กุนซือของตำหนักสังหารมีนามว่าจวงอี้ฝาน คนผู้นี้อายุไม่มาก แต่ความรู้ห้าคันรถ[1] เชี่ยวชาญในกลศึกและพิชัยาเป็พิเศษ ไม่ว่าจะช่องทางลับหรือกลไกในวังใต้ดินล้วนถูกออกแบบโดยคนผู้นี้ เขากับเฟิ่งหยางเป็พี่น้องร่วมสาบาน และเป็ข้ารับใช้คนสำคัญที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตำหนักสังหาร
จวงอี้ฝานมองมองตามเงาของถังชิงหรูที่เดินไกลออกไป ก่อนหันมาสนทนากับเฟิ่งหยางซึ่งวางสีหน้าเ็าอยู่ด้านข้าง "หญิงผู้นี้มีนรลักษณ์สูงส่งยิ่ง หาใช่สตรีธรรมดา เ้าไปหาแมวน้อยน่ารักขนาดนี้มาจากไหน"
"แมวน้อย?" เฟิ่งหยางเหลือบมองจวงอี้ฝาน ก่อนตอบเสียงเรียบ "เช่นนั้นเ้าก็ต้องระวังให้ดี หากยั่วให้นางโมโห ก็อาจเปลี่ยนเป็แม่เสือได้ทุกเมื่อ"
"ไม่ว่าจะเป็แมว หรือเสือก็ดี อย่างไรเสียก็ว่านเครือเดียวกัน ตราบใดที่เ้าดีต่อนาง นางจะทุ่มกายถวายชีวิตให้เ้า" จวงอี้ฝานไม่รู้สึกว่าสำคัญหรือไม่สำคัญตรงไหน เขามองเฟิ่งหยางอย่างกระเซ้า "ข้าว่านะ คุณชายเฟิ่ง เมื่อครู่ที่ท่านทำปั้นปึ่งแง่งอนกับนาง ดูไม่ได้เลยจริงๆ ไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปทำนิสัยเป็เด็กๆ แบบนั้นั้แ่เมื่อไร"
"นางเป็คนของเฉินิ ข้าแค่จับนางมาวางไว้ในตำแหน่งที่ถูกต้องเท่านั้นเอง ตอนแรกที่เก็บนางไว้ก็เพราะอยากใช้เป็เครื่องมือล่อเฉินิออกมา" เฟิ่งหยางกล่าวเสียงเรียบ "แค่สตรีที่ไม่มีความสำคัญคนหนึ่ง จะมีผลกระทบต่อความรู้สึกของข้าได้อย่างไร ต่อไปส่งคนมาเฝ้านางไว้ก็พอ หากไม่มีความเคลื่อนไหวพิเศษก็ไม่ต้องมารายงาน ข้าไม่สนใจสักนิด"
จวงอี้ฝานมองเงาร่างของเฟิ่งหยางที่เดินไกลออกไป พลางลูบคาง หัวเราะออกมาอย่างระอาใจ "คนปากแข็ง หากเป็เช่นนั้นจริง ไยไม่ปล่อยนางไปเลยเล่า เห็นอยู่ชัดๆ ว่าตัดใจไม่ขาด"
สิบวันผ่านไป ถังชิงหรูเดินออกมาจากห้อง ออกมาครานี้อารมณ์ดีเป็อย่างยิ่ง เพราะนางหลอมโอสถแก้ร้อยพิษเพิ่มขึ้นมาได้อีกหลายเม็ด และเสี่ยวอีก็ได้จิตพิสัยจรรยาแพทย์มาอีกหลายหมื่นแต้ม ผนวกกับแต้มที่ได้มาจากการรักษาาแและถอนพิษให้มือสังหารเ่าั้เมื่อก่อนหน้านี้ ก็สามารถซื้อเคล็ดวิชาฝึกยุทธ์ได้เล่มหนึ่งแล้ว
นับั้แ่พบว่าไม่ว่าตนเอง้าสิ่งใดก็สามารถขอได้ทุกสิ่ง ถังชิงหรูก็ขอสมุนไพรมาจำนวนหนึ่งกับเตาหลอมโอสถ พอมีงานให้ทำ ก็ไม่รู้สึกว่าชีวิตจะอึดอัดทรมานเหมือนเดิมอีกแล้ว หากให้อยู่เป็ผีล่องลอยไปมาไม่ต้องทำอะไรสักครึ่งเดือน นางคงอกแตกตายแน่ๆ
