เฉียวเยว่กับฉีอันสองพี่น้องอ่านตำราด้วยกันมาโดยตลอด แม้ว่าจะโตแล้ว แต่พวกเขาก็ยังเคยชินกับการใช้ห้องหนังสือร่วมกัน ไม่ยอมแยกห้อง
ดูเหมือนว่าฉีอันจะมีเื่หงุดหงิดบางอย่าง หยิบวางหยิบวางตำหราอยู่หลายหน เฉียวเยว่ถูกเสียงรบกวนในที่สุดก็วางตำราในมือลงแล้วเอ่ยถาม "ซูฉีอัน เ้าจะเอาอย่างไรกันแน่?"
ฉีอันเติบโตอย่างพรวดพราดั้แ่เมื่อไรก็สุดรู้ได้ บัดนี้สูงกว่าเฉียวเยว่หนึ่ง่ศีรษะแล้ว เฉียวเยว่เองก็เติบโตเร็วและสูงเพรียวกว่าเด็กในวัยเดียวกัน แต่ยังไม่อาจเทียบกับฉีอันได้
ทว่าแม้จะเพียงหนึ่ง่ศีรษะ แต่ก็สูงกว่านางไม่น้อย แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็น้องชาย ส่วนเฉียวเยว่มีชีวิตมาแล้วสองชาติภพ อุปนิสัยก็เป็ผู้ใหญ่ขึ้นไม่น้อย
"เ้ามีเื่อะไรตัดสินใจไม่ได้?"
ฉีอันลังเลใจอยู่นาน แต่ในที่สุดก็ลุกขึ้นพลิกตำราเล่มหนึ่งแล้วหยิบจดหมายฉบับหนึ่งส่งให้เฉียวเยว่ นางอึ้งเล็กน้อยแล้วถามกลับ "ข้าอ่านได้หรือ?"
ฉีอันกลอกตาใส่นาง "เมื่อให้เ้าแล้ว ก็ย่อมจะอ่านได้ หากไม่ได้ ข้าจะให้เ้าทำไมกันเล่า"
จดหมายเปิดออกแล้ว นางกวาดสายตาอ่านคร่าวๆ พอมาถึงตรงลงนามก็เอ่ยว่า "ฉินอิ๋ง?"
ฉีอันพยักหน้า "ข้าไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ นางถึงเขียนจดหมายฉบับนี้ให้ข้า เ้าเองก็รู้ ข้าไม่เคยชอบนางเลยแม้แต่หนึ่งส่วน แต่ความสัมพันธ์ของนางกับเ้าก็นับว่าไม่เลว ข้าจึงมิอาจทำเป็ไม่แยแสออกไปตรงๆ"
ฉีอันอายุสิบสามแต่เพิ่งเคยได้รับจดหมายจากสตรีเป็ครั้งแรก พูดตามตรง แม้เขาจะไม่ชอบฉินอิ๋ง แต่ก็สับสนว้าวุ่นอยู่ไม่น้อย อย่างไรเสียนี่ก็เป็ครั้งแรกที่เขาเจอกับเื่แบบนี้
เฉียวเยว่ยื่นจดหมายไปอยู่เหนือเปลวเทียนโดยไม่ต้องคิด หลังจากนั้นก็ถามฉีอัน "เ้าชอบฉินอิ๋งหรือไม่?"
"ไม่ชอบอยู่แล้ว" ฉีอันส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด
เขามิเพียงไม่ชอบ ยังถึงขั้นรู้สึกรำคาญนางอีกด้วย
เฉียวเยว่เผาจดหมายฉบับนั้นทิ้ง แล้วเอ่ยว่า "เมื่อเ้าไม่ชอบนาง ก็อย่าเก็บจดหมายฉบับนี้ไว้ นี่ไม่ใช่เื่ดีทั้งต่อเ้าและตัวนางด้วย"
ฉีอันเข้าใจแจ่มแจ้ง หากมีคนเห็นจดหมายฉบับนี้ ต่อไปภายหน้าฉินอิ๋งก็คงพบหน้าใครไม่ได้อีกแล้ว
เขาพยักหน้า "ข้าเข้าใจ"
การเผาจดหมายทิ้งแท้จริงแล้วเป็การปกป้องฉินอิ๋ง
"เมื่อเ้าไม่ชอบนาง ก็อย่าเข้าไปข้องเกี่ยวมากเกินไป จะได้ไม่เป็การถ่วงอนาคตของกันและกัน แต่นางให้เ้าเองโดยตรงเลยหรือ?"
