“ร้อยละเก้าสิบ? ท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษทำไมท่านถึงได้แน่ใจถึงเพียงนี้?” เย่ชิงหานจ้องมองดูเสี่ยวเฮยพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อก่อนเขาเคยพูดล้อเล่นกับเสี่ยวเฮยอยู่บ่อยๆ เสี่ยวเฮยบอกว่ามันอาจเป็สัตว์อสูรคุณภาพระดับเทพก็เป็ได้ เย่ชิงหานจึงตอบกลับไปว่าถ้ามันเป็เทพอสูรเขาก็คงเป็เทพแล้วเช่นกัน ไม่คิดว่าวันนี้เย่รั่วสุ่ยจะบอกกับเขาว่าเสี่ยวเฮยมีโอกาสร้อยละเก้าสิบที่จะเป็เทพอสูรจริงๆ
“ที่ข้ากล้าพูดเช่นนี้ก็เพราะมีเหตุผลมากมาย ประการแรก...วงแหวนแสงเก้าสีของเ้า ข้าทำการศึกษาพิธีปลุกพลังทางสายเืของตระกูลเย่มาอย่างเนิ่นนานแล้ว วงแหวนแสงเก้าสีของเ้าเป็ระดับที่สูงที่สุดแล้ว! วงแหวนแสงของข้าตอนที่ทำการปลุกพลังทางสายเืเป็เพียงแค่สีทองเท่านั้นแต่กลับเรียกอสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้แล้ว แล้วของที่มีระดับสูงกว่าแน่นอนว่าจะต้องมีโอกาสเรียกเทพอสูรออกมาได้”
“ประการที่สอง...ตอนที่เ้าเรียกสัตว์อสูรนั้นภายในมิติลับแดนอสูรมีลูกสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วยสี่ตัว พวกมันต่างหวาดกลัวต่อเสี่ยวเฮยซึ่งอย่างนี้ก็หมายความว่าเสี่ยวเฮยจะต้องมีระดับที่สูงกว่าพวกมันซึ่งก็คือระดับเทพอสูร เช่นนี้ถึงจะอธิบายได้สมเหตุสมผล”
“ประการที่สาม...เสี่ยวเฮยสามารถส่งกระแสเสียงได้ในขณะที่อสูรศักดิ์สิทธิ์พยัคฆ์ขาวของข้าทำไม่ได้ นี่ก็เป็สิ่งที่บ่งบอกอย่างเด่นชัดแล้วว่าระดับของเสี่ยวเฮยสูงกว่าระดับศักดิ์สิทธิ์...”
เย่รั่วสุ่ยพูดอธิบายวิเคราะห์ออกมาให้เย่ชิงหานฟังอย่างละเอียด ยิ่งพูดยิ่งทำให้แน่ใจถึงระดับคุณภาพของเสี่ยวเฮย สุดท้ายจึงพูดขึ้นอย่างน่าฉงนสนเท่ห์ว่า “แน่นอนว่ายังมีเหตุผลอีกข้อหนึ่งซึ่งก็คือ...ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่!”
“ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่?”
เย่ชิงหานได้ยินชื่อนี้อีกครั้งรู้สึกแปลกใจขึ้นมา เหตุผลทั้งสามข้อที่เย่รั่วสุ่ยพูดออกมานั้นเขาเห็นด้วย ตามที่เย่รั่วสุ่ยวิเคราะห์โอกาสที่เสี่ยวเฮยจะเป็เทพอสูรนั้นเป็ไปได้มาก แต่ตอนนี้กลับพูดขึ้นว่าเป็เพราะท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่จึงทำให้ความเป็ไปได้ว่าเสี่ยวเฮยจะเป็เทพอสูรนั้นชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม?