"แม่นางหรูเอ๋อร์ออกมาจากห้องแล้วหรือ" ในสวนดอกไม้ บุรุษคนหนึ่งกำลังนั่งตกแต่งกิ่งไม้อยู่ เขาเห็นถังชิงหรูจึงเป็ฝ่ายทักทายขึ้นก่อน
ถังชิงหรูมองบุรุษตรงหน้า ก็จำได้ว่าคือกุนซือผู้นั้น แต่นางไม่รู้นามของเขา จึงเรียกแต่ว่าท่านกุนซือ
"ที่แท้ก็ท่านกุนซือนี่เอง" ถังชิงหรูเอ่ย "เบี้ยรายเดือนของตำหนักสังหารตึงมือนักหรือ ท่านกุนซือผู้สูงส่งถึงต้องควบตำแหน่งคนสวนอีกอย่าง"
พรวด! จวงอี้ฝานฟังคำกล่าวของถังชิงหรูแล้ว มิเพียงไม่บันดาลโทสะ ยังนึกขำจนหัวเราะออกมา
"ไม่ทราบว่าแม่นางหรูเอ๋อร์เคยสังเกตเื่น่าขันเื่หนึ่งบ้างหรือไม่" จวงอี้ฝานลุกขึ้น ยกช่อดอกไม้ที่ถืออยู่ขึ้นมาสูดกลิ่นที่ปลายจมูก "วิธีการพูดจาของแม่นางกับน้องชายของข้าเหมือนกันไม่มีผิด หากพวกท่านสองคนได้อยู่ด้วยกันคงสนุกแน่ๆ "
"น้องชาย?" ถังชิงหรูไม่ทราบความสัมพันธ์ระหว่างจวงอี้ฝานกับเฟิ่งหยาง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าน้องชายของเขาคือผู้ใด
"ก็คือท่านประมุขนั่นแหละ" จวงอี้ฝานล้วงเข้าไปในแขนเสื้อหยิบผ้าออกมาเช็ดมือของตนเอง ก่อนเอ่ยวาจาอย่างผ่อนคลาย "ผู้น้อยเป็พี่น้องร่วมสาบานกับท่านประมุข นามว่าจวงอี้ฝาน"
"เช่นนั้นข้าควรเรียกท่านว่า ท่านกุนซือ หรือพี่ใหญ่จวงดีเล่า" ถังชิงหรูไม่คิดว่าสำคัญเท่าไรนัก อย่างไรเสียก็แค่คำเรียก แต่ยามอยู่ข้างนอกพบกันแล้วเรียกเขาว่ากุนซือ ก็ประหลาดไปหน่อย บางครั้งแค่คำเรียกก็อาจเปิดเผยฐานะ นางไม่อยากหาเื่มาให้พวกเขา ดังนั้นถามให้ชัดเจนไปเลยจะดีกว่า
"เรียกพี่ใหญ่จวงเถอะ ข้าไม่มีน้องสาว อยากจะได้น้องสาวที่ทั้งเฉลียวฉลาดและมีความสามารถเช่นแม่นางสักคนอยู่เหมือนกัน" จวงอี้ฝานชี้ไปยังศาลาซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก "หากแม่นางอยากผ่อนคลายอารมณ์ ไยไม่ไปนั่งที่ศาลาถัดไปนั่นดูเล่า ทิวทัศน์แถวนั้นไม่เลว นั่งตรงนั้นยังสามารถชมความงดงามของสวนดอกไม้ และัับรรยากาศของทะเลสาบไปพร้อมๆ กัน"
"ช่างเป็บุญวาสนาของข้ายิ่ง" ถังชิงหรูกล่าวจบ ก็นึกเยาะตนเองอยู่ในใจ นับั้แ่นางมาอยู่ที่นี่ก็รู้จักกับคนโบราณมากมาย วิธีการพูดจานับวันยิ่งคร่ำครึเข้าไปทุกที
ทั้งสองนั่งอยู่ในศาลา มีสาวใช้คนหนึ่งยกน้ำชากับขนมมาให้ สาวใช้ของที่นี่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างเคร่งครัด รู้จักสังเกตสีหน้าคน และรู้ว่าอะไรคือสิ่งต้องห้าม