ฉีอันพยักหน้า "เ้ายังจำครั้งที่เชิญนางมาเป็แขกเมื่อหลายวันก่อนได้หรือไม่ นางลอบเอามายัดใส่มือข้า"
ความกล้าของฉินอิ๋งชวนให้คนคาดไม่ถึงจริงๆ
"ข้าคงให้คำแนะนำที่ดีกว่ากับเ้าไม่ได้ บอกได้แต่เพียงว่า หากเ้าไม่ชอบนาง ก็อย่าเข้าไปพัวพันมากเกินไป"
ฉีอันมองเฉียวเยว่ แล้วเอ่ยว่า "พี่สาว แล้วท่านเล่า?"
เฉียวเยว่ย้อนถามอย่างงุนงง "อะไรหรือ?"
ฉีอันกะพริบตาปริบๆ "ครานี้ท่านป้าิ่ไม่ไปจากเมืองหลวงเสียที จะต้องกำลังหาคู่หมายให้พี่จื้อรุ่ยอยู่เป็แน่ พี่ไม่สนใจบ้างหรือ?"
ตามเหตุผลแล้วพี่สาวกับพี่จื้อรุ่ยก็เป็คู่เหมยเขียวม้าไม้ไผ่
เฉียวเยว่หัวเราะพรืด แล้วเอ่ยว่า "อย่าพูดเหลวไหล ข้ากับพี่จื้อรุ่ยไม่เคยมีอะไรทั้งนั้น"
แม้จะนับว่าเป็ศิษย์พี่ศิษย์น้อง ทว่าั้แ่เล็กนางก็พบว่าท่านย่าไม่อยากให้มีการแต่งงานนี้เกิดขึ้น และไม่้าเข้าไปข้องเกี่ยวมากเกินไป จึงเริ่มตีตัวออกห่างทีละน้อย ไม่ว่าเสด็จพี่รัชทายาทหรือพี่จื้อรุ่ยล้วนไม่ต่างกัน
นางยิ้มอ่อนจางแล้วค่อยๆ อธิบาย "พี่จื้อรุ่ยควรมองหาแม่นางอย่างโม่หลันมากกว่า ข้าบอบบางเกินไป ไม่เหมาะกับเขา"
ฉีอันแค่นเสียงเยาะ แท้จริงแล้วเหมาะสมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าจะพูดอย่างไร หากชอบทุกสิ่งล้วนดีไปเสียหมด หากไม่ชอบเสียอย่าง ปัญหาทั้งหมดก็กลายเป็ปัญหาใหญ่ได้ จุดนี้ฉีอันยังคงตระหนักได้
แต่เขายังคงถามอย่างจริงจัง "เช่นนั้นพี่บอกข้ามา ท่านไม่ชอบพี่จื้อรุ่ยจริงๆ หรือเพราะท่านย่าไม่้าให้ท่านแต่งเข้าสกุลิ่ ท่านถึงตีตัวออกห่างจากเขา?"
ฉีอันมั่นใจว่าตนเองเป็คนหนึ่งที่รู้จักเฉียวเยว่เป็อย่างดี ถึงอย่างไรทั้งสองก็เป็ฝาแฝดกัน
เฉียวเยว่มองฉีอันด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม แล้วย้อนถาม "ต่างกันหรือ?"
