู่เฟิงยังมีผลึกอสูรที่จะทำให้ศิษย์ตระกูลมู่สามารถเบียดอันดับเข้ามาอยู่ในสิบอันดับแรกได้”
“ไม่รู้สิ แต่จะเป็ไปได้หรือ ลำพังคะแนนการประเมินห้าหมื่นคะแนนก็น่าทึ่งมากแล้ว พวกเขาไม่มีทางมีผลึกอสูรมากพอที่จะเข้าสิบอันดับแรกได้หรอก”
เหล่าบัณฑิตใหม่พากันพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น พวกเขาจ้องมองไปทางมู่ขวงและเด็กหนุ่มอีกสามคนด้วยความประหลาดใจ
ลู่โหย๋วเยี่ยกับเฉินเซิ่งต่างก็มองหน้ากันด้วยความสงสัยเช่นกัน แต่ภายในใจของพวกเขานั้นรู้สึกไม่ดีเลยแม้แต่น้อย
“อะไรกัน หรือว่าพวกเ้ายังมีผลึกอสูรเหลือให้ประเมินอีก?”
ผู้ดูแลเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
แม้แต่ผู้าุโเจิ้ง รวมถึงผู้าุโคนอื่นๆ ต่างก็สงสัยเช่นกัน พวกเขาล้วนอยากรู้ว่ามู่เฟิงกำลังจะทำอะไร
เด็กหนุ่มทั้งสี่สบตากันก่อนจะยิ้มออกมา จากนั้นพวกเขาก็เปิดกล่องไม้มะฮอกกานีที่มู่เฟิงมอบให้ออกพร้อมกัน
กลิ่นหอมประหลาดพลันลอยออกมาจากกล่องไม้ ก่อนจะตลบอบอวลไปทั่วอากาศ เมื่อได้สูดดมเข้าไป ทุกคนต่างก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที กลิ่นหอมประหลาดนี้ทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าพลังปราณภายในร่างกำลังหมุนเวียนเร็วขึ้นถึงสองส่วน
“นี่มันอะไรกัน...!”
หลี่ว์หยาง ลู่โหย๋วเยี่ยและเฉินเซิ่งมองไปยังสิ่งที่บรรจุอยู่ภายในกล่องไม้ เมื่อเห็นสิ่งนั้นสีหน้าของพวกเขาก็พลันเปลี่ยนไปในทันที
ภายในกล่องไม้ทั้งสี่ถูกบรรจุเอาไว้ด้วยผลิญญาทองคำสี่ลูก ซึ่งบนผิวของผลิญญามีลายเส้นทั้งหมดสี่สายกำลังไหลเวียนอยู่บนนั้น กลิ่นอายพลังฟ้าดินธาตุทองคำกำลังแผ่ซ่านออกมาจากผลิญญา
“นี่มัน...ผลิญญาระดับกลางขั้นสี่ ผลิญญาทองคำ!”
ผู้าุโเจิ้งกล่าวออกมาด้วยความตื่นใ
หลังจากผู้ดูแลได้ทำการประเมินผลิญญาทองคำทั้งสี่ลูกแล้ว เขาก็รู้สึกประหลาดใจจนพูดไม่ออก
“ช้าก่อน มู่เฟิง เหตุใดเ้าจึงมีผลิญญาทองคำทั้งสี่ลูกนี้ได้! ผลิญญาทองคำถูกงูเจียวตนหนึ่งชิงเอาไปแล้วไม่ใช่หรือ?”
สีหน้าของลู่โหย๋วเยี่ยพลันดูไม่น่ามอง เขาเดินออกมาและเอ่ยถามขึ้นอย่างขุ่นเคือง
“ถูกต้องแล้ว เหตุใดผลิญญาทองคำถึงมาอยู่ในมือของเ้าได้?”
