หลังจากการฝังร่างของเฉิงจือหย่วนหลายวัน เฉิงชิงก็กลับไปยังสถานศึกษาหนานอี๋
ด้วยเพราะยังสอบไม่ผ่านการสอบระดับเมือง นางจึงไม่นับว่าเป็ ‘บัณฑิตถงเซิง’ กลับมาสถานศึกษาครั้งนี้ นางและชุยเยี่ยนยังคงอยู่ที่ห้องเรียนติงเก้า
รอทั้งสองคนผ่านการสอบระดับเมืองแล้ว สมควรถูกเลื่อนไปอยู่ห้องเรียนตัวอักษรปิ่งแล้ว
นับนิ้วคำนวณดูแล้ว ห่างจากการสอบระดับเมืองไม่ถึงหนึ่งเดือน หลังการสอบระดับเมือง ทั้งห้องเรียนตัวอักษรติงก็จะล้างไพ่ครั้งใหญ่ ผู้ที่ผ่านการสอบระดับเมืองจะเลื่อนไปอยู่ห้องเรียนตัวอักษรปิ่ง ที่ไม่ผ่านก็จะยังคงอยู่ที่ห้องเรียนเดิม หลังการสอบระดับสำนักศึกษาก็เป็ห้องเรียนตัวอักษรปิ่งที่ล้างไพ่ขนาดใหญ่ ผู้ที่สอบผ่านได้คุณวุฒิซิ่วไฉก็จะเลื่อนไปอยู่ห้องเรียนตัวอักษรอี่ อวี๋ซานอยู่ที่ห้องเรียนตัวอักษรปิ่ง เฉิงกุยอยู่ห้องเรียนตัวอักษรอี่ ชุยเยี่ยนลูบคางใคร่ครวญ
“เช่นนั้นไม่ใช่ว่าพวกเราต้องเป็สหายร่วมเรียนกับสองคนนี้หรือ?”
“เ้ากลัว?”
“...กลัวกับผีสิ! อวี๋ซานกลับสถานศึกษาครั้งนี้ ดูไปแล้วซื่อตรงขึ้นกว่าแต่ก่อน ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่ด่าเ้าว่าเป็บุตรชายของขุนนางต้องโทษ ทั้งยังทำลายชื่อเสียงของท่านลุงเฉิง ครอบครัวเ้าได้รับราชโองการแล้ว อวี๋ซานถูกตบจนหน้าบวมหมดแล้ว!”
เฉิงชิงกลั้นหัวเราะ ชุยเยี่ยนกำลังพยายามลดน้ำหนักอยู่ น้ำหนักลดลงมาเล็กน้อยแล้ว ภายในใจกลับขยายใหญ่!
แต่ก่อนไปมาหาสู่กับนางล้วนต้องแอบอวี๋ซาน ด้วยกลัวว่าจะล่วงเกินคุณชายของท่านเ้าเมือง
ตอนนี้ถึงขนาดกล้ากล่าวถึงอวี๋ซานเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเป็การขยายใหญ่แล้วหรือ
อวี๋ซานกลับมาถึงสถานศึกษาหนานอี๋แล้วอย่างแน่นอน
เ้าเมืองอวี๋ไม่ได้ใช้อำนาจส่วนรวมเพื่อความแค้นส่วนตัวจัดการกับครอบครัวนาง เฉิงชิงรับน้ำใจนี้
ในการสอบระดับอำเภอสนามสุดท้าย แม้ไม่รู้ว่าเหตุใดอวี๋ซานถึงช่วยนาง แต่ก็เป็ความจริงที่อวี๋ซานจับครอบครัวที่มาหาเื่ส่งไปยังที่ว่าการอำเภอ
เมื่อรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน เฉิงชิงเองก็ไม่อาจมีท่าทีแข็งกระด้างต่อได้ ยามเ้าสถานศึกษาเฉิงถามความเห็นนางจึงไม่ได้คัดค้าน อวี๋ซานหนุ่มน้อยผู้ขาดการเรียนผู้นี้ก็ได้กลับสถานศึกษา ทว่าบัดนี้เขาหลบเลี่ยงนาง
เฉิงชิงรู้สึกว่าอวี๋ซานไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว แต่เป็เพราะก่อนหน้านี้ข้อโต้แย้งที่ใช้โจมตีนางนั้นไร้มูล อวี๋ซานต้องหยุดอย่างไร้ทางเลือก