ฉีอันอยากบอกเหลือเกินว่าต่าง แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี เขานิ่งอยู่นานถึงเอ่ยว่า "ข้าก็อยากเห็นพี่มีความสุข อันที่จริงพี่จื้อรุ่ยก็เป็คนไม่เลว"
ฉีอันไม่เคยบอกว่าแท้จริงแล้วเขาอยากให้เฉียวเยว่แต่งงานกับเสด็จพี่รัชทายาทมาโดยตลอด แต่ดูเหมือนว่าเฉียวเยว่กับเสด็จพี่รัชทายาทจะค่อยๆ ห่างเหินกันไปทีละน้อยโดยไม่รู้ตัว แต่ต่อมาเสด็จพี่รัชทายาทก็กลายมาเป็พี่เขยของพวกเขาแทน
พอมาดูพี่จื้อรุ่ย อันที่จริงเขาก็เป็คนดีมาก แม้ตอนเด็กๆ เขามักทำให้เฉียวเฉียวไม่พอใจบ่อยครั้ง แต่ใจจริงพี่จื้อรุ่ยรักเฉียวเฉียวมาก จุดนี้พวกเขาต่างรู้ดี
ฉีอันอธิบายความคิดของตนเองไม่ถูก แม้เขาจะรู้สึกว่าแต่ละคนล้วนไม่เหมาะสมกับพี่สาวของตนเอง แต่หากต้องเลือกใครสักคน เขาก็หวังอยากให้เป็คนที่ตนเองคุ้นเคยมากกว่า อย่างน้อยก็รู้เขารู้เรา หากเหมือนท่านอาหญิงก็คงย่ำแย่
เฉียวเยว่เห็นฉีอันจมอยู่ในภวังค์ความคิด ก็เคาะหัวเขาทีหนึ่ง แล้วเอ่ยว่า "อย่าแสร้งทำตัวอ่อนโยนหน่อยเลย ข้าแสนดีปานนางฟ้านาง์เช่นนี้ ย่อมต้องคัดเลือกพิถีพิถันหน่อย พี่จื้อรุ่ยเป็พี่ชายของพวกเรา หากเ้าไปพูดส่งเดชจนผู้อื่นได้ยินเข้า จะพานเข้าใจผิดว่าพวกเราคิดอะไร"
เฉียวเยว่กล่าวเช่นนี้ ในใจของฉีอันก็กระจ่างขึ้นหลายส่วน เขาอมยิ้ม "ข้าใกับเื่ของฉินอิ๋งเลยคิดมากไปหน่อย"
เฉียวเยว่เบะปาก
นางไม่รู้ว่าฉินอิ๋งไปเอาความกล้ามาจากที่ใด ถึงส่งจดหมายรักให้บุรุษ ตอนนี้นางเผาจดหมายรักฉบับนั้นไปแล้ว เพื่อเป็การดีต่อทั้งสองฝ่าย แต่ไม่รู้ว่าต่อไปฉินอิ๋งจะยิ่งทำสิ่งใดหุนหันพลันแล่นมากไปกว่านี้หรือเปล่า
เฉียวเยว่มองน้องชายอย่างวิตกเล็กน้อย เดิมทีนางมักมองว่าฉีอันเป็เพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง แต่ลืมนึกไปว่าเขาถึงวัยล่อภมรผีเสื้อแล้ว
หลังทอดถอนใจอยู่สักพักก็คอตก
แต่เฉียวเยว่รู้สึกว่าวสันตฤดูมาถึงแล้วจริงๆ ทุกคนต่างก็เตรียมตัวก่อการโจมตีเป้าหมาย
วันต่อมาเป็วันหยุดของสำนักศึกษาสตรี เฉียวเยว่เตรียมไปเรือนหลักแต่เช้า นานแล้วที่นางไม่ได้อยู่เป็เพื่อนคุยกับท่านย่า ใจจริงนางเองก็ขบคิดถึงเื่ที่หรงจ้านบอกกับตนเองก่อนหน้านี้อยู่เหมือนกัน
บัดนี้ภายนอกเริ่มมีการปล่อยข่าวลือโดยมีเป้าหมายเพื่อโจมตีมารดาของนาง เมื่อเป็เช่นนี้ นางต้องไปหยั่งเชิงท่านย่าเอาไว้ล่วงหน้า
เฉียวเยว่เปลี่ยนเป็ชุดชวีจวี [1] สีท้อน้ำผึ้ง เสื้อสีขาวพระจันทร์ แต่งตัวให้ดูสดใสมีชีวิตชีวา "อวิ๋นเอ๋อร์ เ้าหยิบปิ่นทองปู้เหยาชิ้นนั้นมาให้ข้า"
อวิ๋นเอ๋อร์ถอนหายใจกล่าวว่า "ฮูหยินผู้เฒ่าชอบให้คุณหนูแต่งตัวเฉิดฉายสวมเครื่องทองเหลืองอร่าม ดูเลิศหรูมีราคา"
