บทที่ 62 เ้า้าแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่?
เทพเซียนหยวนสื่อ!
เจียงชูหลงไม่เคยได้ยินชื่อหยวนสื่อ‘เทียนจุน’(เทพเซียน)นี้มาก่อนเลย ทว่าตามความเข้าใจของนางแล้ว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเก้าฟ้าสิบพิภพ มักจะมีฉายาที่ลงท้ายด้วยคำว่า ‘เทียน’ (天) เสมอ เช่น จักรพรรดิอู่แห่งราชวงศ์ต้าอวี้ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้มีฉายาว่า ‘หงเทียน’
เทียนจุน?
นั่นมิใช่ผู้ที่เก้าฟ้าควรเคารพสูงสุด และเหนือกว่าเก้าฟ้าทั้งปวงที่เคยมีมาหรอกหรือ?
เพียงแค่ฉายานี้ ก็เพียงพอที่จะบ่งบอกได้แล้วว่าพลังของชายผู้นี้ไม่อาจหยั่งถึงได้ นั่นก็เพราะว่า ผู้ใดที่กล้าเรียกขานตนว่า ‘เทียนจุน’ ยามออกนอกบ้านย่อมต้องระมัดระวังตัวเป็พิเศษ เพราะไม่ว่าจะยามเช้าหรือยามเย็น ก็อาจมีเื่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ ยิ่งไปกว่านั้น เพียงแค่มีบุคลคลอ้างชื่อเช่นนี้ ก็สามารถทำให้ฟ้าดินปั่นป่วนแล้ว
เป็ไปได้หรือไม่ว่า เขาแข็งแกร่งกว่าเก้าฟ้าไปมาก?
ถ้าเป็จริง นั่นก็น่ากลัวเกินไปแล้ว!
“ดื่มชาเถอะ”
เสียงอันแ่เบาลอยมา พร้อมกันนั้นปรากฏการณ์ผิดธรรมชาติบนฟ้าดินก็หายไปอย่างกะทันหัน ราวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็เพียงภาพลวงตาที่จางหายไป สมองของเจียงชูหลงพลันว่างเปล่า นางพยักหน้าอย่างงุนงง
เมื่อชาเข้าสู่ปาก พลังชีวิตอันบริสุทธิ์ก็แผ่ซ่านไปทั่วช่องท้อง
นางเคยเห็นชาเช่นนี้มาก่อน มันเป็เครื่องบรรณาการล้ำค่าที่นิกายใหญ่แห่งหนึ่งนำมาถวายยังจงโจว(แดนศูนย์กลาง) ซึ่งถูกองค์ฮ่องเต้พระราชทานแก่เหล่าพี่น้อง แต่กลับไม่มีส่วนของนางเลย โชคดีที่องค์ชายรัชทายาทเห็นนางน่าสงสาร จึงแบ่งให้เพียงเล็กน้อย
เจียงชูหลงชายตามองไปรอบๆ พลันพบว่าข้างกายมีตาน้ำแห่งหนึ่ง ชายลึกลับผู้นั้นกำลังชงชาด้วยน้ำจากตาน้ำแห่งนั้นเอง...
“เหตุผลที่เ้ามาอยู่ที่นี่ เป็เพราะเมื่อหลายปีก่อน ผู้เฒ่าผู้นี้เคยทิ้งแหวนโบราณไว้วงหนึ่ง”
“มีเพียงผู้ที่เปี่ยมด้วยโชควาสนาอันยิ่งใหญ่ และมีพร์โดดเด่นเท่านั้น จึงจะสามารถััถึงมันได้”
เทพเซียนหยวนสื่อที่อยู่ตรงหน้ายกถ้วยชาขึ้น มือของเขาหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่ได้ยกขึ้นดื่ม เพียงแค่ถือไว้ในมือแล้วหมุนเล่นไปมา
“ที่แท้ก็...เพราะแหวน...” เจียงชูหลงพลันกระจ่างแจ้ง
โชควาสนาอันยิ่งใหญ่?
พร์โดดเด่น?
