ซูจิ่นซีพยายามส่ายหัวแรงๆ เพื่อเรียกสติของตนกลับคืนมา ทว่ามือไม่รักดีของนางไม่สามารถควบคุมได้ มันเริ่มััร่างกายของบุรุษผู้นั้นทีละนิด
เข็มขัดสวยหรูและกระดุมทำมือลวดลายละเอียดงดงามถูกปลดทีละชิ้น เมื่อนางมองเห็นลอนหน้าท้องที่ล่ำสันทั้งหก สติที่มีอยู่ของนางก็ขาดสิ้น แล้วนางก็กลายร่างเป็ปีศาจตัวน้อยในทันที
......
ลมหนาวเย็นะเื หิมะขาวดั่งสำลีและดอกเหมยสีชาดโปรยปรายเต็มท้องนภา
ไม่ช้าสวนหลังจวนสกุลซูก็ถูกเปลี่ยนมาเป็สนามพลอดรักขนาดย่อมที่เต็มไปด้วยเสียงหอบซึ่งเกิดจากการกอดเกี่ยวของสองร่าง
เมื่อทุกอย่างสงบลง ซูจิ่นซีก็พยุงร่างกายที่ปวดร้าวขึ้นมาแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วยความรู้สึกผิด ซูจิ่นซีกอดรองเท้ามองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครแล้วจึงะโออกมาจากป่าต้นเหมยราวกับโจร
เมื่อเดินไปได้สองก้าวจึงนึกขึ้นได้ว่าชายที่นอนอยู่บนพื้นด้านหลังในขณะนี้กำลังต่อสู้กับความเป็ความตาย นางก็ยากที่จะใจร้ายทำเมินเฉยตัดใจไม่ช่วยได้
ใน่เวลากลางดึก ซูจิ่นซีใช้ฝ่ามือเล็กๆ หยิบยาจีนออกมาจากระบบถอนพิษแล้ววางไว้บนร่างกายของบุรุษผู้นั้น
ซูจิ่นซีแสร้งเอ่ยอย่างมีหลักการมากว่า “น่า นี่เป็รางวัลเล็กๆ ที่พี่สาวจะมอบให้ ท่านอย่าคิดว่ามันไร้ค่า มันมีประโยชน์มากนะ! แม้ว่าอาจจะไม่สามารถรักษาอาการาเ็ให้หาย แต่ก็สามารถลากท่านออกมาจากเงื้อมมือของยมบาลได้ วันหลังถ้าเรายังได้พบกันอีก... ”
เดิมทีซูจิ่นซีอยากจะพูดว่า วันหลังถ้าหากได้พบกันอีกครั้งก็จะช่วยจนถึงที่สุด เพื่อให้อาการาเ็ของเขาหายสนิท
แต่พอกลับมาคิดดูอีกที วันนี้ตนเองทำเื่แบบนั้นลงไป ถ้าหากได้พบกันอีกเขาจะยังปล่อยนางไปหรือไม่?
นางโบกมือแล้วหันหลังวิ่งไปอย่างรวดเร็ว “ไม่ ไม่ ทางที่ดีที่สุดข้ากับท่านไม่ควรพบกันอีก”
ซูจิ่นซีวิ่งไปจนหยุดอยู่ตรงทางเดินที่ไม่มีใคร แล้วลูบอกด้วยความใ
แม้ว่านางจะมาจากศตวรรษที่ 21 แต่ใน่เวลานี้ก็ยังเป็เพียงสาวบริสุทธิ์ เมื่อมองย้อนกลับไปในเื่ที่ตัวเองพึ่งทำลงไปก็รู้สึกทั้งละอายและหวาดกลัว
สุดท้ายนางก็บังคับให้ตนเองใจเย็นลงได้ ยามปกติถึงแม้ว่าจะอยู่ใน่เวลามืดมิดเพียงใด ทว่าสายตาของนางกลับดีมาก เมื่อครู่นางอยู่ใกล้เขามากขนาดนั้นแต่กลับมองเค้าหน้าของชายผู้นั้นไม่ชัดเท่าไร
บุรุษผู้นั้นอ่อนแอถึงเพียงนี้ ซ้ำร้ายยังอยู่ในสภาพสติไม่สมบูรณ์ ยิ่งเป็ไปไม่ได้ที่จะเห็นรูปร่างหน้าตาของนางได้อย่างชัดเจน
