ซือคงจวินเย่พูดเสียงหนัก “ใต้เท้าหาน ทั้งๆ ที่หลานเฟยเหนียงเหนียงเป็ผู้ชนะ เหตุใดเ้าจึงพูดว่าฮองเฮาชนะ เ้าทำเช่นนี้มิเป็การกลับดำเป็ขาวหรือ! ขออภัยที่เปิ่นไท่จื่อเชื่อไม่ลง!”
องค์หญิงหลานซินพูดขึ้นด้วยโทสะเช่นกัน “เปิ่นกงไม่ยินยอมเช่นกัน! นอกจากใต้เท้าหานจะให้เหตุผลที่ฟังขึ้น!”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยส่ายหน้ากับตัวเองเมื่อกวาดสายตาผ่านพี่ชายและน้องสาวของตนเอง น่าขันที่พวกเขาพ่ายแพ้แล้วทว่ากลับยังไม่รู้ว่าเหตุใดจึงพ่ายแพ้ ช่างเป็เื่น่าเศร้า!
ทว่า เขาไม่คิดจะทักท้วงหรือตักเตือนพวกเขา พวกเขาสมควรต้องเจอดีเสียบ้าง หาไม่แล้ววันหน้าต้องเสียเปรียบอีกมาก
จางโหม่วเริ่มคลางแคลงใจ เพราะอย่างน้อยๆ เขาก็เข้าใจในอุปนิสัยของใต้เท้าหานท่านนี้ แต่ไรมานางเป็คนไม่ชอบยุ่งเื่ชาวบ้าน และไม่มีทางเอนเอียงไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เหตุใดวันนี้อยู่ๆ นางก็ลุกขึ้นมาปกป้องฮองเฮาเล่า
น่าแปลกจริงๆ!
เขาหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ขอบังอาจถามใต้เท้าหาน เหตุใดจึงตัดสินใจว่าฮองเฮาเป็ผู้ชนะเล่า”
คนที่อยู่ที่นั่นทั้งหมดมองมาพร้อมกัน หานปิงจีลุกขึ้นจากที่นั่งเดินเข้าไปหยุดด้านหน้าโต๊ะที่ทำการแข่งขัน นางเดินผ่านร่างขององค์หญิงหลานซิน หยุดอยู่กับที่เมื่อมองเมล็ดถั่วที่อยู่ในน้ำพร้อมกับเอ่ยขึ้นเสียงเย็น “วิธีการขององค์หญิงหลานซินใช้ได้ผลและรวดเร็ว ภายในระยะเวลาอันสั้นก็แยกเมล็ดถั่วในถ้วยออกจากกันได้ หม่อมฉันขอชื่นชม...”
องค์หญิงหลานซินได้ยินคำชื่นชมของนางจึงเลิกคิ้วและยิ้มอย่างลำพองใจ
“ทว่า...” หานปิงจีพูดต่อ “เมื่อสักครู่ หัวข้อการแข่งขันที่ใต้เท้าจางประกาศคือ ผู้ใดสามารถแยกถั่วแดงและถั่วเขียวออกจากกันได้ในระยะเวลาสั้นที่สุด ผู้ใดใช้เวลาสั้นที่สุด คือผู้ชนะ...”
นางหยุดไปครู่หนึ่ง เพื่อดึงความสนใจให้ทุกคนบังเกิดความอยากรู้อยากเห็น “ดังนั้น หากว่าด้วยเื่ระยะเวลาสั้นที่สุด องค์หญิงหลานซินกลับมิใช่ผู้ชนะในท้ายที่สุด!”
องค์หญิงหลานซินหน้าถอดสีทันที นางพูดอย่างไม่ยินยอม “เพราะเหตุใด”
หานปิงจีเดินเข้ามาหยุดเบื้องหน้าเฟิ่งเฉี่ยน แล้วช้อนตาขึ้นมาประสานกับสายตาของเฟิ่งเฉี่ยนอย่างพอเหมาะพอเจาะ!
