บรรยากาศในห้องโถงอาหารของจวนเว่ยที่ควรจะอบอวลด้วยความยินดีจากการมาเยือนของว่าที่บุตรเขยกลับกลายเป็บรรยากาศอึดอัดที่มองไม่เห็น แต่ััได้ม่ออวิ๋นเฉิน พยายามเอ่ยปากชักชวนสนทนาถ้อยคำของเขานั้นสุภาพ ลื่นไหลแต่สิ่งที่ได้รับจากเว่ยจิ้งซิน...กลับเป็เพียงคำตอบสั้น ๆ แห้งแล้งไร้รอยยิ้ม และไร้แววตาใดที่แสดงออกถึงความสนใจ
ชายหนุ่มผู้ไม่เคยถูกสตรีนางใดปฏิเสธมาก่อนใบหน้าเขายังแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มสุภาพแต่ลึกในดวงตาเริ่มมีเงาความขุ่นเคือง แม่ทัพเว่ยซ่างเทียน มองเห็นทุกอย่างอย่างทะลุปรุโปร่งแม้จะสามารถ คลุมถุงชน ลูกสาวได้ตามใจ แต่เขาก็รู้ดีว่าหัวใจของนางไม่มีใครสามารถบังคับได้ แม้กระทั่งเขาเพื่อกลบเกลื่อนความตึงเครียดที่เริ่มปะทุขึ้นเขาหัวเราะออกมาเสียงดังในที่สุด
“ฮ่า ๆ ๆ… วันนี้ช่างเป็วันดีจริง ๆ!” ทว่าแม้เสียงหัวเราะจะแผดดังไปทั่วห้องความอึดอัดก็ยังคงอยู่... แล้วจู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้สายตากวาดมองโต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เว่ยเจินหงไปไหน? เขาไม่รู้หรือว่าคุณชายม่ออวิ๋นเฉินมาเยือน? ช่างเสียมารยาทยิ่งนัก!” น้ำเสียงเริ่มกรุ่นความไม่พอใจ แม้ยังฝืนรักษามารยาทในฐานะเ้าบ้านม่ออวิ๋นเฉิน หันไปยิ้มอย่างสุภาพแต่ในรอยยิ้มนั้น... มีแววเสียดเย้ยอันแเีซ่อนอยู่
“ท่านลุง อย่าได้โกรธเคืองเลย”“บางทีท่านพี่เว่ยเจินหง อาจกำลังฝึกวรยุทธ์อยู่ ณ สถานที่ใดสักแห่ง จึงมิอาจทราบข่าวการมาของข้าได้” คำพูดนั้นหากฟังเผิน ๆ ก็ดูให้เกียรติแต่ผู้คนทั่วทั้งแผ่นดินต่างรู้กันดีว่าเว่ยเจินหงไม่เคยขึ้นชื่อในเื่วรยุทธ์แม้แต่น้อย
สายตาของแม่ทัพเว่ยซ่างเทียนฉายแววเ็าในเสี้ยววินาทีเขาย่อมรู้ดีว่าว่าที่บุตรเขยผู้นี้ แท้จริงแล้วกำลังถากถางตนอยู่ทว่าเพื่อรักษาเกียรติของตนเขาทำได้เพียงหัวเราะแห้ง ๆ ตอบกลับด้วยมารยาทตามแบบขุนนาง
“ฮ่าฮ่า... ขอเพียงหลานชายไม่ถือสาคนแก่เช่นข้า ข้าก็ดีใจมากแล้ว” แม้คำพูดจะอ่อนน้อมแต่ในใจของแม่ทัพ... เริ่มเกิดความรำคาญและไม่ชอบขี้หน้าหนุ่มผู้นี้ขึ้นมาทีละน้อย
งานเลี้ยงภายในจวนเว่ย ดำเนินมาเนิ่นนานจนแสงตะวันนอกหน้าต่างเริ่มอ่อนแรงอาหารบนโต๊ะถูกเปลี่ยนชุดแล้วชุดเล่าแต่บุคคลหนึ่งที่ควรจะปรากฏตัวกลับยังไร้เงาเว่ยเจินหงยังไม่ปรากฏตัว...แม้จะส่งบ่าวไพร่ไปตามหาทั่วทั้งจวนแต่ก็ไม่มีใครหาเขาพบราวกับเ้าตัวจงใจหลบเลี่ยง ไม่อยากพบหน้าแขกผู้มาเยือน
แม่ทัพเว่ยซ่างเทียนเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจแต่ก่อนจะได้กล่าวตำหนิลูกชายผู้ไร้มารยาทออกมาอีกเสียงของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ก็ดังขึ้น
"ท่านลุงข้าตั้งใจว่าจะอยู่ที่จวนนี้ต่ออีกสักสองสามวันเพื่อจะได้ทำความคุ้นเคยกับทุกคนให้มากยิ่งขึ้น..."