ในเมื่อนางไม่ใช่บุตรชายของขุนนางละโมบ ทั้งไม่เคยคิดไปรีดไถบ้านรอง
กลับเป็บ้านรองที่มาหาเื่นางโดยตลอด
เื่นี้ไม่ใช่ความลับ ออกจะเป็ที่รู้กันทั่วทั้งอำเภอแล้ว
เฉิงชิงไม่ยินยอมถอยให้ นายท่านห้าและเฉิงจือซวี่เองก็ดูเหมือนจะขัดแย้งกัน ครั้งนี้ไม่ช่วยบ้านรองปิดบัง กลับเจาะตุ่มหนองแล้ว——หลังจากการฝังร่างเฉิงจือหย่วน นายอำเภอหลี่ก็ยกคดีนี้ออกมาไต่สวน ไปบ้านรองเรียกตัวแม่นมโจว พบว่าแม่นมโจวติดโรคร้ายเสียชีวิตไปแล้ว กล่าวกันว่าโรคร้ายของแม่นมโจวสามารถติดต่อกันได้ ศพของนางถูกเผากลายเป็ธุลีไปแล้ว ของใช้ส่วนตัวก็ถูกเผาจนไม่เหลือเช่นกัน
อีกทั้งไม่เห็นร่องรอยบุตรชายคนที่สองของแม่นมโจว บ้านรองกล่าวว่าเป็ทาสที่หนีไปแล้ว
อาการเจ็บแน่นหน้าอกซึ่งเป็โรคเดิมของนางจูกำเริบ จึงได้แต่นอนรักษาตัวบนเตียง นายอำเภอหลี่เองก็ไม่อาจให้เ้าพนักงานใช้กำลังลากตัวนางจูมาขึ้นศาล ถึงอย่างไรบนตัวของนางจูก็มีบรรดาศักดิ์อี๋เหรินขั้นห้า
นายอำเภอหลี่จึงส่งคนไปเยือนในเรือน เอ่ยถามเสียงแหลม
“แม่นมโจวกับเฉิงชิงกลายมาเป็ศัตรูกันยามใด?”
“แม่นมโจวจ้างคนให้ไปทำลายการสอบระดับอำเภอของเฉิงชิง จูอี๋เหรินย่อมรู้แน่!”
“แม่นมโจวติดโรคร้ายอะไร เชิญท่านหมอบ้านไหน บันทึกการรักษาอยู่ที่ใด…”
คำถามเหล่านี้ยิ่งกลับกลอกขึ้นเรื่อยๆ นางจูหลั่งเหงื่อเย็นอยู่บนเตียง ยังเป็เฉิงจือซวี่ที่ทนจนทนไม่ไหว ใช้ตำแหน่งขุนนางไล่ตะเพิดคนของที่ว่าการอำเภอออกไป
นางจูหลบเลี่ยงด้วยความไม่รู้เื่อย่างสิ้นเชิง ผลักเื่ราวไปบนตัวของแม่นมโจวที่ตายไปแล้ว
นางจะรู้ได้อย่างไรว่ากลายมาเป็ศัตรูกันยามใด!
อย่าบอกนะว่าผู้เป็นายยังต้องไปสืบเสาะความคิดของบ่าวไพร่?
ทว่านายอำเภอหลี่ไม่ยอมรับ
บ่าวไพร่เป็สินทรัพย์ส่วนตัวของตระกูลเ้านาย ถึงแม้นางจูจะเอ่ยว่าไม่รู้เื่ แม่นมโจวที่รับใช้นางกระทำความผิด นางจูซึ่งเป็เ้านายผู้นี้ก็มีความผิดฐานไม่ดูแล
นางจูมีบรรดาศักดิ์ติดตัว ขึ้นศาลถูกโบยไม้ไม่ได้ สุดท้ายนายอำเภอหลี่จึงปรับเงินเพื่อจบเื่ ทั้งออกประกาศจับบุตรชายคนรองของแม่นมโจว
เงินก้อนนี้ต้องชดใช้แก่เฉิงชิงซึ่งเป็เ้าทุกข์
เงินค่าปรับของบ้านรองไม่เหมือนของขวัญที่เฉิงจือซู่มอบให้ถึงที่ เฉิงชิงยินดีรับเอาไว้อย่างใจกว้าง
เป็เพราะการตัดสินของนายอำเภอหลี่ ในอำเภอจึงรู้เื่นี้กันหมดแล้ว
นางจูกล่าวว่าตนเองไม่รู้เื่ก็ถือว่าไม่รู้เื่แล้ว?