เฟิ่งเฉี่ยนมองลึกเข้าไปในดวงตานิ่งลึกราวกับน้ำแข็งพันปี ความเยียบเย็นที่เสียดแทงไปถึงกระดูกนั้นกลับสะอาดบริสุทธิ์ ไม่แปดเปื้อนสิ่งใด งดงามราวกับมิใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามัญพึงมี!
เผชิญหน้ากับดวงตาที่ไม่หลบหลีก ในใจหานปิงจีประหลาดใจน้อยๆ แต่ไรมายังไม่เคยมีใครกล้ามองนางตรงๆ เฟิ่งเฉี่ยนเป็คนแรก!
สีหน้าของนางยังเหมือนเดิม เสียงที่เอ่ยขึ้นก็เรียบเรื่อยดังเดิม “เพราะนางใช้เวลาสั้นกว่าเ้า อีกทั้งฉลาดกว่าเ้า!”
คนทั้งหมดยิ่งมองมาด้วยความประหลาดใจ นางค่อยๆ ยกข้อศอกขึ้น ยื่นนิ้วมือเข้าไปทางด้านข้างของถ้วยที่เต็มไปด้วยเมล็ดถั่วของเฟิ่งเฉี่ยน...!
ที่นั่น มีถั่วแดงเมล็ดหนึ่งและถั่วเขียวเมล็ดหนึ่งที่ไม่น่าสนใจอันใดเลย!
หานปิงจีพูดเสียงเย็น “ดูสิ นางใช้เวลาเร็วที่สุด แยกถั่วแดงและถั่วเขียว!”
วินาทีนั้น ราวกับทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบงันอย่างที่สุด!
คนมากมายไม่กระจ่างแจ้งในทันที กระทั่งมีคนแรกพบเห็นพิรุธแล้วร้องออกมา จึงทำลายบรรยากาศแปลกประหลาดตรงหน้านี้
“ให้ตายเถอะ! ให้ตายเถอะ! แบบนี้ก็ได้หรือ”
“ที่แท้ยังแยกด้วยวิธีนี้ได้ด้วย นี่มันจะเยี่ยมยอดเกินไปแล้วกระมัง”
“แต่หัวข้อการแข่งขันของใต้เท้าจางบอกว่า ใครเป็คนแยกถั่วแดงและถั่วเขียวออกจากกันได้เร็วที่สุด และใช้เวลาสั้นที่สุดจึงจะเป็ผู้ชนะ มิได้บอกว่าต้องแยกเมล็ดถั่วแดงและถั่วเขียวทั้งหมดในถ้วยออกจากกัน!”
“ดังนั้น วิธีการของฮองเฮาเหนียงเหนียงจึงไม่นับว่าออกนอกประเด็น!”
“ถูกต้อง ฮองเฮาเหนียงเหนียงแยกเมล็ดถั่วแดงเมล็ดหนึ่งและเมล็ดถั่วเขียวเมล็ดหนึ่งออกจากกัน อีกทั้งยังใช้เวลาสั้นกว่าหลานเฟยเหนียงเหนียง ดังนั้น ผู้ชนะจึงเป็ฮองเฮาเหนียงเหนียง!”
“...”
องค์หญิงหลานซินมีสีหน้าย่ำแย่ที่สุดในชั่วพริบตา ราวกับนางได้กินแมลงวันลงไปครึ่งตัว มุมปากและหางตาของนางกระตุกไม่หยุด!
นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่ยอมแพ้ “นี่ไม่ยุติธรรม! ฮองเฮาชนะจากการใช้ช่องโหว่ ไม่ได้ชนะอย่างขาวสะอาด!”
เฟิ่งเฉี่ยนยิ้มน้อยๆ ตอบโต้กลับไปว่า “อย่าลืมว่า การแข่งขันรอบนี้คือการใช้สติปัญญา! เ้าคิดว่าการหาช่องโหว่นั้นง่ายนักหรือ มีเพียงคนไร้สมองเท่านั้นแหละที่จะนำเมล็ดถั่วทั้งถ้วยมาแยกออกจากกัน!”