คิดเช่นนั้นแล้ว ซูจิ่นซีก็โล่งใจมากขึ้นจึงเดินต่อไปยังทิศทางในตอนต้นที่นางมา
ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงใส่เสื้อสีเขียววิ่งเข้ามาคว้ามือของซูจิ่นซีแล้วร้องห่มร้องไห้ “คุณหนู ท่านไปไหนมาเ้าคะ ข้าน้อยกังวลใจจะตายอยู่แล้ว นายน้อยของจวนท่านประมุขสิ้นชีพในจวนของพวกเรา ทั้งฮูหยินและคุณหนูใหญ่ต่างก็พูดว่าคุณหนูฆ่าเขา ท่านรีบหนีเถิด! ไปพบท่านชายหรงที่สำนักแพทย์เทียนอี แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีกเลย ท่านรีบไปเสียเถิดเ้าค่ะ! ”
ในตอนนี้ซูจิ่นซีสามารถแยกแยะความทรงจำของนางกับเ้าของร่างเดิมได้แล้ว
เ้าของร่างเดิม เดิมทีก็ชื่อซูจิ่นซีเช่นกัน เพียงแต่เขียนไม่เหมือนกับชื่อของนาง
หญิงสาวเสื้อเขียวที่อยู่ตรงหน้าเป็สาวใช้ของเ้าของร่างเดิม ชื่อหวนลวี่หลี
ลูกชายคนรองในตระกูลของจวนนายท่านที่ลวี่หลีกล่าวถึงคือฮั่วอวี้ เขามีหน้าตาที่อัปลักษณ์และโง่เง่า เป็หลานชายฝ่ายแม่ของฮูหยินฮั่วซื่อแห่งสกุลซู ซึ่งก็คือสกุลของซูจิ่นซี ร่างเ้าของเก่าที่นางพึ่งข้ามภพมาอาศัยร่างและถูกกล่าวหาว่าเป็เื้ัฆาตกรอำมหิต
เขาตายแล้ว?
ตายในจวนของนางอย่างนั้นหรือ?
ใช่แล้ว! คนที่้าใส่ความให้นางเป็ฆาตกรก็คงจะต้องอยู่ในจวนนางแน่นอน กระทั่งตอนที่นางตายไปแล้ว ก็ยังมีคนที่มีเจตนาทำเื่ร้ายๆ แล้วโยนโทษให้คนอื่นอีกหรือ? แล้วเช่นนี้จะไม่อยู่ในจวนของเ้าของที่โดนป้ายสีได้อย่างไรกันเล่า
ซูจิ่นซีชั่วพริบตาเดียวก็เข้าใจอย่างชัดเจน เื่ราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถึงแม้ว่านางจะมีสิบปากก็ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ทั้งหมด
ลวี่หลีพูดไม่ผิด ในตำราพิชัยาสามสิบหกกลยุทธ์ การหนีไปตั้งหลักคือยอดกลยุทธ์
ฉะนั้นซูจิ่นซีจึงหันหลังคิดจะวิ่งหนี ทว่าทันใดนั้นโคมไฟแถวหนึ่งก็สว่างวาบ บนสะพานไกลๆ มีกลุ่มคนเดินพลุกพล่านมาในความมืด
ทางข้างหน้าถูกปิดกั้น ซูจิ่นซีจึงหันหลังเตรียมกลับไปทางเดิม คิดไม่ถึงว่าด้านหลังก็มีคนมากมายเช่นเดียวกัน
เสียงที่คมชัดราวกับระฆังเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “เ้าคนต่ำช้ามันอยู่ตรงนั้น เร็ว! อย่าให้นางหนี รีบไปจับนางมา”
ด้านซ้ายเป็แท่นสูงหนึ่งจั้ง [1] ด้านขวาเป็กำแพง หมาป่าที่โเี้ล้วนรวมตัวอยู่ด้านหน้าและด้านหลัง ซูจิ่นซีไม่มีที่ให้หลบหนีได้แล้ว ท้ายที่สุดก็เหมือนกับเสือตัวเล็กๆ ในผิงหยางที่ถูกเชือกคล้องคอพร้อมกับผูกแขนทั้งสองข้างไพล่หลังเข้าด้วยกัน
......