“ถูกต้อง ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ไม่เคยยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเื่ราวของทวีปัเพลิงแม้แต่สักครั้งเดียว แต่ห้าปีก่อนกลับมอบผลึกเทวะระดับขั้นสูงสุดขอบเขตเทพ์ให้แก่น้องสาวเ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าคาดเดาว่าที่เ้าสามารถออกมาจากูเาสุสานทวยเทพได้นั้นท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่คงจะทำการช่วยเหลือเ้าอยู่อย่างลับๆ ด้วย ส่วนเ้าก็พูดว่าไม่เคยพบเจอกับเขามาก่อนแต่เขากลับดีต่อเ้าเช่นนี้สิ่งเดียวที่พอจะอธิบายได้ชัดเจนที่สุดก็คือ เสี่ยวเฮยคือเทพอสูร!” เย่รั่วสุ่ยยิ่งพูดยิ่งมั่นใจมากยิ่งขึ้น สีหน้าอาการตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด
“ทำไมเสี่ยวเฮยเป็เทพอสูรแล้วท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่จะต้องดีต่อข้าด้วยล่ะ” เย่ชิงหานยังคงไม่เข้าใจ
“แหะๆ!” เย่รั่วสุ่ยหัวเราะแล้วพูดขึ้น “เพราะว่าท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ก็เป็...เทพอสูรตัวหนึ่งเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังเป็เทพอสูรที่แข็งแกร่งเป็อย่างมาก เป็าาผู้ไร้เทียมทานอย่างแท้จริงของทวีปัเพลิง! เขาเรียกตนเองว่าท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ และเสี่ยวเฮยก็เป็อสูรเผ่ากลืนิญญาด้วย คำว่า “ซื่อ” ที่เป็ชื่อของเขาก็แปลว่า “กลืน(กิน)” เหมือนกับชื่อเผ่าพันธุ์ของเสี่ยวเฮย อีกทั้งเขาก็เป็เทพอสูรจึงไม่ยากที่จะคาดเดาได้ว่าเสี่ยวเฮยจะต้องเป็เทพอสูรอย่างแน่นอน เสี่ยวเฮยจะต้องมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันกับท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
“อาาา!”
มาถึงตอนนี้เย่ชิงหานเริ่มจะเข้าใจขึ้นมาได้บ้างแล้วมองไปที่เสี่ยวเฮยด้วยความตกตะลึงเพิ่มขึ้น ในตอนนั้นเสี่ยวเฮยบอกอย่างมั่นใจว่ามันมีระดับที่ไม่ต่ำไปกว่าลูกสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ตัวนั้นแน่นอน เขาก็คิดแค่เพียงว่าอย่างมากเสี่ยวเฮยก็คงเป็อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งเป็อย่างมากตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าเสี่ยวเฮยจะมีความเป็มาที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ไม่เพียงแค่เป็เทพอสูรเท่านั้นแต่ยังมีความเกี่ยวข้องที่ไม่ธรรมดากับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปัเพลิงอีกด้วย
เสี่ยวเฮยเมื่อฟังเย่รั่วสุ่ยพูดจนจบจึงยืดตัวขึ้นอย่างภาคภูมิใจเชิดหน้าส่งกระแสเสียงมาหาเย่ชิงหาน “คิกๆ ลูกพี่ ข้าบอกแล้วว่าข้าคือเทพอสูร! ข้าเสี่ยวเฮยไม่ธรรมดานะจะบอกให้...แต่ฟังจากปรมาจารย์บรรพบุรุษของท่านพูดคล้ายกับว่าข้ามีความเกี่ยวข้องอะไรกับท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่? ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่รู้ว่าท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จะรู้หรือไม่ว่าพ่อแม่ของข้าคือใคร?”
“แน่นอนว่าเสี่ยวเฮยเ้าเก่งกาจไม่ธรรมดา อืม...หากมีเวลาพวกเราไปเยี่ยมคารวะท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ผู้เป็ตำนานเล่าขานผู้นี้กันสักครั้ง ถามถึงความเป็มาของเ้าให้ชัดเจน แต่เสี่ยวเฮยเ้าอย่าได้เสียใจจนเกินไป แม้พ่อแม่ของเ้าจะจากไปแล้วจริงๆ แต่ก็ยังมีข้าอยู่มิใช่รึ? ข้าจะอยู่เป็เพื่อนเ้าตลอดไป!” เย่ชิงหานรู้สึกได้ว่าภายใต้สีหน้าที่ภาคภูมิใจของเสี่ยวเฮยนั้นยังมีความรู้สึกหดหู่เสียใจซ่อนอยู่ จึงได้รีบส่งกระแสเสียงปลอบใจเสี่ยวเฮยขึ้น
ก่อนที่เสี่ยวเฮยจะถูกเรียกออกมามีมันอยู่ภายในหุบเขาลึกลับแห่งนั้นเพียงตัวเดียวเดี่ยวโดด ต่อมาเมื่อมันส่งกระแสเสียงได้จึงบอกแก่เย่ชิงหานว่าั้แ่เล็กก็อาศัยอยู่ภายในหุบเขาแห่งนั้นมาตลอดไม่ได้ออกไปไหนและไม่เคยได้พบเจอกับพ่อแม่มาก่อนด้วย
เมื่อพูดปลอบใจเสี่ยวเฮยไปหลายประโยคเย่ชิงหานจึงเงยหน้าขึ้นพูดต่อเย่รั่วสุ่ย “ท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษ ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่จะพาพวกข้าไปพบกับท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ได้?”