“เอ่อ...ท่าน...ท่านเทพเซียน”
“ข้า...อาจจะไม่ใช่...คนที่ท่านกำลังตามหา”
เจียงชูหลงก้มหน้าลงจนเกือบจะซบลงไปถึงหน้าอก ด้วยความรู้สึกผิดหวังในตนเอง การเกิดมาของนางเป็เหตุให้ท่านแม่เสียชีวิต ดังนั้นนางจึงไม่เป็ที่โปรดปรานของจักรพรรดิอวี้จิ่งไท่มาั้แ่เด็ก แทบจะเรียกได้ว่าถูกรังเกียจเลยทีเดียว นางเติบโตมาโดยไม่เคยล่วงรู้เื่นี้มาก่อน จนกระทั่งนางเข้าใจว่าลูกๆ ขององค์ฮ่องเต้ทุกคนล้วนไร้เสื้อผ้าใหม่ใส่ และต้องอาศัยอยู่ในตำหนักเย็น แม้แต่ในวันคล้ายวันประสูติขององค์ฮ่องเต้ ซึ่งเป็วันที่ทั่วหล้าเฉลิมฉลอง นางแอบลอบเข้าไปหมายจะยลหน้าบิดา แต่เหตุการณ์กลับแปรเปลี่ยน จากงานเลี้ยงกลายเป็ลานปะา นางกำนัลที่แอบบอกข่าวให้นาง ถูกลงทัณฑ์ตัดร่างเป็ชิ้นๆ ดวงตาที่มีเืไหลรินของนางกำนัลยังคงจ้องมองมาที่เจียงชูหลง
ส่วนเื่พร์...
พร์?
นางไม่เคยฝึกยุทธ์ และไม่มีใครกล้าสอนนาง แต่ก็รู้ดีว่า หลังจากที่แก่นกระดูกวิเศษหายไปจากทรวงอกแล้ว ตนเองก็หาใช่ผู้มีพร์อันใด องค์ชายรัชทายาทที่มีกายาเซียนกำเนิดลึกล้ำ และได้กระดูกนั้นไป น่าจะเป็อัจฉริยะตัวจริงเสียมากกว่า...
“ฮ่าฮ่าฮ่า...แม่หนูน้อย เ้าสงสัยสายตาของผู้เฒ่าผู้นี้หรือ?”
“ไม่...ข้าจะกล้าได้อย่างไร...”
“เจียงชูหลง บุตรสาวคนเล็กของจักรพรรดิอวี้จิ่งไท่”
เสียงอันนุ่มนวล แต่กลับชวนให้สบายใจดังขึ้น เจียงชูหลงชะงักไปเล็กน้อย นางไม่ได้แนะนำตัวเองนี่นา? ผู้าุโท่านนี้รู้ได้อย่างไรกัน?
“เ้ามีพร์กระบี่ั้แ่เกิด ซึ่งถือกำเนิดพร้อมกระดูกกระบี่จักรพรรดิเทียนจุน ทว่ามันกลับถูกญาติชิงไปแล้ว”
“และตอนนี้กำลังถูกหน่วยลาดตระเวน์ตามล่า”
เจียงชูหลง “!”
นางอ้าปากเล็กน้อย เหตุใดผู้าุโท่านนี้ถึงได้รู้ทุกอย่าง? อันที่จริง ตัวนางเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากระดูกที่เคยสถิตอยู่ในอกนั้นมีนามว่าอะไร
“การที่เ้าสามารถได้รับแหวนโบราณ และมายืนอยู่ต่อหน้าผู้เฒ่าผู้นี้ได้ ไม่เรียกว่ามีโชควาสนาอันยิ่งใหญ่ จักเรียกว่าสิ่งใดได้อีก?”
“แต่ว่า...แต่ว่ากระดูกกระบี่จักรพรรดิเทียนจุน...ข้า...ไม่มีมันแล้ว”
เจียงชูหลงกัดริมฝีปากจนขาวซีด
กระดูกกระบี่จักรพรรดิเทียนจุน
ผู้าุโผู้นี้มีนามว่าเทพเซียนหยวนสื่อ เป็เพราะเหตุนี้เป็แน่ ที่ท่านถึงได้เรียกนางมาที่นี่
“นี่เป็เื่ดี”
“อ๊ะ?”
