ในความเป็จริง ระหว่างไป๋หลิงฮัวกับไป๋หลิงนั้นเคยเกิดเื่ราวขึ้น และนี่เป็การค้นหาจากความทรงจำของไป๋หลิง
ตอนที่ไป๋หลิงถูกผู้ชายแปลกหน้าลวนลามตอนห้าขวบ ในความเป็จริงนั้นมีสาเหตุที่มา
ไป๋หลิงฮัวในตอนนั้นอายุมากกว่าเขาเจ็ดปี และด้วยความที่พัฒนาการของเธอนั้นเร็วเกินไป ตอนที่เธออายุได้สิบสองปี ร่างกายของเธอก็เติบโตเป็สาวงามได้รูปได้สัดส่วน
ในหมู่บ้านมีชายโสดคนหนึ่ง ชื่อว่าหวงจงเป่า อายุของเขาเข้าใกล้สี่สิบกว่าแล้วแต่ยังไม่ได้แต่งงานมีภรรยาและวันๆ ก็ไม่ทำอะไร ซึ่งเขาเองก็เล็งตัวไป๋หลิงฮัวอยู่นานแล้ว
มีครั้งหนึ่งที่ไป๋หลิงฮัวเดินกลับบ้านในตอนกลางคืน หวงจงเป่าก็แอบตามหลังเธอจนถึงตอนที่ไม่มีคนแล้วอาศัยจังหวะลงไม้ลงมือกับไป๋หลิงฮัว
ชายโสดคนนั้นแม้จะััไปแค่ไม่กี่ที แต่ด้วยหน้าตาที่อัปลักษณ์และน่าเกลียด นิ้วมือที่เหลืองและมันเยิ้มพร้อมกับเนื้อตัวที่เหม็นและทุเรศจึงทำให้คนรู้สึกขยะแขยง
ไป๋หลิงฮัวในตอนนั้นยังเล็กมาก เธอจึงใจนขวัญหาย แต่พอวิ่งถึงบ้านก็ไม่กล้าบอกกับใคร
หวงจงเป่าลงมือครั้งแรกสำเร็จแล้วไม่ได้รับโทษ หลังจากได้ลิ้มรสหอมหวานทำให้ยังคงมีตัณหา เขาจึงชอบตามไป๋หลิงฮัวและมักจะหาโอกาสลงมือ
ไป๋หลิงฮัวทั้งสิ้นหวังและร้อนใจ นิสัยของเธอนั้นยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งเงียบ ต่อมาในที่สุดก็ถูกไป๋หลิงที่เด็กที่สุดรู้เข้า
ไป๋หลิงนั้นไปเจอเข้าโดยบังเอิญ เขาอายุเพียงแค่ห้าขวบทำให้ยังไม่ค่อยเข้าใจหลายเื่ แต่ก็รู้ว่านี่คือการทำอนาจารทางเพศและเข้าใจว่าหวงจงเป่านั้นทำอะไรบางอย่างไม่ดีกับไป๋หลิงฮัว
มีครั้งหนึ่งที่ไป๋หลิงฮัวพาไป๋หลิงไปโรงเรียน ตอนเดินไปถึงป่าไม้ หวงจงเป่าก็ตามมา
ไป๋หลิงฮัวใกลัวจนต้องอุ้มไป๋หลิงแล้วก็รีบสาวเท้าหนี แต่พอวิ่งไปได้ครึ่งทางก็ล้มลงพื้น เมื่อเห็นหวงจงเป่าตามมา ไป๋หลิงก็คลานลงจากตัวไป๋หลิงฮัวเพื่อให้ไป๋หลิงฮัวไปก่อน
จากนั้นเื่ราวก็อธิบายได้โดยง่าย ด้วยความที่หวงจงเป่าเป็พวกเดรัจฉาน เมื่อเห็นไป๋หลิงดูสะสวยเหมือนเด็กผู้หญิง เขาจึงลงมือกับไป๋หลิงเหมือนกัน แต่สุดท้ายก่อนที่จะถึงจังหวะคับขัน ไป๋หลิงฮัวก็พาคนกลับมา ซึ่งในหมู่บ้านนั้นค่อนข้างเกลียดชังการทำอนาจารต่อเด็ก คนที่เป็ผู้นำหลายคนถือจอบมาแล้วเฉาะเข้าที่กะโหลกของหวงจงเป่าจนแหว่งไปครึ่งหนึ่ง
เืสาดกระจายไปทั่ว เปื้อนโดนตัวไป๋หลิงกับไป๋หลิงฮัว
ทุกคนต่างก็รู้ว่าไป๋หลิงถูกลวนลามแต่กลับไม่รู้ถึงเื่ที่ไป๋หลิงฮัวเกือบจะตกสู่ชีวิตแห่งความสิ้นหวังซึ่งเื่นี้ทั้งสองต่างก็รู้ดีแก่ใจแต่ก็ไม่ได้บอกกับใคร
หร่านซวี่จือคิด นี่คงเป็หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ไป๋หลิงฮัวกับไป๋หลิงสนิทกัน
