ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชนบทตัวน้อยๆ : ความมั่งคั่งร่ำรวยมาถึงประตูของท่านแล้ว 【แปลจบแล้ว】

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        แคว้นต้าโจว เมืองเยี่ยน อำเภอฉางผิง หมู่บ้านหลี่


        หนึ่งวันหลังจากฤดูเก็บเกี่ยว ฟ้าเพิ่งจะสว่างเรืองรอง หลี่ซานหัวหน้าตระกูลหลี่ตื่นขึ้น หันไปมองจ้าวซื่อ[1]ผู้เป็๲ภรรยาที่กำลังนอนหลับอย่างสุขอุรา เมื่อนึกถึงเด็กในท้องของนางที่ยังไม่ได้ออกมาดูโลก หัวใจพลันอ่อนยวบยาบ แต่เมื่อคิดว่าอีกไม่นานจะต้องไปจากบ้าน กว่าจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาก็ต้องรอถึงเดือนสิบสอง จึงวางมือลงบนท้องของนางที่ยื่นออกมาเล็กน้อยอย่างอาลัยอาวรณ์ 


        ปีนี้หลี่ซานอายุสามสิบเอ็ดปีแล้ว เขามีใบหน้าเหลี่ยมคิ้วหนา ร่างกายสูงใหญ่กำยำ ภูมิลำเนาเดิมอยู่นอกหมู่บ้านตระกูลหลี่ ห่างออกไปสี่ร้อยลี้[2]


        สิบห้าปีก่อนเกิดโรคระบาดอย่างหนัก ทั้งตระกูลเหลือเพียงเขาและหลี่สือ ซึ่งเป็๲ลูกพี่ลูกน้องฝ่ายพ่อที่มีชีวิตรอดและหนีออกมาจากตระกูลหลี่ได้ ระหว่างที่กำลังหนีจากความยากแค้นแสนเข็ญ พวกเขาได้พานพบกับจ้าวซื่อที่ถูกโรคระบาดพรากชีวิตของญาติมิตรทั้งหมดไปเช่นเดียวกัน


        ทั้งสามเดินทางร่วมกันมาจนกระทั่งถึงอำเภอฉางผิง สุดท้ายจึงตั้งรกรากอยู่ในหมู่บ้านหลี่ด้วยความช่วยเหลือจากราชสำนัก ส่วนจ้าวซื่อก็ได้รับการตกแต่งเป็๲ภรรยาของหลี่ซาน


        ปีนี้จ้าวซื่ออายุสามสิบปีแล้ว บ้านเดิมอยู่ที่เมืองเล็กๆ ไม่ไกลจากหมู่บ้านตระกูลหลี่ บิดาผู้ให้กำเนิดเป็๲ซิ่วไฉ[3] เดิมหมั้นหมายนางไว้กับบุตรชายของสหายสนิทที่เรียนมาด้วยกัน

     หากมิใช่เพราะโรคระบาดอันน่าหวาดกลัวครั้งนั้น จ้าวซื่อคงมิได้แต่งกับหลี่ซาน


        ปัจจุบันจ้าวซื่อได้ให้กำเนิดบุตรชายบุตรสาวให้กับหลี่ซานรวมทั้งสิ้นห้าคน นับว่าเธอได้มอบสิ่งล้ำค่าอันยิ่งใหญ่ไว้ให้ตระกูลหลี่ ดังนั้นหลี่ซานจึงรู้สึกรักนางมากยิ่งขึ้น


        เมื่อหลี่ซานสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็หยิบกระโถนปัสสาวะไม้ที่เตรียมไว้ให้จ้าวซื่อไว้ใช้ในยามค่ำคืนขึ้นมา เดินย่องออกไปจากห้องก่อนจะปิดประตูเบาๆ


        หลี่เจี้ยนอันอายุสิบสามปีกำลังจุดไฟต้มน้ำอยู่ในห้องครัว เมื่อได้ยินเสียงคนเดินมาจึงเดินออกไปดู พบว่าเป็๞หลี่ซาน เขาจึงรีบเดินเข้าไปจะแย่งกระโถนปัสสาวะนั้น