หนีการลงโทษทางกฎหมายพ้น แต่หนีไม่พ้นการวิจารณ์ของผู้คน ผู้ใดก็ไม่ใช่คนโง่ แม่นมโจวซึ่งเป็คนรับใช้ผู้หนึ่ง้าทำร้ายเฉิงชิง คนรับใช้ของบ้านไหนมีความคิดใหญ่โตถึงเพียงนั้น ถ้าไม่ใช่ดำเนินการเพื่อเ้านาย!
เฉิงจือซวี่อยากจะแสดงความรู้สึกลึกซึ้งระหว่างอาหลานก็ไร้ประโยชน์ ชาวบ้านในอำเภอตัดสินแล้วว่านางหลี่ไร้เมตตา แม่นมโจวเพียงแค่เชื่อฟังทำตามคำสั่ง
คดีของแม่นมโจวยังเป็ที่รู้กันทั้งอำเภอ แต่พวกเขาไม่รู้ว่านายท่านห้าซึ่งเป็ผู้นำตระกูลไปเยี่ยมเยียนสั่งสอนนางจูด้วยตนเอง กล่าวว่าหากนางจูกระทำความผิดอีก เขาคงต้องใช้สถานะผู้นำตระกูลของตระกูลเฉิง ถวายฎีกาต่อราชสำนักให้ถอดถอนบรรดาศักดิ์ของนางจู และเปิดศาลบรรพชนทำตามกฎตระกูลหย่าภรรยาแทนพี่ชาย!
นางจูอยู่ในวัยที่มีคนรุ่นหลานแล้ว นายท่านห้ากล่าวว่า้าหย่าภรรยาแทนนายท่านรองที่ล่วงลับไป นางจูก็ทั้งตะลึงทั้งหวาดกลัว เหตุทั้งในทั้งนอกซ้อนทับกัน อาการป่วยของนางจูก็เปลี่ยนเป็รุนแรง ท่านหมอในอำเภอไม่อาจรักษาได้ ต้องเชิญหมอมีชื่อจากในเมืองมา ในบ้านรองจากบนลงล่างต่างไม่มีความยินดียามเฉิงจือซวี่เลื่อนขั้นแล้ว ความหนักใจและความเครียดปกคลุมอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
แม้แต่เฉิงกุยก็ขอลาพักกลับบ้านไปดูแลอาการป่วยของนางจู
นายท่านห้าไม่ไว้หน้า เฉิงจือซวี่โกรธจัด บ้านรองและบ้านห้ารักษาฉากหน้าที่สงบสุขไว้ไม่ได้อยู่รอมร่อ
เื่เล็กน้อยเื่เดียวกลับก่อกวนคนบ้านรองจนเข้าตาจน มีเพียงเฉิงชิงที่ไม่ได้รับผลกระทบ
หากกล่าวว่ามีผลกระทบนั่นก็เป็ในทางที่ดี
ศิษย์ในสถานศึกษาต่างรู้สึกว่าเฉิงชิงน่าสงสารเกินไปแล้ว เพื่อปกป้องเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ บิดาจึงเสียชีวิตในหน้าที่ ย่าเลี้ยงก็ดันไร้เมตตา มิอาจทนแม่มายบุตรกำพร้าและมิอาจทนเฉิงชิงที่พึ่งการสอบเข้ารับราชการจนโดดเด่นกว่าผู้อื่น
เมื่อเอ่ยถึงบ้านรอง ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการเอ่ยถึงเฉิงกุย
เฉิงกุยไม่รู้เื่แม้แต่น้อยจริงๆ หรือ?
นางจูไม่ยอมให้เฉิงชิงโดดเด่น เป็เพราะไม่้าให้เฉิงชิงกดทับความโดดเด่นของหลานชายตนเอง
ผู้คนต่างทยอยกันวิพากษ์วิจารณ์ สถานการณ์ของเฉิงกุยในยามนี้เหมือนเฉิงชิงเมื่อก่อนไม่มีผิดเพี้ยน ความสงสัยและอคติดุจคมมีดดั่งน้ำค้างแข็งอันเย็นเยียบ รอยามเด็กหนุ่มผู้นี้กลับสถานศึกษา บางทีอาจถูกความเครียดจากคำวิพากษ์วิจารณ์โจมตีจนล้มลง!
เกี่ยวกับเื่นี้ เฉิงชิงไม่แสดงความคิดเห็น
เื่เลวที่นางจูกระทำถูกเปิดโปงแล้ว เฉิงกุยจึงประสบเคราะห์ร้ายในครั้งนี้
ถ้าจะโทษ เฉิงกุยก็สมควรโทษนางจู
“นี่ เ้าเสียใจหรือไม่?”