ม่ออวิ๋นเฉิน เอ่ยถ้อยคำอย่างนอบน้อมพร้อมรอยยิ้มละมุนที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีแต่ในน้ำเสียงกลับแฝงความทะเยอทะยานไว้แเี
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของแม่ทัพเว่ยซ่างเทียนก็เปลี่ยนไปทันใดจากความขุ่นเคือง... แปรเปลี่ยนเป็ความปลื้มปิติ
“ฮ่า ๆ ๆ เ้าอย่าได้คิดเล็กคิดน้อยเลย! อีกไม่นาน... จวนนี้ก็จะกลายเป็บ้านของเ้าด้วยเช่นกัน”สายตาเขาหรี่ลงเล็กน้อย ราวกับกำลังวางหมากตาต่อไปในใจ“พรุ่งนี้... ข้าจะจัดงานเลี้ยงอีกครั้ง เพื่อชดเชยความผิดพลาดในวันนี้”“และจะถือโอกาสแนะนำขุนนางคนสำคัญให้เ้ารู้จักด้วย”
คำพูดนั้นมิใช่เพียงการต้อนรับว่าที่บุตรเขยแต่ยังเป็การประกาศกลาย ๆ ว่า…"ม่ออวิ๋นเฉินผู้นี้ คือพันธมิตรแห่งอำนาจคนต่อไปของตระกูลเว่ย"
ยามราตรีคลี่คลุมทั่วทั้งจวนเว่ยหลังงานเลี้ยงอาหารค่ำสิ้นสุดลงด้วยรอยยิ้มแต่เปี่ยมไปด้วยความเงียบอันไม่อาจเอ่ยเป็ถ้อยคำม่ออวิ๋นเฉิน ว่าที่บุตรเขยผู้สูงศักดิ์ ถูกบ่าวรับใช้พามายังเรือนรับรองแขกสถานที่ซึ่งมีเพียงบุคคลทรงเกียรติเท่านั้นจึงจะได้รับสิทธิ์พักค้างคืนชายหนุ่มผู้เย่อหยิ่งปรายตามองห้องหรูตรงหน้า ก่อนจะโบกมือไล่บ่าวในจวนตระกูลเว่ยอย่างเ็า
"เ้าไปได้แล้ว ที่เหลือข้าจะให้คนของข้าจัดการเอง" น้ำเสียงเรียบเฉย แฝงด้วยอำนาจที่ไม่อาจขัดขืนเมื่อเงาร่างของบ่าวรับใช้ลับหายไปจากสายตาม่ออวิ๋นเฉินก็ดึงประตูปิดลงด้วยแรงที่เกินจำเป็
ครืน...
เสียงประตูปิดดังกึกก้องคล้ายสะท้อนแรงอารมณ์และไม่นานนักเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวก็ะเิออกมา
"อ๊ากกกกกกก!!"
