เมื่อรู้สึกได้ว่าร่างของสตรีที่นั่งอยู่ด้านหน้าเกร็งเล็กน้อย มุมปากของฮั่วเยี่ยนไหวก็ยกขึ้นอย่างเลือนรางจนแทบมองไม่เห็น จากนั้นเขาก็ควบม้าไปตามเส้นทางที่ทุกคนมุ่งหน้าไป
ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงปฏิบัติต่อนางดีเป็พิเศษ บางทีอาจเป็เพราะนางเป็สตรีที่พิเศษกระมัง
ครึ่งชั่วยามต่อมาผู้คนรอบข้างก็ดูเบาบางลง
“เราไม่ตามพวกเขาไปหรือ?”
“เหตุใดถึงต้องตามไป?”
ไป๋เซี่ยเหอเชิดลำคอที่ขาวผ่องและเกลี้ยงเกลาขึ้น ทว่ากลับมองเห็นเพียงแพขนตายาวราวกับพัดขนนกของฮั่วเยี่ยนไหวเท่านั้น “เราไม่ได้มาล่าสัตว์หรอกหรือ?”
“เ้า้ารางวัลพระราชทานอย่างนั้นหรือ?”
ม่านตาสีหมึกที่ดูเ็าของเขาแผ่ความรังเกียจออกมาเล็กน้อย
“ย่อม้าสิ”
ไป๋เซี่ยเหอตอบด้วยความสัตย์จริง นาง้าจริงๆ หากคิดจะสร้างเครือข่ายข้อมูลของตนเอง สิ่งที่ขาดไม่ได้ที่สุดก็คือเงินตรา
มีเพียงบ่อนพนันแห่งเดียวย่อมไม่พอหรอก ยังห่างไกลจากความทะเยอทะยานของนางยิ่งนัก
นางคือจิ้งจอกน้อยที่เป็อดีตทหารรับจ้าง แม้ว่านี่จะไม่ใช่โลกใบเดิมที่นางเคยอาศัยอยู่ ก็ไม่สามารถทำตัวอ่อนแอให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอด นี่คือหลักการที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงตลอดกาล
“ทั้งจวนเซ่อเจิ้งอ๋องล้วนเป็ของเ้าทั้งหมด เ้ายังบอกว่าเ้าขาดแคลนเงินอย่างนั้นหรือ?”
ทุกคนล่วงรู้ว่าบรรดาของหายากที่ไม่เคยพบเคยเห็น ล้วนแล้วแต่ถูกส่งมาจากจวนเซ่อเจิ้งอ๋องทั้งสิ้น บอกได้ว่าหากเปิดท้องพระคลังของจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง จะพบว่าร่ำรวยกว่าราชสำนักเป็สิบเท่า
เช่นเดียวกับผ้าดิ้นอวิ๋นหรง ในวังไม่เคยมีผ้าชนิดนี้แบบเต็มผืนมาก่อน จะมีก็เพียงเศษผ้าชิ้นเล็กๆ ที่ถูกนำมาทำเป็ผ้าเช็ดหน้า เพียงเท่านี้ก็นับว่าล้ำค่ายิ่งแล้ว
ผู้ที่สามารถใช้ผ้าดิ้นอวิ๋นหรงมาทำอาภรณ์เพื่อสวมใส่ย่อมมีเพียงคนในจวนเซ่อเจิ้งอ๋องเท่านั้น
ทว่าเป็เพราะมาจากจวนเซ่อเจิ้งอ๋องนี่แหละ ทุกคนถึงได้ไม่กล้าพูดอะไรมาก ทำได้เพียงอิจฉาริษยา
ใบหน้าของไป๋เซี่ยเหอดูสงบเยือกเย็น ทว่าเมล็ดพันธุ์กลับแตกหน่ออ่อนในใจ ราวกับถูกรดด้วยน้ำผึ้งอย่างไรอย่างนั้น
นางกระวนกระวายเป็อย่างยิ่ง
ผู้ใดบอกว่าเซ่อเจิ้งอ๋องเงียบขรึม พูดน้อย และไม่ชอบใกล้ชิดสตรีกัน?
เมื่อเขาเลือกที่จะเกี้ยวพาขึ้นมา สตรีนางใดจะต้านทานได้?