เหล่าบัณฑิตคนอื่นที่เห็นว่าในวันนั้นงูเจียวตัวหนึ่งได้คาบผลิญญาทองคำไปต่อหน้าต่อตากแล้วก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความใเช่นกัน
“ไอหยา ทั้งหมดต้องโทษที่พวกข้ามีคุณสมบัติที่ค่อนข้างดี หลังจากงูเจียวตนนั้นได้รับผลิญญาไปแล้วมันจึงส่งต่อให้กับข้า”
มู่เฟิงกล่าวขึ้นพลางยักไหล่ แน่นอนว่าเื่นี้ทำให้ลู่โหย๋วเยี่ยและเฉินเซิ่งโมโหจนแทบกระอักเื ไม่มีใครเชื่อเื่ไร้สาระนี้ของเขา
“ศิษย์พี่ โปรดประเมินและให้คะแนนด้วยขอรับ”
มู่เฟิงกล่าวขึ้นจากด้านข้าง
ผู้ดูแลจึงทำการประเมินตรวจสอบผลิญญาทองคำทั้งสี่ลูก ก่อนจะกล่าวกับทุกคนว่า “ผลิญญาทองคำทั้งสี่ลูกนี้เพิ่งถูกเก็บมาใน่เวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา ถือว่าอยู่ในขอบเขตของการประเมินและสามารถให้คะแนนได้ ผลิญญาทั้งสี่ลูกล้วนสุกงอมเต็มที่ ข้าจะทำการประเมินและให้คะแนนตามความเข้มข้นของกลิ่นอายพลังฟ้าดินที่บรรจุอยู่ในผลิญญาเหล่านี้
“ผลิญญาทองคำของมู่ขวงมีคุณภาพดีที่สุด มีมูลค่าห้าหมื่นเหรียญตำลึงทอง ได้รับคะแนนการประเมินห้าหมื่นคะแนน
“ผลิญญาทองคำของไป๋จื่อเยว่มีคุณภาพต่ำกว่าเล็กน้อย มีมูลค่าสี่หมื่นแปดพันเหรียญตำลึงทอง ได้รับคะแนนการประเมินสี่หมื่นแปดพันคะแนน
“ผลิญญาทองคำของมู่ฝานมีคุณภาพเป็อันดับสาม มีมูลค่าสี่หมื่นห้าพันเหรียญตำลึงทอง ได้รับคะแนนการประเมินสี่หมื่นห้าพันคะแนน
“ส่วนผลิญญาทองคำของมู่เถี่ยนั้นมีพลังฟ้าดินบรรจุอยู่น้อยที่สุด มีมูลค่าสี่หมื่นสองพันเหรียญตำลึงทอง ได้รับคะแนนการประเมินสี่หมื่นสองพันคะแนน”
เมื่อสิ้นเสียงประกาศของผู้ดูแล ทุกคนในที่นั้นต่างก็เงียบเสียงลงด้วยความตื่นตะลึง พวกเขาหันไปมองศิษย์ตระกูลมู่และมู่เฟิงด้วยสายตาตะลึงงัน
สายตาแต่ละคู่ที่จ้องมาดูสลับซับซ้อนจนยากที่จะอธิบายอารมณ์ของพวกเขาในตอนนี้ได้
การประเมินในครั้งนี้มู่เฟิงได้รับคะแนนห้าหมื่นเจ็ดพันคะแนน! มู่ขวงได้รับห้าหมื่นคะแนน ไป๋จื่อเยว่ได้รับสี่หมื่นแปดพันคะแนน ส่วนมู่ฝานก็ได้รับสี่หมื่นห้าพันคะแนน นอกจากนี้มู่เถี่ยยังได้รับอีกสี่หมื่นสองพันคะแนน!
การประเมินครั้งนี้คนตระกูลมู่คว้าตำแหน่งห้าอันดับแรกไปครอบทั้งหมด! รวมคะแนนการประเมินของพวกเราแล้วมีมากกว่าสองแสนคะแนนเสียอีก!
ยามนี้สีหน้าของเฉินเซิ่ง ลู่โหย๋วเยี่ยและหลี่ว์หยางพลันเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ ภายในใจมีเพียงความริษยาอย่างยิ่งยวด คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะไม่เข้าสู่สามอันดับแรกด้วยซ้ำ!