        “มือข้าสกปรกแล้ว เ๯้าอย่าทำให้สกปรกไปอีกคนเลย” หลี่ซานกล่าวประโยคนี้กับบุตรชายคนโต จากนั้นจึงนำกระโถนปัสสาวะไปเทรดแปลงผักที่อยู่หลังบ้าน แล้วนำกระโถนไปล้างที่บริเวณคูน้ำเล็กๆ ที่ห่างจากบ้านไปประมาณร้อยก้าว


        กระทั่งเขาเดินกลับมาถึงหลังบ้านพลันได้กลิ่นน้ำมัน ต้นหอม และกลิ่นหอมของแป้ง จึงอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้


        ห้องครัวบ้านหลี่มีประตูสองฝั่งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ประตูหน้าเชื่อมไปสู่ลานด้านหน้า ประตูหลังเชื่อมไปสู่ลานด้านหลัง ยามนี้ประตูหลังแง้มเปิดออก กลิ่นหอมพลันโชยออกมาตามลม

     หลี่ซานวางกระโถนปัสสาวะไว้ที่ใต้ชายคาบ้าน รอให้ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาเต็มดวงสาดส่องแสงให้น้ำในกระโถนระเหยจนแห้งไป จากนั้นจะมีบุตรชายนำไปกลับวางไว้ในห้องนอนของตนและจ้าวซื่อเอง


        บ้านของหลี่ซานเป็๲กระท่อมที่มุงด้วยหญ้าคา สภาพค่อนข้างทรุดโทรม มีห้องทั้งหมดแปดห้อง ได้แก่ ห้องโถงสำหรับรับประทานอาหาร ห้องครัว ห้องเบ็ดเตล็ด ห้องเก็บเสบียง และห้องนอนอีกสี่ห้อง


        ห้องของหลี่ซานและภรรยาหนึ่งห้อง ห้องของหลี่สือหนึ่งห้อง บุตรชายสี่คนใช้ห้องรวมกันสองห้อง ส่วนบุตรสาวหลี่หรูอี้อาศัยในห้องห้องหนึ่งเพียงลำพัง


        ยามนี้แสงสีทองแห่งรุ่งอรุณสาดส่องผ่านหน้าต่างกระดาษเข้ามาภายในห้องครัวอันกว้างใหญ่ บุตรีเพียงหนึ่งเดียวของหลี่ซาน นามว่า หลี่หรูอี้ อายุเก้าปี มวยผมทรงสาวใช้ สวมเสื้อสีเทาและกางเกงสีดำ กำลังยืนอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กๆ หน้าเตาดิน เธอใช้ตะหลิวไม้พลิกแผ่นแป้งผสมต้นหอมบนกระทะเหล็กอย่างคล่องแคล่ว


        เธอตัวสูงกว่าเตาเพียงเล็กน้อย อาภรณ์ตัวใหญ่ยิ่งทำให้ร่างของเธอดูผอมบางอย่างชัดเจน


        หลี่เจี้ยนอันที่ยืนอยู่ข้างเตากล่าวอย่างไม่สบายใจนัก “ท่านพ่อ หรูอี้บอกว่า แป้งย่างที่ข้าทำไม่อร่อย รั้นจะย่างแป้งให้ท่านและท่านอาด้วยตนเองให้ได้”


        “เช่นนั้นก็เป็๲ลาภปากของข้าแล้วที่จะได้กินแป้งย่างที่หรูอี้ทำ” หลี่ซานเดินยิ้มเข้ามา มองแป้งย่างผสมต้นหอมชิ้นกลมๆ สามแผ่นที่ย่างเสร็จแล้วถูกวางเรียงอยู่บนถาดไม้ขนาดใหญ่ ทุกแผ่นมีเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งฉื่อ[4] ล้วนใช้แป้งขาวบริสุทธิ์ ผสมต้นหอมเข้าไปไม่น้อย ด้านนอกมีน้ำมันอยู่ชั้นหนึ่ง กลิ่นแป้งย่างหอมเตะจมูก เมื่อรวมกับลักษณะภายนอกเช่นนั้นทำให้อดไม่ได้จริงๆ ที่จะต้องลองลิ้ม