ในหมู่บ้านนี้ก็ได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมด้วย ถ้าหาก้ามุ่งเื่การเรียนคงไม่มีทางเป็ไปได้ เนื่องจากทุกคนต่างก็ไม่เคยออกจากหมู่บ้าน ไม่เคยเห็นโลกภายนอก และแน่นอนว่าจึงไม่มีแรงขับเคลื่อนในการออกไป
การเรียนสำหรับพวกเขาแล้วนับว่าจะมีก็ได้ ไม่มีก็ดี จะมีการศึกษาหรือไม่ ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงมากมายนัก
แต่ไป๋หลิงฮัวนั้นต่างจากคนทั่วไป เธอเป็ผู้หญิงที่ฉลาด เพื่อให้ไป๋หลิงได้เรียน เธอจึงยอมเดินเท้าไปหลายกิโลเมตรเพื่อยืมหนังสือของหมู่บ้านอื่น และทุกวันหลังจากทำงานเสร็จ เธอก็จะบังคับไป๋หลิงให้ทำการบ้าน
หมู่บ้านหลังเขาย่อมพบเจอกับนิสัยสันดานที่แย่อย่างคาดไม่ถึง ที่แห่งนี้ไม่มีกฎระเบียบ ไม่มีความยุติธรรม และไม่มีการให้เกียรติกัน
ไม่ว่าจะจากแง่มุมใด ไป๋หลิงก็คือคนที่มีพระคุณที่สุดของไป๋หลิงฮัว
ห้องของหวังเฉิงนั้นอับ ดังนั้นในห้องจึงร้อนอบอ้าว ทำให้หร่านซวี่จืออาบน้ำไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่นั้นล้วนแนบติดกับหลัง
“พี่หวัง ที่นี่มีพัดไหม? ” หร่านซวี่จืออดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
หวังเฉิงตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก “มีอยู่เล่มเดียว”
ขณะที่พูดอยู่นั้น หวังเฉิงก็ไปหยิบพัดข้างใต้หมอนมาหนึ่งเล่ม แล้วก็เริ่มพัด
ลมเย็นโชยมาแล้วก็ตีเข้าหน้าหร่านซวี่จือด้วย หร่านซวี่จือจึงอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าใกล้ตัวหวังเฉิงแล้วซุกศีรษะเข้าหาไหล่ของเขา และรับลมอย่างสบายใจโดยไม่ต้องพัดเอง อย่างเคลิบเคลิ้ม
หวังเฉิงใช้ฝ่ามือดันศีรษะของเขาออก “ออกไปไกลฉันหน่อย เ้าบ้า ร้อนจะตายอยู่แล้ว! ”
หร่านซวี่จือได้แต่ขยับออกมา
หวังเฉิงหลับตาหลับไปได้พักหนึ่ง พอผ่านไปครู่หนึ่งก็ลืมตาขึ้น เขามองเห็นหลังของหร่านซวี่จือนั้นเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อหยดลงจากปอยผม
“นี่ เ้ากระต่าย มานี่! ” หวังเฉิงสะกิดเขา
หร่านซวี่จือกำลังจะหลับ เขาจึงไม่ได้สนใจ
หวังเฉิงโมโหเล็กน้อยแล้ววางพัดไว้ข้างๆ บังคับตนเองนอนหลับ
ผ่านไปอีกหลายนาที หวังเฉิงก็ยอมแพ้เองแล้วลืมตาตื่นขึ้น เขาไปหยิบพัดกลับมาและยื่นแขนไปพัดให้หร่านซวี่จือ
เมื่อลมพัดเย็น หร่านซวี่จือที่นอนหลับพร้อมกับขมวดคิ้วก็คลายลง
หวังเฉิงพัดอยู่นานก็ไม่มีทีท่าว่าจะง่วง ดวงตาจดจ้องอยู่ที่ปอยผมหางเต่าด้านหลังท้ายทอยของหร่านซวี่จือ ยิ่งดูยิ่งรู้สึกว่าน่ารักอย่างแปลกประหลาดที่มันมาขึ้นอยู่บนลำคอขาวๆ
หวังเฉิงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปััผมจุกนั้น
เส้นผมนุ่มนิ่ม มีเนื้อััดีมาก
หร่านซวี่จือตื่นขึ้นแล้วเอ่ยถามด้วยความสะลึมสะลือ “...พี่หวัง? ”
หวังเฉิงสะดุ้งโหยงและชักมือกลับมา