เฉียวเยว่อมยิ้ม "คนแก่ก็อย่างนี้เองล่ะ"
นางลุกขึ้น "เอาล่ะ ไปกันเถอะ"
ขณะกำลังจะออกจากเรือน ก็เห็นเสี่ยวชุ่ยวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน พอนางเห็นเฉียวเยว่กำลังจะไปเรือนหลัก ก็เข้ามาขวางแล้วเอ่ยว่า "คุณหนูอย่าเพิ่งไปเลยเ้าค่ะ"
"เกิดอะไรขึ้น?" เฉียวเยว่งุนงง
แท้จริงแล้วเกิดเื่วุ่นวายที่เรือนหลัก ไม่รู้ว่าคุณหนูสามหรงเยว่ไปทำอะไรให้ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ ตอนนี้คนยังคุกเข่าอยู่ที่นั่น หากคุณหนูของพวกนางไปเวลานี้ ก็อาจมีคนใจแคบบางคนนึกว่าคุณหนูของพวกนางอยากไปชมความครึกครื้น
เฉียวเยว่นึกถึงหวังเมิ่งหรูวันนั้น ก็ถามว่า "ยังมีใครที่นั่นอีกบ้าง?"
"มีแต่ไท่ไท่รองกับคุณหนูสามเ้าค่ะ" เสี่ยวชุ่ยตอบ
เฉียวเยว่เม้มปาก แล้วถามต่อทันที "ท่านแม่ข้าเล่า?"
"ไท่ไท่อยู่ที่ห้องโถงเ้าค่ะ ท่านจะไปหรือไม่?" เสี่ยวชุ่ยมีสีหน้าจริงจัง
เฉียวเยว่พยักหน้า แต่หลังจากนั้นกลับหยุดเท้าอีก "พวกเ้าอย่าไปถามอะไร เดี๋ยวข้าไปเอง อย่างไรเสียจะเพิกเฉยต่อพี่หญิงสามเพียงเพราะกลัวคนวิจารณ์มั่วซั่วไม่ได้"
อวิ๋นเอ๋อร์ไม่เห็นด้วยที่นางจะไปเวลานี้ จึงเกลี้ยกล่อม "คุณหนูควรไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ดีกว่านะเ้าคะ ท่านลองคิดดู เื่นี้ไหนเลยจะเรียบง่ายปานนั้น"
เฉียวเยว่ไม่ขยับ
"ไท่ไท่รองจิตใจคับแคบมาแต่ไหนแต่ไร" นางเตือนอย่างระมัดระวัง
เฉียวเยว่ขบริมฝีปาก ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเท้าคนแว่วมาก เฉียวเยว่หันไปมอง ก็พบไท่ไท่สาม
"เ้าอยู่เฉยๆ ทำตัวสงบเสงี่ยมให้ข้าหน่อย ไม่อนุญาตให้ออกไป" ไท่ไท่สามเอ่ยปาก
"แต่ท่านแม่ พี่หญิงสาม..." เฉียวเยว่โต้แย้งทันควัน
ยังไม่ทันพูดจบ ไท่ไท่สามก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน "พี่หญิงสามของเ้าไม่อยากแต่งงานกับคุณชายสกุลเฉิง เ้าอย่าไปดีกว่า ถึงไปนางก็คงจะไม่นึกขอบอกขอบใจเ้าหรอก"
เฉียวเยว่อึ้งอยู่กับที่
ไท่ไท่สามกล่าวขึ้นมาอีก "นางหมายตาิ่จื้อรุ่ย"
พอเฉียวเยว่ได้ยิน ก็รู้สึกว่าที่แท้ก็เป็เช่นนี้ วันนั้นที่หรงเยว่เอ่ยถึงิ่จื้อรุ่ยนางก็รู้สึกทะแม่งแล้ว ดูจากตอนนี้ เห็นทีเื่นี้จะเป็จริงดังว่า
เมื่อมานึกดูดีๆ หากพี่หญิงสามสามารถแต่งงานกับพี่จื้อรุ่ย ก็ใช่ว่าจะเลวร้าย อย่างน้อยพี่หญิงสามก็มีความจริงใจต่อิ่จื้อรุ่ย
ไท่ไท่สามดูเหมือนจะมองออกว่าเฉียวเยว่คิดอะไรในใจ จึงเอ่ยว่า "เ้าอย่าคิดเหลวไหลส่งเดช หากข้ารู้ว่าเ้าแอบช่วยสนับสนุน ข้าจะตีขาสุนัขของเ้าหักเลยคอยดู"
เฉียวเยว่ "..."
นางถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ตอนเด็กๆ พวกท่านก็มักจะกำชับข้าเยี่ยงนี้เสมอ เหตุใดถึงชอบคิดว่าข้าจะช่วยส่งเสริมเื่พรรค์นี้กันนัก ข้าดูเหมือนคนโง่งมนักหรือเ้าคะ?"
"เ้าไม่โง่หรอก แต่เ้าให้ความสำคัญกับความรู้สึกมากกว่ากฎเกณฑ์ คนเช่นนี้มักถูกผู้อื่นเข้าใจผิดเกี่ยวกับความรักง่ายที่สุด"
เฉียวเยว่ "..."
นางนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนแย้งกลับไป "แต่ถึงพี่หญิงสามจะแต่งให้พี่จื้อรุ่ยก็ไม่เห็นเป็อันใดเลยนี่"
"เพ้อเจ้อ พี่หญิงสามของเ้าจะแต่งกับิ่จื้อรุ่ยได้อย่างไร หากจื้อรุ่ยสนใจนางจริง มีหรือจะไม่มาสู่ขอ อีกอย่างหลังจากแต่งงาน จื้อรุ่ยก็จะไปชายแดน เ้าคิดว่าพี่หญิงสามของเ้าแต่งเข้าไปเหมาะสมแล้วหรือ?"
เฉียวเยว่รู้ ทุกคนต่างรู้สึกว่าการไปชายแดนไม่ใช่เื่ที่ดีนัก นางก้มศีรษะลง
"พวกเราตกลงกับสกุลเฉิงเรียบร้อยไปแล้ว จะให้กลับคำพูดหรือไร ไม่กลัวขายหน้าบ้างหรือ?" ไท่ไท่สามเอ่ย "คนเราควรรู้จักขอบเขต เื่มาถึงขั้นนี้ จู่ๆ จะขอยกเลิก มันเหมาะสมที่ไหนกัน"
"แล้วท่านแม่เอ่ยกับท่านย่าเื่ที่ข้าบอกท่านเมื่อหลายวันก่อนหรือยัง" เฉียวเยว่ถามเสียงเบา
"ท่านย่าย่อมคุยกับพี่หญิงสามของเ้าแล้ว แต่เด็กคนนั้นกลับดื้อดึง" ไท่ไท่สามบอก
หลังจากคิดดูแล้ว ก็กล่าวตำหนิออกมา "หวังหรูเมิ่งผู้นั้นไม่ใช่คนดีจริงๆ คนในครอบครัวตนเองแท้ๆ ยังใช้อุบายเยี่ยงนี้ มีประโยชน์อันใดต่อตัวนางเอง พี่หญิงสามของเ้าก็เป็คนหัวแข็ง ยึดมั่นแต่ความคิดตนเองเป็ใหญ่ เื่นี้ดูท่าจะลำบากแล้ว"
สิ้นคำกล่าว ก็ได้ยินเสียงด่าทอระลอกหนึ่งดังมาจากด้านนอก "ซูเฉียวเยว่ นางเด็กสารเลว เ้าออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ"
เฉียวเยว่ตะลึงงัน "เสียงของป้าสะใภ้รองนี่"
ไท่ไท่สามเม้มปาก "ข้าจะออกไปดู"
...
[1] ชุดชวีจวี เป็ชุดสมัยราชวงศ์โจวถึงยุคสามก๊ก เป็ชุดที่มีสาบเสื้อด้านซ้ายแหลม เวลาสวมต้องพันสาบเสื้อไม่ถึงด้านหลัง หรือวนกลับมาด้านหน้า จึงดูเป็ชั้นๆ เมื่อสวมคู่กับกระโปรงยาวจะคล้ายหางปลา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้