     ฝีมือการทำอาหารของจ้าวซื่อนั้นธรรมดามาก ไม่อาจจะทำแป้งย่างต้นหอมที่ทั้งหอมและดูดีเช่นนี้ได้แน่ กระนั้นท่านย่าของหลี่ซานที่จากโลกนี้ไปแล้ว แม้ว่านางจะเคยขายแป้งย่างอยู่ที่ตัวเมืองก็ยังทำแบบนี้ไม่ได้


        ก่อนหน้านี้หลายวัน บุตรีที่รักกล่าวว่า อยากทำอาหารไปขายในตัวอำเภอฉางผิงหลายครั้งหลายครา แต่ล้วนถูกเขาปฏิเสธ


        ตอนนั้นเขาคิดว่าที่บ้านไม่มีใครมีฝีมือทำอาหารได้ยอดเยี่ยมแม้แต่คนเดียว อาหารที่ทำออกมาคงขายไม่ได้ และจะทำให้วัตถุดิบเสียเปล่า อีกอย่างในตัวอำเภอก็มีหลายคนที่ทำแป้งย่างเป็๞ หากเห็นแป้งย่างของบ้านเขาทำเงินได้ ก็จะต้องทำแป้งย่างออกมาขายตามแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นธุรกิจของบ้านเขาทำได้ไม่กี่วันก็คงต้องระเห็จระเหเรร่อนต่อไป เพราะว่าจ่ายค่าที่ไม่ไหวเป็๞แน่


        หลี่หรูอี้หันไปมองหลี่ซานทันที จากนั้นจึงหันไปพลิกแป้งย่างในกระทะอีกครั้ง เสียงที่เปล่งออกมาชัดเจน ทว่าคล้ายมีลมลอดผ่านเนื่องจากอยู่ในวัยฟันแท้กำลังจะขึ้น “ท่านพ่อ ท่านอารองก็ตื่นแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะย่างแป้งอีกสี่ชิ้นและทำน้ำแกงเสียหน่อย พวกท่านจะได้กินแป้งย่างกับน้ำแกง”

    “ดี” หลี่ซานเดินไปที่ห้องโถง พบว่าหลี่สือญาติผู้น้องกำลังยกชามกระเบื้องสีดำหยาบๆ ขึ้นดื่ม บนโต๊ะยังมีชามใส่น้ำแกงวางอยู่อีกชามหนึ่ง ทราบได้ทันทีว่าเป็๲ของตนจึงยกขึ้นจิบ น้ำแกงยังร้อนอยู่จริงๆ เขารู้ทันทีว่านี่เป็๲สิ่งที่บุตรีสุดที่รักเตรียมไว้ให้ ในใจพลันรู้สึกเปี่ยมสุข


        สามเดือนที่ผ่านมา ก่อนที่บุตรีสุดที่รักของตนจะสะดุดล้มและหมดสติไปสองวัน น่าแปลกที่พอตื่นขึ้นมาก็ฉลาดเฉลียวรู้ความขึ้นมาก


        ในใจคิดว่า ไปสร้างกำแพงเมืองที่เมืองเยี่ยนคราวนี้ ได้เงินมาแล้วจะต้องหาซื้อผ้าสีสว่างสดใสมาตัดชุดใหม่ให้บุตรีสุดที่รักสักหน่อย มิอาจปล่อยให้นางสวมอาภรณ์เก่าๆ ของบุตรชายเช่นนี้ต่อไปได้อีก


        ไม่นานแป้งย่างต้นหอมแปดแผ่นที่ส่งกลิ่นหอมน่าทานและน้ำแกงแตงกวาซอยอีกสองชามใหญ่ก็ถูกนำขึ้นโต๊ะ


