บทที่ 1 ตรรกะสิ้นสุด (Logic’s End)
มิดารินหรือมีนาหญิงสาวผู้หายใจเข้าเป็ตัวเลข และหายใจออกเป็สมการแห่งประสิทธิภาพในโลกของเธอ ทุกอย่างต้องวัดผลได้ ต้องพิสูจน์ได้ และต้องคำนวณได้อพาร์ตเมนต์ของเธอจึงเป็เหมือนห้องทดลองของตรรกะขาว เทา และโลหะขัดเงาทุกเฟอร์นิเจอร์ถูกจัดเรียงตามค่าพารามิเตอร์ที่เธอคำนวณไว้ในหัวไม่มีสิ่งใดเกินจำเป็ ไม่มีสิ่งใดไร้ประโยชน์แม้แต่เสียงนาฬิกายังเดินด้วยจังหวะเที่ยงตรงพอดีกับจังหวะหัวใจของเธอ มีนาเป็วิศวกรโยธาและนักวางแผนโลจิสติกส์ระดับอัจฉริยะแห่งยุค 2025หญิงสาวผู้ได้รับฉายาว่าสมองของอนาคตในขณะที่คนอื่นมองเห็นูเา เธอมองเห็นมุมลาดและค่าความชันในขณะที่คนอื่นมองเห็นแม่น้ำ เธอมองเห็นแรงดันและอัตราการไหลชีวิตของเธอกำลังดำเนินไปตามสมการแห่งความสำเร็จ...จนกระทั่งกลิ่นนั้นปรากฏ
กลิ่นกำยานจันทน์ อ่อนโยนแต่แ่แรงพอจะกระชากอดีตกลับมา มันคือกลิ่นที่มิดาริน (มีนา) เกลียดที่สุดในชีวิต เพราะมันคือกลิ่นที่แม่ของเธอต้องได้กลิ่นในคืนนั้น คืนที่ครอบครัวแตกสลาย คืนที่ตรรกะพ่ายแพ้ให้กับความงมงาย
"พ่อ"
อาจารย์จักร ชายชราผู้เป็บิดานั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟาL-Shape สีเทามันเงาของเธอ มันเป็ภาพที่ขัดแย้งกับทุกสมการในห้องเพนต์เฮาส์แห่งตรรกะนี้ ราวกับภาพวาดโบราณที่ถูกตัดแปะลงบนนิตยสารสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ เขาคือความผิดพลาดในระบบที่สมบูรณ์แบบของเธอ ชายชราอยู่ในชุดผ้าไหมสีมอซอ ที่ไม่ได้แปลว่ายากจน แต่แปลว่าผ่านการใช้งาน มาอย่างโชกโชน ชายผ้าไหมนั้นซับเหงื่อและคราบน้ำมันว่านที่แห้งกรังจนขึ้นเงาจางๆ
รอบคอของเขาไม่ใช่สร้อยทองแต่คือ เครื่องรางนับสิบ ไม่ใช่แค่พระเครื่องแต่มันคือ ของขลัง ตะกรุดทองคำที่ถักด้วยด้ายแดงคล้ำจนสีเกือบดำ เขี้ยวเสือโคร่งกลวงที่บรรจุผงอาถรรพ์ ลูกประคำงาช้างที่ดำสนิทเพราะไอพลังที่สวดเสกมาทั้งชีวิต พวกมันกระทบกันเบาๆ... กริ๊ก...กริ๊ก...... เสียงเดียวที่กล้าทำลายความเงียบในห้องที่ปลอดเชื้อของเธอ
แต่ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด...คือสิ่งที่อยู่ใต้ร่มผ้า
รอยสักยันต์ มันไม่ใช่แค่หมึกแต่มันคือพันธสัญญา อักขระขอมโบราณสีดำเข้มเลื้อยพันเกี่ยวแขนขาและลำคอยันต์เก้ายอดบนต้นคอพยัคฆ์คู่ที่หน้าอกหนุมานคลุกฝุ่นที่แผ่นหลังทั้งหมดนั้นราวกับฝูงสัตว์ร้ายในป่าหิมพานต์ที่ถูกจองจำไว้ใต้ิัที่เหี่ยวย่นรอวันที่จะถูกปลดปล่อย