“รอผ่าน่นี้ไปอีกสักพักเถอะ เพียงแต่ไม่รู้ว่าท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่จะให้พวกเราเข้าพบหรือไม่...ครั้งก่อนข้าขอเข้าพบเขาไม่ยอมให้พบ...” เย่รั่วสุ่ยนิ่งครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จึงได้เอ่ยขึ้น เขาไม่แน่ใจว่าท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่กับเสี่ยวเฮยมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน จึงไม่กล้าที่จะยืนยันว่าจะได้พบแน่ๆ เพราะาาผู้ปกครองแห่งป่าดำมืดผู้นี้ใช่ว่าใครก็จะสามารถเข้าพบได้โดยง่าย
เพียงแต่ในขณะที่เขายังไม่ทันจะพูดจบสีหน้าพลันต้องเปลี่ยนแปลงไปในทันที เขามองขึ้นไป้าท้องฟ้าทางด้านทิศเหนือด้วยความใกลัว พลังทั่วทั้งร่างพุ่งสูงขึ้นในพริบตาพร้อมกับเดินออกไปก้าวหนึ่งบังเย่ชิงหานไว้ด้านหลัง แหวนที่นิ้วมือซ้ายขยับขึ้นทีหนึ่งหอกเล่มยาวพลันปรากฏออกมาอยู่ในมือ
เย่ชิงหานรู้สึกได้ถึงเหตุการณ์ผิดปกติที่เกิดขึ้นรีบรวมร่างอสูรขึ้นในทันทีพร้อมกับดาบสังหารเทพมาถือไว้ในมือ พลังปราณรบโคจรไหลเวียนทั่วทั้งร่างตั้งท่าเตรียมพร้อมราวกับพบเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่ง สายตามองไปท้องฟ้าทางด้านทิศเหนือเช่นเดียวกัน ในขณะเดียวกันก็ทำการส่งกระแสเสียงไปบอกผู้เฒ่าลู่ให้ทราบถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น
อาณาเขตพลังที่เย่รั่วสุ่ยกางออกมานั้นพลันทลายลงอย่างไร้ซุ่มเสียง พลังแข็งแกร่งรุนแรงสายหนึ่งปกคลุมไปทั่วทั้งสุสานบรรพชน พลังสายนี้อานุภาพแข็งแกร่งทรงพลังเป็อย่างมากราวกับว่าจะทำให้อากาศในบริเวณนี้แข็งตัวขึ้นฉันนั้น เย่ชิงหานรู้สึกได้ว่ากลิ่นไอพลังสายนี้แข็งแกร่งมากยิ่งกว่าของลู่ซีอยู่หลายส่วน
“ไม่ต้องตื่นตระหนกไป ข้าคือท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่!”
ชั่วครู่ต่อมา
น้ำเสียงไพเราะน่าฟังของสตรีที่แฝงไปด้วยกลิ่นไอของผู้ที่มีชีวิตผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานก็ดังขึ้นมา ทำให้พลังภายในกายของเย่รั่วสุ่ยและเย่ชิงหานที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่นั้นมลายหายไป ทั้งสองคนมองตากันเห็นได้ถึงแววตกตะลึงภายในดวงตาของอีกฝ่ายพร้อมกับเก็บอาวุธกลับคืน จากนั้นถอนหายใจออกมาทำการคารวะลงพร้อมๆ กัน “คารวะท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่!”