“เ้า...” องค์หญิงหลานซินโมโหจนหน้าแดงก่ำ ร่างของนางสั่นเทิ้ม
ซือคงจวินเย่ตบโต๊ะบันดาลโทสะ เขาลุกพรวดขึ้นด้วยคิดจะตอบโต้ มีมือข้างหนึ่งกดแขนของเขาเอาไว้ เขาหันไปมอง เห็นน้องชายส่ายหน้าให้เขา และพูดอย่างไม่ช้าไม่เร็ว “พี่ใหญ่ แพ้ไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือแพ้บารมี!”
ซือคงจวินเย่เก็บงำสีหน้าสีตา พลันรู้สึกได้ว่าหานปิงจีส่งสายตาดูแคลนมาให้ ในใจของเขาพลันหนาวะเื และเข้าใจความหวังดีของน้องชายทันที วันนี้แพ้การแข่งขัน อย่างมากก็แค่เสียโอกาสที่จะได้เป็ผู้เปิดกล่องสมบัติล้ำค่าก่อนผู้อื่น แต่หากเื่นี้รู้ไปถึงหูของราชินีอวิ๋นซู ย่อมไม่ส่งผลดีต่อเส้นทางในวันข้างหน้าของเขา
หลังจากใคร่ครวญอย่างกระจ่างแจ้งแล้ว ในใจของเขาเต็มไปด้วยไฟโทสะกลุ่มหนึ่ง และกำลัง้าหาที่ระบายไฟโทสะนั้น
เห็นสถานการณ์โดยรวมอยู่ในการควบคุมแล้ว เฟิ่งชังลูบเคราสั้นๆ ที่คางแล้วเริ่มหัวเราะเสียงดังลั่น
ประหลาดใจ ช่างเป็เื่น่าประหลาดใจอย่างใหญ่หลวง!
บุตรสาวของเขา เฟิ่งชัง ไม่พูดคือไม่พูด พูดขึ้นมาแล้วทำให้คนตกตะลึงเสมอ!
“ใต้เท้าหลี่ เมื่อสักครู่ใครบอกว่าฮองเฮากำลังจะพ่ายแพ้หรือ” เฟิ่งชังได้ทีตอกกลับหลี่เต๋อหรง เขาลืมไปแล้วว่า เมื่อสักครู่ใครกันแน่ที่สิ้นหวัง ไม่เห็นว่าเฟิ่งเฉี่ยนจะชนะได้!
หลี่เต๋อหรงอ้าปากทว่ากลับกลืนคำพูดลงคอไปซะเฉยๆ
เซวียนหยวนเช่อมองเฟิ่งเฉี่ยนที่เป็ผู้ชนะเงียบๆ แววตานั้นเปล่งประกาย สตรีที่เขาชมชอบแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ มักจะพลิกสถานการณ์ในเวลาวิกฤติได้ และสร้างความประหลาดใจให้กับเขาเสมอ!
เขาเริ่มรู้สึกรอคอยการแข่งขันอีกสองรอบที่กำลังจะมาถึงเสียแล้ว อยากดูว่านางจะทำให้เขาประหลาดใจได้เพียงใด
จางโหม่วหุบปากที่อ้ากว้างด้วยความประหลาดใจแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างแค้นคอ เขาพูดเสียงสูง “กระหม่อมขอประกาศการแข่งขันรอบที่หนึ่ง ฮองเฮาเป็ผู้ชนะ!”
ในท้องพระโรงมีเสียงปรบมือดังขึ้น ขุนนางทั้งหลายต่างส่งเสียงชื่นชม
แม้ฮองเฮาจะชนะได้อย่างพลิกแพลง แต่ผู้ที่สามารถคิดหาวิธีการจากช่องโหว่นี้ได้ เห็นได้ว่าฮองเฮาเป็ผู้มีสติปัญญาเหนือคนธรรมดา!