ในสายตาของมีนา...มันคือความป่าเถื่อน ในสายตาของคนอื่นมันคือความศักดิ์สิทธิ์ นี่คือคนที่โลกของเธอเรียกว่างมงายที่สุด แต่ในโลกของเขา เขาคือปรมาจารย์...ผู้มองเห็นสิ่งที่คนปกติมองไม่เห็นและเขาจะเห็นสิ่งที่ไม่ควรจะถูกเห็นชายชราเหลือบตามองบุตรสาวคนเดียวที่กำลังเก็บของอยู่ ดวงตาของเขานั่นคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด มันไม่ใช่ดวงตาของคนแก่ที่ฝ้าฟาง...แต่มันลึกจนไร้ก้นบึ้ง เ็าและอ่านทะลุ เขาไม่ได้มอง มีนาในชุดทำงานที่แสนฉลาด เขามองเห็นเงาดำที่เกาะกุมรอบตัวเธอมองเห็นเคราะห์ ที่กำลังก่อตัวเป็พายุอยู่ไกลโพ้น...มองเห็น ด้ายแดงแห่งชะตากรรมที่กำลังจะขาดสะบั้น
เขารับรู้ความไม่พอใจของเธอที่เห็นเขานั่งอยู่ในห้อง ความรังเกียจที่ชัดเจนในแววตาของลูกสาว ที่มองเขาเหมือนตัวประหลาด แต่เขาเลือกที่จะไม่สนใจสีหน้านั้น เพราะสิ่งที่เขากำลังจะพูด สำคัญกว่าความรู้สึกของเด็กโง่คนหนึ่งที่เชื่อมั่นในตัวเลข เขาเอ่ยขึ้นมาเบาๆ น้ำเสียงนั้นแหบพร่า...แต่กลับก้องกังวานราวกับดังมาจากบ่อน้ำลึก...ทิ่มแทงทุกตรรกะของเธอ
“ป่าอเมซอน...” เขาเอ่ย น้ำเสียงแหบพร่าจากการสวดมนต์มาทั้งชีวิต
“ที่นั่น เ้าที่แรง”
มีนารูดซิปกระเป๋าเดินทางแน่น เธอไม่เงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำ
“หนูกำลังจะไปคำนวณฐานรากสะพานค่ะ ไม่ได้ไปเจรจากับเ้าที่”
เสียงของเธอเรียบเย็นดังเครื่องจักร เธอไม่จำเป็ต้องเก็บอารมณ์เมื่อคุยกับเขา ซึ่งก็เป็เช่นนี้มานานหลายปี…ั้แ่ตอนนั้นที่แม่ของเธอจากไป
“ธรณีวิทยาคือข้อมูล ไม่ใช่สิ่งลึกลับ”
“มันไม่เหมือนกัน มีนาลูก...”
เขามองเห็นสิ่งที่เธอมองไม่เห็น เงาสีดำรอบร่างลูกสาวพวกมันนิ่งแต่มีชีวิตและเขารู้ดีว่าพวกมัน รอเวลาในดวงตาของอาจารย์จักร ไม่มีลูกสาวอีกต่อไป มีเพียงเปลวเทียนกลางพายุ ที่กำลังสั่นไหวใกล้ดับและสิ่งที่รายรอบเธอ ไม่ใช่ิญญา แต่คือกรรมกรรมที่ไม่มียันต์ใดในโลกต้านได้ เคราะห์นี้ถูกเรียกมาด้วยความอวดดีที่กล้าท้าทายสิ่งที่มองไม่เห็นและเธอกำลังจะจ่ายราคาที่เกินกว่าตัวเลขใดจะคำนวณได้ เขาเพ่งพลังจิตทั้งหมด ขับกระแสอาคมเพื่อขับไล่เงาดำนั้น
แต่พวกมันกลับแค่สั่นไหวก่อนจะยิ้มเยาะเหมือนดูมนุษย์ฝืนลิขิต์อาจารย์จักรหลับตาแน่น เขารู้ว่าเขาไม่อาจห้ามได้เมื่อกรรมจะมาถึงอย่างไรก็มา เขาหยิบตะกรุดโทนสีดำจากโต๊ะบูชาเครื่องรางของครูบาอาจารย์ที่ไม่มีวันถ่ายทอดต่อให้ใครของแรง ของแท้ ของต้องห้าม ของจริง!!
“พื้นที่นั้นอันตราย” เขาเอ่ยเสียงเข้ม
“นี่คือของที่ดีที่สุด ปลุกเสกไว้คุ้มครองชีวิต...”
คำสุดท้ายแ่ลงในใจ ‘กันความตาย...’
“กันผีสางเหรอคะ?”