เจียงชูหลงเบิกตากว้าง ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“กระดูกกระบี่อาจนำพาความสำเร็จมาให้ แต่ก็อาจกักขังผู้นั้นไว้ได้เช่นกัน”
“เ้าไร้กระดูกกระบี่ แต่กลับสามารถเดินตามเส้นทางของตัวเองได้ นี่มิใช่เื่ดีหรอกหรือ?”
“ในแดนร้างมีเด็กน้อยคนหนึ่ง ที่แม้รากฐานกระดูกสูงสุดจะถูกขุดออกไป แต่ภายหลังก็ยังสร้างขึ้นมาได้อีกเป็ชิ้นที่สอง ชิ้นที่สาม”
“สักวันหนึ่ง เมื่อเ้ายืนอยู่สูงขึ้น แล้วมองย้อนกลับไป สิ่งเ่าั้ก็จะเป็เพียงเมฆหมอกที่ผ่านพ้นเท่านั้น”
น้ำเสียงราบเรียบอันเฉยเมย ชวนให้ผู้คนเชื่อถืออย่างน่าประหลาด ราวกับว่าสิ่งที่เรียกว่ากระดูกกระบี่นั้น แท้จริงแล้วเป็เพียงของธรรมดา
“ยืนอยู่สูงขึ้น?”
เจียงชูหลงงุนงง?
นางฟังไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ดูเหมือนจะเป็เื่ที่ยิ่งใหญ่มาก ก่อนหน้านี้ นางก็ไม่ได้ยืนอยู่ต่ำเลยนี่นา... หากว่ากระดูกกระบี่ไม่สำคัญ เหตุใดองค์ชายรัชทายาทจึงต้องแย่งชิงจากนางไปเล่า?
“เ้ายังเยาว์นัก ก็เป็เื่ปกติ”
เทพเซียนหยวนสื่อยิ้มอย่างขบขัน ดูเหมือนจะรู้สึกเอ็นดูในความไร้เดียงสาของเด็กสาว
“เก้าฟ้าสิบพิภพมีประวัติศาสตร์อันยาวนานยิ่ง ราชวงศ์ต้าอวี้ในกระแสธารแห่งกาลเวลา เป็เพียงคลื่นน้ำระลอกหนึ่งเท่านั้น”
“ในยุคา ดินแดนเทพตั้งมั่นอยู่เหนือสามสิบสาม์ ปกครองดวงดาวทั่วสากล สร้างสรรพสิ่งในโลก”
“ประมุขแห่งเทพ์ในยุคนั้นมีนามว่า ฮ่าวเทียนฮ่องเต้ ผ่านการบำเพ็ญเพียรมาถึงหนึ่งแสนสามพันครั้ง แต่ละครั้งนานถึงหนึ่งแสนสองหมื่นเก้าพันหกร้อยปี ในที่สุดเขาก็เข้าถึงวิถีแห่งเต๋า”
มิได้เพียงกล่าวเล่าเท่านั้น แต่ยังมีภาพเคลื่อนไหวอีกด้วย เมฆขาวบนท้องฟ้าพลันรวมตัวและสลายไปอย่างช้าๆ พร้อมกับการบรรยายของเทพเซียนหยวนสื่อ เผยให้เห็นภาพทัศน์นับพันภาพ แสงสีทองนับหมื่นสาย แสงมงคลนับพันริ้ว
ภายในภาพทัศน์นั้น ผ่านประตูหนานเทียนอันโอ่อ่า ปรากฏวังโบราณสามสิบสามแห่งเรียงราย แลตำหนักเจ็ดสิบสองหลังส่องประกายระยิบระยับ มีัแท้และหงส์โบยบินไปมา รวมถึงเตาหลอมโอสถสีม่วงที่ประดับอยู่บนจานแก้ว ต้นหยกอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตตั้งตระหง่านอยู่ในวังสีหยกท่ามกลางจันทรา
โดดเด่นราวกับมีชีวิต
เจียงชูหลงจ้องมองภาพวังเทพบนท้องฟ้าราวกับถูกสะกด นี่เป็เพียงภาพที่ปรากฏขึ้นในม่านเมฆเท่านั้น หากเป็์ที่แท้จริง จะไม่ยิ่งน่าทึ่งกว่านี้หรือ? นางสามารถมองเห็นความรุ่งโรจน์ในยุคาได้จากแสงสว่างที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดนี้ ผู้าุโท่านนี้ไม่ได้กล่าวเกินจริงเลย ราชวงศ์ต้าอวี้เทียบกับสิ่งนี้แล้ว ก็ไม่ได้นับว่าเป็อะไรเลยจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น...
