มู่อวิ๋นจิ่นมองดูแล้ววิชาของนักสังหารเชียนเย่ ยากที่จะหาจุดทำลายลงได้
นางจึงเหลือบมองไปที่ฉู่ลี่ เห็นเขาสีหน้าเรียบนิ่ง มองดูสถานการณ์อย่างนิ่งแน่
มู่อวิ๋นจิ่นสร้างเื่สร้างราวขึ้นแล้ว
พอมองย้อนกลับไป ไม่เห็นองครักษ์ลับชุดม่วงติดตามมา คงมีบางอย่างเกิดขึ้นเป็แน่
สายตาของมู่อวิ๋นจิ่นกำแส้หางหงส์ตวัดไปทางช่องที่น่าจะหนีเอาตัวรอดไปได้
ทว่ายังไม่ทันที่ทะลุช่องออกไป กลับมีดาบบาวพุ่งมาสกัดกั้น มู่อวิ๋นจิ่นจึงหลบหลีกได้ทัน เพียงแต่ดาบเชือนโดนชายกระโปรงขาด
พอยืนตั้งตัวได้ ด้านข้างมีเข็มพุ่งโจมตี ทำให้นางต้องลอยขึ้นหมุนตัวหลบ
จากนั้นตามมาด้วยดาบที่ลอยจากทั่วทุกทิศหมายสังหารนาง มู่อวิ๋นจิ่นพลันเกิดอารมณ์อยากฆ่าคนพลุ่งพล่านขึ้นมา
“พวกเ้าทั้งสี่ แบ่งเป็ซ้ายขวาบนล่าง มุมซ้ายบนควบคุมดาบ มุมขวาล่างควบคุมเข็มสิน่ะ” ฉู่ลี่เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ
มู่อวิ๋นจิ่นรีบมองตามที่ฉู่ลี่แกะการโจมตี พบว่าเป็เช่นนั้นจริง นางจึงส่งสายตาแทนการชื่นชม
ต่อจากนั้น มู่อวิ๋นจิ่นสังเกตการเคลื่อนไหวของทั้งสี่คน แล้วคว้ากริชมากำในมือ เชือดคนที่ควบคุมดาบ เืแดงสดสาดพุ่งเปื้อนหน้ามู่อวิ๋นจิ่นเป็แนวยาว
กริชที่ฟัดอย่างสุดแรง ทำให้นักสังหารสิ้นลมลงบนพื้นในพริบตา
ค่ายกลที่คนทั้งสี่ใช้โจมตีมู่อวิ๋นจิ่นและฉู่ลี่ สิ้นใจไปแล้วหนึ่ง ทำให้ไม่สามารถใช้ต่อได้อีกแล้ว ทั้งสามหันมองมาด้วยความเข้าใจ ต้องใช้วิธีการต่อสู้ซึ่งหน้าแล้ว
ฉู่ชิงเฉียงเกิดหวาดหวั่นจนผงะถอยหลังที่เห็นเหตุการณ์เปลี่ยนไป นางจับจ้องไปที่ฉู่ลี่ที่ยืนข้างมู่อวิ๋นจิ่นโดยมิขยับเขยื้อน
เมื่อเห็นความสนใจของฉู่ลี่มิได้จับจ้องมาที่นาง ฉู่ลี่รีบสาวเท้าใช้วิชาตัวเบาเหาะออกป่าไผ่ไป
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นฉู่ชิงเฉียงเตรียมหนี จิตใจจึงร้อนรน กำแส้หางหงส์โดยใช้พลังลมปราณ ผสานกับกระบวนท่าในคัมภีร์เฉวียนหลิงที่ปรากฏขึ้นในหัว
มู่อวิ๋นจิ่นเหล่มองฉู่ลี่ที่อยู่ด้านข้าง คิดในใจว่าเขาคงมองไม่เห็นสิ่งที่นางทำ
ดังนั้นนางกัดริมฝีปากแน่น ตวัดแส้ที่ผสานพลังลมปราณ กระทั่งต้นไผ่ลอยกระเด็นขึ้นไปทั่ว หลังวิเศษดึงดูดนักสังหารทั้งสามคนให้มาสนใจนาง
มู่อวิ๋นจิ่นถอยหลังพิงต้นไผ่เพิ่มพลังลมปราณเข้าไปอีกครั้ง
มือซ้ายใช้วิชาจากคัมภีร์เฉวียนหลิงควบคุมจากเคลื่อนไหวของทั้งสามคน ส่วนมือขวาควบคุมไผ่รอบข้างทั้งหมด นางแสยะยิ้ม ตวัดให้นิ้วซ้ายขวาเข้าปะทะกัน
“ฟิ่ว……”
“โอ๊ย……”
ใบไผ่ทะลุทรวงอกของคนทั้งสาม จนสิ้นใจล้มพับลงกับพื้นทันที
เมื่อกำจัดนักสังหารทั้งสี่หมด มู่อวิ๋นจิ่นควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดมือ หันกลับไปตบไหล่ของฉู่ลี่ด้วยความดีใจ “จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว พวกเรากลับกันได้หรือยัง?”