จวงอี้ฝานรินน้ำชาชั้นดีให้ถังชิงหรูอย่างมีมารยาท ก่อนเลื่อนจานขนมมาตรงหน้านาง พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม "เชิญรับประทาน น้องเฟิ่งเป็คนกินยาก พ่อครัวทำขนมของที่นี่ล้วนต้องเชิญมาจากในวัง แน่นอนว่าต้องเลิศรส ปรกติถ้าน้องเฟิ่งอยู่พวกเขาถึงจะทำงาน แต่หากน้องเฟิ่งไม่อยู่ ก็คงไม่มีโอกาสได้ชิมขนมฝีมือของพวกเขา"
อาหารที่ถังชิงหรูกิน่นี้รสชาติไม่นับว่าแย่ แต่ยังไม่ใกล้เคียงกับคำว่าอร่อยสักเท่าไร พูดแบบไม่เกรงใจคือสู้ฝีมือของนางไม่ได้
ขนมที่อยู่ตรงหน้าดูนุ่มนิ่ม ทำเป็รูปดอกเหมย มีลักษณะใสเหมือนหยาดน้ำ แลดูไม่เลว นางหยิบขึ้นมาบี้บนปลายนิ้ว แล้ววางที่จมูกเพื่อสูดกลิ่น ก่อนโพล่งส่วนผสมที่อยู่ในนั้นออกมา "มีดอกเหมยกับแป้งสาลีเป็วัตถุดิบหลัก เพิ่มซานจา[2]กับถั่วลิสงเข้าไป กลิ่นหอมมาก ที่แท้หมอนั่นก็ชอบกินขนมแบบนี้"
"น้องเฟิ่งชอบกินขนมหวาน" จวงอี้ฝานยกยิ้มน้อยๆ "ได้ยินว่าแม่นางเชี่ยวชาญการทำอาหาร หากได้กินขนมฝีมือของแม่นาง เขาต้องเบิกบานใจมากเป็แน่"
"อะไรกันเนี่ย? ตำหนักสังหารของพวกท่านนอกจากจะเชิญท่านหมอไม่ได้ ต้องให้ข้าซึ่งเป็สตรีอ่อนแอคนหนึ่งมาเป็หมอให้โดยเฉพาะ ตอนนี้ยังคิดจะเลิกจ้างพ่อครัว แล้วให้ข้าดูแลเื่ขนมเพิ่มอีกอย่างหรือ" ถังชิงหรูวางขนมในมือลง แววตาทอประกายเยียบเย็น "พี่ใหญ่จวง ข้าไม่เคยมีความแค้นหรือเื่บาดหมางกับทุกท่าน ตอนนี้ตกมาอยู่ในฐานะเชลย โลกใบนี้ช่างเหน็บหนาวนัก ไม่มีแม้แต่ที่วางเท้าให้กับสตรีตัวเล็กๆ อย่างพวกเรา ทว่าคนเราแม้จะอ่อนแอแค่ไหน ก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน"
"แม่นางเข้าใจผิดแล้ว ในความเห็นของข้า ท่านหาใช่เชลยของพวกเรา แต่เป็แขกคนสำคัญ ไม่ว่าจะของใช้ ของกินรวมถึงทุกสิ่งที่ท่าน้า พวกเราล้วนสนองตามความ้าให้ได้ทั้งสิ้น" จวงอี้ฝานยิ้มบางๆ "ข้าคิดว่าแม่นางไม่ใช่คนหยาบกระด้าง ไม่นึกว่าท่านจะคิดเช่นนี้กับตำหนักสังหารของพวกเรา หรือว่า่เวลาที่ผ่านมาทุกคนยังดีกับท่านไม่พอ"
"หากดีกับข้าจริง ก็ควรปล่อยข้าให้เป็อิสระสิ ไม่ใช่ให้ข้าไปเป็ทาสรับใช้ของเขา" ถังชิงหรูฉวยโอกาสพูดในสิ่งที่ตนเอง้า
"หากแม่นางคิดเช่นนี้ ก็ต้องขออภัยด้วย ่นี้ท่านยังต้องอยู่กับพวกเราไปก่อนไม่อาจไปจากที่นี่ได้" จวงอี้ฝานเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด
ตึกๆ ๆ มีสตรีคนหนึ่งวิ่งเข้ามาบอกกับถังชิงหรู "แม่นาง ท่านประมุขให้ท่านไปพบเ้าค่ะ" ถังชิงหรูเลิกคิ้วมองสตรีตรงหน้าอย่างกังขา