"นังสตรีจืดชืดผู้นั้น!!!""นางกล้าทำตัวเ็ากับข้า ทั้งที่มีหญิงสาวทั่วทั้งแผ่นดินคลานแทบเท้าเพื่อให้ได้ใกล้ชิดข้าแท้ ๆ!!" ในยามนี้ ม่ออวิ๋นเฉิน มิได้เหลือเค้าความสำรวมของชายสูงศักดิ์อีกต่อไปแววตากร้าว แว่นเสียงบ้าคลั่ง แววเกรี้ยวโกรธอันเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตแค้นราวกับสัตว์ร้ายที่ถูกหยามศักดิ์ศรี
หากเขาคือบุรุษทองคำในสายตาผู้คนแท้จริงแล้วภายในกลับซุกซ่อนปีศาจที่พร้อมกลืนกินได้ทุกอย่างเมื่อไม่เป็ดั่งใจเสียงคำรามนั้น... ดังสะท้อนไปทั่วทั้งห้องและ ใต้เตียงไม้อันเงียบงันนั้นเว่ยเจินหง ผู้เมาหลับไร้สติเมื่อครู่…ก็พลัน สะดุ้งตื่นขึ้น ด้วยความใสุดขีด ดวงตาขุ่นมัวจากฤทธิ์สุราค่อย ๆ เบิกกว้างเขาหันซ้ายแลขวาอย่างงุนงง ก่อนจะเหลือบมองสภาพร่างตนเองที่แนบอยู่กับฝุ่นใต้เตียง
"ข้ามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร..." เขาพึมพำอย่างงุนงงก่อนที่หูจะจับเสียงคุ้นเคยจากเหนือศีรษะของตนได้อย่างชัดเจนเสียงของม่ออวิ๋นเฉิน...! ดวงตาเว่ยเจินหงเบิกโพลงในใจตื่นตระหนกอย่างรุนแรงสุราที่เขาดื่มเมื่อครู่เหมือนจะระเหยหายไปในพริบตา
"เขา... เขาอยู่ที่นี่จริง ๆ งั้นหรือ?" เสียงโทสะที่บ้าคลั่งนั่น… ไม่ใช่เสียงของผู้ดีแต่เป็เสียงของชายผู้ถูกปฏิเสธในศักดิ์ศรีและกำลังจะกลายเป็อสูรที่ไร้ซึ่งเหตุผลเว่ยเจินหงได้แต่ นอนนิ่ง เงียบสงัดไม่กล้าขยับแม้แต่น้อยกลัวว่าเพียงเสียงหายใจก็อาจดึงดูดความสนใจจากปีศาจเบื้องบนภายในห้องที่ควรจะสงบสำหรับพักผ่อนกลับมีใครบางคนซ่อนตัวอยู่
"เหอะ แม่ทัพเว่ยซ่างเทียน ช่างดูถูกพวกเรานัก!ห้องพักรับรองประสาอะไร เหม็นกลิ่นสุราไปหมด!"
เป็เสียงของหนึ่งในลูกน้องคนสนิทของม่ออวิ๋นเฉินน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ไม่ต่างจากผู้เป็นายความหยิ่งยโสและการดูิ่ฉายชัดในถ้อยคำราวกับคนที่เห็นทั้งแผ่นดินต่ำต้อยกว่าฝ่าเท้าตนม่ออวิ๋นเฉิน ไม่ตอบคำใดในทันทีเขาเพียงเดินวนในห้องอย่างคนที่กำลังครุ่นคิดขมวดคิ้ว ดวงตาแข็งกร้าว ก่อนจะเหยียดมุมปากออกช้า ๆ"คนแก่อย่างมัน ยังคิดว่าตัวเองมีค่าพอจะให้เราก้มหัวให้หรือ..."
น้ำเสียงของเขาต่ำลง ราวกับกำลังพูดกับตัวเอง...แต่ในความเงียบนั้น ใต้เตียงเว่ยเจินหง ได้ยินทุกถ้อยคำอย่างถนัดชัดเจน
ชายหนุ่มผู้ถูกมองว่าไร้ค่าของตระกูลกำลังนอนนิ่งอยู่ในเงามืด มือทั้งสองกำแน่นจนเส้นเืขึ้นปูด ในห้องที่ควรเป็เรือนรับรอง กลับกลายเป็ดั่งกับดักของพยัคฆ์ในคราบแพะเสียงฝีเท้าของม่ออวิ๋นเฉินเดินกลับมาใกล้เตียงแต่เว่ยเจินหงขบกรามแน่น กลั้นหายใจเงียบจิตใจร้อนราวเปลวเพลิง... แต่ร่างกายต้องนิ่งราวศิลา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้