ฉู่ลี่ยืนนิ่งหยิบหยกประจำตัวออกมาจากแขนเสื้อ แสงสีขาวสว่างวาบไปทั่วทั้งป่าไผ่
มู่อวิ๋นจิ่นจึงเห็นบนนยากาศรอบตัวถึงกับผงะขึ้นมา
ฉู่ลี่มองดูคนชุดดำเ่าั้ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ก่อนหันมองมู่อวิ๋นจิ่นอย่างมีคำถาม
มู่อวิ๋นจิ่นสบตากับฉู่ลี่ถึงกับรีบก้มหน้า “เื่นั้น ข้าไม่ใช่……”
“ระวังหน่อย!”
จู่ๆ นักสังหารชุดดำพยายามตะเกียกตะกาย รวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมด จ้องมองไปที่ฉู่ลี่
คนชุดดำทะยานตัวพุ่งเข้าใส่ฉู่ลี่ พร้อมกับดาบในมือที่จะใช้ฟันแขน ทว่ามู่อวิ๋นจิ่นกลับเข้ามาบังไว้ ฉู่ลี่รีบเข้าไปถีบคนชุดดำกระเด็นไปอีกทาง
“มู่อวิ๋นจิ่น เ้าเป็อย่างไรบ้าง?” ฉู่ลี่ประคองมู่อวิ๋นจิ่นที่เืไหลอาบไม่หยุด แววตาเต็มไปด้วยพลังแห่งการสังหาร
มู่อวิ๋นจิ่นมองเืดำที่ไหลมิหยุดจากตัวนาง จนสลบไสลล้มพับไป
ฉู่ลี่จึงโอบอุ้มนางขึ้น พยายามฝืนกลั้นอารมณ์ไม่ให้เสียใจ จากนั้นใช้วิชาตัวเบาเหาะออกจากป่าไผ่
สตรีผู้นี้เสียสติไปแล้วอย่างนั้นหรือ? ถึงกล้าหาญชาญชัยเข้ามารับดาบแทนเขา
สีหน้าฉู่ลี่พลันซีดขาวเป็ลำดับ ภายในใจของเขาพยายามกดดันความรู้สึกที่มีต่อนาง แต่ดูเหมือนจะยับยั้งไว้ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว
มู่อวิ๋นจิ่น เปิ่นหวงจื่อจะไม่ยอมให้เ้าเกิดเื่ขึ้นอย่างแน่นอน!
……
ในระหว่างที่รุ่งอรุณของวันใหม่ยังไม่มาถึง บรรยากาศภายในจวนองค์ชายหก กลับเต็มไปด้วยความอึมครึม
ภายในเรือนลี่เฉวียน ในห้องของมู่อวิ๋นจิ่น
มีหมอหญิงท่านหนึ่งกำลังตรวจดูาแที่แขนของมู่อวิ๋นจิ่น ด้วยความตระหนกใ จนหลับตาลงชั่วขณะ
หลังจากที่หมอหญิงห้ามเืและซับกลิ่นคาวเืจนหมด นางก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ตลอดการรักษาฉู่ลี่ยืนอยู่ข้างเตียงมู่อวิ๋นจิ่นไม่ยอมไปไหน เมื่อเห็นสีหน้าของนางค่อยๆ ซีดคล้ำ ถึงตะคอกใส่หมอหญิงขึ้นมาประโยคหนึ่ง “สรุปแล้วมันเป็พิษอะไรกันแน่?”