เมื่อเปรียบเทียบกับการแย่งชิงสัตว์ที่จะล่ากันอย่างดุเดือดทางฝั่งนั้น คนสองคนทางนี้กลับควบม้าอย่างเชื่องช้าเพื่อรับแสงอาทิตย์อันอบอุ่น ชื่นชมทิวทัศน์ และััถึงกลิ่นดินโคลนอันบางเบาในอากาศ ซึ่งอากาศที่สดชื่นเช่นนี้ไม่อาจพบได้ในสมัยศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด
สายลมพัดแ่เบา ให้ความรู้สึกเย็นสบายกำลังดี
หนุ่มสาวที่มีรูปโฉมเลิศล้ำนั่งอยู่บนหลังม้า ดูตื่นตาตื่นใจราวกับทิวทัศน์อันงดงามก็ไม่ปาน
จู่ๆ ม้าก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
ดวงตาสีหมึกอันลึกล้ำหม่นแสงลงเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจฮั่วเยี่ยนไหวก็สะบัดบังเหียน และควบม้าตรงไปข้างหน้าต่อ
เสียงลมพัดมาแ่เบา คนธรรมดาย่อมไม่ได้ยินเสียงนี้
ทว่าทั้งสองคนที่อยู่บนม้าต่างก็ไม่ใช่คนธรรมดา
ไป๋เซี่ยเหอหันไปมองฮั่วเยี่ยนไหวทันที ดวงตาของทั้งสองสบประสานกัน ไม่ต้องเอ่ยคำใดก็เข้าใจ
แววตามีกลิ่นอายของคาวเื มุมปากค่อยๆ ยกขึ้น
“มือสังหารที่ไม่แม้แต่จะซ่อนไอสังหาร คู่ควรเป็มือสังหารด้วยหรือ?”
ไป๋เซี่ยเหอพุ่งตัวออกไปอย่างว่องไวราวกับแมวดาว เมื่อยกมือขึ้นตวัดดาบ ก็สามารถจัดการมือสังหารคนหนึ่งที่อยู่ใกล้นางมากที่สุดได้แล้ว
ใบไม้ปลิวว่อน มือสังหารสิบกว่าคนกระโจนออกมาภายในชั่วพริบตา ดาบยาวในมือเปล่งแสงสีเงินก่อนจะพุ่งตรงมาที่ทั้งสองคน
“ทั้งหมดสามสิบหกคน เฮอะ ทำการใหญ่สิท่า”
ไป๋เซี่ยเหอยืนเผชิญหน้าเหล่ามือสังหารด้วยท่าทีสงบนิ่งและสบายอารมณ์ เรือนผมสีดำขลับพลิ้วไหวไปตามสายลม
ฮั่วเยี่ยนไหวเลิกคิ้วไม่พูดไม่จา ััที่หกของเขาบอกว่าคู่หมั้นคนนี้ดูเหมือนจะสร้างความประหลาดใจให้เขาอีกครา
“สาวน้อยที่ขนยังขึ้นไม่ครบกล้าพูดจาโอหังด้วยหรือ? เหล่าพี่น้อง จัดการ...”
ยังกล่าวไม่ทันจบ มือสังหารคนดังกล่าวก็ตกลงมาจากต้นไม้ หน้าอกของเขาถูกเกาทัณฑ์แขนเสื้อปักอยู่ มันแทงทะลุหัวใจโดยไม่คลาดเคลื่อนแม้เพียงเสี้ยว
“เฮอะ ในเมื่อพวกเ้าไม่เกรงอกเกรงใจปานนี้ ก็อย่าโทษที่ข้าใช้ความาุโรังแกผู้น้อยแล้วกัน!”
เห็นอยู่ชัดๆ ว่านางต่างหากที่อายุน้อยที่สุด
ฮั่วเยี่ยนไหวกำบังเหียนแน่น แววตาตึงเครียดเจือไปด้วยความขบขันเล็กน้อย
นับั้แ่วินาทีที่นางลงมือ ก็ราวกับเปลี่ยนเป็คนละคน ทั้งเ็าและแข็งกร้าว ทั่วสรรพางค์กายเต็มไปด้วยไอสังหารที่ไม่อาจบรรยายได้
มือสังหารย่อมอ่อนไหวกับไอสังหารมากที่สุด
พวกเขาจึงมีมติเป็เอกฉันท์ทันที นั่นคือ ‘จัดการฮั่วเยี่ยนไหวก่อน’
ทุกที่ที่ไป๋เซี่ยเหอย่างเท้าผ่าน มือสังหารต่างล้มลงทีละคนราวกับสับหูหลัวปัว[1]อย่างไรอย่างนั้น
ทหารรับจ้างไม่ใช่นักกายกรรม นางไม่ได้ใช้วิธีการที่ซับซ้อนปานนั้น ทว่าเมื่อลงมือคราใด อีกฝ่ายจะต้องหลั่งโลหิตอย่างแน่นอน
นางไม่มีวิทยายุทธ์ ไม่มีวิชาตัวเบา สิ่งที่นางมีคือความสามารถในการสังหารคน นี่ล้วนเป็ผลมาจากการฝึกซ้อมในอดีตชาติทั้งสิ้น
รวดเร็ว แม่นยำ และโเี้
ยุทธวิธีทั้งหมดในใต้หล้าล้วนหนีไม่พ้นสามคำนี้
เมื่อเห็นว่าไป๋เซี่ยเหอกำลังจะพุ่งเข้าไปในวงล้อมของมือสังหาร ฮั่วเยี่ยนไหวก็ตบฝ่ามือลงบนหลังม้า จากนั้นเขาก็ดีดตัวขึ้นและกระโจนไปหาไป๋เซี่ยเหอด้วยวิชาตัวเบา แสงสีเงินเผยให้เห็นจากฝักดาบก่อนที่ฮั่วเยี่ยนไหวจะตวัดดาบลงไป
ฮั่วเยี่ยนไหวดึงตัวไป๋เซี่ยเหอที่มีท่าทีว่าจะพุ่งเข้าไปในวงล้อมของมือสังหาร เขาตวาดด้วยความโกรธเคือง “เ้าบ้าไปแล้วหรือ? หากเข้าไปก็จะถูกล้อม แม้ว่าวรยุทธ์ของเ้าจะดีเพียงใดก็ย่อมาเ็อยู่ดี!”