"ธุระของที่นี่น่าจะจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาคงจะพาเ้ากลับเมืองชิ่งกระมัง ่นี้แม่นางคงจะรู้สึกอึดอัดมาก ในที่สุดก็ได้ออกไปสูดอากาศเสียที ได้ยินว่าการค้าที่เมืองชิ่งของท่านไปได้สวย แม้ว่าพวกท่านจะจากมาระยะหนึ่ง แต่การค้าก็ยังไม่ขาดตอน รายได้จากร้านค้าแห่งนั้นแค่วันเดียวมากกว่ารายได้ทั้งเดือนของร้านค้าอื่นๆ เสียอีก แม่นางช่างหาเงินเก่งยิ่งนัก"
"พี่ใหญ่จวงชมเกินไปแล้ว" ถังชิงหรูลุกขึ้น หันไปกล่าวตามมารยาทอีกสองสามประโยค
"พวกเรารู้ว่าแม่นางเป็ห่วงชิ่งอ๋อง ่นี้ก็ส่งคนไปจับตาดูอยู่ว่าเขาอยู่ที่ไหน สายของตำหนักสังหารส่งข่าวมา ชิ่งอ๋องอยู่ภายใต้การอารักขาของกองกำลังกลุ่มหนึ่งอย่างเหนียวแน่น ทว่าตอนนี้ไปไกลจากเมืองชิ่งแล้ว แว่นแคว้นเกิดศึกภายใน ชิ่งอ๋องเป็ราชนิกุล และเป็พระอนุชาที่ได้รับความสำคัญสูงสุดจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ย่อมไม่มีทางหลีกเลี่ยงศึกาครานี้ได้"
"ขอบคุณพี่ชายใหญ่จวงที่ชี้แนะ" ถังชิงหรูคำนับให้จวงอี้ฝาน "ชิ่งอ๋องมีชะตากรรมของตนเอง ข้าเป็แค่หญิงสาวคนหนึ่ง ไม่มีอำนาจไปก้าวก่ายเื่ของเขา ผู้อื่นต่างบอกว่าข้ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชิ่งอ๋อง แต่ก็เป็ข่าวลือทั้งนั้น ข้ามีทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ชิ่งอ๋องเคยเป็คนไข้ของข้า เขาย่อมจะเกรงใจข้าอยู่บ้าง ไม่มีอะไรไปมากกว่านี้"
"ไม่มีอะไรมากกว่านี้? แต่ชิ่งอ๋องเป็ห่วงเป็ใยเ้ามากเลยนะสาวน้อย" จวงอี้ฝานมองตามเงาหลังของถังชิงหรูไป ก่อนเปรยออกมาเบาๆ
แล้วก็เป็เช่นคำของจวงอี้ฝานกล่าวไว้ เฟิ่งหยางจัดการธุระของตำหนักสังหารเรียบร้อยแล้ว พวกเขาเตรียมตัวกลับเมืองชิ่ง ถึงอย่างไรที่นั่นก็ยังมีงานที่เฟิ่งหยางต้องจัดการ
ถังชิงหรูไม่รู้ว่าเป้าหมายที่เฟิ่งหยางรั้งอยู่เมืองชิ่งคือสิ่งใด แต่นางก็ไม่นำพาธุระเ่าั้ ขอแค่อย่าให้เดือดร้อนมาถึงนาง ไม่ต้องให้นางปีนูเามีดลงทะเลเพลิงเป็พอ
"พี่สาว..." พอเข้ามาถึงลานสวน เงาร่างเล็กก็โผเข้ากอดต้นขาของนางพลางกล่าวว่า "พี่สาว ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว"
ถังชิงหรูลูบศีรษะของหลินหลันเซิง เอ่ยวาจาอย่างอ่อนโยน "พวกเขาไม่ได้บอกเ้าหรือ ข้ากับคุณชายไปตรวจตราร้านค้าที่อื่น เสร็จงานแล้วถึงจะกลับมา"
"พวกเขาบอกแล้วขอรับ" หลินหลันเซิงจับมือของถังชิงหรู "แต่ไม่เห็นพี่สาว ข้าก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี"
"ตอนนี้เห็นแล้ว สบายใจหรือยังล่ะ" ถังชิงหรูจูงหลินหลังเซิงเดินเข้าไปในสวน นางมองไปรอบๆ พลางเอ่ยถาม "ทำไมไม่เห็นเสี่ยวเม่ยเลยเล่า"