หมอหญิงสะดุ้งโหยง ตอบด้วยความลนลาน “เป็พิษลับเฉพาะของอาณาจักรตงหลิน ที่มาจากต้นอินกุ่ย”
หลังจากสิ้นเสียงคำตอบ ทุกคนในห้องต่างพากันตะลึงงัน
“ต้นอินกุ่ย? ตามคำบอกเล่าพิษของมันจะแทรกซึมเข้าไปทำลายไขกระดูกของคนที่ถูกพิษมันใช่ไหม?” ติงเซี่ยนหันไปถามหมอหญิงเพื่อความแน่ชัด
หมอหญิงพยักหน้าแทนคำตอบ
“องค์ชาย ทางฉู่ชิงเฉียงจะมียาถอนพิษไหมพ่ะย่ะค่ะ?” ติงเซี่ยนหันไปตามฉู่ลี่อย่างคนเสียสติ
ฉู่ลี่มิได้ตอบกลับ ทว่าเดินไปที่ข้างกำแพง หมุนปุ่มกลไลลับให้ประตูที่ซ่อนไว้เปิดออก
ติงเซี่ยนมองด้วยความประหลาดใจ
ไม่นานนัก ฉู่ลี่ถือกล่องไม้ออกมา วางไว้หัวเตียง ค่อยๆ เปิดออกเห็นเม็ดยาที่ใสราวกับลูกแก้วเม็ดหนึ่ง
“องค์ชาย นี่คือ……” ติงเซี่ยนเอ่ยถาม พร้อมหันมองมู่อวิ๋นจิ่นที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง
หรือว่าจะใช้ยาล้ำค่าที่สุดนี้เพื่อต่อชีวิตพระชายา?
หมอหญิงตืดตามรับใช้ฉู่ลี่มาตลอดหลายปี ย่อมรู้ว่ายานี้คืออะไร จึงเอ่ยถามอย่างหวั่นใจ “องค์ชาย ยาเม็ดนี้ราคามหาศาล อีกอย่างในใต้หล้ายังมีเพียงเม็ดเดียว เอาเป็ว่าพวกเราลองวิธีถอนพิษต้นอินกุ่ยก่อนไหมเพคะ?”
“ไสหัวไปกันให้หมด” ดวงตาลุกเป็ไฟพวยพุ่งออกจากฉู่ลี่
เขาหยิบยาเม็ดนั้นหมายยัดใส่ปากมู่อวิ๋นจิ่น ทว่ายังไม่ทันได้ให้นางทาน เสียงไอของนางกลับดังขึ้นหลายครั้ง
“มู่อวิ๋นจิ่น……” ฉู่ลี่ถามเสียงต่ำ จับจ้องที่ใบหน้าของนางไม่ละเว้น
มู่อวิ๋นจิ่นได้สติขึ้นจากาแที่เ็ป ในภวังค์แห่งความฝันนั้น นางััได้ถึงมดหลายพันชีวิตกำลังกัดกินร่างของนาง จนนางมีความคิดอยากตัดแขนยุติความทรมานนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไป
“ปวดเหลือเกิน……” มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความทรมาน จากาแและพิษที่ผสมซึมเข้าร่างกายนาง นึกไม่ถึงว่านี่คงเป็ความรู้สึกที่เรียกว่า “ตายทั้งเป็”
ฉู่ลี่ได้ฟังเสียงร้องด้วยความทุกข์ทรมาน จนน้ำเสียงแหบแห้ง เขาจึงรีบเข้าไปประคองตัวนางขึ้นซับเหงื่อที่แตกพล่าน
“ทานยาเม็ดนี้ซะ!” ฉู่ลี่ยัดยาเข้าปากมู่อวิ๋นจิ่นอย่างเบามือ
ยังไม่ทันที่ยัดเข้าปาก มู่อวิ๋นจิ่นได้สลบไสลไปอีกครั้งหนึ่ง
ด้านติงเซี่ยนและหมอหญิงที่ยืนด้านข้าง ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง องค์ชายของพวกเขารักคุณหนูสามมู่ขึ้นแล้วจริงๆ