โดยเฉพาะเฉินเซิ่งที่รู้สึกว่าตนได้พ่ายแพ้อย่างขาดลอย เขามีศิษย์พี่คอยให้ความช่วยเหลือทำให้เขาได้รับคะแนนการประเมินมากกว่าสามหมื่นคะแนน เดิมทีแล้วเขาคืออันดับหนึ่ง แต่เมื่อมู่เฟิงปรากฏตัวนอกจากเขาจะไม่สามารถรั้งสามอันดับแรกได้แล้ว ตำแหน่งของเขายังร่วงไปถึงอันดับหก
ภายในใจของเด็กหนุ่มในตอนนี้จึงเต็มไปด้วยความริษยาและเคียดแค้น
“มู่เฟิง...”
เฉินเซิ่ง ลู่โหย๋วเยี่ยและหลี่ว์หยางจ้องไปที่มู่เฟิงราวกับ้าจะฉีกกระชากร่างของเขาออกเป็ชิ้นๆ
หากว่าเขาไม่กลับมา สถานการณ์จะเปลี่ยนเป็เช่นนี้ได้อย่างไร
สีหน้าของจ้าวเหิงพลันเปลี่ยนเป็น่าเกลียด จ่าฝูงหมาป่าที่เขาควบคุมไม่เพียงแต่ไม่สามารถสังหารมู่เฟิงได้ แต่ยังปล่อยให้เด็กหนุ่มมีชีวิตกลับมาชิงอันดับหนึ่งไปอีก ภายในใจของเขาในตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยความคับข้องใจเป็อย่างมาก
“เ้าเด็กคนนี้..."
นับั้แ่วรยุทธ์ของจ้าวเหิงบรรลุสู่ระดับหยวนตาน เขาไม่เคยต้องประสบกับความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน แต่เ้าเด็กนั่นกลับสร้างปัญหาให้เขารำคาญใจครั้งแล้วครั้งเล่า
ผู้าุโเจิ้ง ผู้าุโอู๋อี้ รวมถึงผู้าุโอีกหลายคนต่างก็มองมู่เฟิงด้วยสายตาประหลาดใจและชื่นชม
วันนี้มู่เฟิงสามารถทำให้ตระกูลมู่กลายเป็ตระกูลที่โดดเด่นและได้รับความสนใจมากที่สุดในการประเมินครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้ดูแลทำการจัดเรียงรายชื่อสิบอันดับแรกใหม่อีกครั้งก่อนจะส่งต่อให้ผู้าุโเจิ้ง
ผู้าุโเจิ้งรับรายชื่อมา และประกาศผลใหม่อีกครั้ง “เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ รายชื่อสิบอันดับแรกจึงมีดังนี้
“อันดับหนึ่งในการประเมินครั้งนี้ มู่เฟิง ชนะด้วยคะแนนห้าหมื่นเจ็ดพันคะแนน และกลายเป็บัณฑิตที่มีคะแนนสูงสุดของการประเมินในรอบสิบปี
“อันดับสอง มู่ขวง คะแนนการประเมินห้าหมื่นคะแนน
“อันดับสาม ไป๋จือเยว่ คะแนนการประเมินสี่หมื่นแปดพันคะแนน
“อันดับสี่ มู่ฝาน คะแนนการประเมินสี่หมื่นห้าพันคะแนน
“อันดับห้า มู่เถี่ย คะแนนการประเมินสี่หมื่นสองพันคะแนน
“อันดับหก เฉินเซิ่ง คะแนนการประเมินสามหมื่นเจ็ดพันคะแนน
“อันดับเจ็ด ลู่โหย๋วเยี่ย..."
ผู้าุโเจิ้งประกาศคะแนนการประเมินใหม่อีกครั้ง และคราวนี้ศิษย์ตระกูลมู่ได้คว้าตำแหน่งห้าอันดับแรกไปครองทั้งหมด!
“พี่เฟิง! พี่เฟิง!”
ศิษย์ตระกูลมู่ต่างก็โห่ร้องด้วยความยินดีก่อนจะโยนตัวของมู่เฟิงขึ้นไปกลางอากาศเพื่อเป็การฉลอง ส่วนมู่เฟิงก็หัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี
ในขณะที่บัณฑิตใหม่คนอื่นๆ ต่างก็มองไปทางศิษย์ตระกูลมู่ที่กำลังส่งเสียงโห่ร้องด้วยความอิจฉาริษยา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้