        หลี่ซานและญาติผู้น้องกินไปคนละสองแผ่น เหลืออีกสี่แผ่นไว้ให้ครอบครัว


        ครอบครัวหลี่ก็เหมือนกับครอบครัวในหมู่บ้านชนบทอื่นๆ หากไม่ใช่ปีใหม่หรือวันหยุดจะทานอาหารวันละสองมื้อ


        ยามฟ้าสางต้องรีบไปทำงานในไร่นา อาหารเช้ามีแค่หมั่นโถวที่ทำจากแป้งหยาบและน้ำแกงเล็กน้อย ตอนกลางคืนหากไม่ต้องทำงานก็จะเข้านอน ทานอาหารมื้อเย็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อาจเป็๲แป้งหรือน้ำแกง

     วันนี้หลี่ซานและญาติผู้น้องต้องออกไปทำงานไกลบ้านเป็๞เวลาหลายเดือน หลี่หรูอี้จึงใช้แป้งขาวทำอาหารเช้าให้พวกเขา น่าเสียดายที่บ้านยากจน ไม่มีแม้กระทั่งไข่ไก่ ไม่อย่างนั้นคงจะทำน้ำแกงไข่ลวกให้แล้ว


        หลี่สืออายุยี่สิบปี มีผิวดำคล้ำ ใบหน้าเหลี่ยม ดวงตาโต จมูกใหญ่ ปากกว้าง เขายิ้มแฉ่งจนเผยให้เห็นฟันขาวสองแถวเรียงอย่างเป็๞ระเบียบ ยิ้มและกล่าวว่า “อร่อยจริง หรูอี้ ทำไมไม่กินเล่า?”


        ตอนที่อายุหนึ่งขวบเขาไม่สบายมีไข้สูงจนสมองเสียหาย ทำให้สมองช้ากว่าคนปกติ มีสติปัญญาไม่ต่างกับเด็กห้าหกขวบ ทำงานที่ต้องใช้ความละเอียดและทักษะฝีมือไม่ได้ ทำได้เพียงงานทั่วๆ ไป เช่น เก็บปุ๋ยหรือตัดไม้เท่านั้น


        แต่พละกำลังของเขามากล้นทั้งยังมีความอดทนเป็๞เลิศ สามารถยกของหนักสองร้อยชั่ง[5] เดินไปได้ไกลถึงยี่สิบลี้ภายในอึดใจเดียวโดยไม่ต้องพัก คนวัยเยาว์ที่อยู่รอบๆ บริเวณหลายสิบลี้นี้ล้วนมิอาจสู้แรงของเขาได้เลย


        บ้านหลี่ยากจนมาก และเขาก็มีสภาพเช่นนี้จึงไม่ได้แต่งภรรยาจวบจนวันนี้ 

    “ข้ามิได้ออกไปไกลบ้านทั้งยังมิได้ไปทำงานหนักเช่นสร้างกำแพงเมือง ไม่จำเป็๲ต้องกินหรอก” หลี่หรูอี้นำแป้งย่างอีกสี่แผ่นที่เหลือไปห่อเพื่อให้ทั้งสองนำติดตัวไปกินระหว่างทาง ทั้งยังกำชับเป็๲พิเศษ “ท่านอารอง หากท่านกลับมาข้าจะทำแป้งย่างไข่ไก่และแป้งย่างเนื้อให้ท่านกินนะเ๽้าคะ”


        หลี่สือมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า “หรูอี้ดีกับข้าจริงๆ”


        พี่ชายอีกสามคนของหลี่หรูอี้ตื่นนอนกันหมดแล้ว เมื่อได้ยินว่านางเป็๲คนทำอาหารเช้าจึงมีใบหน้าที่ละเหี่ยใจ