ในขณะเดียวกัน ชายที่ถูก “ปีศาจตัวน้อย” กวาดต้อนไปกินใต้ต้นดอกเหมยจนหมดจดก็ฟื้นตัวกลับมาแข็งแรงขึ้น หลังจากได้รับยาที่ซูจิ่นซีทิ้งไว้ให้
เขาสวมเสื้อผ้าที่ยับย่นขาดรุ่งริ่งแล้วค่อยๆ เดินออกมาจากป่าดอกเหมย สรรพางค์กายเต็มไปด้วยกลิ่นอายชวนกดดันที่เย็นะเื
ด้วยแสงริบหรี่จากระยะไกลจึงทำให้สามารถมองเห็นใบหน้าคนๆ นี้ได้อย่างชัดเจน เยี่ยโยวเหยา! คาดไม่ถึงว่าจะเป็บุคคลที่ผู้คนต่างขนานนามว่าาาแห่งความสงัดเงียบที่น่าเกรงกลัวแห่งแคว้นจงหนิง
ในเวลานี้เขาเหมือนเทพเ้าที่หลบอยู่ในความมืด ความเกรี้ยวโกรธแล่นทั่วตัวตนจนราวกับจะทำให้คนหยุดหายใจด้วยความครั่นคร้าม
เมื่อเขายกมือขึ้น องครักษ์เงาสั่นสะท้านคำนับอยู่แทบเท้าของเขา รังสีความน่ากลัวแผ่ออกไปในระยะไกลอย่างน่าเกรงขาม
“ไป เ้าไปตรวจสอบว่ามันคือสัตว์เดรัจฉานตัวไหนของสกุลซูนั่น! ”
เมื่อองครักษ์เงาได้รับสาส์นจากเ้าชีวิตก็รีบบินหายวับไปกับตา คล้ายกลัวว่าถ้าทำให้เ้านายตนขุ่นเคืองใจแม้เพียงนิดก็อาจจะโดนปลิดลมหายใจ
เมื่อสมุนเงาหายวับเข้ากลีบเมฆไปแล้ว เยี่ยโยวเหยาที่ยังยืนอยู่ที่เดิมกำหมัดแน่นทั้งสองข้าง เสียงหักข้อนิ้วดังกร๊อบแกร๊บ เป็ที่น่าหวาดกลัวของผู้คนในยามค่ำคืนที่แสนเงียบสงัด
ทันใดนั้นเขาทุบกำปั้นลงบนต้นเหมยที่อยู่ด้านหลังของตนจนดอกเหมยร่วงหล่นกระจัดกระจาย ก่อนที่เขาจะบินทะยานขึ้นสู่ฟ้า ถลาไปตามชายคาจวนสกุลซู
......
ในห้องโถงใหญ่ที่งดงามที่สุดของสกุลซู ซูจิ่นซีถูกมัดด้วยเชือกคล้องคอพร้อมกับผูกแขนทั้งสองข้างไพล่หลังเข้าด้วยกัน นางถูกโยนลงไปที่เท้าซูจ้งผู้เป็ประมุขแห่งสกุลซูอย่างไม่ยั้งแรง
“พี่ชาย ท่านตายอย่างน่าอนาถเสียจริง! ฮือๆ เื่ราวที่ผ่านมาทั้งหมดของท่านก็นับว่าปล่อยวางเถิด แต่ท่านจะให้ท่านแม่อธิบายกับท่านยายและบรรพบุรุษของตระกูลอย่างไรกัน ฮือๆ ... ”
“เป็เช่นนี้แล้ว อวี้เอ๋อร์ เ้าจะให้ป้าของเ้าทำอย่างไรดี ทำอย่างไร ฮือๆ ... ”
ในห้องโถงสกุลซู ฮูหยินฮั่วซื่อและลูกสาวของนางซูเซียนฮุ่ยกอดศพร่ำไห้ ดูเหมือนว่าพวกนางจะเศร้ายิ่งกว่าเสียลูกชายที่แท้จริงของตัวเองอีกกระมัง
ซูจิ่นซีเริ่มคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมรอบข้างอย่างรวดเร็ว
ที่นี่นอกจากซูจ้งและฮั่วซื่อที่อยู่ข้างกาย ยังมีซูเซียนฮุ่ยบุตรสาวคนโต เหล่าอนุและข้ารับใช้ใกล้ชิดหลายคน ประมุขสกุลซูไว้เนื้อเชื่อใจฮั่วซื่อขนาดนั้น ซูจิ่นซีพูดอะไรออกไปก็คงไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