มีนาแค่นหัวเราะ เธอยกคิ้วราวกับกำลังฟังเื่ตลก
“สิ่งที่หนูต้องกันคือมาลาเรีย แบคทีเรีย แล้วก็งบประมาณที่บานปลายค่ะ”
เธอหยิบแล็ปท็อปขึ้นมาจัดเรียงเอกสาร
“วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ วัคซีนพิสูจน์ได้ แต่อาคมของพ่อ... แค่หลอกคน”
เสียงตวาดของพ่อดังลั่นห้อง
“มีนา! ลูกคือทายาท พลังนั้นอยู่ในตัวลูก ถึงหนีมัน แต่มันไม่เคยหนีลูก!”
คำพูดนั้นจุดประกายบางอย่างในใจเธอความทรงจำที่เธอพยายามกลบมาทั้งชีวิต
ภาพของแม่ปรากฏขึ้นในหัวหญิงสาวยุคใหม่ ผมยาวประบ่า ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดร่างนั้นกำลัง อุ้มลูกสาววัยแปดขวบที่ตัวร้อนเป็ไฟร้องไห้ในอ้อมแขน
“จักร! ลูกชักแล้ว! พาแกไปโรงพยาบาลเถอะ!”
แต่พ่อในวันนั้นกลับนั่งนิ่ง จุดธูป ท่องคาถา รดน้ำมนต์เสียงของเขาเ็า
“นี่คืออาถรรพ์ ไม่ใช่ไข้ หมอมันรักษาของไม่ได้!”
เธอเห็นแม่คนนั้นคนที่สอนให้เธอคิดและเชื่อในเหตุผลทรุดลงกอดลูกทั้งน้ำตา ก่อนที่หลายปีต่อมาตอนที่เธอเริ่มจำความได้แม่จะหิ้วกระเป๋าเดินออกจากบ้าน น้ำตาอาบแก้มและเอ่ยเพียงประโยคเดียว
“มีนา... ถ้าวันหนึ่งลูกต้องเลือกระหว่างเหตุผลกับความงมงาย จงเลือกเหตุผล เลือกสิ่งที่จริงเท่านั้น”
วันนั้นมีนาได้คำตอบแล้วว่าความศรัทธาพังครอบครัวลงได้อย่างไรเธอสะบัดหน้าไล่ภาพเ่าั้ออกไป แต่ความโกรธกลับพุ่งขึ้นแทน
“หนูเกลียดมัน!” เธอตวาดเสียงสั่น
“หนูเกลียดของขลังของพ่อ!”
อาจารย์จักรไม่ขยับ เขายื่นตะกรุดในมือให้ลูกสาวอีกครั้งแววตาเขาเต็มไปด้วยความหวังสุดท้าย
“รับไว้เถอะลูก มันจะช่วยลูกได้...”
มีนาจ้องมันเหล็กม้วนสีดำเก่าๆ ถักด้วยด้ายขมุกขมัวที่ดูไร้ค่าแต่ขณะเดียวกัน เธอกลับรู้สึกขนลุกโดยไร้เหตุผล
“มันก็แค่โลหะชิ้นหนึ่ง...” เธอบอกตัวเอง
“เธอไม่รู้เลยว่า สิ่งที่พ่อพยายามปกป้องกำลังรอรับเธออยู่อีกฟากหนึ่งของความตาย”
มีนาไม่เห็นแววตาสิ้นหวังของบิดา เธอไม่รับรู้ถึงมวลอากาศที่หนักอึ้งราวกับูเาถล่มลงกลางห้องนั่งเล่นของเธอ
"หนูต้องไปแล้วค่ะ" เธอกระชากกระเป๋าเป้แล็ปท็อปขึ้นสะพาย
"เครื่องขึ้นสี่ทุ่ม หนูไม่อยากจะสาย"
เธอเดินไปที่ประตู ไม่หันกลับมามอง
"ดูแลของของพ่อให้ดีเถอะค่ะ"
ปัง!
ประตูอพาร์ตเมนต์ปิดลง ทิ้งไว้เพียงความเงียบและชายชราที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา วินาทีที่บานประตูผนึกสนิท ร่างของอาจารย์จักรก็ทรุดฮวบเขากระอักไอออกมาครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ไอเพราะโรคภัยแต่ไอเพราะพลังย้อนกลับตะกรุดที่ตกอยู่บนพื้นหินอ่อนนั้นบัดนี้ไร้ค่าเงาทมิฬที่เคยเกาะกุมรอบตัวมีนาบัดนี้ได้ผสานเข้ากับร่างของนางโดยสมบูรณ์แล้ว พวกมันได้เหยื่อที่มัน้าแล้ว
"สายเกินไปแล้ว" เขากระซิบเสียงแหบโหย
***