มิอย่างนั้นย่อมไม่มีทางใช้ยาเม็ดนี้ ออกมาต่อชีวิตให้มู่อวิ๋นจิ่น
คุณหนูสามมู่ผู้นี้ อาจเป็อุปสรรคสำคัญ คอยขัดขวางเส้นทางแห่งความสำเร็จขององค์ชายเป็แน่
ฉู่ลี่มองมู่อวิ๋นจิ่นที่สลบไสลไป จากนั้นใช้มือบีบปากยัดยาเม็ดนั้นใส่เข้าไปข้างใน
ยาเม็ดนั้นเข้าสู่ร่างกายของมู่อวิ๋นจิ่นแล้ว ฉู่ลี่จึงค่อยๆ วางนางลงดังเดิม
หมอหญิงและติงเซี่ยนหันสบตากันแล้วยิ้มโดยมิได้นัดหมาย “ยาวิเศษเม็ดบัวเข้าสู่ร่างกายของพระชายาย่อมปลอดภัย เื่นี้องค์ชายวางใจได้พ่ะย่ะค่ะ”
“พวกเ้าออกไปก่อน” ฉู่ลี่สั่งด้วยเสียงดุดัน
หมอหญิงและติงเซี่ยนต่างตกตะลึง รีบถอยหลังออกโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
……
หลังจากสองคนนั้นเดินออกไปแล้ว ฉู่ลี่นั่งลงด้านข้างเตียงจับจ้องที่ใบหน้ามู่อวิ๋นจิ่นตลอดเวลา
ภาพที่นางเข้ามารับดาบแทนเขาอย่างไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย ยังตราตรึงติดอยู่ในมโนทวารมิจางหาย เขาจึงเอื้อมมือไปลูบแก้มของมู่อวิ๋นจิ่นอย่างห่วงใย
หลังจากนั้นไม่นาน มู่อวิ๋นจิ่นที่นอนราบอยู่บนเตียงอ่อนนุ่ม เริ่มไปเป็เืสีดำออกมามิหยุด จนเปื้อนหมอนไปทั่ว
ในขณะเดียวกัน เืที่แขนของมู่อวิ๋นจิ่นเริ่มไหลต่อไม่หยุด กลิ่นคาวเืคละคลุ้งเต็มห้องไปหมด
มู่อวิ๋นจิ่นรับรู้ถึงความตายที่คืบคลานเข้ามาใกล้ขึ้นแล้ว กลิ่นเืในทรวงอกตีขึ้นมาบนลำคอ ทำให้นางกระอักเือย่างยากลำบาก แผลที่แขนทวีความรุนแรงจนมิอาจทนต่อความทรมานได้อีกต่อไป
“แม่งเอ้ย ข้าจะต้อง… จับฉู่ชิงเฉียงมาฆ่าด้วยมือ!!!” มู่อวิ๋นจิ่นพึมพำขึ้นมา ต่อด้วยไปเป็เืสีดำครั้งสุดท้าย แล้วสติสัมปชัญญะค่อยๆ เลือนลางลงพร้อมกับความทรมานไปทั้งตัว
ฉู่ลี่เห็นมู่อวิ๋นจิ่นหยุดไอเป็เืแล้ว ถึงเห็นว่าเตียงสกปรกจนดูแทบไม่ได้ จึงก้มตัวไปโอบอุ้มมู่อวิ๋นจิ่นไปที่ห้องของเขาแทน
หมอหญิงและติงเซี่ยนเห็นร่างของมู่อวิ๋นจิ่นเต็มไปด้วยเืดำ ต่างสะดุ้งโหยงสักพัก ก่อนรีบเดินตามไป
ภายในห้องของฉู่ลี่มีกลิ่นหอมของกำยานที่จุดอยู่ตลอด
มู่อวิ๋นจิ่นที่ไร้สติเอาแต่หลับไหล โดยไม่รู้ว่าฉู่ลี่ไปอุ้มนางมาที่ห้องของเขาแล้ว
ฉู่ลี่วางมู่อวิ๋นจิ่นบนเตียงนอนของเขา หันไปสั่งหมอหญิง “รีบทายา พันแผลและเปลี่ยนชุดให้นางเดี๋ยวนี้!”
หมอหญิงรีบพยักหน้างกๆ