"แม่นางเสี่ยวเม่ยช่วยดูแลกิจการอยู่ที่ร้านขอรับ แม่นางไม่อยู่ แม่นางเสี่ยวเม่ยจึงไปคุมการค้าของที่ร้านแทนท่าน แม้ว่าค้าขายอาจไม่ดีเหมือน่ที่แม่นางอยู่เอง แต่ก็ยังเป็นับว่าเป็ร้านที่ทำมาค้าคล่องของเมืองนี้แล้ว" พ่อบ้านซึ่งยืนอยู่ด้านข้างให้คำตอบ
"นางเป็คนมีความสามารถ ข้าเชื่อมั่นในตัวนาง" ถังชิงหรูหาวหวอด "ข้ารู้สึกเพลียนิดหน่อย ขอกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน หลันเซิงน้อย เ้ากลับไปเรียนหนังสือต่อ อีกประเดี๋ยวข้าจะมาหาอีก"
"พี่สาวคงไม่ไปอีกแล้วใช่หรือไม่" หลินหลันเซิงดึงแขนเสื้อของนางไว้แน่น
"ไม่แล้ว" ถังชิงหรูส่ายหน้า
"งั้น... ก็ได้" หลินหลันเซิงมองถังชิงหรูตาปรอย
ถังชิงหรูรู้สึกจนปัญหาหันมาพูดกับพ่อบ้าน "เย็นนี้ข้าจะกินข้าวกับหลันเซิง เราจะทำอาหารกินกันเอง ท่านไม่ต้องเตรียมสำรับอาหารให้พวกเราแล้ว"
"ขอรับ" พ่อบ้านเหลือบมองเฟิ่งหยางปราดหนึ่ง ไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกไปเองหรือไม่ เขาััได้ว่าบรรยากาศระหว่างสองคนนี้มีบางอย่างผิดปรกติ ทว่าแต่ไรมานายท่านก็เป็คนสงวนวาจา เขาอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ "เด็กๆ ส่งแม่นางกลับห้องไปพักผ่อน"
มีสาวใช้คนหนึ่งเดินมาจากด้านข้าง เอ่ยกับถังชิงหรูว่า "แม่นางเชิญทางนี้เ้าค่ะ"
"ห้องข้าไม่ได้อยู่ทางนั้นเสียหน่อย..." ถังชิงหรูทักท้วงด้วยความสงสัย
"่ที่แม่นางไม่อยู่ ไม่รู้ว่าเรือนข้างที่ท่านอาศัยอยู่มีหนูโผล่มาจากไหนตั้งเยอะแยะ เ้าพวกนั้นน่าสะอิดสะเอียนเป็ที่สุด พวกเราก็เลยย้ายเรือนให้แม่นางขอรับ" พ่อบ้านกล่าว "แม่นางไม่ต้องเป็ห่วง ตอนนี้เรือนของแม่นางก็อยู่ด้านข้างของเรือนนายท่าน ที่นั่นมีแสงสว่างเพียงพอ เปิดประตูออกไปก็เป็สวนดอกไม้ ดีกว่าเรือนก่อนหน้านี้ตั้งเยอะ แม่นางชอบต้นไม้ใบหญ้ามิใช่หรือ ต่อไปก็จะได้ชมต้นไม้ดอกไม้แสนวิเศษเ่าั้บ่อยๆ "
--------------------------------------------------------------------------------
[1] ความรู้ห้าคันรถ มีความหมายถึงคนที่มีความรู้กว้างขวางและล้ำลึก มีที่มาจากฮุ่ยซือ นักวิชาการสมัยจ้านกั๋วเวลาจะไปที่ใดเขาจะเอาหนังสือไปด้วยถึงห้าคันรถ สมัยนั้นยังไม่มีกระดาษ การเขียนหนังสือจะต้องสลักบนไม้ไผ่หรือแผ่นไม้ซึ่งมีน้ำหนักมากไม่สะดวกในการพกพาไปไหน
[2] ซานจาเป็ผลไม้สกุลเบอร์รี่ ผลคล้ายพุทราเป็สีแดงมีรสเปรี้ยว มักนำมาทำขนมหรือผลไม้เชื่อม