มือที่กำลังจะออกกระบวนท่าของไป๋เซี่ยเหอแข็งค้างไปทันที ทำให้นางเกือบถูกมือสังหารที่อยู่ด้านข้างทำร้าย โชคดีที่ฮั่วเยี่ยนไหวหันไปจัดการมือสังหารผู้นั้นแทนนาง
“เวลาเช่นนี้เ้ายังใจลอยอีกหรือ?”
นางมั่นใจในตนเองเกินไปหรือทะนงตนกันแน่?
กระบวนท่าของไป๋เซี่ยเหอเฉียบคม เมื่อนางเหวี่ยงเกาทัณฑ์แขนเสื้อออกไป ลำคอของมือสังหารที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ปรากฏรอยแดงสายหนึ่ง โลหิตสดๆ ไหลทะลัก เขาล้มลงสิ้นใจทันที
ชุดจิ้นจวงสีฟ้าน้ำทะเลของนางอาบย้อมไปด้วยโลหิตสีแดงฉานของศัตรู เมื่อได้ยินถ้อยคำของฮั่วเยี่ยนไหว นางก็หันไปยิ้มให้เขา “เช่นนั้นแผ่นหลังของข้ายกให้ท่านดูแลก็แล้วกัน!”
ในอดีตนางเคยชินกับการเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง มือสังหารเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของนาง การสังหารพวกเขานั้นไม่ยาก ทว่าก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้ตนเองาเ็เช่นเดียวกัน
นางเคยชินกับการมีรอยแผลเป็มาเนิ่นนานแล้ว ไม่เคยมีผู้ใดถามนางว่าเจ็บหรือไม่มาก่อน
เวลานี้แววตาของนางราวกับมีดวงดาราดวงใหญ่ส่องแสงเป็ประกายระยิบระยับ
คิ้วที่ขมวดมุ่นของฮั่วเยี่ยนไหวคลายลงทันที เขาเผยรอยยิ้ม “ได้!”
แผ่นหลัง!
นั่นคือจุดที่อ่อนแอที่สุด และเป็อันตรายถึงชีวิตมากที่สุด ฮั่วเยี่ยนไหวจะไม่รู้เื่นี้ได้อย่างไร
นางยกแผ่นหลังให้เขาดูแล ย่อมหมายถึงการยกชีวิตครึ่งหนึ่งให้เขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ความเชื่อใจเช่นนี้...
ทั้งสองคนยื่นมือข้างหนึ่งไปจับมือของอีกฝ่าย ส่วนมืออีกข้างก็ต่อสู้กับศัตรู การกระทำเช่นนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อฝีมือของพวกเขาแม้แต่น้อย
ร่างกายของไป๋เซี่ยเหอแผ่ความเย็นเยียบออกมา ก่อนที่มันจะมลายหายไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
มือสังหารที่ห้อมล้อมอยู่มีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ
จากสามสิบหกลดเหลือสามสิบและลดเหลือยี่สิบ กระทั่งเหลือเพียงสิบห้าคนในตอนนี้...
การเข่นฆ่าที่แฝงด้วยความอ่อนโยนของไป๋เซี่ยเหอตราตรึงอยู่ในดวงตาของฮั่วเยี่ยนไหว
มือข้างนั้นของเขาที่กอบกุมมือของนางเอาไว้ เขาไม่คิดจะปล่อยไปอีก
เขาอยากปกป้องนาง อยากปกป้องความอ่อนโยนอันล้ำค่าของนางเอาไว้
แม้ว่าทั้งสองคนจะร่วมมือกันเป็ครั้งแรก ทว่าราวกับร่วมมือกันมาหลายสิบปีก็ไม่ปาน ดูเข้าขากันอย่างยิ่ง
มือสังหารลดน้อยลงเรื่อยๆ ทว่าร่างกายของทั้งคู่กลับไม่ปรากฏาแสักเสี้ยว
“พี่เยี่ยนไหว ข้ามาช่วยท่านแล้วเ้าค่ะ!”
เป็โหยวพิงถิงนั่นเอง น้ำเสียงอันนุ่มนวลของนางเป็เอกลักษณ์อย่างยิ่ง
ยังไม่ทันได้เอ่ยปากห้ามปราม ร่างของนางก็ปรากฏออกมา มือสังหารที่อยู่รอบนอกสุดจึงพุ่งเข้าไปจับตัวนางไว้
เื่ราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น
------------------------
[1] หูหลัวปัว หมายถึง แคร์รอต
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้