ผ่านการบำเพ็ญเพียรมาถึงหนึ่งแสนสามพันครั้ง แต่ละครั้งนานถึงหนึ่งแสนสองหมื่นเก้าพัน…เท่าใดก็ช่างมันก่อน…
คราวนี้เจียงชูหลงไม่ได้งอนิ้วเล็กๆ ของนางแล้ว เพราะคงไม่พอใช้นับแน่ๆ
อืมม—
พลัน... ลมระลอกหนึ่งพัดมา เมฆและหมอกก็พลันสลายไป เสียงของเทพเซียนหยวนสื่อที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจ ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“สรรพสิ่งล้วนมีจุดจบ หากไม่สามารถเป็ะได้ ท้ายที่สุดก็จะดับสูญไปตามกาลเวลา”
“ตอนนี้ข้าก็เป็เพียงิญญาส่วนหนึ่งเท่านั้น”
“ิญญาส่วนหนึ่ง?!”
หัวใจของเจียงชูหลงพลันบีบรัด เป็เพียงิญญาส่วนหนึ่งก็ยังลึกลับซับซ้อนถึงเพียงนี้ แล้วในยามที่ผู้าุโท่านนี้อยู่ในสภาพสมบูรณ์เล่า? จะยิ่งใหญ่เพียงใดกัน?
“ฮ่าฮ่าฮ่า...โลกนี้คาดเดายากนัก”
“ผู้เฒ่าผู้นี้ไม่คาดคิดเลยว่า แหวนวงหนึ่งที่โยนทิ้งไปเมื่อหลายยุคสมัยก่อน บัดนี้กลับสามารถเติบโตงอกงามขึ้นมาได้”
“ผู้เฒ่าผู้นี้ปรารถนาจะรับเ้าเป็ศิษย์ ถ่ายทอดวิชาทั้งหมดให้”
“สิ่งที่ปรารถนาก็แสนเรียบง่าย เพียงแค่เมื่อเ้าแข็งแกร่งพอแล้ว ช่วยให้ข้าฟื้นคืนกลับมา!”
“เด็กสาว เ้า้าแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่?”
คำพูดของเทพเซียนหยวนสื่อมาพร้อมกับความแน่วแน่ และความมั่นใจที่ไร้ขีดจำกัด
เ้า้าแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่?
เ้า้าแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่?
เจียงชูหลงกุมหน้าอกแน่น ราวกับว่าหากปล่อยมือ หัวใจของนางก็จะถูกคำพูดนั้นสั่นะเืจนหลุดออกมา นางหรือ? การจะช่วยผู้าุโท่านนี้ ย่อมต้องยากยิ่งเป็แน่... ในชั่วพริบตานั้น ภาพหลุมศพของท่านแม่ ใบหน้าอันเ็าของท่านพ่อ มีดสั้นเปื้อนเืขององค์ชายรัชทายาท และความเด็ดเดี่ยวของน้าเหมยเมื่อนำหน่วยลาดตระเวน์จากไป...ก็ผุดขึ้นในใจของนาง
นาง้า
และนางก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร
“อืม...ข้า...ข้ายินดีเ้าค่ะ”
“พูดเสียงดังหน่อย ข้าไม่ได้ยิน”
“ข้ายินดีเ้าค่ะ!”
“ดีมาก! พลังใจดีมาก!”