“เย่รั่วสุ่ย เ้าพาเย่ชิงหานมาที่เมืองดำมืดสักครั้งหนึ่ง ข้าอยากจะพบกับ...เสี่ยวเฮย!” ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่พูดขึ้นอย่างราบเรียบไม่ได้มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ปะปนมาในน้ำเสียง แต่ลักษณะคำพูดดุจดั่งราชันย์ผู้ปกครองฉันนั้น มีอำนาจน่าเกรงขามทำให้ผู้ที่ได้ยินไม่กล้าเกิดความคิดที่จะต่อต้าน
พูดออกมาเพียงประโยคเดียวท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ก็เงียบเสียงไปไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก พลังแข็งแกร่งทรงพลังที่ปกคลุมอยู่เมื่อสักครู่ก็พลันเลือนหายไปในทันทีอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านั้นคืออาณาเขตพลังที่เย่รั่วสุ่ยกางไว้นั้นก็ฟื้นฟูกลับมาดังเดิม
“ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่คนนี้จะยิ่งใหญ่มากเกินกว่าชื่อที่เรียกขานเสียด้วยซ้ำไป!”
เย่ชิงหานสูดลมหายใจลึกเข้าไปสองคำ น้ำเสียงที่เ็าเมื่อสักครู่ของท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ที่ส่งมา ราวกับค้อนเหล็กหนักขนาดใหญ่ที่ทุบลงไปยังหัวใจของเขา ทำให้รู้สึกว่าหัวใจจะกระเด็นหลุดออกมาภายนอกให้ได้ฉันนั้น น่ากลัวเป็อย่างมาก
“แน่นอนว่าท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่นั้นยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง เพราะนางคือาาที่แท้จริงของทวีปัเพลิง!” เย่รั่วสุ่ยมีโอกาสััได้ถึงอานุภาพพลังที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามของท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง พูดขึ้นด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นภายในใจ
“แล้ว? ถ้าพวกเราไปนางจะทำร้ายเสี่ยวเฮยหรือไม่?” เย่ชิงหานนึกถึงน้ำเสียงที่เ็าไร้อารมณ์ของท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่จึงอดไม่ได้ที่จะลังเลขึ้นมา ตอนนี้สำหรับเขาแล้วเสี่ยวเฮยเป็เหมือนดั่งน้องชายคนหนึ่ง น้ำเสียงการพูดเมื่อสักครู่ของท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ทำให้เขารู้สึกกลัวและห่วงกังวลขึ้นมา
“น่าจะไม่ เพราะถ้านางคิดที่จะทำร้ายเสี่ยวเฮยและพวกเราละก็ไม่มีใครที่สามารถขัดขวางได้แน่ อย่าลืมที่ข้าบอกไปว่าในทวีปัเพลิงแห่งนี้ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน! ในเมื่อนางแค่เรียกพวกเราให้ไปหาคิดว่าคงมีเื่สำคัญเป็แน่”
เย่รั่วสุ่ยส่ายหน้าไปมาไม่ได้รู้สึกกังวลแม้แต่น้อย ภายในใจกลับตื่นเต้นดีใจขึ้นมาด้วยซ้ำไป รอบนี้ถ้าไปคงได้รู้ความเกี่ยวข้องของเสี่ยวเฮยกับท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่รวมไปถึงความเป็มาของเสี่ยวเฮยด้วย ถ้าหากเสี่ยวเฮยกับท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่มีความเกี่ยวข้องกันที่ไม่ธรรมดาละก็ เย่ชิงหานคงยิ่งกว่าได้ลาภลอย คิดได้ดังนั้นจึงพูดขึ้นต่อ
“ไปบอกกล่าวแก่น้องสาวของเ้าสักคำว่าข้าจะพาเ้าออกไปข้างนอก อย่างมากสุดไม่เกินสิบวันหรือครึ่งเดือนเดี๋ยวก็กลับมา!”
“ไม่เป็ไร เ้าไปได้อย่างสบายใจ ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่จะไม่ทำอันตรายต่อเสี่ยวเฮยอย่างแน่นอน!” ในเวลานี้ลู่ซีเองก็ส่งกระแสเสียงบอกมายังเย่ชิงหานเช่นเดียวกัน เย่ชิงหานหลอมแหวนเซียวเหยาแล้วดังนั้นลู่ซีที่อยู่ภายในแหวนเซียวเหยาจึงสามารถส่งกระแสเสียงมาหาเขาได้โดยตรงโดยที่เย่รั่วสุ่ยไม่สามารถสังเกตรู้ได้
“ตกลง!”
เย่ชิงหานได้รับการส่งกระแสเสียงทั้งจากเย่รั่วสุ่ยและลู่ซีจึงวางใจลงได้ จากนั้นพยักหน้าให้เย่รั่วสุ่ยแล้วเดินออกไปยังภายนอก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้