อวี๋ซานคาบหญ้าต้นหนึ่งในปาก นั่งบนยอดกำแพงถามเฉิงกุย
เฉิงกุยที่อยู่ใต้กำแพงกำลังเฝ้าเตาต้มยาใบน้อยอยู่
ดูแลอาการป่วยไม่ใช่คำกล่าวไปเรื่อยเปื่อย ต้มยา ชิมยาและป้อนยาล้วนเป็เื่ที่เฉิงกุยต้องทำ เขาทำเื่นี้ไม่ได้หลอกลวงแม้แต่น้อย นางจูเลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ด้วยตนเอง เฉิงกุยมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อนางจูอย่างมาก
ความรู้สึกก็เื่หนึ่ง ถูกผิดก็อีกเื่หนึ่ง
อวี๋ซานถามเขาว่าเสียใจหรือไม่ เฉิงกุยถามกลับ “เ้าล่ะ? ทำเื่ดีไม่ทิ้งนาม อาเสี่ยน เ้ารู้สึกอยุติธรรมหรือไม่”
อวี๋ซานส่งเสียงถุย ถ่มก้านหญ้าทิ้ง “นายน้อยอย่างข้าไม่เคยทำเื่ดี เฉิงชิงติดหนี้ข้าแล้วสามส่วน ช้าเร็วข้าก็ต้องทวงคืนค่าตอบแทนสิบส่วนแน่!”
ส่วนจะทวงถามให้เฉิงชิงชดใช้อะไร ตอนนี้อวี๋ซานยังไม่ได้คิด
เฉิงจือหย่วนชำระล้างมลทินแล้ว คนเขาไม่ใช่ขุนนางละโมบที่ยักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ อีกทั้งเป็ขุนนางดีที่ไม่ยอมร่วมกระทำความผิดกับขุนนางละโมบจนถูกทำร้ายจนเสียชีวิต จุดเริ่มต้นของการที่อวี๋ซานโจมตีเฉิงชิงล้วนไม่มีมูล
ตามเหตุผลแล้วควรแยกย้ายต่างคนต่างไปกับเฉิงชิง แต่เขากลับควบคุมตนเองไม่ได้ การหาเื่เฉิงชิงกลายเป็ความเคยชินของอวี๋ซานไปแล้ว มาตอนนี้ให้เขาไม่สนใจเฉิงชิง อวี๋ซานก็คงมึนงงไม่รู้จะทำอย่างไร
อวี๋ซานเห็นเฉิงกุยไม่มีเจตนาจะเอาความดีความชอบจากเฉิงชิงโดยสิ้นเชิง ก็ตบมือะโลงจากกำแพง
“เฉิงชิงหนีจากเคราะห์ร้ายพ้น บัดนี้ข้ากลับเป็แขกชั่วที่ไม่เป็ที่ต้อนรับของจวนพวกเ้า เ้าก็รีบกลับสถานศึกษาเร็วหน่อยเถอะ ข้ามาบ้านเ้าครั้งหนึ่งก็ลำบากนัก!”
กลับสถานศึกษา?
เฉิงกุยเองก็คิดอยากกลับสถานศึกษาเร็วหน่อย
เดือนสี่เป็การสอบระดับเมือง หลังผ่านการสอบระดับเมืองแล้วก็เป็การสอบระดับสำนักศึกษา เฉิงชิงตามเขามาทันแล้ว ถ้าเอ่ยว่าไม่ร้อนรนก็คงจะเป็การโกหก
แต่ตนเองก็ไม่อาจไม่ดูแลอาการป่วยของท่านย่า
ยังมีการตายของแม่นมโจว
กล่าวโดยสรุปแล้วก็ยังเป็เขาที่มีปัญญาไม่พอ เมื่อได้ยินแผนของท่านย่าและแม่นมโจวจิตใจก็สับสน เฉิงชิงรอดพ้นจากการได้รับความเสียหาย บ้านรองกลับแบกรับมลทินขนาดใหญ่ แม่นมโจวยังทิ้งชีวิตไปแล้ว
ในเวลาอันสั้น จิตใจของเฉิงกุยก็เหมือนกับหม้อยาบนเตาใบน้อย น้ำสกัดที่ขมฝาดเดือดฟู่ๆ
เขาต้องทำเช่นไรจึงจะถูกต้อง?
มโนธรรมและความรู้สึก ยากนักที่จะทำให้พึงพอใจทั้งสองฝั่ง!