        เดิมทีตอนที่จ้าวซื่ออยู่บ้านเดิมนางมักถูกผู้อื่นเอาอกเอาใจ ส่วนหลี่หรูอี้เป็๲บุตรีเพียงหนึ่งเดียวของครอบครัว จ้าวซื่อจึงประคบประหงมหลี่หรูอี้ยิ่งนัก สอนนางให้รู้จักเขียนอักษรและปักผ้า ไม่ยอมให้นางทำไร่ทำนา ทั้งยังให้นางลงครัวทำอาหารน้อยครั้ง


        ดังนั้นพี่ชายทั้งสี่ของหลี่หรูอี้จึงทำอาหารเป็๲กันทุกคน


        ก่อนหน้านี้พี่ชายทั้งสี่ล้วนเป็๲คนทำอาหารเช้าทุกมื้อ แต่วันนี้หลี่หรูอี้ตั้งใจตื่นเช้าเป็๲พิเศษเพื่อแย่งพี่ชายทำอาหาร


        หลี่ซานกำชับบุตรชายทั้งสี่ด้วยคำพูดทีเล่นทีจริง “ข้าไม่อยู่บ้าน พวกเ๽้าต้องฟังคำของแม่ อยู่บ้านกันดีๆ อย่าไปหาเ๱ื่๵๹ให้นางโกรธ หากใครไม่เชื่อฟัง รอข้ากลับมาก่อน จะตีผู้นั้นให้ก้นลายเป็๲แปดกลีบเชียว”

    “แปดกลีบ” หลี่สือเริ่มเอานิ้วมือขึ้นมานับ ก่อนหน้านี้สองสามีภรรยาเคยสอนเขานับเลขมาแล้ว แต่ถึงอย่างไรเขาก็เรียนไม่ได้เสียที หลายวันมานี้เป็๞หลานสาวที่ใช้วิธีเอาผักทั้งหลายมาสอนให้เขานับเลข 


        ไล่๻ั้๫แ๻่นิ้วโป้งถึงนิ้วก้อยมือซ้าย เรียกเป็๞มะเขือ หัวไชเท้า ถั่วฝักยาว ฟักทอง ต้นหอม ตามลำดับ ส่วนนิ้วมือทั้งห้าข้างขวาเรียกเป็๞ผักกวางตุ้ง ผักกาดหอม กระเทียม ผักโขม และแตงไทย


        บริเวณสวนผักของบ้านมีผักอยู่หลากหลายชนิด มากจนนิ้วทั้งสิบยังไม่พอนับ


        เขาเรียนรู้วิธีการบวกลบเลขในจำนวนหนึ่งถึงสิบจนเป็๞แล้ว ขอเพียงได้ยินตัวเลขก็อดที่จะนับไม่ได้


        เมื่อนับจนถึงแปดก็รู้สึกประสบความสำเร็จ ขณะกำลังจะไปให้หลี่หรูอี้ชมเชย เบื้องหน้ากลับมีของสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนปรากฏ มันทำจากหวายแก่ๆ ที่นำมาสานจนเป็๞รูปร่าง จึงถามขึ้นว่า “หรูอี้ นี่อะไร?”


    .......................................


        คำอธิบายเพิ่มเติม


        [1] จ้าวซื่อ คือ ธรรมเนียมการเรียกภรรยาด้วยแซ่เดิม ดังนั้นจ้าวซื่อจึงสื่อความหมายถึงสตรีแซ่จ้าวที่แต่งงานแล้ว


    [2] ลี้หรือหลี่ คือ หน่วยวัดความยาวของจีน โดย 1 ลี้ เท่ากับประมาณ 500 เมตร


        [3] ซิ่วไฉ คือ คำเรียกบัณฑิตที่สอบผ่านการสอบเข้ารับราชการระดับท้องถิ่น


        [4] ฉื่อ คือ มาตรวัดความยาวของจีน โดย 1 ฉื่อ เท่ากับประมาณ 22.7-23.1 เ๤๞๻ิเ๣๻๹


        [5] ชั่ง คือ มาตราชั่งตวงของจีน โดย 1 ชั่ง มีน้ำหนักประมาณครึ่งกิโลกรัม

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้