หรือจะพูดอีกแง่ก็คือ ชายผู้นี้ถูกแม่ลูกคู่นั้นชักจูงกระทั่งตอนนี้พวกนางสามารถทำทุกอย่างที่้าได้ ซูจ้งที่หูเบาก็คงจะถูกแม่ลูกจูงจมูก ไม่ว่าคนพวกนั้นพูดอะไรออกมาก็คงจะเชื่อไปเสียหมด
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นให้ซูเซียนฮุ่ยร้องห่มร้องไห้เจียนจะขาดใจก็เป็ลูกชายของไหวหยางจวิ้นจู่พี่สาวแท้ๆ ของฮูหยินฮั่วซื่อ
ถึงขนาดที่ว่าฮั่วซื่อน้องสาวแท้ๆ ของถังถังจวิ้นจู่ [2] แต่งเข้าสกุลซูที่วงศ์ตระกูลไม่แม้แต่จะมีศักดินาเทียบชั้นนางได้เลยเช่นนี้? มันจะต้องมีเื้ัอันใดอย่างแน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ ลูกชายของถังถังจวิ้นจู่ผู้สง่างามตายในเรือนของสามัญชนซึ่งไม่ใช่ทั้งราชวงศ์หรือข้าราชบริพารมันไม่ใช่เื่ตลกเสียเลย
หลังจากที่ซูจิ่นซีแยกแยะความคิดเหล่านี้ออกได้ พอจะเข้าใจตื้นลึกหนาบางของเื่ขึ้นมาบ้าง ในเมื่อนางไม่สามารถหลบหนีได้ อย่างนั้นต่อไปนี้นางก็จะเป็ซูจิ่นซีเสียเลย คิดกลั่นแกล้งกันหรือ?
ฝันไปเถอะ!
“เ้านี่มันเนรคุณ ทำให้ชีวิตซูจ้งผู้นี้มีแต่เื่เดือดร้อน วันนี้ข้าจะฆ่าเ้า! ”
ซูจ้งโกรธจนยกเท้าขึ้นมาและกำลังจะถีบไปที่ซูจิ่นซี
ทันใดนั้นแววตาของซูจิ่นซีก็สลดลง “ท่านพ่อ ท่านต้องคิดให้รอบคอบ รอยเตะที่ถีบลงมานี้ของท่าน ไม่เพียงแค่เป็การสั่งสอนบุตรสาวที่เนรคุณเท่านั้น แต่เป็การทำร้ายร่างกายพระชายาในอนาคตของไท่จื่อ [3] ด้วย ความผิดใหญ่หลวงนี้ หากคิดจะทำร้ายข้า ข้าเองก็ไม่อาจทราบได้ว่าบรรพบุรุษสกุลซูจะสามารถชดใช้โทษนั้นได้หรือไม่”
เมื่อซูจิ่นซีพูดสิ่งนี้ออกไป ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึง
นังโง่นี่...กำลังพูดอะไรของเ้า?
คาดไม่ถึงว่าจะเอาฐานะของไท่จื่อมาข่มขู่ข้า แถมยังพูดอย่างไหลลื่น นี่หาใช่ซูจิ่นซีผู้โง่เง่าของสกุลซูแน่หรือ?
เชิงอรรถ
[1] หน่วยชุ่นคล้ายคลึงกับหน่วยนิ้ว หนึ่งฉื่อจะมี 10 ชุ่น และ 10 ฉื่อมีค่าเท่ากับ 1 จั้ง
[2] ถังถังจวิ้นจู่ ตำแหน่งองค์หญิงหรือท่านหญิง ขึ้นอยู่กับการสืบสายเืทางบิดากับจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน เป็ตำแหน่งเชื้อพระวงศ์หญิงลำดับที่ 3 ผู้ที่ได้รับตำแหน่งนี้ต้องเป็พระธิดาในชินอ๋องกับพระชายาเอก
[3] ไท่จื่อ คือ รัชทายาท ว่าที่ฮ่องเต้คนต่อไป มีอำนาจทุกอย่างรองจากฮ่องเต้ ทั้งยังมีอำนาจในการเป็ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน หากฮ่องเต้ไม่อยู่ ไปทำธุระนอกวัง หรือเกิดการประชวรเจ็บป่วยออกว่าราชการไม่ได้ ก็จะให้ไท่จื่อรั้งตำแหน่งผู้ดูแลงานแทน