“ร้อนจัง...” หร่านซวี่จือบ่นพึมพำพลางพลิกตัวมา แล้วซุกศีรษะเข้าหาจุดที่มือของหวังเฉิงจับพัดอยู่ จากนั้นก็เลิกเสื้อของตนเองขึ้นสูง ทำให้่เอวครึ่งหนึ่งเผยออกมาด้านนอก
หวังเฉิงจ้องใบหน้าของหร่านซวี่จือที่อยู่ใกล้แค่คืบ แล้วยังมีขวัญบนศีรษะที่กลมๆ กลับมีอะไรบางอย่างในใจที่มันเติมเต็มขึ้นมา
“นอนเถอะ” หวังเฉิงลูบท้ายทอยของหร่านซวี่จือ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ค่อยๆ พัดให้เขา
รุ่งเช้า ด้านนอกหน้าต่างมีไก่ตัวผู้ยืนอยู่และมันก็ขันเสียงดังจนปลุกหร่านซวี่จือตื่น
เมื่อลืมตาตื่น ก็เห็นใบหน้าของหวังเฉิง หวังเฉิงเองก็ลืมตาขึ้น เขาจ้องตากับหร่านซวี่จืออย่างจัง
“ปัก”
หวังเฉิงพิงไปด้านหลังทำให้ครึ่งท่อนบนกระแทกกับกำแพง ท่าทีของเขาราวกับเห็นผี
หร่านซวี่จือหาว “อรุณสวัสดิ์ครับ พี่หวัง”
น้าเซวียตื่นมานานแล้วและกำลังนวดข้าวอยู่ ใบหน้าสะสวยของหลี่เยวี่ยิ่ปรากฏขึ้นที่ข้างหน้าต่าง “พี่หวัง พี่เสี่ยวหลิง รีบลุกมากินข้าวได้แล้ว”
อาหารเช้าคือผักดองเค็ม หมั่นโถวและโจ๊ก หร่านซวี่จือนั้นกินแต่ผักดองเค็มอย่างเอร็ดอร่อย
พอกินเสร็จ หร่านซวี่จือกับหวังเฉิงก็ลงไปที่เถียงนาพร้อมกัน
ทั้งสองเก็บข้าวของเสร็จกำลังจะไป หลี่เยวี่ยิ่ก็เดินตามขึ้นมา “พี่หวัง มานี่หน่อยได้ไหม ฉันมีเื่จะคุยด้วย”
หร่านซวี่จือชะงักฝีเท้าแล้วเขาก็เดินไปคนเดียวก่อน
หลี่เยวี่ยิ่พาหวังเฉิงมาที่ต้นไม้ เธอนิ่งเงียบอยู่นานก็ไม่ได้เอ่ยปาก
หวังเฉิงคิดในใจเพียงแค่ว่าหร่านซวี่จือไม่ได้รอตนเองแล้วไปก่อน เขาจึงเกิดอาการโมโหโดยไม่มีสาเหตุทำให้น้ำเสียงไม่ดีนัก ชายหนุ่มหยิบบุหรี่ออกมาจุดบุหรี่แล้วถาม “เยวี่ยิ่ วันนี้พี่มีเื่ต้องทำเยอะ”
ความหมายก็คือ มีเื่ก็รีบพูด ถ้าไม่พูดก็จะไปแล้วนะ
หลี่เยวี่ยิ่หน้าแดงระเรื่อ จากนั้นก็หยิบยันต์คุ้มกันภัยที่เป็งานฝีมือออกมาจากกระเป๋าของตนเอง เมื่อดูแล้วก็สวยดี
“หลายวันก่อนหน้านี้ ฉันไปในเมืองกับพวกอาอวี้ เห็นบนถนนมีสอนทำอันนี้ ฉันเลยทำมาหนึ่งอัน ด้านในใส่หญ้าอ้าวฉ่าว [1] ไว้ หากพี่หวังไม่รังเกียจ ก็เอาไว้ใช้คุ้มกันภัยได้นะ”
หวังเฉิงสำรวจมองแล้วขมวดคิ้ว
หลี่เยวี่ยิ่ตื่นเต้น ฝ่ามือของเธอมีเหงื่อซึมออกมา
“เยวี่ยิ่” หวังเฉิงพ่นควันบุหรี่ออกมา “รู้จักเธอมาก็นานแล้ว เธอเป็ผู้หญิงที่ใช้ได้เลย พี่หวังก็ชอบเธอนะ แต่ขอพูดแบบเปิดอกเลยก็แล้วกัน ตอนนี้พี่มีธุระที่บ้านเยอะและพี่เองก็ยังไม่ได้คิดเื่พวกนี้”
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] อ้ายฉ่าว โกฐจุฬาลัมพาจีนหรือที่รู้จักกันในภาษาจีนว่า อ้ายฉ่าว (艾草,ài cǎo) หรือ อ้ายเย่ (艾叶,ài yè) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Artemisia argyi เป็พืชในวงศ์ทานตะวัน