พวกเขาอดสงสัยไม่ได้ว่า คำเล่าลือเกี่ยวกับฮองเฮาในอดีตเป็ความจริงหรือไม่
นางถึงกับเก็บงำความเฉลียวฉลาดไม่แสดงออก และยังเอาชนะได้อย่างบังเอิญ?
พวกเขารอคอยการแข่งขันในรอบที่เหลือด้วยสายตาคลางแคลงใจ
หลังจากเก็บอุปกรณ์ที่ใช้ในการแข่งขันรอบที่หนึ่งออกไปแล้ว จางโหม่วจึงประกาศอีกครั้ง “ต่อไปเข้าสู่การแข่งขันรอบที่สอง การแข่งขันศิลปะ...”
ในที่สุดก็ถึง่เวลาของการแข่งขันศิลปะ หัวใจของเฟิ่งชังที่เพิ่งจะวางลงถูกแขวนขึ้นมาอีกครั้ง บุตรสาวมีความรู้ความสามารถด้านศิลปะมากน้อยเพียงใด มีน้ำหมึกอยู่ในท้องแค่ไหน มีหรือที่เขาจะไม่รู้
ยามยังเยาว์ให้นางดีดพิณ นางแทบจะทำให้ผู้อื่นทรมานหูแทบตาย เสียงพิณนั้นเป็เสียงพิณที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยินเป็ครั้งที่สองในชั่วชีวิตนี้!
ให้นางท่องตำรา ตำรา 《หลุนอวี่》 ง่ายๆ เล่มหนึ่ง หนึ่งเดือนนางก็ท่องไม่จำ อีกทั้งยังทำให้อาจารย์ผู้สอนมีโทสะจนเลิกสอนไปสามคน!
ให้นางทำงานเย็บปักถักร้อย นางกลับปักแขนเสื้อของตนเองกับผ้าปักเอาไว้ด้วยกัน คนทั้งคนล้มลงบนที่ปักผ้า ทำให้ตนเองหน้าบวมเป่งจมูกเขียวช้ำ!
ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการร่ายรำหรือร้องเพลง ตัวนางไม่มีพร์อะไรเลย...
บางครั้งเขาถามตัวเองด้วยความปวดหัว บุตรสาวที่ไม่เป็โล้เป็พายสักอย่างของเขา เขาจะเลี้ยงนางมาเพื่ออะไร
เมื่อคิดถึงเื่ราวเลวร้ายที่บุตรสาวเคยทำไว้ก่อนหน้านี้ โรคปวดศีรษะของเขาก็กำเริบขึ้นมาทันที...
ขณะที่จางโหม่วกำลังจะประกาศรายละเอียดของการแข่งขันรอบที่สอง เฟิ่งชังจึงชิงลุกขึ้นกล่าวก่อนว่า “ในเมื่อเป็การแข่งขันด้านศิลปะ มิสู้ให้แข่งขันการเดินหมากล้อม การเดินหมากล้อมก็เหมือนอุปนิสัยของคน สามารถมองนิสัยของคนๆ หนึ่งจากวิธีการเดินหมากล้อมได้ ขอเพียงเป็คนมีคุณธรรมและจริยธรรม ย่อมต้องมีค่าคู่ควรกับสมบัติล้ำค่าของราชินีอวิ๋นซู!”
มิเสียแรงที่เป็ตาเฒ่าอัครมหาเสนาบดีจอมเ้าเล่ห์ที่โชกโชนด้วยประสบการณ์ รู้จักชิงลงมือในเวลาที่เหมาะสม ใช้ความโดดเด่นของบุตรสาวมาคว้าชัยชนะ หากแข่งขันการเดินหมากล้อม บุตรสาวจะต้องชนะชนิดที่เรียกได้ว่านอนมาทีเดียว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้